
พระเวสสันดรชาดก (ฉบับสมบูรณ์)
พระเวสสันดรชาดก (ฉบับสมบูรณ์)
เรื่องพระเวสสันดรชาดก อ่านจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยมีภาพประกอบจากครูเหม เวชกร ภาพตามผนังอุโบสถต่างๆ และสมุดภาพอื่นๆอีกหลายเล่ม
#พระเวสสันดร
#เทศน์มหาชาติ
Content
157.76 -> พระศาสดาทรงยังธรรมจักรอันบวรให้เป็น
ไปแล้ว เสด็จสู่กรุงราชคฤห์โดยลำดับ
165.617 -> ประทับอยู่ ณ กรุงราชคฤห์นั้น ตลอดเหมันตฤดู
มีพระอุทายีเถระ เป็นมัคคุเทศก์
173.963 -> พระขีณาสพสองหมื่นแวดล้อม เสด็จจน
ถึงกรุงกบิลพัสดุ์ เป็นการเสด็จครั้งแรก
181.501 -> ศากยราชทั้งหลาย ประชุมกันด้วยคิดว่า
พวกเราจักได้เห็นสิทธัตถะกุมารนี้
189.501 -> ผู้เป็นพระญาติอันประเสริฐของพวกเรา
192.655 -> เลือกหาสถานที่เป็นที่ประทับ
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
197.27 -> ก็กำหนดกันว่า ราชอุทยานของ
นิโครธศากยราช น่ารื่นรมณ์
203.77 -> จึงทำพิธีปฏิบัติจัดแจงทุกอย่าง
ในนิโครธารามนั้น
210 -> ถือของหอมดอกไม้ จุลณะเป็นต้นรับเสด็จ
213.846 -> ส่งทารก ทาริกาชาวเมือง ที่ยังหนุ่มๆ
ประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวงไปก่อน
222.192 -> แต่นั้นจึงส่งราชกุมารีไป เสด็จไปเองใน
ระหว่างราชกุมาร ราชกุมารีเหล่านั้น
231.691 -> บูชาพระศาสดาด้วยดอกไม้ ของหอม
และจุลณะ เป็นต้น
237.729 -> พาเสด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
ไปสู่นิโครธารามนั้นแล
243.421 -> พระผู้มีพระภาคเจ้า
มีพระขีณาสพสองหมื่นแวดล้อม
249.69 -> ประทับนั่ง ณ บวรพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้
ในนิโครธารามนั้น
255.382 -> กาลนั้น เจ้าศากยะทั้งหลาย เป็นชาติถือตัว
กระด้าง เพราะถือตัวคิดกันว่า
264.959 -> สิทธัตถะกุมารนี้เด็กกว่าพวกเรา เป็นน้อง
เป็นภาคิไนย เป็นบุตร เป็นนัดดา ของพวกเรา
274.228 -> คิดฉะนี้แล้ว จึงกล่าวกะ
ราชกุมารที่ยังหนุ่มๆ เหล่านั้นว่า
279.459 -> เธอทั้งหลาย จงไหว้พระผู้มีพระภาคเจ้า
พวกเราจักนั่งเบื้องหลังพวกเธอ
286.651 -> เมื่อเจ้าศากยะเหล่านั้น ไม่อภิวาท
พระผู้มีพระภาคเจ้า นั่งกันอยู่อย่างนี้
294.997 -> พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบอัธยาศัย
ของเจ้าศากยะเหล่านั้น
300.92 -> จึงทรงดำริว่า พระญาติทั้งหลายไม่ไหว้เรา
เอาเถิด เราจักยังพระญาติเหล่านั้นให้ไหว้
310.535 -> ทรงพระดำริฉะนี้แล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน
อันเป็นบาทแห่งอภิญญา
316.573 -> จำเดิมนั้นก็เสด็จขึ้นสู่อากาศ
เป็นดุจโปรยละอองธุลีพระบาท
ลงบนเศียรแห่งพระญาติเหล่านั้น
326.303 -> ทรงทำปาฏิหาริย์เช่นกับ ยมกปาฏิหาริย์
ณ ควงไม้คันฑามพฤกษ์
333.149 -> กาลนั้น พระเจ้าสุทโธทนะมหาราช
ได้ทอดพระเนตรเห็นอัศจรรย์นั้น จึงตรัสว่า
341.849 -> "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ในวันเมื่อพระองค์ประสูติ
346.502 -> เมื่อพระพี่เลี้ยง เชิญพระองค์เข้าไปใกล้
เพื่อให้นมัสการ ชฎิลชื่อ กาฬเทวละ
355.154 -> ข้าพระองค์ก็ได้เห็นพระบาททั้งสอง
ของพระองค์ กลับขึ้นไปตั้งอยู่
ณ ศีรษะแห่งพราหมณ์
362 -> ข้าพระองค์ก็ได้กราบพระองค์
นี้เป็นการกราบของข้าพระองค์ ครั้งแรก
368.73 -> ในวันวัปปมงคลแรกนาขวัญ เมื่อพระองค์
บรรทม ณ พระยี่ภู่อันมีสิริ ใต้ร่มเงาไม้หว้า
ข้าพระองค์ได้เห็นเงาไม้หว้า ไม่บ่ายไป
383.882 -> ข้าพระองค์ก็ได้กราบพระบาทของพระองค์
นี้เป็นการกราบของข้าพระองค์ ครั้งที่สอง
391.651 -> บัดนี้ ข้าพระองค์เห็นปาฏิหาริย์
อันยังไม่เห็นนี้
397.574 -> จึงได้กราบพระบาทของพระองค์
นี้เป็นการกราบของข้าพระองค์ ครั้งที่สาม"
404.881 -> ก็เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะถวายบังคมแล้ว
409.193 -> เจ้าศากยะแม้องค์หนึ่ง ที่จะไม่อาจ
ถวายบังคม ดำรงนิ่งอยู่ มิได้มี
417.769 -> ชนเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ได้ถวายบังคมแล้ว
422.307 -> พระผู้มีพระภาคเจ้ายังพระประยูรญาติ
ทั้งหลายให้ถวายบังคมแล้ว
429.384 -> เสด็จลงจากอากาศ ประทับนั่ง
ณ บวรพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้ว
435.538 -> เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับนั่งแล้ว
พระประยูรญาติที่ประชุมกัน ได้แวดล้อมแล้ว
ทั้งหมดมีจิตแน่วแน่ นั่งอยู่
447.806 -> ลำดับนั้น มหาเมฆตั้งขึ้น ยังฝนโบกขรพรรษ
ให้ตกแล้ว น้ำฝนนั้นสีแดง เสียงซู่ซ่า
ไหลไปลงที่ลุ่ม
460.766 -> ผู้ต้องการให้เปียก ก็เปียก ฝนนั้นไม่ตก
ต้องกายของผู้ไม่ต้องการให้เปียก
แม้สักหยาดเดียว
469.573 -> ชนทั้งปวงเหล่านั้น เห็นอัศจรรย์นั้น
ก็เกิดพิศวง
475.149 -> ภิกษุทั้งหลายพูดกันว่า "โอ น่าอัศจรรย์
โอ ไม่เคยมี โอ อานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า
484.764 -> มหาเมฆจึงยังฝนโบกขรพรรษเห็นปานนี้
ให้ตกในสมาคมแห่งพระประยูรญาติทั้งหลาย"
494.725 -> พระศาสดาทรงสดับดังนั้นแล้ว ตรัสถามว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลาย
นั่งสนทนากันถึงเรื่องอะไร"
507.224 -> เมื่อภิกษุเหล่านั้น กราบทูลให้ทรงทราบแล้ว
511.301 -> มีพระพุทธดำรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่มหาเมฆยัง
ฝนโบกขรพรรษให้ตก
522.993 -> แม้ในกาลก่อน เวลาที่เรายังเป็นโพธิสัตว์อยู่
มหาเมฆเห็นปานนี้ ก็ยังฝนโบกขรพรรษ
ให้ตก ในญาติสมาคมเหมือนกัน"
536.184 -> ตรัสฉะนี้แล้ว ทรงดุษณียภาพ
ภิกษุเหล่านั้น ทูลอาราธนา
จึงทรงนำอดีตนิทาน มาตรัสเล่าดังต่อไปนี้"
550.434 -> พระเวสสันดรชาดก
553.719 -> ๑. ทศพรกัณฑ์
556.924 -> ท้าวสักกเทวราช ตรัสว่า
"ดูก่อนผุสดี ผู้มีรัศมีแห่งผิวพรรณอันประเสริฐ
565.526 -> ผู้มีอวัยวะส่วนเบื้องหน้างาม
เธอจงเลือกเอาพร ๑๐ ประการในปฐพี
ซึ่งเป็นที่รักแห่งหฤทัยของเธอ"
576.872 -> พระผสุดีเทพกัลยากราบทูลว่า
"ข้าแก่ท้าวเทวราช ข้าพระบาท
นอบน้อมแด่พระองค์
586.04 -> ข้าพระบาทได้ทำบาปกรรมอะไร
ไว้หรือ ฝ่าพระบาทจึงให้ข้าพระบาท
593.347 -> จุติจากทิพยสถานที่น่ารื่นรมย์
ดุจลมพัดต้นไม้ใหญ่ให้หักไป ฉะนั้น"
601 -> ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า
"บาปกรรมเธอมิได้ทําไว้เลย และ
เธอไม่เป็นที่รักของเรา ก็หาไม่
611.538 -> แต่บุญของเธอสิ้นแล้ว เหตุนั้น
เราจึงกล่าวกะเธออย่างนี้
619.039 -> ความตายใกล้เธอ
เธอจักต้องพลัดพรากจากไป
624.27 -> จงเลือกรับเอาพร ๑๐ ประการ
นี้จากเรา ผู้จะให้"
630.539 -> พระผุสดีเทพกัลยา กราบทูลว่า
"ข้าแต่ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่กว่าสัตว์ทั้งปวง
ถ้าฝ่าพระบาทจะประทานพรแก่ข้าพระบาทไซร้
643.269 -> ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอให้ข้าพระบาทพึง
เกิดในพระราชนิเวศน์ของพระเจ้าสีวิราช
651.845 -> ข้าแต่ท้าวปุรินททะ ขอให้ข้าพระบาท
656.539 -> (๑) พึงเป็นผู้มีจักษุดำเหมือนตาลูกมฤคี
(มีอายุ ๑ ขวบปี) ซึ่งมีดวงตาดำ
665.924 -> (๒) พึงมีขนคิ้วดำ
(๓) พึงเกิดในราชนิเวศน์นั้นมีนามว่า ผุสดี
675.885 -> (๔) พึงได้พระราชโอรส ผู้ให้สิ่งอันประเสริฐ
ผู้ประกอบเกื้อกูลในยาจก มิได้ตระหนี่
ผู้อันพระราชาทุกประเทศบูชา มีเกียรติยศ
690.462 -> (๕) เมื่อข้าพระบาททรงครรภ์ ขออย่าให้
อุทรนูนขึ้น พึงมีอุทรไม่นูน เสมอดัง
คันศร ที่นายช่างเหลาเกลี้ยงเกลา
703.654 -> (๖) ถันทั้งคู่ของข้าพระบาทอย่าย้อยยาน
708.654 -> ข้าแต่ท้าววาสวะ
(๗) ผมหงอกก็อย่าได้มี
714.692 -> (๘) ธุลีก็อย่าได้ติดในกาย
(๙) ข้าพระบาทพึงปล่อยนักโทษ
ที่ถึงประหารได้
725.576 -> (๑๐) ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอข้าพระบาท
พึงได้เป็นอัครมเหสี ที่โปรดปรานของ
พระราชาในแว่นแคว้นสีพี
736.806 -> ในพระราชนิเวศน์อันกึกก้อง
ด้วยเสียงร้องของนกยูงและกระเรียน
พรั่งพร้อมด้วยหมู่วรนารี
746.536 -> เกลื่อนกล่นไปด้วยคนเตี้ยและคนค่อม
อันพ่อครัวชาวมคธเลี้ยงดู
753.035 -> กึกก้องไปด้วยเสียงกลอน
และเสียงบานประตูอันวิจิตร
มีคนเชิญให้ดื่มสุราและกินกับแกล้ม"
762.65 -> ท้าวสักกเทวราช ตรัสว่า
"ดูก่อนนางผู้งามทั่วสรรพางค์กาย
769.732 -> พร ๑๐ ประการเหล่าใด ที่เราให้แก่เธอ
เธอจักได้พร ๑๐ ประการเหล่านั้น
ในแว่นแคว้นของพระเจ้าสีวิราช"
780.577 -> ครั้นท้าววาสวะมฆวาสุชัมบดีเทวราช
ตรัสอย่างนี้แล้ว ก็โปรดประทานพร
แก่พระนางผุสดีเทพอัปสร.
791.969 -> (นี้) ชื่อว่าทศพรคาถา.
800.084 -> จบกัณฑ์ทศพร
833.081 -> ๒. หิมพานกัณฑ์
844.042 -> พระนางผุสดีเทพอัปสรจุติจากดาวดึงส์
เทวโลกนั้น มาบังเกิดในสกุลกษัตริย์
852.503 -> ได้ทรงอยู่ร่วมกับพระเจ้าสญชัย
ในพระนครเชตุดร
857.503 -> พระนางผุสดี ทรงครรภ์ถ้วนทศมาส
เมื่อทรงทำประทักษิณพระนคร
ประสูติเรา ที่ท่ามกลางถนนของพวกพ่อค้า
868.349 -> ชื่อของเรา มิได้เนื่องแต่พระมารดา
และมิได้เกิดแต่พระบิดา
875.195 -> เราเกิดที่ถนนแห่งพ่อค้า เพราะฉะนั้น
เราจึงชื่อว่า เวสสันดร
882.271 -> เมื่อใดเรายังเป็นทารก
มีอายุ ๔ ขวบแต่เกิดมา
888.116 -> เมื่อนั้นเรานั่งอยู่ในปราสาท
คิดจะบริจาคทานว่า
893.308 -> เราจะพึงให้หทัย ดวงตา
เนื้อ เลือด และร่างกาย
899.462 -> เมื่อใครมาขอเรา เราก็ยินดีให้
904.231 -> เมื่อเราคิดถึงการบริจาคทาน
อันเป็นความจริง
หทัยก็ไม่หวั่นไหว มุ่งมั่นอยู่ในกาลนั้น
912.692 -> ปฐพีมีสิเนรุบรรพตและ
หมู่ไม้เป็นเครื่องประดับ ได้หวั่นไหว.
