ชัวร์ก่อนแชร์ : ให้สุนัขกินตับมากอันตราย จริงหรือ ?

ชัวร์ก่อนแชร์ : ให้สุนัขกินตับมากอันตราย จริงหรือ ?


ชัวร์ก่อนแชร์ : ให้สุนัขกินตับมากอันตราย จริงหรือ ?

บนสังคมออนไลน์มีการแชร์ว่า การให้สุนัขกินตับมากจะเป็นอันตราย วิตามินเอสะสมจนเป็นพิษ ทำให้สุนัขซึม เบื่ออาหาร เจ็บขาเวลาเดิน ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร ติดตามกับ คุณพีรพล อนุตรโสตถิ์ จากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

🎯 ตรวจสอบกับ ผศ.สพ.ญ.ดร. อุตรา จามีกร
ภาควิชาสัตวบาล คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
🔎 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย ณัฐี วัฒนกูล

-----------------------------------------------------

📌 สรุป : แชร์ได้ อธิบายเพิ่ม

Q : การให้สุนัขกินตับมากเกินไป
จะทำให้เกิดอันตรายได้จริงมั้ย ?
A : ถ้าให้ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาพอสมควร
ก็ถือว่าสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ในภายหลัง

Q : มีหลายปัจจัยที่การให้กินตับมากอาจเป็นอันตรายต่อสุนัขได้ ?
A : เขาบอกว่าตับมีวิตามินเอสูงมาก
หากสะสมในร่างกายมากเกินไปจะเป็นพิษต่อสุนัขได้
ค่อนข้างจะจริงนะ
ตับไก่ร้อยกรัมก็จะมีวิตามินเออยู่ประมาณ 10,000 I.U.
ในขณะที่ถ้าเป็นตับหมูก็จะมีอยู่ประมาณ 21,000 I.U.
ซึ่งถ้าเทียบกับความต้องการวิตามินเอของน้องหมาน้องแมวเนี่ย
ก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 - 110 I.U. ต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว
พูดง่าย ๆ ถ้าเลี้ยงน้องหมาน้ำหนัก 10 กิโลกรัม
ก็จะต้องการวิตามินเอเพียงแค่ประมาณ 1100 I.U.
ในขณะที่ถ้าให้ตับไก่ 100 กรัมก็มีแล้ว 11000 I.U.
เท่ากับมากกว่าความต้องการไปแล้ว 10 เท่า
แต่ว่าการที่จะทำให้เกิดภาวะความเป็นพิษเนี่ย
สัตว์จะต้องได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
เช่น หลาย ๆ เดือนหรือว่าได้รับครั้งเดียวมาก ๆ
ซึ่งการจะออกอาการเนี่ยมันจะอยู่ในช่วงว่าได้รับเกินตั้งแต่
100 เท่าถึง 1000 เท่าขึ้นไป
สัตว์ถึงจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติของความเป็นพิษของวิตามินเอ

Q : พอได้รับวิตามินเอมากเกินไป
เขาบอกว่าจะส่งผลให้สุนัขมีอาการซึม
น้ำหนักลดและเบื่ออาหาร ?
A : เวลาสัตว์เลี้ยงของเราถ้าเขาเริ่มมีความผิดปกติอะไรก็แล้วแต่
อาการที่เจ้าของจะเริ่มสังเกตได้ อันนี้เป็นอาการโดยภาพรวม
ก็คือซึม น้ำหนักตัวลด เรียกไม่ค่อยมา ทานอาหารลดลง
เพราะฉะนั้นอาการนี้จริง ๆ แล้วเป็นอาการร่วม
ไม่ได้เป็นอาการที่จะชี้จำเพาะว่าถ้าสัตว์มีอาการเหล่านี้แล้ว
แปลว่าเขาจะมีภาวะความเป็นพิษจากวิตามินเอที่ได้รับมากเกินไป

