
รีวิว Audi e-tron Sportback 55 Quattro รถไฟฟ้าตัวแรง แต่ยังขาดบางอย่าง
รีวิว Audi e-tron Sportback 55 Quattro รถไฟฟ้าตัวแรง แต่ยังขาดบางอย่าง
Autospinn คลิปนี้มาพบกับ Audi e-tron Sportback 55 quattro S line เอสยูวีทรงสปอร์ตคูเป้ สมรรถนะสูง ทรงพลัง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (electric quattro) มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ให้พละกำลังสูงสุดถึง 300 กิโลวัตต์ หรือ 408 แรงม้า ระยะทางวิ่งสูงสุด 463 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง มีราคาจำหน่ายที่ 5,299,000 บาท
00:00 Intro
01:05 Exterior \u0026 Interior
06:25 Test drive
08:50 Drive Mode
12:00 ขับรถยนต์ไฟฟ้าขึ้น-ลงเขา
16:53 สรุปข้อดี - ข้อเสีย
#audi #etronsportback #evcar
Content
64.8 -> วันนี้เรามาอยู่กับรถยนต์ไฟฟ้าหนึ่ง 100 % จากทาง AUDI กับคันนี้เลย
69.16 -> Audi e-tron Sportback 55 คันนี้เลย
72.52 -> เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV รูปทรงแบบ Fastback แบบนี้
76.48 -> ท้ายลาดคันใหญ่ๆเบิ้มๆแบบนี้เลย
78.96 -> เรามาดูกันว่ารถคันนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างไปชมกัน
232.96 -> Audi e-tron Sportback 55
234 -> จุดเด่นของเขานั่นคือดีไซน์ภายนอกของเขา ที่มีความเป็น
237.08 -> SUV สไตล์สปอร์ตเป็นอย่างยิ่ง
239.08 -> ขนาดของตัวรถ เรียกได้ว่าใหญ่ เบิ้มๆแบบนี้เลย
242.2 -> ลายเส้นหลังคาของเขาเรียกได้ว่า
243.92 -> ลาดไปจดด้านท้ายของตัวรถได้อย่างอ่อนช้อยสวยงาม และขนาดของตัวรถ
247.8 -> เรียกได้ว่าใหญ่ใกล้เคียงกับ Porsche Cayenne Coupe ทีเดียวไฟหน้าของตัวรถ
251.72 -> เป็นไฟหน้าแบบ Matrix LED light เอกสิทธิ์ของทาง AUDI
255.24 -> ไฟสูงไฟต่ำอัตโนมัติพร้อมไฟส่องเข้าโค้งให้ด้วย
258.04 -> ส่วนไฟท้ายของเขาก็เป็นไฟท้ายแบบ LED
260.12 -> เต็มระบบ ดีไซน์แบบลากยาวมาเลย
262.48 -> จากด้านซ้ายจดด้านขวาก็เรียกได้ว่าเป็น DNA ของ
265.36 -> AUDI เลยแถมเขามีไฟเลี้ยวแบบ Sequential มาให้ด้วย
268.24 -> อันบอกเลย พิมพ์นิยมสมัยยุคนี้เลย
270.72 -> อ่ะเดี๋ยวเรามาดูด้านหลังกันหน่อย
272.4 -> ด้านหลังบอกเลยว่าที่เก็บของ
274.28 -> เหลือเฟือเลยที่เก็บของด้านหลัง
277.6 -> ใหญ่โตมโหฬารมีที่บังสายตามาให้ครบครัน
281.28 -> แถมมีช่องเก็บของด้านล่างอีกแล้วก็ตัวนี้เด็ดมากๆ
285.12 -> มียางอะไหล่ให้ด้วย น่ารักมากๆ
288.04 -> แล้วก็มีที่เก็บของตรงนี้ด้วยใส่พวกรองเท้า
291.28 -> หรือของที่มีกลิ่นสามารถซ่อนไว้ในนี้ได้ด้วย
294.4 -> ไม่เพียงแต่เท่านั้นด้านหน้าของเขาก็มีช่องเก็บของด้านหน้าที่เรียกว่าฟรังค์
297.68 -> มาให้ด้วยซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 60 ลิตรเลยทีเดียว
300.52 -> สามารถใส่สายฉุกเฉินได้ถึงสองเส้นด้วยกัน
303.16 -> ดีไซน์ภายในของ Audi e-tron Sportback 55 คันนี้ก็ Sport