932.806 -> กาลนั้น ในกลิงครัฐเกิดฝนแล้ง
ข้าวกล้าไม่สมบูรณ์
938.157 -> ภัยคือความหิวเกิดขึ้นมาก
941.129 -> มนุษย์ทั้งหลายไม่อาจเป็นอยู่
ก็ทำโจรกรรม
945.09 -> ชาวชนบทถูกทุพภิกขภัยเบียดเบียน
ก็ประชุมกันติเตียนกันที่พระลานหลวง
952.32 -> เมื่อพระราชาตรัสถามถึงเหตุ
จึงกราบทูลเนื้อความนั้น
956.974 -> ครั้งนั้นพระราชาตรัสว่า
"ดีละ ข้าจะยังฝนให้ตก"
963.589 -> แล้วส่งชาวเมืองกลับไป
965.705 -> ทรงสมาทานศีล
รักษาอุโบสถศีล สิ้น ๗ วัน
970.243 -> ก็ไม่ทรงสามารถให้ฝนตก
973.166 -> พระราชาจึงให้ประชุมชาวเมือง
แล้วรับสั่งถามว่า
977.705 -> "เราได้สมาทานศีล รักษาอุโบสถศีลสิ้น ๗ วัน
ก็ไม่อาจยังฝนให้ตก จะพึงทำอย่างไร"
987.089 -> ชาวเมืองกราบทูลว่า
"ข้าแต่สมมติเทพ ถ้าพระองค์
ไม่สามารถให้ฝนตก
993.935 -> พระราชโอรสของพระเจ้าสญชัย
ในกรุงเชตุดร
998.589 -> ทรงนามว่า เวสสันดร
นั้นทรงยินดียิ่ง ในทาน
1004.396 -> มงคงหัตถีขาวล้วน ซึ่งไปถึงที่ใดฝนก็ตก
ของพระองค์มีอยู่
1011.934 -> ขอพระองค์ส่งพราหมณ์ทั้งหลาย
ไปทูลขอช้างเชือกนั้นมา"
1016.934 -> พระราชาตรัสว่า "สาธุ" แล้วให้ประชุม
เหล่าพราหมณ์ เลือกได้ ๘ คน
1024.357 -> พระราชาบัญชาว่า "ท่านทั้งหลาย
จงไปทูลขอช้างพระเวสสันดรนำมา"
1031.78 -> พราหมณ์ทั้ง ๘ ได้ไปโดยลำดับ
ลุถึงเชตุดรนคร
1037.242 -> ในเวลาเมื่อพระเวสสันดรเสด็จโรงทาน
พราหม์เหล่านั้นก็เหยียดมือข้างขวาออก
1046.51 -> กล่าวว่า "พระเวสสันดรราช ผู้ทรงพระเจริญ
จงชนะ จงชนะ"
1053.933 -> พระเวสสันดรมหาสัตว์ทอดพระเนตร
เห็นพราหมณ์ทั้งหลาย
1058.933 -> ก็บ่ายช้างพระที่นั่ง ไปสู่ที่
พราหมณ์เหล่านั้นยืนอยู่
1063.817 -> ประทับบนคอช้าง ตรัสคาถาหนึ่งว่า
1068.009 -> "พราหมณ์ทั้งหลาย ผู้มีขนรักแร้ดก
และมีเล็บยาว ฟันเขลอะ มีธุลีบนศีรษะ
เหยียดแขนข้างขวาจะขออะไรฉันหรือ"
1081.547 -> พราหมณ์กราบทูลว่า
"ข้าแต่สมมุติเทพ ข้าพระองค์ทั้งหลาย
ทูลขอรัตนะเครื่อง
1091.046 -> ให้แว่นแคว้นของชาวสีพีเจริญ
ขอได้โปรดพระราชทานช้างตัวประเสริฐ
1098.007 -> ซึ่งมีงาดุจงอนไถอันมีกำลังสามารถเถิด
พระเจ้าข้า"
1103.93 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
"เราจะให้ช้างพลายซับมันตัวประเสริฐ
1110.545 -> ซึ่งเป็นชัางราชพาหนะอันสูงสุด
ที่พราหมณ์ทั้งหลายขอเรา เรามิได้หวั่นไหว"
1117.978 -> พระราชาผู้ผดุงรัฐสีพีให้เจริญรุ่งเรือง
มีพระหฤทัยน้อมไปในการบริจาค
1125.862 -> เสด็จลงจากคอช้าง
พระราชทานแก่พราหมณ์ทั้งหลาย
1130.717 -> พระศาสดาตรัสว่า
"เมื่อบรมกษัตริย์พระราชทานช้างตัว
ประเสริฐ แก่พราหมณ์ทั้ง ๘ แล้ว
1139.178 -> ในกาลนั้น ความน่าสะพึงกลัว
ขนพองสยองเกล้าได้เกิดมี
เมทนีดลก็หวั่นไหว
1147.524 -> เมื่อบรมกษัตริย์พระราชทาน
ช้างตัวประเสริฐในกาลนั้น
1151.831 -> ได้เกิดมีความน่าสะพึงกลัวขนพอง
สยองเกล้า ชาวพระนครกำเริบ
1158.86 -> ในเมื่อพระเวสสันดร ผู้ยังแว่นแคว้นของ
ชาวสีพีให้เจริญพระราชทานช้างตัวประเสริฐ
1166.745 -> ชาวบุรี ก็เกลื่อนกล่น
เสียงอันกึกก้อง ก็แผ่ไปมากมาย"
1174.168 -> ครั้งนั้น เมื่อพระเวสสันดร
พระราชทาน ช้างตัวประเสริฐ
1179.283 -> แล้วเสียงอื้ออึงน่ากลัวเป็นอันมาก
ก็เป็นไปในนครนั้น
ในกาลนั้น ชาวนครก็กำเริบ
1188.551 -> ครั้งนั้น ในเมื่อพระเวสสันดร
ผู้ผดุงรัฐสีพีให้เจริญรุ่งเรือง
1194.462 -> พระราชทานช้างตัวประเสริฐ
เสียงอื้ออึงน่ากลัวเป็นอันมาก
ก็เป็นไปในนครนั้น
1202.231 -> พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
1205.385 -> พวกคนที่มีชื่อเสียง พระราชบุตร
พวกพ่อค้าชาวนา พวกพราหมณ์
1212.23 -> กองช้าง กองม้า กองรถ กองราบ
ชาวนิคม ชาวสีพีทั้งสิ้น มาประชุมพร้อมกัน
1221.499 -> พวกเหล่านั้นเห็นพวกพราหมณ์
นำพระยาช้างไป
1226.96 -> ก็กราบทูลแก่พระเจ้ากรุงสัญชัยว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
1233.113 -> แว่นแคว้นของพระองค์ถูกกำจัดแล้ว
เหตุไรพระเวสสันดรโอรสของพระองค์
1241.113 -> จึงพระราชทานช้างตัวประเสริฐ
ของชาวเราทั้งหลาย
1245.997 -> อันชาวแว่นแคว้นสักการะบูชา
ไฉนพระเวสสันดรราชโอรส
1253.073 -> จึงพระราชทานพระยากุญชร
ของชาวเราทั้งหลาย
1256.919 -> อันมีงางอนงามแกล้วกล้า
สามารถรู้จักเขตแห่งยุทธวิธีทุกอย่าง
1263.765 -> เป็นช้างเผือกขาวผ่อง ประเสริฐสุด
ปกคลุมด้วยผ้ากัมพลเหลือง
1269.687 -> กำลังซับมัน สามารถย่ำยีศัตรูได้
ฝึกดีแล้ว พร้อมทั้งวาลวิชนีมีสีขาว
เช่น ดังเขาไกรลาศ
1281.84 -> ไฉน พระเวสสันดรราชโอรส
จึงพระราชทานพระยาช้างราชพาหนะ
1288.455 -> ซึ่งเป็นยานชั้นเลิศ เป็นทรัพย์อย่างประเสริฐ
พร้อมทั้งฉัตรขาว เครื่องลาด หมอช้าง
และคนเลี้ยงช้างแก่พวกพราหมณ์.
1299.8 -> พระเวสสันดรโอรสนั้นควรจะพระราชทาน
ข้าว น้ำ ผ้านุ่งผ้าห่มและที่นั่งที่นอน
1308.723 -> สิ่งของเช่นนี้แล สมควรจะพระราชทาน
สมควรแก่พวกพราหมณ์
1314.877 -> ข้าแต่พระเจ้าสัญชัย
ไฉนพระเวสสันดรราชโอรส
1319.531 -> ผู้เป็นพระราชาโดยสืบพระวงศ์ของพระองค์
1323.146 -> ผู้ผดุงสีพีรัฐ จึงทรงพระราชทาน
พระยาคชสารไป
1328.262 -> ถ้าพระองค์จักไม่ทรงทำตาม
ถ้อยคำของชนชาวสีพี
1332.454 -> ชนชาวสีพี ก็เห็นจักทำพระองค์
พร้อมด้วยพระราชโอรสไว้ในเงื้อมมือ.
1341.146 -> พระเจ้าสัญชัยทรงมีพระดำรัสว่า
ถึงชนบทจะไม่มี และแม้แว่นแคว้น
จะพินาศไปก็ตามเถิด
1350 -> เราไม่พึงขับไล่ พระราชบุตรผู้ไม่มีโทษ
จากแว่นแคว้นของตน ตามคำของชาวสีพี
1358.691 -> เพราะ พระราชบุตรเกิดจากอกของเรา
ถึงชนบทจะไม่มี และแม้แว่นแคว้น
จะพินาศไปก็ตามเถิด
1367.499 -> เราก็ไม่พึงขับไล่ พระราชบุตรผู้ไม่มีโทษ
จากแว่นแคว้นของตน ตามคำของชาวสีพี
1375.845 -> เพราะ พระราชบุตรเกิดแต่ตัวเรา อนึ่ง
เราไม่พึงประทุษร้ายในพระราชบุตรนั้น
1383.96 -> เพราะ เธอมีศีลและวัตรอันประเสริฐ
แม้คำติเตียนจะพึงมีแก่เรา
1391.382 -> และเราจะพึงประสบบาปเป็นอันมาก
เราจะให้ฆ่าพระเวสสันดรบุตรของเรา
ด้วยศาสตราอย่างไรได้.
1401.112 -> ชาวสีพีกราบทูลว่า
พระองค์อย่าได้รับสั่งให้ฆ่าพระเวสสันดร
นั้นด้วยท่อนไม้หรือศาสตราเลย
1410 -> ทั้งพระเวสสันดรนั้น ก็ไม่ควร
แก่เครื่องพันธนาการ
1415 -> แต่จงทรงขับไล่ พระเวสสันดรนั้นเสียจาก
แว่นแคว้น จงไปอยู่ที่เขาวงกตเถิด.
1422.999 -> พระเจ้าสัญชัยตรัสว่า
ถ้าความพอใจของชาวสีพีเช่นนี้ เราก็ไม่ขัด
1430.422 -> ขอเธอจงได้อยู่และบริโภคกามทั้งหลาย
ตลอดคืนนี้
1435.537 -> ต่อเมื่อสิ้นราตรี แล้วพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ชาวสีพีจงพร้อมเพรียงกันขับไล่เธอ
เสียจากแว่นแคว้นเถิด.
1444.345 -> ดูก่อนนายนักการ ท่านจงลุกขึ้น
จงรีบไปทูลพระเวสสันดรว่า
1451.421 -> ขอเดชะ ชาวสีพี ชาวนิคม พวกคนที่มีชื่อเสียง
พระราชบุตร พ่อค้า ชาวนา พราหมณาจารย์
1462.536 -> พากันโกรธเคืองมาประชุมกันอยู่แล้ว
กองช้าง กองม้า กองรถ กองเดินเท้า
1470 -> ทั้งชาวนิคมและชาวสีพีทั้งสิ้น
มาประชุมกันแล้ว
1475.461 -> เมื่อสิ้นราตรีนี้ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ชาวสีพีจะพรักพร้อมกันขับไล่
พระองค์จากแว่นแคว้น.
1484.961 -> นายนักการนั้น เมื่อได้รับพระราชดำรัสสั่ง
จึงสวมสอดเครื่องประดับมือ
1492.384 -> นุ่งห่มเรียบร้อย ประพรมด้วยจุรณจันทน์
ล้างศีรษะในน้ำ สวมกุณฑลแก้วมณีแล้ว
1500.614 -> รีบเข้าไปยังบุรีอันน่ารื่นรมย์
เป็นที่ประทับอยู่ของพระเวสสันดร
1505.96 -> ได้เห็นพระเวสสันดรทรงสำราญ
อยู่ในพระราชวังของพระองค์
1510.498 -> อันเกลื่อนกล่นไปด้วยหมู่อำมาตย์
ปานประหนึ่งท้าววาสวะแห่งไตรทศ.