Q : ถัดมาเขาบอกว่าจะทำให้ขนและผิวหนังของสุนัขหยาบกร้าน ?
A : อันนี้ก็จะเริ่มมีความจำเพาะเจาะจงกับความเป็นพิษของวิตามินเอมากยิ่งขึ้น
คือจะมีความผิดปกติของผิวหนัง
อาจจะมีการหนาตัว มีการลอก หรือว่าที่เรียกว่าหยาบกร้านก็ได้
ทีนี้พอสัตว์ป่วยเนี่ย ขนหรือสภาพเส้นขนมันก็จะไม่เป็นมันเงา
มันก็จะเป็นในทางตรงกันข้าม
อันนี้ก็ถือว่าเป็นจริง

Q : นอกจากนี้เขาบอกว่าจะทำให้สุนัขเดินแล้วเจ็บขาอีกด้วย ?
A : ความเป็นพิษของวิตามินเอเนี่ยมันจะไปออกอาการที่ข้อ
อาจจะทำให้เขารียกว่าเกิดอาการข้อแข็ง
การขยับเขยื้อนมันอาจจะทำได้โดยลำบาก
แล้วก็มีอาการเจ็บขา อันนี้ก็เป็นความจริง
แต่อย่างที่บอกอาการพวกเนี้ยเขาเรียกว่าไม่ได้เป็นอาการที่จำเพาะเจาะจง
อาจจะเป็นเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้อยากให้เจ้าของระวังไว้
เดี๋ยวเกิดเป็นพวกข้ออักเสบแล้วน้องไม่ยอมลุกขึ้นเดิน
แล้วจะกลายเป็นว่าเราก็ไม่ได้ให้กินตับ
ทำไมถึงมีภาวะวิตามินเอเป็นพิษ

Q : เขาบอกว่าสำหรับลูกสุนัข
การให้กินตับมากเกินไปอาจทำให้ลูกสุนัขแคระแกรนได้จริงรึเปล่า ?
A : ลูกสุนัขหรือไม่ว่าจะเป็นสุนัขที่โตเต็มที่แล้ว
ถ้าเมื่อไหร่ที่เราได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุลก็สามารถทำให้เกิดความผิดปกติ
ในกรณีนี้ที่เป็นความผิดปกติจากการได้รับวิตามินเอมากเกินไป
คือวิตามินเอเป็นวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน
ถ้าร่างกายได้รับมากเกินไปก็จะไปรบกวนการดูดซึม
วิตามินที่ละลายในไขมันชนิดอื่น ๆ เช่นวิตามินดี
ซึ่งตรงนี้ ทั้งโดยตัววิตามินเอที่มากเกินไป
รวมไปถึงอาจจะไปเหนี่ยวนำให้ขาดวิตามินดี
ก็จะเป็นสาเหตุร่วมที่จะทำให้เกิดความผิดปกติของพัฒนาการของกระดูก
อาจจะทำให้ผิดรูปร่างหรือว่าลูกสุนัขมีอัตราการเจริญเติบโตช้าลง
หรือมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ

Q : คำแนะนำเรื่องปริมาณของตับที่ให้สุนัขกิน ?
A : ถ้าปกติมีอาหารมื้อหลักที่เป็นอาหารสำเร็จรูปซึ่งผลิตอย่างมีมาตรฐาน
ภายใต้การควบคุม หรือมีการขึ้นทะเบียนทางกฎหมาย
ถ้ากินอาหารพวกนี้เนี่ย ไม่ควรให้เสริมมาก
เพราะในอาหารสำเร็จรูปพวกนี้จะมีปริมาณของวิตามินเออยู่
เพียงพอกับความต้องการของสัตว์แล้ว
เพราะฉะนั้นการให้ตับเสริมเนี่ยคือให้ได้ในปริมาณที่ไม่เยอะมาก
แล้วก็ไม่ได้ให้ทุกวัน หรือว่าไม่ควรให้เป็นอาหารมื้อหลักในปริมาณมาก ๆ