306.04 -> สมชื่อเขาเลยพวงมาลัยเป็นพวงมาลัยแบบท้ายตัดแบบนี้เลย
309.96 -> หุ้มหนังเรียกได้ว่าพรีเมียมมากๆแล้วก็จับถนัดกระชับมือ
313.6 -> พวงมาลัยไฟฟ้าตัวนี้บอกเลยใช้ง่ายแล้วก็คมมากๆด้วย
317.36 -> เบาะนั่งก็เป็นเบาะนั่งแบบ Sport เต็มขั้นเลยมีปีกด้านข้าง
321.48 -> เวลาสาดโค้งแรงๆก็ไม่ต้องกลัวตัวจะหลุดออกจากเบาะและอีกจุดหนึ่งที่ผมชอบเลย
326.16 -> นั่นคือหน้าจอของเขาที่ให้มาแบบจัดเต็มมากๆเลย
329.36 -> หน้าจอของผู้ขับขี่ก็เป็นหน้าจอสีที่แบบว่าคมชัดมากๆแล้วก็สีสันสดใส
334.32 -> เปิดดูแผนที่ในหน้าจอนี้ก็ได้แล้วก็หน้าจอตรงกลาง
337.6 -> มีสองส่วนด้วยกันด้านบนจะเป็นหน้าจอ Infotainment
340.88 -> บอกข้อมูลการขับขี่รวมถึงแผนที่ด้วยก็จะอยู่ในตัวนี้
344.32 -> ส่วนระบบปรับอากาศเขาจะแยกหน้าจอมาอยู่ด้านล่างตรงนี้
347.84 -> ซึ่งข้อดีของหน้าจอของ AUDI
350.28 -> เขาไม่ใช่จอทัชสกรีนธรรมดาแต่เขาจะเป็นจอทัชสกรีนแบบสามมิติ
354.24 -> เหมือนกับที่เราใช้ในไอโฟนเลยที่ปกติเวลาเราทัช
357.6 -> ก็จะเป็นฟังก์ชั่นหนึ่งใช่ไหมแต่พอเรากดเข้าไป ตึ๊บ
360.64 -> ก็จะเป็นอีกฟังก์ชั่นหนึ่งอันถือว่าดีมากๆ เลย
363.4 -> สมมุติผมกดเข้าปุ่มคาร์ก็แตะเข้าไปได้เลยแบบนี้
366.24 -> ถ้ากดเฉยๆ เขาไม่ไปนี่กดเฉยๆ ไม่ไป
369 -> ต้องจิ้มเข้าไปเลย นี่เป็นไง
371.88 -> สัมผัสเด้งมือมากๆเลย
373.6 -> แล้วก็ตรงปรับอากาศก็เหมือนกันจะเป็นจอประเภทเดียวกันเลย
376.84 -> เวลาจะกด ปรับอะไรก็แล้วแต่เพิ่มพัดลม ลดพัดลม
380.6 -> เห็นไหม จิ้มๆเข้าไปได้เลยอัน ถือว่าดีมากๆ
383.12 -> เหมือนเราใช้ iphone เลย ในส่วนของการทดสอบขับขี่
386.72 -> Audi e-tron Sportback 55
389.2 -> ผมมีโอกาสทดสอบขับขี่มาต่างจังหวัด
391.72 -> ขับเดินทางไกลกันเลยเรื่องรถไฟฟ้า ขับในเมือง
394.96 -> อันหาดูกันง่ายอยู่แล้ว แล้วก็แน่นอนอยู่แล้ว
398.08 -> รถไฟฟ้าขับในเมืองเหนือกว่าทุกยานพาหนะที่มี ณ
401.2 -> ตอนนี้แต่จุดอ่อนของเขาคือการขับทางไกล
404.32 -> ทีเราก็เลยมาลองกันในส่วนของ Audi e-tron Sportback 55
406.84 -> คันนี้การขับขี่เดินทางไกลบอกเลยว่า
409.2 -> ว่าตอบโจทย์มาก ตัวรถเอาตั้งแต่เรื่องของท่านั่งก่อนเลย
413.52 -> ตัวเบาะนั่งเขาเป็นเบาะนั่งทรงสปอร์ต
415.64 -> แล้วก็ตัวปีกเบาะเขามีการโอบรับบอดี้
418.28 -> ของเราทั้งด้านซ้ายและด้านขวาทําให้เวลาเราขับด้วยความเร็ว
422 -> เวลาเข้าโค้งแรงๆตัวเรา จะไม่หลุดจากเบาะ
424.52 -> อันนี้ผมลองโยกให้ดู เห็นไหม
426.6 -> ค่อนข้างกระชับมากๆ ผมถือว่าดีมากๆ
429.68 -> แล้วก็ตัวเบาะปรับเป็นระบบไฟฟ้า
431.6 -> อยู่แล้ว อันนี้ก็เรื่องปกติ ตัวทัศนวิสัย
434.28 -> โดยรวมของตัวรถ กระจกบังลมขนาดค่อนข้างใหญ่
437.16 -> ตัวกระจกมองข้างขนาดใหญ่ทําให้เวลามอง
440.48 -> เรามองได้ง่ายแล้วก็กระจกหลัง
442.84 -> ก็ตัดแสงด้วยอันดีมากๆ
445.2 -> ก็คือฟังก์ชันพื้นฐานของตัวรถในเรื่องของการขับขี่