1517.806 -> นายนักการนั้น ครั้นรีบไปใน
พระราชนิเวศน์นั้นแล้ว
1522.344 -> ได้กราบทูลพระเวสสันดรว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
1528.152 -> ข้าพระบาทจะกราบทูลทุกข์แก่พระองค์
ขออย่าได้ทรงกริ้วข้าพระบาทเลย
1534.19 -> นายนักการนั้น ถวายบังคมแล้ว
พลางคร่ำครวญกราบทูลพระราชาว่า
1540.228 -> ข้าแต่พระมหาราช พระองค์ทรงชุบเลี้ยง
ข้าพระบาท ทรงนำมาซึ่งรสที่น่าใคร่ทุกอย่าง
1549.151 -> ข้าพระบาทจะกราบทูลความทุกข์แด่พระองค์
1552.997 -> เมื่อข้าพระบาทกราบทูล
ข่าวสารเรื่องทุกข์ร้อนนั้นแล้ว
1557.766 -> ขอพระยุคลบาท จงยังข้าพระบาทให้เบาใจ
1562.766 -> ขอเดชะ ชาวสีพี ชาวนิคม คนที่มีชื่อเสียง
พระราชบุตร พ่อค้า ชาวนา พราหมณาจารย์
1574.227 -> พากันโกรธเคือง มาประชุมกันอยู่แล้ว
กองช้าง กองม้า กองรถ กองเดินเท้า
1582.804 -> ทั้งชาวนิคมและชาวสีพีทั้งสิ้น
มาประชุมกันอยู่แล้ว
1588.38 -> เมื่อสิ้นราตรีนี้ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ชาวสีพีจะพรักพร้อมกัน ขับไล่พระองค์
จากแว่นแคว้น พระเจ้าข้า.
1598.456 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
ดูก่อนนายนักการ เพราะเหตุไร
ชาวสีพีจึงโกรธเรา
1607.379 -> ขอท่านจงบอก ความชั่วของเรา
ผู้ไม่เห็นความเดือดร้อน ให้แจ้งชัด
ด้วยเหตุไร เขาจึงขับไล่เรา.
1618.263 -> ราชบุรุษกราบทูลว่า
พวกคนที่มีชื่อเสียง พระราชบุตร
1624.417 -> พ่อค้า ชาวนา พราหมณาจารย์
พวกกองช้าง กองม้า กองรถ กองเดินเท้า
1632.301 -> พากันติเตียนเพราะพระราชทาน
พระยาช้างพระที่นั่งต้น
1636.724 -> เหตุนั้น เขาจึงขับไล่พระองค์ พระเจ้าข้า.
1641.377 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
เราจะให้หทัย ให้จักษุ เงิน ทอง
1648.338 -> แก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์ หรือแก้วมณี
เป็นทรัพย์ภายนอกของเรา
1654.607 -> จะเป็นอะไรไป เมื่อยาจกมาถึง
เราเห็นแล้ว ก็จงให้แขนขวาแขนซ้าย
ไม่หวั่นไหวเลย
1664.106 -> ใจของเรายินดีในทาน
ชาวสีพีทั้งปวงจงขับไล่ จงฆ่าเราเสีย
1671.298 -> หรือจะให้ตัดเราเป็นเจ็ดท่อนก็ตามเถิด
เราจักไม่งดการให้ทานเลย.
1678.028 -> ราชบุรุษกราบทูลว่า
ชาวสีพีและชาวนิคมประชุมกัน
กล่าวอย่างนี้ว่า
1685.682 -> พระเวสสันดรผู้มีวัตรงาม
จงเสด็จไปสู่อารัญชรคีรี
ทางฝั่งแม่น้ำโกนติมารา
1694.72 -> ตามทางที่พระราชาผู้ถูกขับไล่
เสด็จไปนั้นเถิด.
1699.373 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
เราจักไปตามทางที่พระราชา
ผู้มีโทษเสด็จไป
1705.989 -> ขอให้ท่านทั้งหลาย จงงดแก่เราคืนและ
วันหนึ่งพอให้เราได้ให้ทานก่อนเถิด.
1714.104 -> พระศาสดาตรัสว่า
พระราชาตรัสเตือนพระมัทรี
ผู้มีความงามทั่วสรรพางค์ว่า
1721.642 -> ทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่พี่ให้แก่พระน้องนาง
1726.757 -> และสิ่งของที่ควรสงวน
อันเป็นของพระน้องนาง
1730.372 -> คือ เงิน ทอง แก้วมุกดาหรือ
แก้วไพฑูรย์ มีอยู่เป็นอันมาก
1737.795 -> และทรัพย์ฝ่ายพระบิดาของพระน้องนาง
ควรเก็บไว้ทั้งหมด.
1743.948 -> พระนางมัทรีราชบุตรี ผู้มีความงามทั่ว
สรรพางค์ ได้ทูลถามพระเวสสันดรนั้นว่า
1752.178 -> ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ
หม่อมฉันจะเก็บไว้ที่ไหน
1756.486 -> หม่อมฉันทูลถามแล้ว
ขอพระองค์ได้ตรัสบอกเนื้อความนั้นเถิด.
1762.524 -> พระเวสสันดรตรัสว่า
ดูก่อนพระน้องมัทรี พึงให้ทานใน
ท่านผู้ศีลตามสมควร
1770.985 -> เพราะที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวง
ยิ่งไปกว่าทานไม่มี.
1776.792 -> ดูก่อนพระน้องมัทรี เธอพึงเอาใจใส่ใน
ลูกทั้งสอง ในพระชนนีและพระชนกของพี่
1786.522 -> อนึ่ง ผู้ใดพึงตกลงปลงใจว่า
จะเป็นพระสวามีพระน้องนาง
เธอพึงบำรุงผู้นั้นโดยเคารพ
1796.598 -> ถ้าไม่มีใครมาตกลงปลงใจ
เป็นพระสวามีพระน้องนาง
1801.828 -> เพราะพระน้องนางกับพี่
จะต้องพลัดพรากจากกัน
1807.058 -> พระน้องนางจงแสวงหาพระสวามีอื่นเถิด
อย่าลำบากเพราะจากพี่เลย.
1813.442 -> เพราะพี่จักต้องไปสู่ป่าที่น่ากลัว
อันเกลื่อนกล่นไปด้วยสัตว์ร้าย
1820.634 -> เมื่อพี่คนเดียวอยู่ในป่าใหญ่
ชีวิตก็น่าสงสัย.
1825.98 -> พระนางมัทรีราชบุตรี ผู้มีความงาม
ทั่วสรรพางค์ ได้กราบทูลพระเวสสันดรว่า
1834.619 -> ไฉนหนอ พระองค์จึงตรัสเรื่องที่ไม่เคยมี
ไฉนจึงตรัสเรื่องลามก
1841.464 -> ข้าแต่พระมหาราช ข้อที่พระองค์จะเสด็จ
พระองค์เดียวนั้น ไม่ใช่ธรรมเนียม
1848.194 -> ข้าแต่พระมหากษัตริย์ แม้หม่อมฉัน
ก็จะตามเสด็จไป ตามทางที่พระองค์เสด็จ
1855.732 -> ความตายกับพระองค์นั่นแล ประเสริฐกว่า
เป็นอยู่เว้นจากพระองค์จะประเสริฐอะไร
1862.694 -> ก่อไฟให้ลุกโพลง มีเปลวเป็นอันเดียวกัน
ตั้งอยู่แล้ว ความตายในไฟที่ลูกโพลง
1871.155 -> มีเปลวไฟเป็นอันเดียวกันนั้น ประเสริฐกว่า
เป็นอยู่เว้นจากพระองค์จะประเสริฐอะไร
1878.462 -> นางช้างติดตามพระยาช้างผู้อยู่ในป่า
เที่ยวไป ณ ภูเขาและที่หล่ม
ที่เสมอและไม่เสมอ ฉันใด
1888.538 -> หม่อมฉันจะพาลูกทั้งสองติดตาม
พระองค์ไปเบื้องหลัง ฉันนั้น
1894.922 -> หม่อมฉันจักเป็นผู้อันพระองค์เลี้ยงง่าย
จักไม่เป็นผู้อันพระองค์เลี้ยงยาก.
1902.922 -> พระนางมัทรีกราบทูลว่า
เมื่อพระองค์ทอดพระเนตร
เห็นพระกุมารทั้ง ๒ นี้
1909.883 -> ผู้มีเสียงอันไพเราะ พูดจาน่ารัก
นั่งอยู่ที่พุ่มไม้ในป่า
จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
1918.92 -> เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็น
พระกุมารทั้ง ๒ นี้ ผู้มีเสียงอันไพเราะ
1925.535 -> พูดจาน่ารัก เล่นอยู่ที่พุ่มไม้ในป่า
จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
1932.266 -> เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็น
พระกุมารทั้ง ๒ นี้ ผู้มีเสียงอันไพเราะ
1938.65 -> พูดจาน่ารัก ณ อาศรมรัมณียสถาน
จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
1946.072 -> เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็น
พระกุมารทั้ง ๒ นี้ ผู้มีเสียงอันไพเราะ
1952.341 -> พูดจาน่ารัก เล่นอยู่ ณ อาศรมอันเป็นที่รื่นรมย์
จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
1960.456 -> เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็น
พระกุมารทั้ง ๒ นี้
1964.418 -> เล่นอยู่ ณ อาศรมอันเป็นที่รื่นรมย์
ก็จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
1971.231 -> เมื่อใด พระองค์ทอดพระเนตรเห็น
พระกุมารทั้ง ๒ พระองค์ ทรงมาลา
1977.499 -> ฟ้อนรำอยู่ ณ อาศรมรัมณียสถาน
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
1985.499 -> เมื่อใด พระองค์ทอดพระเนตรเห็น
พระกุมารทั้ง ๒ พระองค์ ทรงมาลา
1991.771 -> ฟ้อนรำอยู่ ณ อาศรมอันเป็นที่รื่นรมย์
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2000.001 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
กุญชรชาติมาตังคะ มีวัยล่วง ๖๐ ปี
2008.231 -> เที่ยวอยู่ในป่าตัวเดียว
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2014.269 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
กุญชรชาติมาตังคะ มีวัยล่วง ๖๐ ปี
2023.423 -> เที่ยวไปอยู่ในป่าเวลาเย็น ในเวลาเช้า
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2032.346 -> เมื่อใด กุญชรชาติมาตังคะ มีวัยล่วง ๖๐ ปี
เดินนำหน้าหมู่โขลงช่างพังไป
ส่งเสียงร้องก้องโกญจนาท
2045.883 -> พระองค์ได้ทรงสดับเสียงร้อง
ของช้างที่บันลือก้องอยู่นั้น
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2054.574 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทรงสดับเสียงร้อง
ของช้าง ที่บันลือก้องอยู่นั้น
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2065.342 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
ลำเนาป่าสองข้างทาง
2072.072 -> และสิ่งที่ให้ความนำใคร่ในป่า
อันเกลื่อนกล่นไปด้วยเนื้อร้าย
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2082.148 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตร
เห็นเนื้ออันเดินมาเป็นหมู่ๆ หมู่ละ ๕ ตัว
2090.109 -> และได้ทอดพระเนตรเห็น
พวกกินนรที่กำลังฟ้อนอยู่
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2099.147 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทรงสดับเสียงกึกก้อง
แห่งแม่น้ำ อันมีน้ำไหลหลั่ง
2107.031 -> และเสียงเพลงขับของพวกกินนร
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2114.453 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทรงสดับเสียงร้อง
ของนกเค้า ที่เที่ยวอยู่ตามซอกเขา
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2126.144 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทรงสดับเสียง
แห่งสัตว์ร้ายในป่า คือ ราชสีห์
2134.028 -> เสือโคร่ง แรด และวัวลาน
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2141.681 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
นกยูง อันแวดล้อมไปด้วยนางนกยูง
2148.873 -> รำแพนหาง จับอยู่เป็นกลุ่ม บนยอดภูเขา
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2157.795 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
นกยูง มีขนปีกงามวิจิตร
2164.756 -> ห้อมล้อมด้วยนางนกยูงทั้งหลาย
รำแพนหางอยู่
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2172.986 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
นกยูง มีคอเขียว มีหงอน
2179.732 -> แวดล้อมด้วยนางนกยูง ฟ้อนอยู่
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2186.924 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
ต้นไม้อันมีดอกบาน
2193.078 -> มีกลิ่นหอมฟุ้ง ไปในฤดูเหมันต์
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2200.731 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
แผ่นดิน อันเขียวชะอุ่ม
2206.769 -> ดารดาษไปด้วยแมลงค่อมทอง
ในเดือนฤดูเหมันต์
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2215.692 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
ต้นไม้ อันมีดอกบานสะพรั่ง
2222.076 -> คือ อัญชันเขียวที่กำลังผลิยอดอ่อน
ต้นโลท และ บัวบกมีดอกบานสะพรั่ง
2230.883 -> มีกลิ่นหอมฟุ้งไปในฤดูเหมันต์
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ
2237.728 -> เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
หมู่ไม้ มีดอกบานสะพรั่ง และปทุมชาติ
2245.385 -> อันมีดอกร่วงหล่นในเดือนฤดูเหมันต์
เมื่อนั้น จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ.