Q : สรุปแล้ว เรื่องให้สุนัขกินตับมากจะเป็นอันตราย ที่เขาแชร์กันนี้เป็นยังไง ?
A : ถามว่าจริงมั้ยจริง แต่ว่ามันมาภายใต้เงื่อนไขอื่น ๆ
ไม่ใช่ว่ากินตับแล้วต้องวิตามินเอเป็นพิษเสมอไป
มันจะมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นน้ำหนักตัว ความสม่ำเสมอ
ความถี่ ความสด วิธีการในการปรุง
อันนี้เป็นปัจจัยอื่นที่ต้องมีผลด้วย

👉 สารอาหารทุกชนิดมีปะโยชน์
แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโทษได้

#ชัวร์ก่อนแชร์ #sureandshare
-----------------------------------------------------

🎯 หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์” 🎯
LINE | @SureAndShare หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40sureandshare
FB | https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter | https://www.twitter.com/SureAndShare
IG | https://instagram.com/SureAndShare
Website | http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok | https://www.tiktok.com/@sureandshare

ข่าวค่ำ | สำนักข่าวไทย อสมท | ช่อง 9 MCOT HD เลข 30 | http://www.tnamcot.com


Content

0 -> บนโซเชียลมีการแชร์ว่า ให้สุนัขกินตับมากจะเป็นอันตรายเพราะมีวิตามินเอสูง
4.84 -> ทำให้สุนัขซึม เบื่ออาหาร เดินแล้วเจ็บขา
7.4 -> ส่วนลูกสุนัขอาจจะแคระแกรนได้
9.16 -> หืม! ชัวร์เหรอ
15.08 -> เรื่องนี้ถ้าจริงก็น่าตกใจและควรรีบบอกเตือนกันครับ
17.92 -> แต่ก่อนจะแชร์ต่อต้องเช็กให้ถูกชัวร์
19.56 -> ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท
22.36 -> สอบถามกับอาจารย์ที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
26.72 -> การให้สุนัขกินตับมากเกินไป
28.32 -> จะทำให้เกิดอันตรายได้จริงมั้ยครับ
30.16 -> ถ้าให้ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาพอสมควร
33.84 -> ก็ถือว่าสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ในภายหลังค่ะ
39.28 -> เขาบอกว่าตับมีวิตามินเอสูงมาก
41.44 -> หากสะสมในร่างกายมากเกินไปจะเป็นพิษต่อสุนัขได้
44.64 -> ค่อนข้างจะจริงนะคะ
45.8 -> ตับไก่ร้อยกรัมก็จะมีวิตามินเออยู่ประมาณ 10,000 I.U.
50.44 -> ในขณะที่ถ้าเป็นตับหมูก็จะมีอยู่ประมาณ 21,000 I.U.
53.8 -> ซึ่งถ้าเทียบกับความต้องการวิตามินเอของน้องหมาน้องแมวเนี่ย
57.36 -> ก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 - 110 I.U. ต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว
62.52 -> พูดง่าย ๆ ถ้าเลี้ยงน้องหมาน้ำหนัก 10 กิโลกรัม
65.24 -> ก็จะต้องการวิตามินเอเพียงแค่ประมาณ 1100 I.U.