448.44 -> ส่วนของมุมมองโอเค ผมว่าท่าตรงท่านั่งอะไรโอเค
451.68 -> คอนโทรลกลางไม่เบียดขาอันนี้ดีมากเลย
454.72 -> นั่งสบายมากแล้วก็จุดสัมผัสต่างๆของเขา
457.72 -> จะสอดรับกับสรีระของเราได้ดีตรงที่เราเอาศอกวาง
461.32 -> เขาจะบุนุ่มหมดเลย อันดีมาก
463.8 -> ถัดมาในส่วนของพวงมาลัยตัวนี้พวงมาลัยของเขาเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า
467.16 -> น้ําหนักเบามากควบคุมได้ง่ายเอานิ้วสองนิ้วก็ขับรถได้
471.52 -> เอาจริงๆแล้วก็พอขับด้วยความเร็ว
473.92 -> พวงมาลัยก็จะเริ่มมีน้ําหนักมากยิ่งขึ้นทําให้เราควบคุมรถได้ง่าย
476.92 -> ในช่วงความเร็วต่ำแม้ว่าตัวรถจะมีขนาดที่ใหญ่มากๆ
480.92 -> ความยาวถึง 4.9 เมตรเลยทีเดียวขนาดเขาก็คือระดับเดียวกับ Cayenne
486.16 -> แต่ตัวรถแน่นอนพอเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า
488.68 -> ก็เลยควบคุมได้ง่ายราคา 5.3 ล้าน
491.56 -> ก็ต้องให้มาระดับแหละเรื่องขับสบาย หายห่วง
494.36 -> ถัดมาในเรื่องของพละกําลังพละกําลังของ Audi e-tron Sportback 55
497.88 -> เขาใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 408 แรงม้า
500.88 -> แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตรเลยทีเดียวเรื่องอัตราเร่ง
504.12 -> หายห่วงอยู่แล้วเร่งแซงสบาย กดแซงใคร
507.32 -> บนถนน เรียกได้ว่า ชิว
509.88 -> อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเร็วสูงสุดได้ถึง 5.7 วินาทีเท่านั้นเอง
514.88 -> บนตัวรถขนาดใหญ่ขนาดนี้น้ําหนัก 2.6 ตัน
518.36 -> บอกเลย แรงมากๆ แต่ถ้าเราขับเร็ว
521.96 -> แน่นอน รถยนต์ไฟฟ้าระยะทางการขับขี่ของเขาค่อนข้างจํากัด
525.8 -> ขับเร็ว ขับแรง ซัดระดับบูสโหมดอย่างเดียว
529.32 -> ไฟนี้รถฮวบๆเลยเพราะฉะนั้นเขาก็เลยมี
532.08 -> โหมดการขับขี่มาให้เลือกปรับกันเราก็กดตรงกลางนี่
536.32 -> หน้าจอตรงนี้ก็จะขึ้นมา มีโหมดให้เลือก 7 โหมด
539.32 -> ซึ่งโหมดที่เหมาะสําหรับการขับขี่ทางไกลผมแนะนำเป็นโหมด Efficiency
545.08 -> เขาจะปรับช่วงล่างปรับช่วงล่างลง
547.6 -> ให้อยู่ในระดับสองซึ่งการปรับช่วงล่างลง
550.08 -> ทําให้รถมี Aero Dynamic ที่ดียิ่งขึ้น
552.64 -> ส่วนความนุ่มนวลของเขาก็ยังถือว่าทําได้ดีอยู่
555.4 -> อีกจุดหนึ่งในโหมดการขับขี่
557.84 -> นอกจากเป็นการปรับช่วงล่างแล้วเขาจะปรับคันเร่งด้วย
561.48 -> คันเร่งของเขาจะมีความหน่วงมากยิ่งขึ้น
564.08 -> อย่างตอนผมใช้โหมด Efficiency คันเร่ง เวลากด
567.72 -> จะไม่ได้พุ่งปู๊ด ออกไปกดครึ่งหนึ่ง
570.64 -> รถจะค่อยๆไหลออกอยู่แต่ถ้าเกิดบทจะเร่งแซง
574.04 -> ก็คือกดสุดก็ยังเร่งแบบเต็มกําลังได้
577.24 -> อันนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีของตัวรถเขาที่ค่อนข้าง Flexible
581.28 -> อีกโหมดการขับขี่ที่ผมอยากแนะนำเลยคือโหมด Dynamic
585.44 -> ด้านข้างกลายเป็น เลยคือสายซิ่ง นั่นเอง