2254.769 -> จบกัณฑ์หิมพานต์
2285.884 -> ๓. ทานกัณฑ์
2291.115 -> แม้พระนางผุสดีราชเทวีมีพระดำริว่า
ข่าวเดือดร้อนมาถึงลูกของเรา
2300.268 -> ลูกของเราจะทำอย่างไรหนอ
เราจักไปให้รู้ความ
2305.614 -> จึงเสด็จไปด้วยสิวิกากาญจน์
ม่านปกปิด
2309.344 -> ประทับที่ทวาร ห้องบรรทมอันมีสิริ
ได้ทรงสดับเสียงสนทนาแห่งกษัตริย์ทั้งสอง
2317.806 -> คือ พระเวสสันดร และพระนางมัทรี
ก็พลอยทรงกันแสงคร่ำครวญ
อย่างน่าสงสาร
2327.882 -> พระศาสดาตรัสว่า
สมเด็จพระนางผุสดี ราชบุตรี ผู้เรืองยศ
2335.881 -> ได้ทรงสดับคำที่ พระราชโอรสและ
พระสุณิสาพร่ำสนทนากัน
2342.15 -> ทรงคร่ำครวญละห้อยไห้ว่า
เรากินยาพิษเสียดีกว่า
2346.687 -> เราโดดเหวเสียดีกว่า
เอาเชือกผูกคอตายเสียดีกว่า
2353.303 -> เหตุไฉนชาวนครสีพี จึงจะให้ขับไล่
เจ้าเวสสันดรลูกรัก ผู้ไม่มีโทษไม่ผิด
2361.231 -> ผู้เป็นปราชญ์เปรื่อง เป็นทานบดี
ควรแก่การขอ ไม่ตระหนี่
2368.307 -> เหตุไฉนชาวนครสีพี จึงจะให้ขับไล่
เจ้าเวสสันดรลูกรัก ผู้ไม่มีโทษผิด
อันท้าวพญาบูชา ผู้มีเกียรติ มียศ
2381.73 -> เหตุไฉนชาวนครสีพี จึงจะให้ขับไล่
เจ้าเวสสันดรลูกรัก ผู้ไม่มีโทษผิด
2390.306 -> ผู้เลี้ยงดูมารดา บิดา
ประพฤติถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในราชสกุล
2397.96 -> เหตุไฉนชาวนครสีพี จึงจะให้ขับไล่
เจ้าเวสสันดรลูกรัก ผู้ไม่มีโทษผิด
2406.19 -> ผู้เกื้อกูลแก่พระเจ้าแผ่นดิน
แก่เทพเจ้า แก่พระประยูรญาติ
แก่มิตรสหาย ผู้เกื้อกูลทั่วรัฐสีมามณฑล
2417.766 -> พระนางผุสดีกราบทูลว่า ชาวนครสีพีจะ
ให้ขับพระราชโอรส ผู้ไม่มีโทษผิดเสีย
2427.496 -> รัฐสีมามณฑลของพระองค์
ก็จักเป็นเหมือนรังผึ้งร้าง
เหมือนผลมะม่วงหล่นลงบนดิน ฉะนั้น
2437.226 -> พระองค์อันพวกอำมาตย์ละทิ้งแล้ว
จักต้องลำบากอยู่พระองค์เดียว
2443.149 -> เหมือนหงส์มีขนปีกหลุดลำบาก
อยู่ในหนองอันไม่มีน้ำ ฉะนั้น
2450.341 -> ข้าแต่มหาราช เพราะฉะนั้น
เกล้ากระหม่อมฉัน ขอกราบทูลพระองค์ว่า
2457.302 -> ประโยชน์อย่าได้ล่วงพระองค์ไปเสียเลย
ขอพระองค์อย่าทรงขับไล่พระราชโอรส
2464.609 -> ผู้ไม่มีความผิด
เพราะถ้อยคำของชาวนครสีพีเลย.
2469.955 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า
เราทำความยำเกรง ต่อพระราชประเพณี
จึงขับไล่พระราชโอรส ผู้เป็นธงของชาวสีพี
2482.13 -> เราจำต้องขับไล่ลูกของตน
ถึงแม้จะเป็นที่รัก ยิ่งกว่าชีวิตของเรา
2488.86 -> พระนางผุสดีตรัสว่า แต่ปางก่อน
ยอดธงเคยแห่ตามเสด็จพระเวสสันดร
2497.206 -> ดังดอกกรรณิการ์บาน
วันนี้พระเวสสันดรจะเสด็จแต่พระองค์เดียว
2503.706 -> แต่ปางก่อนยอดธงเคยแห่
ตามเสด็จพระเวสสันดร
2509.86 -> ดังป่ากรรณิการ์
วันนี้พระเวสสันดรจะเสด็จแต่พระองค์เดียว
2517.283 -> แต่ปางก่อนกองทหารรักษาพระองค์
เคยตามเสด็จพระเวสสันดร
2524.821 -> ดังดอกกรรณิการ์บาน
วันนี้พระเวสสันดรจะเสด็จแต่พระองค์เดียว
2532.001 -> แต่ปางก่อนกองทหารรักษาพระองค์
เคยตามเสด็จพระเวสสันดร
2539.308 -> เหมือนป่ากรรณิการ์
วันนี้พระเวสสันดรจะต้องเสด็จแต่พระองค์เดียว
2547.192 -> แต่ปางก่อนทหารรักษาพระองค์
ใช้ผ้ากัมพลเหลือง เมืองคันธาระ
2555.769 -> มีสีเหลืองเรืองรองเหมือนหิ้งห้อย
เคยตามเสด็จพระเวสสันดร
2562.038 -> วันนี้พระเวสสันดรจะเสด็จแต่พระองค์เดียว
2566.461 -> แต่ปางก่อนพระเวสสันดรเคยเสด็จด้วย
ช้างพระที่นั่ง วอ และรถทรง
2574.23 -> วันนี้จะเสด็จดำเนินด้วยพระบาทอย่างไร
2578.076 -> แต่ปางก่อนพระเวสสันดรเคยลูบไล้องค์
ด้วย จุรณแก่นจันทร์ ปลุกปลื้มด้วย
การฟ้อนรำ ขับร้อง
2588.729 -> วันนี้จะทรงแบกหนังเสืออันหยาบ
ขวานและหาบเครื่องบริขารไปได้อย่างไร
2596.155 -> พระเวสสันดรเมื่อเข้าไปอยู่ในป่าใหญ่
ไฉนจะไม่ต้องขนเอาผ้าย้อมน้ำฝาด
และหนังเสือไปด้วย
2605.706 -> พระเวสสันดรเมื่อเข้าไปอยู่ในป่าใหญ่
ไฉนจะไม่ต้องใช้ผ้าคากรอง
2613.013 -> พวกคนที่เป็นเจ้านายบวช
จะทรงผ้าคากรองได้อย่างไรหนอ
2618.244 -> เจ้ามัทรีจักนุ่งห่มผ้าคากรองได้อย่างไร
แต่ปางก่อน เจ้ามัทรีเคยทรงแต่ผ้ากาสิกพัสตร์
2627.743 -> ผ้าโขมพัสตร์ และผ้าโกทุมพรพัสตร์
เมื่อต้องทรงผ้าคากรอง จักกระทำอย่างไร
2636.088 -> เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างสวยงาม แต่ปางก่อน
เคยเสด็จด้วยคานหาม วอ และรถทรง
วันนี้จะเสด็จเดินด้วยพระบาทได้อย่างไร
2648.932 -> เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างสวยงาม มีฝ่าพระหัตถ์
อันอ่อนนุ่ม ไม่เคยทำงานหนัก
2655.893 -> เคยตั้งอยู่ในความสุข
วันนี้จะเสด็จเดินด้วยพระบาทได้อย่างไร
2661.469 -> เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างสวยงาม
มีฝ่าพระบาทอันอ่อนนุ่ม
ไม่เคยเสด็จดำเนินด้วยพระบาทเปล่า
2670 -> ตั้งอยู่ในความสุข
ทรงสรวมรองเท้าทองเสด็จดำเนิน
วันนี้จะเสด็จเดินทางด้วยพระบาทได้อย่างไร
2678.346 -> เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างอันสวยงาม ทรงสิริ
แต่ก่อน เคยเสด็จดำเนิน
2684.384 -> ข้างหน้านางข้าหลวงจำนวนพัน
วันนี้จะเสด็จเดินป่าพระองค์เดียวได้อย่างไร
2691.089 -> เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างอันสวยงาม ขวัญอ่อน
พอได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอน ก็สะดุ้ง
วันนี้จะเสด็จเดินป่าได้อย่างไร
2703.011 -> เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างอันสวยงาม ขวัญอ่อน
ได้สดับเสียงนกฮูกคำรามร้อง
2710.434 -> ก็กลัว ตัวสั่น เหมือนนางวารุณี
วันนี้จะเสด็จเดินป่าได้อย่างไร
2718.297 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
มาสู่นิเวศน์อันว่างเปล่านี้
จักเศร้ากำสรดระทมทุกข์สิ้นกาลนาน
2729.388 -> ดังแม่นกถูกพรากลูก
เห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น
2735.189 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
ไม่เห็นลูกรักทั้งสอง
2739.208 -> ก็จักซูบผอมเหมือนแม่นกถูกพรากลูก
เห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น
2747.028 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
ไม่เห็นลูกรักทั้งสอง
2751.522 -> ก็จักวิ่งพล่านไปตามที่นั้น ๆ
ดังแม่นกถูกพรากลูก
เห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น
2761.004 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
มาสู่นิเวสน์อันว่างเปล่านี้
จักเศร้ากำสรดระทมทุกข์สิ้นกาลนาน
2770.961 -> ดังนางนกออกถูกพราก
ลูกเห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น
2777.593 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
ไม่เห็นลูกรักทั้งสองก็จักซูบผอม
2783.156 -> ดังนางนกออกถูกพรากลูก
เห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น
2789.313 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
ไม่เห็นลูกรักทั้งสอง
ก็จักวิ่งพล่านไปตามที่นั้น ๆ
2797.37 -> ดังนางนกออกถูกพรากลูก
เห็นแต่รังอันว่างเปล่านี้ ฉะนั้น
2804.359 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
มาสู่นิเวศน์อันว่างเปล่านี้
ก็จักเศร้ากำสรดระทมทุกข์สิ้นกาลนาน
2812.653 -> เป็นแน่แท้เหมือนนางนกจาก
พรากซบเซาอยู่ในหนองอันไม่มีน้ำ ฉะนั้น
2820.591 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
ไม่เห็นลูกรักทั้งสอง
2824.728 -> ก็จักซูบผอมเป็นแน่แท้
เหมือนนางนกจากพราก
ในหนองอันไม่มีน้ำ ฉะนั้น
2832.666 -> เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
ไม่เห็นลูกรักทั้งสอง
ก็จักวิ่งพล่านไปตามที่นั้น ๆ เป็นแน่แท้
2840.96 -> เหมือนนางนกจากพราก
ในหนองอันไม่มีน้ำ ฉะนั้น
2846.285 -> เมื่อเกล้ากระหม่อนฉันพร่ำเพ้อ
ทูลอ้อนวอนอยู่อย่างนี้
2851.373 -> ถ้าพระองค์ยังจะทรงให้ขับไล่
พระเวสสันดรเสียจากแว่นแคว้น
เกล้ากระหม่อมฉันเห็นจักต้องสละชีวิตเป็นแน่.
2862.518 -> พระศาสดาตรัสว่า
นางสนมกำนัลในพระเจ้าสีวิราช
ทุกถ้วนหน้า
2871.05 -> ได้ยินคำรำพันของพระนางผุสดีแล้ว
ก็พากันมาประชุมประคองแขนทั้งสองขึ้นร่ำไห้
2880 -> พระโอรส พระธิดา และพระชายา
ในนิเวศน์ของพระเวสสันดร
นอนกอดกันสะอื้นไห้
2890.195 -> ดังหมู่ไม้รังอันถูกพายุพัดล้ม
ระเนระนาด แหลกราน ฉะนั้น
2897.183 -> พวกชาววัง พวกเด็ก ๆ พ่อค้าและ
พวกพราหมณ์ ในนิเวศน์ของพระเวสสันดร
ต่างก็ประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญ
2908.803 -> พวกกองช้าง กองม้า กองรถ และกอง
เดินเท้า ในนิเวศน์ของพระเวสสันดร
ต่างก็ประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญ
2921.017 -> ครั้นเมื่อสิ้นราตรีนั้น พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
พระเวสสันดรเสด็จมาสู่โรงทาน
2930.262 -> เพื่อทรงทาน โดยรับสั่งว่า
ท่านทั้งหลายจงให้ผ้าแก่ผู้ต้องการ
2938.081 -> จงให้เหล้าแก่พวกนักเลงเหล้า
จงให้โภชนะแก่ผู้ต้องการโภชนะโดยทั่วถึง
2946.375 -> และอย่าเบียดเบียนพวกวณิพก
ผู้มาในที่นี้อย่างไร
2951.938 -> จงเลี้ยงดูพวกวณิพกให้อิ่มหนำ
ด้วยข้าวและน้ำ
พวกเขาได้รับบูชาแล้วก็จงไป
2960.946 -> ครั้งนั้น เสียงดังกึกก้องโกลาหล
น่าหวาดเสียว เป็นไปในพระนครนั้นว่า
2969.359 -> ชาวพระนครสีพี จะขับไล่พระเวสสันดร
เพราะทรงบริจาคทาน
ขอให้พระองค์ได้ทรงบริจาคทานอีกเถิด.