69.08 -> ในขณะที่ถ้าให้ตับไก่ 100 กรัมก็มีแล้ว 11000 I.U.
73.48 -> เท่ากับมากกว่าความต้องการไปแล้ว 10 เท่า
75.76 -> แต่ว่าการที่จะทำให้เกิดภาวะความเป็นพิษเนี่ย
78.28 -> สัตว์จะต้องได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
81.32 -> เช่นหลาย ๆ เดือนหรือว่าได้รับครั้งเดียวมาก ๆ
84.56 -> ซึ่งการจะออกอาการเนี่ยมันจะอยู่ในช่วงว่าได้รับเกินตั้งแต่
88.68 -> 100 เท่าถึง 1000 เท่าขึ้นไป
91.68 -> สัตว์ถึงจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติของความเป็นพิษของวิตามินเอ
95.6 -> พอได้รับวิตามินเอมากเกินไป
97.32 -> เขาบอกว่าจะส่งผลให้สุนัขมีอาการซึม
99.12 -> น้ำหนักลดและเบื่ออาหาร จริงรึเปล่าครับ
101.72 -> เวลาสัตว์เลี้ยงของเราถ้าเขาเริ่มมีความผิดปกติอะไรก็แล้วแต่
105.16 -> อาการที่เจ้าของจะเริ่มสังเกตได้ อันนี้เป็นอาการโดยภาพรวม
108.64 -> ก็คือซึม น้ำหนักตัวลด เรียกไม่ค่อยมา ทานอาหารลดลง
112.2 -> เพราะฉะนั้นอาการนี้จริง ๆ แล้วเป็นอาการร่วม
114.4 -> ไม่ได้เป็นอาการที่จะชี้จำเพาะว่าถ้าสัตว์มีอาการเหล่านี้แล้ว
117.56 -> แปลว่าเขาจะมีภาวะความเป็นพิษจากวิตามินเอที่ได้รับมากเกินไป
121.8 -> ถัดมาเขาบอกว่าจะทำให้ขนและผิวหนังของสุนัขหยาบกร้าน
125.24 -> อันนี้ก็จะเริ่มมีความจำเพาะเจาะจงกับความเป็นพิษของวิตามินเอมากยิ่งขึ้น
129.56 -> คือจะมีความผิดปกติของผิวหนัง
131.24 -> อาจจะมีการหนาตัว มีการลอก หรือว่าที่เรียกว่าหยาบกร้านก็ได้
135.44 -> ทีนี้พอสัตว์ป่วยเนี่ย ขนหรือสภาพเส้นขนมันก็จะไม่เป็นมันเงา
139.36 -> มันก็จะเป็นในทางตรงกันข้าม
140.84 -> อันนี้ก็ถือว่าเป็นจริงค่ะ
142.36 -> นอกจากนี้เขาบอกว่าจะทำให้สุนัขเดินแล้วเจ็บขาอีกด้วย
145.4 -> ความเป็นพิษของวิตามินเอเนี่ยมันจะไปออกอาการที่ข้อ
148.84 -> อาจจะทำให้เขารียกว่าเกิดอาการข้อแข็ง
150.44 -> การขยับเขยื้อนมันอาจจะทำได้โดยลำบาก
153 -> แล้วก็มีอาการเจ็บขา อันนี้ก็เป็นความจริง
155.56 -> แต่อย่างที่บอกอาการพวกเนี้ยเขาเรียกว่าไม่ได้เป็นอาการที่จำเพาะเจาะจง
159.56 -> อาจจะเป็นเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้อยากให้เจ้าของระวังไว้
162.56 -> เดี๋ยวเกิดเป็นพวกข้ออักเสบแล้วน้องไม่ยอมลุกขึ้นเดิน
165.76 -> แล้วจะกลายเป็นว่าเราก็ไม่ได้ให้กินตับ
168.28 -> ทำไมถึงมีภาวะวิตามินเอเป็นพิษ
170.12 -> และเขาบอกว่าสำหรับลูกสุนัข
171.92 -> การให้กินตับมากเกินไปอาจทำให้ลูกสุนัขแคระแกรนได้จริงรึเปล่าครับ
176.12 -> ลูกสุนัขหรือไม่ว่าจะเป็นสุนัขที่โตเต็มที่แล้ว