588.8 -> อัน แตะคันเร่งทีหนึ่ง เขาจะพุ่ง
591 -> มาเร็วขึ้นเยอะ แล้วก็ตัวบูสโหมด
594.56 -> เขาจะทํางานโดยอัตโนมัติจากปกติ ที่เราใช้
597.68 -> โหมดอื่นๆเราต้องกดเข้าไปที่ ตัวเกียร์ S
600.68 -> เขาถึงจะบูสให้อันนี้ก็ไม่ต้องเลย
603.16 -> เป็นอัตโนมัติของเขาอีกโหมดหนึ่งก็คือตัว Offroad
606.92 -> พอเป็นโหมด Offroad ตัวรถเขาจะยกช่วงล่างขึ้น
610.4 -> ให้สูงขึ้นมาเป็นเลเวลสี่เลยก็ด้วยความที่เขาเป็นช่วงล่างถุงลมไฟฟ้า
614.84 -> เขาเลยปรับสูงต่ำได้จะทําให้ตัวรถสูงขึ้นอย่างชัดเจน
618.64 -> เวลารูดหลุมท่อเบาะอะไรพวกนี้ก็คลายความกังวลได้เยอะแต่โหมด Offroad
623.2 -> เขาจะปิดระบบความปลอดภัยออกไปก็คือ Traction Control นั่นเอง
627.76 -> อันนี้ก็เหมาะสําหรับเวลาเราเอาไปลุยหน่อยแต่ถามว่าถ้าเกิดเอามาขับทางดําแบบนี้
632.92 -> ขับทางเรียบเดินทางไกลแนะนำเลย Efficiency
636.24 -> เพราะยังไงแล้วช่วงล่างของตัวรถสูงตัวรถ
639.04 -> ระดับต่ําสุดของเขาก็ยังถือว่าค่อนข้างสูงกว่ารถเก๋งทั่วๆไป
643.68 -> ก็เพียงพอต่อการเดิน อยู่แล้วก็โดยสรุปแล้ว
646.6 -> ตัวช่วงล่างของเขาสามารถปรับได้หลายรูปแบบ
649.84 -> ไม่ว่าจะเป็นแบบเตี้ยๆสไตล์รถ Sport หรือจะยกสูงสไตล์แบบรถ SUV
653.44 -> เอสยูวี ก็ปรับได้หมดเลย
655.72 -> แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพื้นฐานของตัวรถเขา
657.92 -> เขาเป็นรถ เอสยูวี ยังไงแล้วถึงจะปรับเตี้ยยังไง
661.04 -> ก็ยังสูงอยู่ ซึ่งข้อดีของก็คือ
663.64 -> ลุยได้เยอะ ถัดมา มาถึงในส่วนของ อีกหนึ่งฟีเจอร์ ที่จะช่วยให้
668.4 -> การขับขี่ของคุณง่ายมากยิ่งขึ้น กับการใช้ Paddle Shift
671.8 -> เพื่อเพิ่ม อัตราการปั่นไฟ ถามว่าเอาไปทําไม
675.84 -> เพราะว่าเวลาเราขับรถขับแบบรถติดๆอย่างงี้
679.32 -> ปกติแล้วเราก็ต้องรอกดเบรกกันใช่ไหมแต่อันไม่ต้อง
683.04 -> เราก็กด เพิ่มเข้ามาตัวรถก็จะเพิ่มแรงหน่วง
687.6 -> เวลาเราจะเบรกอย่างปกติ
689.64 -> เราเอาเท้ามารอเบรกใช่ไหมอันนี้ก็ไม่ต้อง
691.92 -> สมมุติว่าข้างหน้าเราเห็นแล้วว่าระยะเราจะต้องชะลอรถแล้วก็ต้องเลี้ยวแล้ว
695.88 -> เราก็ยกคันเร่ง แล้วก็ใส่ Paddle Shift ลบเข้าไป ตัวรถก็จะหน่วงลง
699.68 -> เห็นไหมอันก็มีประโยชน์กับเวลาเราขับลงเนิน
703.28 -> ลงเนิน ก็กดตัว ลบ ลบลบ ลบ ลบ เข้ามา
706.56 -> รถก็จะไหลลงเนินด้วยความเร็วที่ช้าลงเรื่อยเรื่อยแล้วเราก็ได้ปั่นไฟกลับด้วย
711.72 -> อันถือว่าดีเยี่ยมมากๆเลยโดยตัว Paddle Shift ของเขา
715.32 -> สามารถปรับลดได้ถึงสองระดับเป็นการเลือกระดับการปั่นไฟกลับนั่นเอง
720.12 -> และตอนนี้ก็เข้ามาสู่ในเส้นทางธรรมชาติ
723.12 -> เป็นการขับขึ้นลงเขาเดี๋ยวเรามาดูกันว่า
725.52 -> รถคันนี้ขับแล้วเป็นอย่างไรนี่ช่วงล่าง
728.28 -> เริ่มรูดลูกระนาดและเห็นได้ว่ามีความนุ่มนวลที่ค่อนข้างมากเลย
732.24 -> เวลาเจอลูกระนาด ก็สบายสบายเลย
734.52 -> ขึ้นแบบเนียนๆนุ่มๆไม่มีแบบตึงตังมาในรถเลย