2983.473 -> เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐ
ให้เจริญจะเสด็จออก
2989.313 -> วณิพกเหล่านั้นเป็นดั่งคนเมา
คนเหน็ดเหนื่อย ลงนั่งปรับทุกข์กันว่า
2995.962 -> ท่านผู้เจริญทั้งหลายชาวนครสีพีพากันขับไล่
พระเวสสันดรผู้ไม่มีผิดเสียจากแว่นแคว้น
3005.326 -> ก็เปรียบเหมือน ช่วยกันตัดต้นไม้
ที่ให้ผลต่าง ๆ เสีย ฉะนั้น
3010.295 -> ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ชาวนครสีพีพากันขับไล่
พระเวสสันดรผู้ไม่มีความผิดเสียจากแว่นแคว้น
3020.371 -> ก็เปรียบเหมือน ช่วยกันตัดต้นไม้
อันทรงผลต่างๆ ฉะนั้น
3027.506 -> ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ชาวนครสีพีพากันขับไล่
พระเวสสันดรผู้ไม่มีความผิดเสียจากแว่นแคว้น
3038.651 -> ก็เปรียบเหมือน ช่วยกันตัดต้นไม้
อันให้สิ่งที่ต้องการทุกอย่าง ฉะนั้น
3044.927 -> ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ชาวนครสีพีพากันขับไล่
พระเวสสันดรผู้ไม่มีความผิดเสียจากแว่นแคว้น
3055.359 -> ก็เปรียบเหมือน ช่วยกันตัดต้นไม้
อันนำรสที่ต้องการทุกอย่างมาให้ ฉะนั้น
3063.06 -> เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐจะเสด็จออก
ทั้งคนแก่ เด็ก และคนปานกลางต่างพากัน
ประคองแขนทั้งสองร้องไห้ คร่ำครวญ
3078.243 -> เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐจะเสด็จออก
พวกโหรหลวง พวกขันที มหาดเล็กต่าง ๆ
ก็ประคองแขนทั้งสองร้องไห้ คร่ำครวญ
3092.951 -> เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐจะเสด็จออก
แม้หญิงทั้งหลายที่มีอยู่ในพระนครนั้นต่าง
ก็ร้องไห้ คร่ำครวญ
3104.808 -> สมณพราหมณ์และวณิพก ต่างก็
ประคองแขนร้องไห้ คร่ำครวญว่า
3111.592 -> ท่านผู้เจริญทั้งหลาย
ได้ยินว่าเป็นการไม่ยุติธรรมเลย
3118.376 -> เพราะเหตุพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญทาน
อยู่ในพระราชวังของพระองค์
3124.802 -> จำต้องเสด็จออกจากแว่นแคว้นของ
พระองค์ เพราะถ้อยคำของชาวสีพี
3132.543 -> พระเวสสันดรทรงประทานช้างเจ็ดร้อยเชือก
ประดับด้วยเครื่องอลังการทุกอย่าง
3141.269 -> อันมีสายรัด มีทั้งกูบและสัปคับทอง
มีนายควาญถือหอกซัดและขอขึ้นคอประจำ
แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์
3154.392 -> พระเวสสันดรพระราชทานม้าเจ็ดร้อยตัว
อันประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง
เป็นม้าสินธพ ชาติอาชาไนย เป็นม้าฝีเท้าเร็ว
3168.472 -> มีนายสารถีถือทวน และธนูขึ้นขี่ประจำ
แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์
3176.931 -> พระเวสสันดรพระราชทานรถเจ็ดร้อยคัน
อันผูกสอดเครื่องรบปักธงไชยครบครัน
หุ้มด้วยหนึ่งเสือเหลืองและเสือโคร่ง
3190.054 -> ประดับด้วยเครื่องอลังการทุกอย่าง
มีนายสารถีสวมเกราะถือธนูขึ้นขับขี่
แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์
3201.144 -> พระเวสสันดรพระราชทานสตรีเจ็ดร้อยคน
นั่งประจำอยู่ในรถ คันละคน
3209.483 -> สอดสวมสร้อยสังวาล ตบแต่งด้วยเครื่องทอง
มีเครื่องประดับ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม และเครื่องอาภรณ์
3219.257 -> ล้วนแต่สีเหลือง มีดวงตากว้าง ใบหน้ายิ้มแย้ม
ตะโบกงาม เอวบางร่างน้อย
แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์
3231.543 -> พระเวสสันดรพระราชทานแม่โคนมเจ็ดร้อยตัว
พร้อมด้วยภาชนะเงินสำหรับรองน้ำนมทุก ๆ ตัว
แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์
3245.862 -> พระเวสสันดรพระราชทาน
ทาสีเจ็ดร้อยและทาสเจ็ดร้อย
แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์
3256.832 -> พระเวสสันดรพระราชทานช้าง ม้า และนารี
อันประดับประดาอย่างสวยงาม
แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์
3268.281 -> ในกาลนั้น ได้มีสิ่งที่น่ากลัวขนพองสยองเกล้า
เมื่อพระเวสสันดรพระราชทานมหาทานแล้ว
3279.73 -> แผ่นดินก็หวั่นไหว ครั้งนั้นได้มีสิ่งที่น่ากลัว
ขนพองสยองเกล้า
3287.591 -> พระเวสสันดรทรงประคองอัญชลี
เสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์.
3297.241 -> ครั้งนั้น เสียงดังกึกก้องโกลาหล
น่าหวาดเสียวเป็นไปในพระนครนั้นว่า
3305.655 -> ชาวนครสีพีขับไล่พระเวสสันดร
เพราะบริจาคทาน
ขอให้พระองค์ ทรงบริจาคทานอีกเถิด.
3316.444 -> พระศาสดาตรัสว่า
เมื่อพระมหาราชผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
จะเสด็จออก
3325.333 -> วณิพกเหล่านั้นเป็นดั่งคนเมา
คนเหน็ดเหนื่อย นั่งลงปรับทุกข์กัน.
3332.796 -> พระเวสสันดร กราบทูลพระเจ้าสัญชัย
ผู้ประเสริฐธรรมิกราชว่า
3340.259 -> ขอเดชะ ขอพระองค์ทรงพระกรุณา
โปรดเนรเทศข้าพระองค์เถิด
3346.653 -> ข้าพระองค์จะไปยังภูเขาวงกต
ข้าแต่พระมหาราช
3353.284 -> สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่งที่มีมาแล้ว
ที่จะมีมา และที่มีอยู่
3360 -> ยังไม่อิ่มด้วยกามเลย
ก็ต้องไปสู่สำนักของพระยายม
3366.038 -> ข้าพระองค์บำเพ็ญทานอยู่ใน
ปราสาทของตน ยังชื่อว่าเบียดเบียน
ชาวนครของตน
3374.095 -> จะต้องออกจากแว่นแคว้นของตน
เพราะถ้อยคำของชาวสีพี
3379.42 -> ข้าพระองค์จักต้องได้เสวย
ความลำบากนั้น ๆ
3384.033 -> ในป่าอันเกลื่อนกล่นด้วยพาลมฤค
เป็นที่อยู่อาศัยของแรดและเสือเหลือง
3391.852 -> ข้าพระองค์จะทำบุญทั้งหลาย
เชิญพระองค์ประทับจมอยู่ใน
ความเปือกตมเถิด พระเจ้าข้า.
3401.985 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
ข้าแต่พระแม่เจ้า ขอได้โปรดอนุญาต
ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอบวช
3412.596 -> ข้าพระองค์บำเพ็ญทานอยู่ใน
ปราสาทของตน ยังชื่อว่าเบียดเบียน
ชาวนครของตน
3420 -> จะต้องออกจากแว่นแคว้นของตน
เพราะถ้อยคำของชาวสีพี
3425.708 -> จักต้องได้เสวยความลำบากนั้น ๆ
ในป่าอันเกลื่อนกล่นด้วยพาลมฤค
3433.09 -> เป็นที่อาศัยของแรดและเสือเหลือง
ข้าพระองค์ จะกระทำบุญทั้งหลาย
จะไปสู่เขาวงกต.
3442.386 -> พระนางผุสดีตรัสว่า
ลูกเอ๋ย แม่อนุญาตให้ลุก
การบวชของลูกจงสำเร็จ
3452.878 -> ส่วนแม่มัทรีผู้มีความงาม
ตะโพกผึ่งผาย เอวบางร่างน้อย
จงอยู่กับลูก ๆ เถิด จักทำอะไรในป่าได้.
3466.001 -> พระเวสสันดรตรัสว่า
ข้าพระองค์ไม่พยายามจะนำ
แม้ซึ่งนางทาสีไปสู่ป่า
3474.818 -> โดยเขาไม่ปรารถนา
ถ้าเขาปรารถนาจะตามไป (ก็ตามใจ)
ถ้าเขาไม่ปรารถนาก็จงอยู่.
3487.767 -> พระศาสดาตรัสว่า
ลำดับนั้น พระมหาราชาเสด็จ
ดำเนินไปทรงวิงวอนพระสุณิสาว่า
3497.118 -> ดูก่อนแม่มัทรี ผู้มีร่างกาย
อันชะโลมจันทน์
3501.749 -> เจ้าอย่าได้ทรงธุลีละอองเลย
แม่มัทรีเคยทรงผ้ากาสี
3509.131 -> อย่าได้ทรงผ้าคากรองเลย
การอยู่ในป่าเป็นความลำบาก
3514.839 -> ดูก่อนแม่มัทรี ผู้มีลักขณาอันงาม
เจ้าอย่าไปเลยนะ.
3521.145 -> พระนางมัทรีราชบุตรี
ผู้งามทั่วพระวรกาย
3526.844 -> ได้กราบทูลพระสัสสุระ ว่า
ความสุขอันใดจะพึงมี
แก่เกล้ากระหม่อมฉัน
3534.466 -> โดยว่างเว้นพระเวสสันดร
เกล้ากระหม่อมฉัน
ไม่พึงปรารถนาความสุขอันนั้น.
3541.849 -> พระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐ
ได้ตรัสกะพระนางมัทรีนั้นว่า
3549.47 -> เชิญฟังก่อนแม่มัทรี
สัตว์อันจะรบกวน ยากที่จะอดทนได้
มีอยู่ในป่าเป็นอันมาก คือ
3558.765 -> เหลือบ ตั๊กแตน ยุง และผึ้ง
มันจะพึงเบียดเบียนเธอในป่านั้น
3565.669 -> ความทุกข์อย่างยิ่งนั้น จะพึงมีแก่เธอ
เธอจะต้องได้พบสัตว์อันน่ากลัวอื่น ๆ
3573.529 -> ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำ เช่น
งูเหลือม เป็นสัตว์ไม่มีพิษ
3578.519 -> แต่มันมีกำลังมาก มันรัดมนุษย์
หรือแม้เนื้อที่มาใกล้ ๆ ด้วยลำตัว
เอามาไว้ในขนดหางของมัน
3588.293 -> เนื้อร้ายอย่างอื่น ๆ เช่นหมีมีขนดำ
คนที่มันพบเห็นแล้ว หนีขึ้นต้นไม้ก็ไม่พ้น
3596.991 -> ควายเปลี่ยวขวิดเฝืออยู่
เขาทั้งคู่ปลายคมกริบ เที่ยวอยู่ในถิ่นนี้
ใกล้ฝั่งแม่น้ำโสตุมพะ
3607.243 -> ดูก่อนแม่มัทรี เธอเปรียบเหมือนแม่โครักลูก
เห็นฝูงเนื้อและโคถึกอันท่องเที่ยวอยู่ในป่า
จักทำอย่างไร
3617.974 -> ดูก่อนแม่มัทรี เธอได้เห็นทะโมนไพร
อันน่ากลัว ที่ประจวบเข้าใน
หนทางที่เดินได้ยาก
3626.911 -> ความพรั่นพรึงจักต้องมีแก่เธอ
เพราะ ไม่รู้จักเขต
3632.739 -> เมื่อเธออยู่ในพระนคร
ได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอน
ย่อมสะดุ้งตกใจ
3639.044 -> เธอไปถึงเขาวงกต จักทำอย่างไร
เมื่อฝูงนกพากันจับเจ่าในเวลาเที่ยง
3647.144 -> ป่าใหญ่เหมือนส่งเสียงกระหึ่ม
เธอปรารถนาจะไปในป่าใหญ่นั้นทำไม.
3654.048 -> พระนางมัทรีราชบุตรี
ผู้มีความสวยงามทั่วพระวรกาย
3660.593 -> ได้กราบทูลพระเจ้าสัญชัยนั้นว่า
พระองค์ทรงพระกรุณา
3666.061 -> ตรัสบอกสิ่งที่น่ากลัวอันมีอยู่ใน
ป่าใหญ่แก่เกล้ากระหม่อมฉัน
3670.812 -> เกล้ากระหม่อมฉันจักยอมทน
ต่อสู้สิ่งน่ากลัวทั้งปวงนั้น
3676.963 -> ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เกล้ากระหม่อมฉันจักไปแน่นอน
3682.432 -> เกล้ากระหม่อมฉัน จักแหวกต้นเป้ง
คา หญ้าคมบาง แฝก หญ้าปล้อง
หญ้ามุงกระต่าย ไปด้วยอก
3693.28 -> เกล้ากระหม่อมฉัน จักไม่เป็นผู้อัน
พระเวสสันดรนำไปได้ยาก
3698.871 -> อันว่ากุมารี ย่อมได้สามีด้วยวัตรจริยา
เป็นอันมาก คือ ด้วยการอดอาหาร
ตรากตรำท้อง
3708.885 -> ด้วยการผูกคาดไม้คางโค
ด้วยการบำเรอไฟ และด้วยการดำน้ำ
3715.909 -> ความเป็นหม้าย เป็นความเผ็ดร้อนในโลก
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เกล้ากระหม่อมฉัน จักไปแน่นอน
3725.444 -> ชายใดจับมือหญิงหม้าย
ผู้ไม่ปรารถนา ฉุดคร่าไป
3730.554 -> ชายนั้นเป็นผู้ไม่ควรบริโภค
ของที่เป็นเดนของหญิงหม้ายนั้นโดยแท้
3737.338 -> ความเป็นหม้ายเป็นความเผ็ดร้อนในโลก
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เกล้ากระหม่อมฉัน จักไปแน่นอน
3747.112 -> ชายอื่นให้ทุกข์มากมายมิใช่น้อย
ด้วยการจับผมและเตะ ถีบจนล้มลง
ที่พื้นดิน แล้วไม่ให้หลีกหนี
3757.723 -> ความเป็นหม้ายเป็นควานเผ็ดร้อนในโลก
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เกล้ากระหม่อมฉัน จักไปแน่นอน
3767.138 -> พวกเจ้าชู้ ผู้ต้องการหญิงหม้ายที่มี
ผิวพรรณผุดผ่อง ให้ของเล็กน้อยแล้ว
3774.999 -> สำคัญตัวว่า เป็นผู้มีโชคดีย่อมฉุดคร่า
หญิงหม้าย ผู้ไม่ปรารถนาไป
ดังฝูงกา ผู้กลุ้มรุมนกเค้าแมว ฉะนั้น
3786.209 -> ความเป็นหม้ายเป็นความเผ็ดร้อนในโลก
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เกล้ากระหม่อมฉัน จักไปแน่นอน
3795.744 -> อันว่าหญิงหม้ายแม้จะอยู่ในตระกูลญาติ
อันเจริญรุ่งเรืองด้วยเครื่องทอง
3802.05 -> จะไม่ได้รับคำติเตียน ล่วงเกินจาก
พี่น้อง และเพื่อนฝูง ก็หาไม่
3808.595 -> ความเป็นหม้ายเป็นความเผ็ดร้อนในโลก
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เกล้ากระหม่อมฉัน จักไปแน่นอน
3818.249 -> แม่น้ำไม่มีน้ำ ก็เปล่าดาย
แว่นแคว้นไม่มีพระราชา ก็เปล่าดาย
3825.272 -> แม้หญิงเป็นหม้าย ก็เปล่าดาย
ถึงแม้หญิงนั้น จะมีพี่น้องตั้งสิบคน
3833.491 -> ความเป็นหม้ายเป็นความเผ็ดร้อนในโลก
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เกล้ากระหม่อมฉัน จักไปแน่นอน
3843.145 -> อันว่าธง เป็นเครื่องหมายแห่งรถ
ควัน เป็นเครื่องปรากฏแห่งไฟ
3849.571 -> พระราชา เป็นสง่าของแว่นแคว้น
ภัสดา เป็นสง่าของหญิง
3855.996 -> ความเป็นหม้ายเป็นความเผ็ดร้อนในโลก
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เกล้ากระหม่อมฉัน จักไปแน่นอน
3865.77 -> หญิงจนผู้ทรงเกียรติ
ย่อมร่วมสุขทุกข์ของสามีที่จน
3872.435 -> หญิงมั่งคั่งผู้ทรงเกียรติ
ย่อมร่วมสุขทุกข์ของสามีที่มั่งคั่ง
3879.578 -> เทพเจ้าย่อมสรรเสริญหญิงนั้นแล
เพราะ เจ้าหล่อนทำกิจที่ทำได้ยาก
3887.08 -> เกล้ากระหม่อมฉันจักบวช
ติดตามพระสวามีไปทุกเมื่อ
แม้เมื่อแผ่นดินยังไม่ทำลาย
3896.017 -> ความเป็นหม้ายเป็นความเผ็ดร้อนของหญิง
เกล้ากระหม่อมฉันว่างเว้นพระเวสสันดร
เสียแล้ว
3904.835 -> ไม่พึงปรารถนาแม้แผ่นดิน
อันมีสาครเป็นขอบเขต
3909.945 -> ทรงไว้ซึ่งเครื่องปลื้มใจเป็นอันมาก
บริบูรณ์ด้วยรัตนะต่าง ๆ
3915.174 -> เมื่อสามีตกทุกข์แล้ว
หญิงเหล่าใด ย่อมหวังสุขเพื่อตน
3921.121 -> หญิงเหล่านั้น เลวทรามหนอ
หัวใจของหญิงเหล่านั้น เป็นอย่างไรหนอ
3927.906 -> เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐ เสด็จออกแล้ว
เกล้ากระหม่อมฉัน จักขอติดตามพระองค์ไป
3937.441 -> เพราะ พระองค์ทรงประทานสิ่งที่น่า
ปรารถนาทั้งปวง แก่เกล้ากระหม่อมฉัน.