179.04 -> ถ้าเมื่อไหร่ที่เราได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุลก็สามารถทำให้เกิดความผิดปกติ
183.36 -> ในกรณีนี้ที่เป็นความผิดปกติจากการได้รับวิตามินเอมากเกินไป
186.4 -> คือวิตามินเอเป็นวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน
189.12 -> ถ้าร่างกายได้รับมากเกินไปก็จะไปรบกวนการดูดซึม
192.12 -> วิตามินที่ละลายในไขมันชนิดอื่น ๆ เช่นวิตามินดี
194.88 -> ซึ่งตรงนี้ ทั้งโดยตัววิตามินเอที่มากเกินไป
197.48 -> รวมไปถึงอาจจะไปเหนี่ยวนำให้ขาดวิตามินดี
200.64 -> ก็จะเป็นสาเหตุร่วมที่จะทำให้เกิดความผิดปกติของพัฒนาการของกระดูก
204.84 -> อาจจะทำให้ผิดรูปร่างหรือว่าลูกสุนัขมีอัตราการเจริญเติบโตช้าลง
208.76 -> หรือมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติค่ะ
210.68 -> อาจารย์ให้คำแนะนำเรื่องปริมาณของตับที่ให้สุนัขกินครับ
213.48 -> ถ้าปกติมีอาหารมื้อหลักที่เป็นอาหารสำเร็จรูปซึ่งผลิตอย่างมีมาตรฐาน
218 -> ภายใต้การควบคุม หรือมีการขึ้นทะเบียนทางกฎหมาย
221.52 -> ถ้ากินอาหารพวกนี้เนี่ย ไม่ควรให้เสริมมาก
224.16 -> เพราะในอาหารสำเร็จรูปพวกนี้จะมีปริมาณของวิตามินเออยู่
227.28 -> เพียงพอกับความต้องการของสัตว์แล้ว
229.16 -> เพราะฉะนั้นการให้ตับเสริมเนี่ยคือให้ได้ในปริมาณที่ไม่เยอะมาก
232.96 -> แล้วก็ไม่ได้ให้ทุกวัน หรือว่าไม่ควรให้เป็นอาหารมื้อหลักในปริมาณมาก ๆ
238.6 -> ดังนั้นสรุปแล้ว เรื่องให้สุนัขกินตับมากจะเป็นอันตราย ที่เขาแชร์กันนี้เป็นยังไงครับ
242.92 -> ถามว่าจริงมั้ยจริง แต่ว่ามันมาภายใต้เงื่อนไขอื่น ๆ
246.68 -> ไม่ใช่ว่ากินตับแล้วต้องวิตามินเอเป็นพิษเสมอไป
250.28 -> มันจะมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นน้ำหนักตัว ความสม่ำเสมอ
253.44 -> ความถี่ ความสด วิธีการในการปรุง
256.32 -> อันนี้เป็นปัจจัยอื่นที่ต้องมีผลด้วย
258.76 -> สารอาหารทุกชนิดมีปะโยชน์
260.32 -> แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโทษได้
263.52 -> ควรให้สัตว์เลี้ยงกินแต่พอดีนะครับ
265.28 -> พบกับชัวร์ก่อนแชร์ Membership
266.68 -> พื้นที่ใหม่ที่ให้คุณเรียนรู้ ตรวจสอบ
268.56 -> ถามตอบ สนับสนุน และใกล้ชิดกันมากขึ้น
270.8 -> พบกันที่YouTube ชัวร์ก่อนแชร์นะครับ
272.6 -> ยังมีอีกหลายเรื่องน่าสงสัยบนสังคมออนไลน์
274.88 -> หากได้รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อ
276.56 -> ร่วมตรวจสอบไปด้วยกันกับ ชัวร์ก่อนแชร์
281 -> รู้สึกดีค่ะแล้วก็สนุก
283.12 -> ได้รู้จักการตรวจสอบข้อมูลข่าวปลอม
285.52 -> แล้วก็รู้จักข่าวปลอมมากขึ้น

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=_8UdtvWR3k4