737.84 -> อันนี้ถือว่าดี อ่ะต่อไป
739.64 -> เราจะเริ่มขึ้นเขากันแล้วโหมดที่ผมใช้ ก็ยังคงเป็น Efficiency
742.48 -> อยู่เหมือนเดิม อ่ะเดี๋ยวเรามาดูกัน
745.36 -> เรื่องกําลังของตัวรถพูดกันตรงๆเลย อันนี้
748.52 -> ไม่มีผลอยู่แล้วเพราะรถ
750.88 -> 408 แรงม้าเหลือมากๆ
753.04 -> แรงบิด 660 เรียกได้ว่า ไม่มีรอรอบ
756.28 -> ยิ่งเป็นรถไฟฟ้าด้วย กดปื๊ด
758.96 -> ก็ขึ้นได้สบายมากเลย นี่ขับรถไฟฟ้า ขึ้นเขา
763.48 -> ถ้าให้ผมพูดตรงๆเลยน่ะง่ายกว่ารถน้ํามัน
766.44 -> เพราะว่าตัวรถไฟฟ้าเขาเขาไม่ต้องรอรอบ
769.16 -> แล้วเกียร์เขาก็มีอยู่เกียร์เดียวกําลังสูงสุดของเขา
772.28 -> ก็มาตั้งแต่เราแตะคันเร่งอยู่แล้วเวลากดขึ้นไป ปื๊ด ปื๊ด ปื๊ด
775.44 -> ต้องขึ้นได้ตลอด
777.36 -> อย่างตรงเป็นเนินยาวเลยขึ้นยาวก็ไม่มีปัญหา
783.08 -> จังหวะเร่งแซง ชิว เรื่องของการเกาะถนน
788.64 -> ตัว ถือว่าทําได้เยี่ยมมากๆเลย
791 -> ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ํามาก
793.92 -> แล้วเราสามารถ ปรับได้ด้วยเราจะเอารถเตี้ย รถสูง
796.76 -> เราเลือกจาก ตรง การโหมดขับขี่ได้เลย
799.28 -> ซึ่งก็จะมีผลต่อการขับในเส้นทางแบบนี้ด้วยคือถ้าเราเลือกโหมด
804 -> ให้รถอยู่ต่ําต่ําแน่นอน cg
806.2 -> รถก็ยิ่งต่ําลงเพราะว่าตัวแบตเตอรี่
808.36 -> ที่เขาอยู่ใต้ท้องรถมีน้ําหนักที่ค่อนข้างมาก
810.84 -> แบตเตอรี่ ช่วยให้ cgของรถต่ําลงด้วย แล้วพอเรา
814.48 -> ให้รถเตี้ยลงอีก ทีละ ก็คือ รถ Sport
817.76 -> ที่เป็นแบบ ทรงใหญ่ นั่นเองอันนี้พูดแบบ
820.92 -> ไม่ได้อวย แต่ว่าขับง่ายมาก ขึ้นเนิน
824.6 -> ก็กดไปไต่ ชิว ชิว เลยไม่ต้องรอรอบอะไร
827.64 -> ไม่ต้องลุ้นด้วย แหละคือรถไฟฟ้า
830.12 -> Audi e-tron Sportback 55 ถือว่าเป็นรถที่สิ่งดีๆมีรอบตัว
834.84 -> แต่ก็ยังมีสิ่งที่น่าเสียดายอยู่นั่นคือเรื่องของระบบอํานวยความสะดวกในการขับขี่
839.56 -> อย่าง Adaptive Cruise Control , Lanekeep
842.48 -> สองตัวหลักๆไม่มีมาให้ในรถรุ่นนี้
845.44 -> อันนี้ก็ถือว่าค่อนข้างน่าเสียดายมากๆเพราะว่าสองฟังก์ชันนี้
849.28 -> ช่วยทําให้การขับขี่ทางไกลสะดวกมากยิ่งขึ้น
852.24 -> แต่ถ้าเกิดใส่มาด้วย ผมว่าเพิ่มเงินสักสามถึงสี่แสนบาท
856.2 -> จะน่าสนใจมากยิ่งขึ้นนี้ในส่วน
858.2 -> การขับรถยนต์ไฟฟ้าลงทางชันหรือลงเขาผมบอกเลย
863.08 -> เรื่องเป็นเรื่องสําคัญมากๆเพราะว่าถ้าอย่างเวลาเราใช้รถน้ําหรือรถสันดาบ
868.36 -> โดยเฉพาะรถที่เป็นเกียร์แบบเกียร์ ซีวีที
871.36 -> เราจะเจอปัญหาเรื่องของเบรกไหม้กันเยอะแต่รถยนต์ไฟฟ้า
875.44 -> เราลืมเรื่องนั้นไปก่อนเพราะว่ารถไฟฟ้า
877.88 -> เราสามารถชะลอความเร็วด้วยมอเตอร์อ่ะ
879.8 -> นี่อย่างที่ผมกําลังทําอยู่ก็คือเราใช้
883.24 -> เพื่อเพิ่มกําลังการปั่นไฟกลับนั่นเองทําให้ตัวรถ
886.6 -> เขาชะลอความเร็วตอนนี้ผมถอนเท้าออกจากเบรก