3945.421 -> พระมหาราชาได้ตรัสกะพระนางมัทรี
ผู้มีความงามทั่วพระวรกายว่า
3953.64 -> ดูก่อนแม่มัทรีผู้มีศุภลักษณ์
พ่อชาลีและแม่กัณหาชินา
ลูกรักทั้งสองของเธอนี้
3963.056 -> ยังเป็นเด็ก เจ้าจงละไว้ ไปเถิด
พ่อจะรับเลี้ยงดูเด็กทั้งสองนั้นไว้เอง.
3971.275 -> พระนางมัทรีราชบุตรี ผู้มีความงาม
ทั่วพระวรกาย
3976.983 -> ได้กราบทูลพระเจ้าสัญชัยนั้นว่า
เทวะ พ่อชาลีและแม่กัณหาชินาทั้งสอง
3984.724 -> เป็นลูกสุดที่รักของเกล้ากระหม่อมฉัน
ลูกทั้งสองนั้น จักยังหัวใจเกล้ากระหม่อมฉัน
ผู้มีชีวิตอันโศกเศร้า ให้รื่นรมย์ในป่านั้น.
3997.967 -> พระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
ได้ตรัสกะพระนางมัทรีนั้นว่า
4005.589 -> เด็กทั้งสองเคยเสวยข้าวสาลี
อันปรุงด้วยเนื้อสะอาด
เมื่อต้องเสวยผลไม้ จักทำอย่างไร
4015.603 -> เด็กทั้งสองเคยเสวยในถาดทอง
หนักร้อยปละ อันเป็นของประจำราชสกุล
เมื่อต้องเสวยในใบไม้ จักทำอย่างไร
4028.095 -> เด็กทั้งสองเคยทรงภูษาแคว้นกาสี
ภูษาโขมรัฐและภูษาโกทุมพรรัฐ
เมื่อต้องทรงผ้าคากรอง จักทำอย่างไร
4040.74 -> เด็กทั้งสองเคยไปด้วยคานหาม วอและรถ
เมื่อต้องเดินด้วยเท้าเปล่า จักทำอย่างไร
4049.319 -> เด็กทั้งสองเคยบรรทมในเรือนยอด
มีบานหน้าต่างปิดสนิท ไม่มีลม
เมื่อต้องบรรทมที่โคนไม้ จักทำอย่างไร
4060.768 -> เด็กทั้งสองเคยบรรทมบนพรม
อันปูลาดไว้อย่างวิจิตรบนบัลลังก์
4066.954 -> เมื่อต้องบรรทมเครื่องลาดหญ้า
จักทำอย่างไร
4070.987 -> เด็กทั้งสองเคยลูบไล้ด้วยกฤษณา
และจันทน์หอม เมื่อต้องทรงละอองธุลี
จักทำอย่างไร
4080 -> เด็กทั้งสองเคยตั้งอยู่ในความสุข
มีผู้พัดวีให้ด้วยแส้จามรีและหางนกยูง
ต้องถูกเหลือบและยุงกัด จักทำอย่างไร.
4093.721 -> พระนางมัทรีราชบุตรี ผู้มีความงาม
ทั่วพระวรกาย
4099.668 -> ได้กราบทูลพระเจ้าสัญชัยว่า
เทวะ พระองค์อย่าได้ทรงปริเทวนา
และ อย่าได้ทรงเสียพระทัยเลย
4110 -> เกล้ากระหม่อมฉันทั้งสอง จักเป็นอย่างไร
เด็กทั้งสอง ก็จักเป็นอย่างนั้น
4117.183 -> พระนางมัทรีผู้มีความงามทั่วพระวรกาย
ครั้นกราบทูลคำนี้ แล้วเสด็จหลีกไป
4126.599 -> พระนางผู้ทรงศุภลักษณ์ ทรงพา
พระโอรสและพระธิดาเสด็จไป
ตามทางที่พระเจ้าสีพีเคยเสด็จ.
4137.689 -> ลำดับนั้น พระเวสสันดรขัตติยราช
ครั้นพระราชทานทานแล้ว
4144.473 -> ทรงถวายบังคมพระราชบิดา พระราชมารดา
และทรงกระทำประทักษิณแล้ว
4151.855 -> เสด็จขึ้นรถพระที่นั่ง อันเทียมด้วย
ม้าสินธพ ๔ ตัวทรงพาพระโอรส พระธิดา
และพระชายาเสด็จไปสู่ภูเขาวงกต.
4165.337 -> ลำดับนั้น พระเวสสันดรราช
เสด็จไปสู่หมู่ชนเป็นอันมาก
4171.164 -> ตรัสบอกลาว่า เราขอลาไปละนะ
ขอญาติทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่มีโรคเถิด.
4179.862 -> เมื่อพระเวสสันดรเสด็จออกจากพระนคร
ทรงเหลียวมาทอดพระเนตร
4186.407 -> แม้ครั้งนั้น แผ่นดินอันมีขุนเขาสิเนรุและ
ราวป่าเป็นเครื่องประดับ ก็หวั่นไหว.
4194.737 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า เชิญดูเถิดมัทรี
ที่ประทับของพระเจ้าสีพีราช
ปรากฏเป็นรูปอันน่ารื่นรมย์
4206.664 -> ส่วนมณเฑียรของเรา
เป็นดังเรือนเปรต.
4211.176 -> พระศาสดาตรัสว่า
พราหมณ์ทั้งหลายได้ตามพระเวสสันดร
นั้นไป เขาได้ขอม้ากะพระองค์
4220.671 -> พระองค์อันพราหมณ์ทั้งหลายทูลขอแล้ว
ทรงมอบม้า ๔ ตัว แก่พราหมณ์ ๔ คน.
4228.053 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
เชิญดูเถิดมัทรี ละมั่งทองร่างงดงาม
ใคร ๆ ไม่เห็น เป็นดังม้าที่ชำนาญนำเราไป.
4240.817 -> พระศาสดาตรัสว่า
ต่อมา พราหมณ์คนที่ห้าในที่นั้น
ได้มาขอราชรถกะพระองค์
4250.472 -> พระองค์ทรงมอบรถให้แก่เขา
และพระทัยของพระองค์ก็มิได้ย่อท้อเลย.
4258.094 -> ลำดับนั้น พระเวสสันดรราช
ให้คนของพระองค์ลงแล้ว
4264.879 -> ทรงปลอบและให้ปลงพระทัย
มอบรถม้าแก่พราหมณ์ ผู้แสวงหาทรัพย์.
4271.184 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า ดูก่อนมัทรี
เธอจงอุ้มกัณหานี้ ผู้เป็นน้องคงจะเบากว่า
พี่จักอุ้มชาลี เพราะชาลีเป็นพี่คงจะหนัก.
4287.895 -> พระศาสดาตรัสว่า
พระราชาทรงอุ้มพระโอรส
ส่วนพระราชบุตรีทรงอุ้มพระธิดา
4296.713 -> ทรงยินดีร่วมกันดำเนิน
ตรัสปราศรัยด้วยคำอันน่ารักกะกันและกัน.
4305.411 -> จบทานกัณฑ์
4331.454 -> ๔. วนปเวสนกัณฑ์
4336.78 -> ถ้ามนุษย์บางพวกเดินมาตามทางหรือ
เดินสวนทางมา เราจะถามมรรคากะพวกเขาว่า
ภูเขาวงกตอยู่ที่ไหน
4347.925 -> พวกเขาเห็นเราในระหว่างมรรคานั้น
จะพากันคร่ำครวญด้วยความกรุณาระทมทุกข์
ตอบเราว่า เขาวงกตยังอยู่อีกไกล.
4359.902 -> ครั้งนั้น พระกุมารทั้งสองทอดพระเนตร
เห็นต้นไม้อันมีผลในป่าใหญ่
ทรงพระกรรแสง เหตุประสงค์ผลไม้เหล่านั้น
4372.71 -> หมู่ไม้สูงใหญ่ดังจะเห็นพระกุมารทั้งสอง
ทรงพระกรรแสง ทรงน้อมกิ่งลงมา
เอนจนใกล้จะถึงพระกุมารทั้งสอง
4383.5 -> พระนางมัทรีผู้งดงามทั่วพระวรกาย
ทอดพระเนตรเห็นเหตุอัศจรรย์ ไม่เคยมี
น่าขนพองสยองเกล้านี้
4393.932 -> จึงซ้องสาธุการว่า น่าอัศจรรย์
ขนลุกขนพอง ไม่เคยมีในโลกหนอ
4400.802 -> ด้วยเดชแห่งพระเวสสันดร
ต้นไม้น้อมกิ่งลงมาเองได้.
4407.078 -> เทพเจ้าทั้งหลายมาช่วยย่นมรรคา
ให้กษัตริย์ทั้ง ๔ เสด็จถึงเจตรัฐ
4414.423 -> โดยวันที่เสด็จออกนั่นเอง
เพื่ออนุเคราะห์พระกุมารทั้งสอง.
4419.986 -> กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์ ทรงดำเนิน
สิ้นมรรคายืดยาว เสด็จถึงเจตรัฐ
4426.411 -> อันเป็นชนบท เจริญมั่งคั่ง
มีมังสะและข้าวดี ๆ เป็นอันมาก.
4432.837 -> พระศาสดาตรัสว่า
สตรีชาวนครเจตรัฐ เห็นพระนางมัทรี
ผู้มีศุภลักษณ์เสด็จมาก็พากันห้อมล้อม
4443.09 -> กล่าวกันว่า พระแม่เจ้านี้ เป็นสุขุมาลชาติหนอ
มาเสด็จดำเนินพระบาทเปล่า
4450.831 -> เคยทรงคานหามสีวิกามาศและราชรถ
แห่ห้อม วันนี้ พระนางเจ้ามัทรีต้องเสด็จ
ดำเนินในป่าด้วยพระบาท.
4463.117 -> พระยาเจตราชทั้งหลาย ได้ทัศนาเห็น
พระเวสสันดร ต่างก็ทรงกรรแสงเข้าไปเฝ้า
4471.097 -> กราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
พระองค์ทรงพระสำราญไม่มีโรคาพาธแลหรือ
พระองค์ไม่มีความทุกข์แลหรือ
4482.307 -> พระราชบิดาของพระองค์
หาพระโรคาพาธมิได้แลหรือ
ชาวนครสีพีก็ไม่มีทุกข์หรือ
4491.125 -> ข้าแต่พระมหาราชา
พลนิกายของพระองค์อยู่ที่ไหน
4497.312 -> กระบวนรถของพระองค์อยู่ที่ไหน
พระองค์ไม่มีม้าทรง ไม่มีรถทรง
4504.216 -> เสด็จดำเนินมาสิ้นทางไกล
พวกอมิตรมาย่ำยีหรือ
จึงเสด็จมาถึงทิศนี้.