889.08 -> เห็นได้ว่ารถ ก็ชะลอความเร็วเรื่อยๆเลย
892.92 -> อยู่ในความเร็วที่ต่ํามากแล้ว อะ
894.56 -> โอเค ผมปล่อยให้ไหลนิดนึง
896.6 -> อันนี้เขาเป็นทางลาดอยู่แล้วเดี๋ยวต่อไป
898.76 -> ก็ลงเนินอีกลงยาวเลย
900.84 -> ผมปล่อยไหลเลยนี่ปล่อยไหลเลย
902.84 -> Audi e-tron Sportback 55 คันนี้ ถ้าเราไม่เปิดหน่วง
907.2 -> หรือกด มาขาลบ เขาก็จะไหลลงไปเรื่อยๆอย่าง
910.32 -> งี้ เลยเหมือนกําคลัตช์เหมือนเหยียบคลัตช์เลย
912.2 -> กลับมา ดึงกลับ อะ ก็ชะลอลงเห็นไหมฮะ อะ ชะลอลงเรื่อยๆ
917.44 -> เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่จําเป็นต้องใช้เบรก
920.44 -> จะไปปุ๊บก็ปลดออกแล้วปล่อยรถไหลไป นี่
923.64 -> แล้วแถมได้ปั่นไฟกลับด้วย ไงก็อารมณ์เหมือนขับรถน้ําแล้วเราไม่ต้องใช้น้ํา
928.56 -> แล้วไหลลงไปเรื่อยอันนี้ก็เหมือนกัน
930.64 -> ขับไหลลงมาเรื่อยก็ไม่ต้องใช้ไฟเพราะว่าไม่ต้องเร่งอะไร
933.96 -> แถมได้ปั่นไฟกลับด้วยอย่างตอน
935.56 -> รถกําลังปั่นไฟกลับ เห็นไหมฮะทางลาดลงไป ปึ๊บ อ่า ตรงนี้
939.24 -> ทางตรงก็ปล่อยไป ไหลไป ง่ายไหมง่าย บอกเลย รถไฟฟ้า
943.44 -> ขับขึ้นลงเขา ง่ายกว่ารถเยอะมาก เยอะมากๆ
947.92 -> ไม่ต้องกังวลเรื่องเบรกไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนอะไรที่จะเกิดขึ้นเลย
951.64 -> เรียกได้ว่ามีแต่ได้กับได้
953.84 -> ขับรถไฟฟ้าขึ้นลงเขาขาขึ้นก็ กินไฟหน่อย
957.56 -> แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องกําลังขึ้นได้สบายมากอยู่แล้ว
960.28 -> แต่ขาลง แหมเราก็ใช้ประโยชน์จากแรงโน้มถ่วงของโลก
963.88 -> มาปั่นกลับเข้ามาเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่
967 -> เอาไว้ให้เราขับรถต่อนั่นเองอันแหละ
969.64 -> คือจุดแข็งของรถยนต์ไฟฟ้าในส่วนของพวงมาลัย
972.88 -> ก็ต้องขอชื่นชม พวงมาลัยพวงมาลัยไฟฟ้า
975.4 -> น้ําหนักเบามากหมุนเพียงรอบเดียว
978.72 -> สุดแล้ว ทําให้เรา
980.64 -> ควบคุมรถได้ง่ายเวลาขับในทางเขา บอกเลย
983.64 -> สนุกมาก เพราะว่าตัวรถ นอกจากจุดศูนย์ถ่วง
986.96 -> ที่ต่ํามากแล้ว พวงมาลัย ก็มีความคมมาก
990.32 -> ด้วย พวงมาลัย ของ Audi e-tron Sportback 55
993.24 -> ผมมองว่า คมมากๆ เข้าโค้ง เรียกได้ว่า
996.24 -> สั่งได้ดั่งใจ หันไปทางไหน ไปทางนั้นเลย
998.64 -> ไม่มีอาการ ฟรีอาการหน่วงให้เห็นเลย
1001.08 -> อันถือว่าดีมากมาก คือเขา ขับสนุก Audi e-tron Sportback 55
1005 -> ตัวนี้ แม้จะเป็น suvดูแบบทรงพ่อบ้านๆหน่อย
1008.4 -> แต่แหม่ถ้าเกิดเป็นสายซิ่งผมบอกเลยถูกใจทุกคนแน่นอน
1011.8 -> ในส่วนของการและแบตเตอรี่ของ Audi e-tron Sportback 55
1015.2 -> คันนี้ขนาดแบตเตอรี่เขาอยู่ที่ 95 กิโลวัตต์
1018.96 -> แล้วก็รองรับการ แบบดีซี สูงสุดอยู่ที่ 150 กิโลวัตต์
1023 -> AC อยู่ที่ 11 กิโลวัตต์จากการทดสอบของเรา
1025.96 -> แบตเตอรี่ต่อหนึ่ง เขาจะขับได้ระยะทางสูงสุด
1029.4 -> อยู่ที่ 460 กิโลเมตรแต่ถ้าระยะทางที่แนะนำให้ใช้งานเลย
1033.2 -> จะช่วง 300-400 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ
1036 -> อันถือว่าสามารถขับขี่ได้อย่างสบายๆเลยจุดเด่นของรถคันนี้เลย
1040.44 -> ที่ผมมองว่าเป็นจุดแข็งมากมากเลยของ Audi e-tron Sportback 55
1044 -> นั่นคือความเร็วในชาร์จการแบตเตอรี่ สเป็คการชาร์จ
1047.32 -> ของเขา อยู่ที่สูงสุด DC 150 กิโลวัตต์ก็จริง
1050.92 -> แต่ Hilight ของเขาเลยก็คือตั้งแต่ช่วง 80% - 100%
1055.04 -> ซึ่งส่วนใหญ่รถยนต์ไฟฟ้ามักจะลดความเร็วในการชาร์จลง
1058.6 -> ส่วนใหญ่ จะอยู่ระดับ 10-30 กิโลวัตต์โดยส่วนใหญ่เลย
1061.92 -> แต่ Audi e-tron Sportback 55 คันนี้ยังคงสามารถรับไฟฟ้าได้สูงถึง 50-60 กิโลวัตต์เลยทีเดียว
1067.52 -> แม้กําลังอยู่ระดับ 80%-100%
1070.72 -> กระทั่งกําลังอยู่ที่ 96%-100%
1073.96 -> เขาก็ยังรับไฟได้มากถึง 50 กิโลวัตต์เลยซึ่งความเร็วระดับนี้
1077.48 -> เทียบเท่ากับความเร็วสูงสุดของรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นเลยทีเดียวอันนี้ถือเป็น Hilight สําคัญมากๆ
1082.12 -> ของ Audi e-tron Sportback 55 เลยผมเอามาชาร์จ
1084.92 -> ที่ความจุประมาณ 49% แล้วก็ไปทานข้าว
1088 -> ทานข้าวไม่เสร็จเลย รถชาร์จเสร็จก่อนต้องมาเลื่อนรถออกก่อน
1091.28 -> อันนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีมาก สําหรับเรื่องการชาร์จ
1094.32 -> เร็วของ Audi e-tron Sportback 55 แล้วสําหรับท่านที่มองหารถสักคัน
1098.84 -> ที่เอาไว้ใช้งานแบบทั้งเดินทางในเมืองขับขี่เดินทางไกล
1102.2 -> เอาไปท่องเที่ยวด้วยเอาว่าเป็นรถแบบคันเดียวจบ
1105.12 -> ใช้งานในทุกรูปแบบ Audi e-tron Sportback 55
1107.96 -> ตอบโจทย์ท่านอย่างแน่นอนแต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบรถแบบดูทรงครอบครัวหน่อย
1112.4 -> เอาเป็นแบบท้ายตัด ไม่เอาแบบทรงซิ่งแบบนี้
1115.76 -> เขาก็มีเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งเป็น Audi e-tron 55
1118.44 -> รุ่นปกติตอนนั้นจะเป็นท้ายตัด
1120.48 -> สเปคต่างๆจะคล้ายกันแต่ตัวรถจะเป็นแบบทรงกล่องใหญ่ๆ
1124.36 -> อันนั้นก็จะดู โอ่โถงขึ้นดูใหญ่ขึ้น
1127.08 -> ในราคาที่ถูกกว่ารุ่น Sportback อีกเล็กน้อยด้วย
1129.4 -> ก็โดยสรุปแล้ว สําหรับ Audi e-tron Sportback 55
1132.48 -> คันนี้ผมขอแบ่งเป็นจุดเด่นกับจุดด้อยและกัน
1135.16 -> จุดเด่นของเขา นั่นคือปริมาณแบตเตอรี่ของเขา
1138.04 -> ที่ค่อนข้างเยอะเขามีความจุแบตเตอรี่
1140.4 -> มากถึง 95 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียวถือว่าเป็นรถที่ให้ปริมาณแบตเตอรี่
1144.72 -> ที่เยอะมากๆอีกหนึ่งจุดถัดจากเรื่องของปริมาณแบตเตอรี่
1148 -> นั่นคือความเร็วในการชาร์จที่เขาชาร์จได้เร็วมากๆและ
1151.8 -> แม้ว่าเราจะมีความจุแบตที่สูงแล้วถึง 80% จาก 80%