4511.718 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
สหายทั้งหลายเอ๋ย ข้าพเจ้ามีความสุข
ไม่มีโรคาพาธ ข้าพเจ้าไม่มีความทุกข์
4521.731 -> อนึ่ง พระราชบิดาของเราก็ทรง
ปราศจากพระโรคาพาธ
และชาวสีพีก็สุขสำราญดี
4530.548 -> เพราะข้าพเจ้าได้ให้พระยาเศวตกุญชร
คชาธาร อันประเสริฐสุด
4537.452 -> มีงางอนงามดังงอนไถ
มีกำลังแกล้วกล้าสามารถ
4542.681 -> รู้เขตชัยภูมิแห่งสงครามทั้งปวง
อันลาดด้วยผ้ากัมพลเหลือง
4547.911 -> เป็นช้างซับมันอาจย่ำยีศัตรูได้
มีงางาม พร้อมทั้งพัดวาลวิชนี
4554.737 -> เป็นช้างเผือกขาวผ่องดังเขาไกรลาส
พร้อมทั้งเศวตฉัตรและเครื่องปูลาด
4562.239 -> ทั้งหมอช้างและควาญช้าง
เป็นยานอันเลิศ เป็นราชพาหนะ
4568.186 -> เราได้ให้แก่พราหมณ์
เพราะเหตุนั้น ชาวนครสีพีพากัน
โกรธเคืองข้าพเจ้า
4575.808 -> ทั้งพระราชบิดาก็ทรงกริ้ว
ขับไล่ข้าพเจ้า
4579.721 -> ข้าพเจ้าจะไปเขาวงกต
สหายทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงให้
ข้าพเจ้าทราบโอกาสอันเป็นที่อยู่ในป่าเถิด.
4590 -> พระเจ้าเจตราชทูลว่า
ข้าแต่พระมหาราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว
พระองค์มิได้เสด็จมาร้ายเลย
4599.894 -> พระองค์ผู้เป็นอิสราธิบดีเสด็จมาถึงแล้ว
ขอจงตรัสบอกพระประสงค์
สิ่งซึ่งมีอยู่ในพระนครนี้
4609.714 -> ข้าแต่พระมหาราช ขอเชิญเสวยสุธา
โภชนาหารข้าวสาลี ผักดอง
เหง้ามัน น้ำผึ้ง และเนื้อ
4619.469 -> พระองค์เสด็จมาถึง เป็นแขกที่
ข้าพระองค์ทั้งหลายสมควรจะต้อนรับ.
4626.253 -> พระเวสสันดรตรัสว่า
สิ่งใดอันท่านทั้งหลายให้แล้ว
สิ่งนั้นทั้งหมดเป็นอันข้าพเจ้ารับไว้แล้ว
4634.592 -> บรรณาการเป็นอันท่านทั้งหลาย
กระทำแล้วทุกอย่าง
4638.518 -> พระราชาทรงพิโรธข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไปยังเขาวงกต
4643.661 -> ดูก่อนสหายทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลาย
จงให้ข้าพเจ้าทราบโอกาสอันเป็นที่อยู่
ในป่านั้นเถิด.
4652.239 -> พระเจ้าเจตราชทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
เชิญเสด็จประทับ ณ เจตรัฐนี้ก่อนเถิด
4660.937 -> จนกว่าชาวเจตรัฐจักไปเฝ้าพระเจ้าสีพีราช
เพื่อทูลขอให้พระองค์ทรงทราบว่า
4668.08 -> พระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐไม่มีโทษ
ชาวเจตรัฐทั้งหลายได้ที่พึ่งแล้ว
4676.06 -> มีความปรีดาจะพากันเห่ล้อม
แวดล้อมพระองค์ไป
4680.811 -> ข้าแต่บรมกษัตริย์
ขอพระองค์ทรงทราบอย่างนี้เถิด.
4685.322 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
การไปเฝ้าพระเจ้าสีพีราช
4690.432 -> เพื่อทูลขอให้พระองค์ทรงทราบว่า
เราไม่มีโทษ
4694.585 -> ท่านทั้งหลายอย่าชอบใจเลย
ในเรื่องนี้ แม้พระราชาก็ไม่ทรงเป็นอิสระ
4701.728 -> เพราะ ถ้าชาวนครสีพีทั้งพลนิกาย
และชาวนิคมโกรธเคืองแล้ว
4708.273 -> ก็ปรารถนาจะกำจัดพระราชาเสีย
เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้า.
4713.622 -> พระเจ้าเจตราชทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ผดุงรัฐ
ถ้าพฤติการณ์นั้นเป็นไปในรัฐนี้
4721.244 -> ชาวเจตรัฐขอถวายตัวเป็นบริวาร
เชิญเสด็จครองราชสมบัติในเจตรัฐนี้ทีเดียว
4729.105 -> รัฐนี้ก็มั่งคั่งสมบูรณ์
ชนบทก็เพียบพูนกว้างใหญ่
4734.573 -> ข้าแต่สมมติเทพ ขอพระองค์ทรงปลง
พระทัยปกครองราชสมบัติเถิด พระเจ้าข้า.
4742.194 -> พระเวสสันดรตรัสว่า
ข้าพเจ้าไม่มีความพอใจ ไม่ตกลงใจ
เพื่อจะปกครองราชสมบัติ
4750.533 -> ท่านเจตบุตรทั้งหลาย
ขอท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า
ผู้ถูกขับไล่จากแว่นแคว้น
4758.155 -> ชาวนครสีพี ทั้งพลนิกาย
และชาวนิคม คงไม่ยินดีว่า
4764.461 -> ชาวเจตรัฐราชาภิเษกข้าพเจ้า
ผู้ถูกขับไล่ไปจากแว่นแคว้น
4770.527 -> แม้ความไม่เบิกบานใจ
พึงมีแก่ท่านทั้งหลาย
เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าเป็นแน่
4777.43 -> อนึ่ง ความบาดหมางและ
ความทะเลาะกับชาวสีพี
ข้าพเจ้าไม่ชอบใจ
4783.616 -> ใช่แต่เท่านั้น
ความบาดหมางพึงรุนแรงขึ้น
สงครามอันร้ายกาจก็อาจมีได้
4791.03 -> คนเป็นอันมาก พึงฆ่าฟันกันเอง
เพราะเหตุแห่งข้าพเจ้าผู้เดียว
4796.977 -> สิ่งใดอันท่านทั้งหลายให้แล้ว
สิ่งนั้นทั้งหมด เป็นอันข้าพเจ้ารับไว้แล้ว
4803.283 -> บรรณาการ เป็นอันท่านทั้งหลาย
กระทำแล้วทุกอย่าง
4808.273 -> พระราชาทรงพิโรธข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไปยังเขาวงกต
4813.263 -> ขอท่านทั้งหลาย
จงให้ข้าพเจ้าทราบโอกาส
เป็นที่อยู่ในป่านั้นเถิด.
4819.33 -> พวกกษัตริย์ทูลว่า
เชิญเถิด ราชฤาษีทั้งหลายผู้ทรงบูชาไฟ
มีพระทัยตั้งมั่น ประทับอยู่ ณ ประเทศใด
4830.714 -> ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
จักกราบทูล ประเทศนั้นให้ทรงทราบ
เหมือนอย่างผู้ฉลาดในหนทาง ฉะนั้น
4839.531 -> ข้าแต่พระมหาราชา โน่นภูเขาศิลาชื่อว่า
คันทมาทน์
4845.956 -> อันเป็นสถานที่ที่พระองค์ พร้อมด้วย
พระโอรส พระราชธิดาและพระชายา
สมควรจักประทับอยู่ พระเจ้าข้า.
4856.567 -> พระยาเจตราชทั้งหลาย ก็ทรงกันแสง
พระเนตรนองด้วยพระอัสสุชล
4863.352 -> กราบทูลพระเวสสันดรให้ทรงสดับว่า
ข้าแต่พระมหาราชา จากนี้ไป ขอเชิญ
พระองค์ทรงบ่ายพระพักตร์ไปทางทิศอุดร
4874.92 -> เสด็จสัญจรตรงไปยังสถานที่
ที่มีภูเขานั้น
4879.91 -> ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระเจริญ
ลำดับนั้นพระองค์จักทรงเห็นภูเขาเวปุลบรรพต
4888.01 -> อันดารดาษไปด้วยหมู่ไม้นานาพันธุ์
มีเงาร่มเย็น เป็นที่รื่นรมย์ใจ
4894.795 -> ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระเจริญ
พระองค์เสด็จล่วงเลยเวปุลบรรพตนั้นแล้ว
4901.938 -> ถัดนั้นไป จักได้ทรงเห็นแม่น้ำอันมีนามว่า
เกตุมดี เป็นแม่น้ำลึก ไหลมาจากซอกเขา
4911.593 -> เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงปลาหลากหลาย
มีท่าน้ำราบเรียบดี มีน้ำมาก
4918.975 -> พระองค์จะได้สรงสนานและเสวย
ในแม่น้ำนั้น ปลุกปลอบพระราชโอรส
และพระราชธิดาให้สำราญพระทัย
4928.63 -> ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระเจริญ ถัดนั้นไป
พระองค์จะได้ทรงเห็นต้นไทรอันมีผลหวานฉ่ำ
4936.963 -> อยู่บนยอดเขา อันเป็นที่รื่นรมย์
มีเงาร่มเย็น เป็นที่เบิกบานใจ
4943.627 -> ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระเจริญ ถัดนั้นไป
พระองค์จะได้ทรงเห็นภูเขาศิลาชื่อว่า
นาลิกบรรพต
4952.564 -> อันเกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงนกนานาชนิด
เป็นที่ชุมนุมแห่งหมู่กินนร
4957.913 -> ทางทิศอิสานแห่งนาลิกบรรพตนั้น
มีสระน้ำชื่อว่า มุจลินท์
4965.415 -> ดารดาษไปด้วยบุณฑริกบัวขาว และ
ดอกไม้มีกลิ่นหอมหวาน
4970.884 -> เชิญพระองค์ ผู้เป็นดังพระยาราชสีห์
มีความจำนงเหยื่อ
4977.31 -> เสด็จไปยังไพรสณฑ์ วนสถาน
อันเป็นภูมิภาคเขียวชอุ่ม
ดังเมฆอยู่เป็นนิตย์
4984.932 -> สะพรั่งไปด้วยดอกไม้ มีดอกและ
ไม้มีผลทั้งสองอย่างในไพรสณฑ์นั้น
4991.238 -> มีฝูงวิหคมากมายต่าง ๆ สี
มีเสียงเสนาะกลมกล่อม
4997.202 -> ต่างส่งเสียงประสานกันอยู่บน
ต้นไม้อันเผล็ดดอกตามฤดูกาล
5002.91 -> พระองค์เสด็จถึงซอกเขาอันเป็นทางลำบาก
เป็นแดนเกิดแห่งแม่น้ำทั้งหลาย
5009.455 -> จะได้ทอดพระเนตรเห็นสระโบกขรณี
อันดารดาษไปด้วยสลอดและกุ่มน้ำ
5016.479 -> มีหมู่ปลาหลากหลายเกลื่อนกล่น
มีท่าราบเรียบ มีน้ำมาก เปี่ยมอยู่เสมอ
5023.741 -> เป็นสระสี่เหลี่ยม มีน้ำจืดดี
ปราศจากกลิ่นเหม็น
5028.971 -> พระองค์ควรทรงสร้างบรรณศาลา
ทางทิศอีสาน แห่งสระโบกขรณีนั้น
5035.037 -> ครั้นทรงสร้างบรรณศาลาสำเร็จแล้ว
ควรทรงบำเพ็ญเพียร เลี้ยงพระชนม์ชีพ
ด้วยการเที่ยวแสวงหามูลผลาหาร.
5045.649 -> จบวนปเวสนกัณฑ์
5066.713 -> ๕. ชูชกกัณฑ์
5072.61 -> กาลนั้นมีพราหมณ์คนหนึ่งชื่อว่า ชูชก
เป็นชาวบ้านพราหมณ์ชื่อ ทุนนวิฏฐะ
ใน กาลิงครัฐ
5082.388 -> เที่ยวภิกษาจารได้ทรัพย์ ๑๐๐ กหาปณะ
ฝากไว้ที่สกุลพราหมณ์แห่งหนึ่ง
5089.771 -> แล้วไปเพื่อประโยชน์ แสวงหาทรัพย์อีก
เมื่อชูชกไปช้านาน สกุลพราหมณ์นั้น
ก็ใช้กหาปณะเสียหมด
5099.306 -> ภายหลังชูชก กลับมาทวง
ก็ไม่สามารถจะให้ทรัพย์นั้น
จึงยกธิดาชื่อ นางอมิตตดาให้ชูชก
5109.44 -> ชูชกจึงพานางอมิตตดา ไปอยู่บ้าน
ทุนนวิฏฐพราหมณ์คามในกาลิงครัฐ
นางอมิตตดาได้ปฏิบัติพราหมณ์โดยชอบ.