1155.56 -> ไป 100% เขาก็ยังได้เร็วมากๆอยู่
1157.96 -> อีกหนึ่งจุดนั่นคือเรื่องของพละกําลัง
1160.12 -> พละกําลังของเขาเรียกได้ว่ามหาศาลมากๆเลย
1163.12 -> พละกําลังแรงม้าของเขาสูงถึง 408 แรงม้า
1165.76 -> แรงบิดสูงสุดถึง 660 นิวตันเมตรเหลือกินเหลือใช้มากๆเลย
1169.12 -> เรียกได้ว่าขับไปเส้นไหนก็ได้เจอได้หมด
1171.8 -> รถคันนี้แรงมากๆส่วนช่วงล่างก็ถือว่าเป็นช่วงล่างที่นุ่มนวลมากๆ
1175.84 -> สามารถปรับได้ทุกรูปแบบการใช้งานเลยไม่ว่าคุณจะเป็นคนชอบความนุ่มหรือชอบความ Sport
1180.08 -> ก็ปรับได้หมดเพราะเขาเป็นช่วงล่างแบบถุงลมไฟฟ้า
1183.8 -> ก็ปรับได้ทุกการใช้งานเลยทีเดียวห้องโดยสารก็มีขนาดที่ใหญ่
1187.52 -> อันนี้ถือว่าดีจุดด้อยของเขา
1189.8 -> นั่นคือเรื่องของเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่เขาไม่มี Adaptive Cruise Control มาให้ เขาไม่มี Lanekeep
1195.44 -> มาให้ซึ่งสองฟังก์ชันนี้
1197.52 -> ผมมองว่าควรจะเป็นฟังก์ชันพื้นฐานและสําหรับรถยนต์ไฟฟ้า
1201.92 -> ระดับสามล้านบาทขึ้นไปสองฟังก์ชัน
1203.96 -> ผมว่าควรมีมาให้ซึ่งก็โอเคแหละว่า
1206.84 -> ถ้าเกิดใส่มาให้ในรถคันนี้ราคาอาจจะเพิ่มขึ้นไปอีกหลายแสนบาท
1210.64 -> บาทแต่พอรถราคาระดับ 5 ล้านบาทแล้ว
1213.64 -> ใส่อีกสองฟังก์ชันนี้เข้ามาเราเพิ่มเงินอีกสักประมาณ10%
1216.96 -> ผมมองว่าผู้สนใจเขาไม่เดือดร้อนอย่างแน่นอน
1219.48 -> เพราะว่าทําให้รถขับสบายมากยิ่งขึ้น
1222.68 -> แล้วก็อีกหนึ่งจุดด้อยแม้ว่ารถคันนี้
1224.76 -> จะให้ปริมาณแบตเตอรี่มาเยอะมากถึง 95 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงแต่เขาค่อนข้างจะบริโภคพลังงานไฟฟ้าเยอะสักนิดหนึ่ง
1231.64 -> โดยอัตราการบริโภคพลังงานไฟฟ้าของเขาจะอยู่ที่
1234.2 -> 20 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงต่อหนึ่งร้อยกิโลเมตร
1236.76 -> ซึ่งความเร็วที่ผมขับเดินทางมาอยู่ที่ระดับ 90 กิโลเมตร
1240.16 -> ชั่วโมงตามสภาพการจราจรปกติเลย
1242.52 -> ซึ่งโดยทั่วๆไปแล้วที่พบเห็นได้บ่อยๆ
1245.44 -> เขาจะบริโภคพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่15-18 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงต่อหนึ่งร้อยกิโลเมตรเท่านั้นเองอันนี้ก็เรียกได้ว่าซดไฟเพิ่มกว่านิดหนึ่ง
1252.76 -> แต่ก็แลกมาด้วยกับพละกําลังแรงม้าแรงบิดที่มหาศาลกว่ามากๆแล้วก็ขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่าเยอเลยอันนี้ก็ถือว่าหักล้างกันไป
1261.44 -> แล้วก็อีกหนึ่งจุดที่เขาหักล้างไปได้นั่นคือความเร็วในการชาร์จที่เขาชาร์จได้เร็วมาก
1266.44 -> ท่านใดที่ชื่นชอบคลิปนี้ก็อย่าลืมกดกดแชร์กดติดตาม Autospinn ในทุก
1269.64 -> ช่องทางด้วยวันนี้กระผมเน็กขออนุญาตลาไปก่อน
1271.68 -> พบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดี
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=-EP8hlYKbZE