5122.324 -> ครั้งนั้น พวกพราหมณ์หนุ่ม ๆ เหล่าอื่น
เห็นอาจารสมบัติของนาง
จึงคุกคามภรรยาของตน ๆ ว่า
5132.457 -> นางอมิตตดานี้ปฏิบัติพราหมณ์ชราโดยชอบ
พวกเจ้าทำไมประมาทต่อเราทั้งหลาย
5140.676 -> ภรรยาพราหมณ์เหล่านั้นจึงคิดว่า
พวกเราจักยังนางอมิตตดานี้
ให้หนีไปเสียจากบ้านนี้
5149.613 -> คิดฉะนี้แล้วจึงไปประชุมกัน
ด่านางอมิตตดาที่ท่าน้ำ
5157.354 -> มารดาของเจ้าคงเป็นศัตรูเป็นแน่
และบิดาของเจ้าก็คงเป็นศัตรูแน่นอน
5165.398 -> จึงได้ยกเจ้า ซึ่งยังเป็นสาวรุ่นดรุณี
ให้แก่พราหมณ์ชราเห็นปานนี้
5171.703 -> ไม่เกื้อกูลเลยหนอ
ที่พวกญาติของเจ้าแอบปรึกษากัน
5177.322 -> ยกเจ้าผู้ยังเป็นสาวรุ่น ๆ
ให้แก่พราหมณ์เฒ่าเห็นปานนี้
5182.671 -> เป็นความชั่วหนอ
ที่พวกญาติของเจ้าแอบปรึกษากัน
5188.139 -> ยกเจ้าผู้ยังเป็นสาวรุ่น ๆ
ให้แก่พราหมณ์เฒ่าเห็นปานนี้
5193.607 -> เป็นความลามกมากหนอ
ที่พวกญาติของพวกเจ้าแอบปรึกษากัน
5199.793 -> ยกเจ้าผู้ยังเป็นสาวรุ่น ๆ
ให้แก่พราหมณ์เฒ่าเห็นปานนี้หนอ
5206.816 -> ไม่น่าพอใจเลยหนอ
ที่พวกญาติของเจ้าแอบปรึกษากัน
5212.644 -> ยกเจ้าซึ่งยังเป็นสาวรุ่น ๆ
ให้แก่พราหมณ์เฒ่าเห็นปานนี้
5218.71 -> เจ้าคงไม่พอใจอยู่กับผัวแก่
การที่เจ้าอยู่ในเรือนของพราหมณ์เฒ่า
เจ้าตายเสียดีกว่าอยู่
5226.571 -> ดูก่อนแม่คนงามคนสวย
มารดาและบิดาของเจ้าคงหาชายอื่น
ให้เป็นผัวไม่ได้แน่
5234.911 -> จึงยกเจ้าซึ่งยังเป็นสาวรุ่น ๆ
ให้แก่พราหมณ์เฒ่าเห็นปานนี้
5241.576 -> เจ้าคงจักบูชายัญไว้ไม่ดี ในดิถีที่ ๙
คงจักไม่ได้ทำการบูชาไฟ ไหว้เจ้า
5250 -> คงจักด่าสมณพราหมณ์
ผู้มีพรหมจรรย์เป็นเบื้องหน้า
ผู้มีศีล เป็นพหูสูตในโลกเป็นแน่
5258.1 -> เจ้าจึงได้มาอยู่ในเรือนของพราหมณ์แก่
แต่ยังสาวรุ่น ๆ อย่างนี้
5263.218 -> การที่ถูกงูกัด ก็ไม่เป็นทุกข์
การที่ถูกแทงด้วยหอก ก็ไม่เป็นทุกข์
5269.643 -> การที่ได้เห็นผัวแก่นั้นแล
พึงเป็นทุกข์ด้วย เป็นความร้ายกาจด้วย
5275.829 -> การเล่นหัว ย่อมไม่มีกับผัวแก่
การรื่นรมย์ ย่อมไม่มีกับผัวแก่
การเจรจาปราศรัย ย่อมไม่มีกับผัวแก่
5286.919 -> แม้การกระซิกกระซี้ ก็ไม่งาม
แต่เมื่อใดผัวหนุ่มเมียสาว
เย้าหยอกกันอยู่ในที่ลับ
5295.617 -> เมื่อนั้น ความเศร้าทุกอย่างที่
เสียดแทงหทัยอยู่ ย่อมพินาศไปสิ้น
5302.401 -> เจ้ายังเป็นสาวรูปสวย
พวกชายหนุ่มปรารถนายิ่งนัก
5307.51 -> เจ้าจงไปอยู่เสียที่ตระกูลญาติเถิด
พราหมณ์แก่ จักให้เจ่ารื่นรมย์ได้อย่างไร.
5315.012 -> นางอมิตตดากล่าวว่า
ดูก่อนท่านพราหมณ์ ฉันจักไม่ไปตักน้ำ
ที่แม่น้ำนั้น เพื่อท่านอีกต่อไป
5325.384 -> เพราะพวกหญิงชาวบ้านมันรุมด่าฉัน
เหตุที่ท่านเป็นคนแก่.
5330.852 -> ชูชกกล่าวว่า
เธออย่าได้ทำการงานเพื่อฉันเลย
ฉันจักตักน้ำเอง เธออย่าโกรธเลย
5339.311 -> นางกล่าวว่า
ฉันไม่ได้เกิดในสกุลที่ใช้สามีให้ตักน้ำ
5345.019 -> ท่านพราหมณ์ ขอจงรู้อย่างนี้ว่า
ฉันจักไม่อยู่ในเรือนของท่าน
5350.846 -> ถ้าท่านจักไม่นำทาสหรือทาสีมาให้ฉัน
ท่านพราหมณ์ จงทราบอย่างนี้ว่า
ฉันจักไม่อยู่ในสำนักของท่าน.
5360.551 -> ชูชกกล่าวว่า
ดูก่อนพราหมณี ศิลปกรรมหรือทรัพย์
และข้าวเปลือกของฉันไม่มี
5368.77 -> ฉันจักนำทาสหรือทาสีมาให้เธอแต่ที่ไหน
ฉันจักบำรุงเธอ เธออย่าโกรธเลย.
5377.109 -> นางกล่าวว่า
มานี่เถิด ฉันจักบอกแก่ท่าน
ตามคำที่ฉันได้ฟังมา
5384.252 -> พระเวสสันดรราชฤาษีประทับอยู่ ณ เขาวงกต
ท่านพราหมณ์ จงไปทูลขอทาสและทาสี
กะพระองค์เถิด
5394.386 -> เมื่อท่านทูลขอแล้ว พระองค์จัก
พระราชทานทาสและทาสีแก่ท่าน.
5400.811 -> ชูชกกล่าวว่า
ฉันเป็นคนชรา ทุพพลภาพ
ทั้งหนทางก็ไกล เดินไปได้ยาก
5408.791 -> เธออย่ารำพันไปเลย อย่าเสียใจเลย
ฉันจักบำรุงเธอ เธออย่าโกรธเลย.
5416.292 -> นางกล่าวว่า
คนขลาดยังไม่ทันถึงสนามรบ
ไม่ทันได้รบ ก็ยอมแพ้ ฉันใด
5424.392 -> ท่านพราหมณ์ ยังไม่ทันได้ไป
ก็ยอมแพ้ ฉันนั้น
5429.143 -> ถ้าท่านพราหมณ์จักไม่นำทาสหรือทาสี
มาให้ฉัน ขอท่านจงทราบไว้อย่างนี้ว่า
ฉันจักไม่อยู่ในเรือนของท่าน
5438.2 -> ฉันจักกระทำอาการไม่พอใจให้แก่ท่าน
ข้อนั้น จักเป็นความทุกข์ของท่าน
5444.865 -> ในคราวมหรสพ ซึ่งมีในต้นฤดูนักขัตฤกษ์
ท่านจักได้เห็นฉันผู้แต่งตัวสวยงาม
รื่นรมย์อยู่กับชายอื่น ๆ
5455.835 -> ข้อนั้นจักเป็นทุกข์ของท่าน
ดูก่อนท่านพราหมณ์ เมื่อท่านซึ่งเป็น
คนแก่รำพันอยู่
5463.457 -> เพราะไม่เห็นฉัน ร่างกายที่งอ ก็จักงอยิ่งขึ้น
ผมที่หงอก ก็จักหงอกมากขึ้น.
5473.341 -> พระศาสดาตรัสว่า
ลำดับนั้น พราหมณ์ตกใจกลัว
5479.142 -> ตกอยู่ในอำนาจของนางพราหมณี
ถูกกามราคะบีบคั้น
5484.467 -> ได้กล่าวกะนางพราหมณีว่า
ดูก่อนนางพราหมณี เธอจงทำ
เสบียงเดินทางให้ฉัน
5491.593 -> ทั้งขนมงา ขนมเทียน สตูก้อน สตูผง
เธอจงจัดให้ดี ๆ
5497.987 -> ฉันจักนำพระพี่น้องสองกุมาร
มาให้เป็นทาส
5501.65 -> พระกุมารทั้งสองนั้น เป็นผู้ไม่เกียจคร้าน
จักบำเรอเธอทั้งกลางคืนกลางวัน.
5508.876 -> พราหมณ์ชูชกผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพรหม
สวมรองเท้าแล้ว พร่ำสั่งเสียต่อไป
5516.339 -> กระทำประทักษิณภรรยา
สมาทานวัตร มีหน้านองด้วยน้ำตา
5522.021 -> หลีกไปสู่นครอันเจริญรุ่งเรืองของ
ชาวสีพี เที่ยวแสวงหาทาส ทาสี.
5529.128 -> พราหมณ์ชูชกไปในนครนั้นแล้ว ได้ถาม
ประชาชนที่มาประชุมกัน อยู่ในที่นั้น ๆ ว่า
5537.467 -> พระเวสสันดรราชประทับอยู่ ณ ที่ไหน
เราทั้งหลายจะไปเฝ้าพระองค์
ผู้บรมกษัตริย์ ณ ที่ไหน
5546.165 -> ชนทั้งหลายผู้มาประชุมกันอยู่ ณ ที่นั้น
ได้ตอบพราหมณ์นั้นว่า
5551.753 -> ดูก่อนท่านพราหมณ์ พระเวสสันดร
บรมกษัตริย์ ถูกพวกท่านเบียดเบียน
เพราะทรงให้ทานมากไป
5560.451 -> ต้องทรงพาพระราชโอรส พระราชธิดา
และพระอัครมเหสี ไปประทับอยู่ ณ เขาวงกต.
5569.03 -> พราหมณ์นั้น ผู้มีความติดใจในกาม
ถูกนางพราหมณ์ตักเตือนได้เสวยทุกข์
เป็นอันมาก
5577.609 -> ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยสัตว์ร้าย
เป็นที่เสพอาศัยแห่งแรดและเสือเหลือง
5584.513 -> แกถือไม้เท้าสีเหมือนผลมะตูม
อีกทั้งเครื่องบูชาไฟและเต้าน้ำ
เข้าไปสู่ป่าใหญ่
5593.211 -> โดยทางที่ได้ทราบข่าว ซึ่งพระหน่อกษัตริย์
ผู้ประทานตามประสงค์
5599.039 -> เมื่อพราหมณ์นั้น เข้าไปสู่ป่าใหญ่
ถูกสุนัขล้อมไล่ ตาแกร้องเรียกขรม
เดินหลงทางห่างออกไปไกล
5609.291 -> ลำดับนั้น พราหมณ์ผู้โลภในโภคะ
ไม่มีความสำรวม (ถูกสุนัขล้อมไล่)
5616.792 -> หลงทางไปสู่เขาวงกต
(และนั่งอยู่บนต้นไม้)
ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
5623.576 -> ใครเล่าหนอ จะพึงบอกราชบุตรพระนามว่า
เวสสันดรผู้ประเสริฐ ทรงชำนะความตระหนี่
อันใครให้แพ้ไม่ได้
5634.786 -> ทรงให้ความปลอดภัยในเวลามีภัยแก่เราได้
พระองค์เป็นที่พึ่งของพวกยาจก
ดังธรณีเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ฉะนั้น
5646.354 -> ใครจะพึงบอกซึ่ง พระเวสสันดรมหาราช
ผู้เปรียบเหมือนแม่ธรณี แก่เราได้
5654.095 -> พระองค์เป็นที่ไปเฝ้าของพวกยาจก
ดังสาคร เป็นที่ไหลไปรวมแห่งแม่น้ำ
ทั้งหลาย ฉะนั้น
5661.596 -> ใครจะพึงบอกซึ่ง พระเวสสันดรมหาราช
ผู้เปรียบเหมือนสาคร แก่เราได้
5668.739 -> พระองค์เป็นดังสระน้ำ มีท่าอันงามราบเรียบ
ลงดื่มได้ง่าย มีน้ำเย็นเป็นที่รื่นรมย์ใจ
5678.633 -> ดารดาษไปด้วยบุณฑริกบัวขาว
สะพรั่งด้วยเกสรบัว
5684.101 -> ใครจะพึงบอกซึ่ง พระเวสสันดรมหาราช
ผู้เปรียบเหมือนสระน้ำ แก่เราได้
5691.603 -> ใครจะพึงบอกซึ่ง พระเวสสันดรมหาราช
ผู้เปรียบเหมือนต้นโพธิ์ใบ ที่เกิดอยู่ใกล้ทาง
มีเงาร่มเย็นน่ารื่นรมย์ใจ
5702.932 -> เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง
ผู้เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน แก่เราได้
5710.434 -> ใครจะพึงบอกซึ่ง พระเวสสันดรมหาราช
ผู้เปรียบเหมือนต้นไทร ที่เกิดอยู่ใกล้ทาง
มีเงาร่มเย็นน่ารื่นรมย์ใจ
5720.91 -> เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง
ผู้เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อยในเวลาร้อน แก่เราได้
5727.933 -> ใครจะพึงบอก พระเวสสันดรมหาราช
ผู้เปรียบเหมือนต้นมะม่วง ที่เกิดอยู่ใกล้ทาง
มีเงาร่มเย็นน่ารื่นรมย์ใจ
5737.588 -> เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง
ผู้เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน แก่เราได้
5745.21 -> ใครจะพึงบอกซึ่ง พระเวสสันดรมหาราช
ผู้เปรียบเหมือนต้นรัง ที่เกิดดอยู่ใกล้ทาง
มีเงาร่มเย็นน่ารื่นรมย์ใจ
5755.821 -> เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง
ผู้เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน แก่เราได้
5763.682 -> ใครจะพึงบอกซึ่ง พระเวสสันดรมหาราช
ผู้เปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ ที่เกิดอยู่ใกล้ทาง
มีเงาร่มเย็นน่ารื่นรมย์ใจ
5774.054 -> เป็นที่พักอาศัยของคนเดินทาง
ผู้เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อยมาในเวลาร้อน แก่เราได้
5781.556 -> ก็เมื่อเราเข้าไปในป่าใหญ่
เพ้อรำพันอยู่อย่างนี้
5786.546 -> ผู้ใดจะพึงบอกว่า เรารู้
ผู้นั้นยังความยินดีให้เกิดแก่เรา
5793.33 -> เมื่อเราเข้าไปในป่าใหญ่
เพ้อรำพันอยู่อย่างนี้
5797.603 -> ผู้ใดพึงบอกที่ประทับของพระเวสสันดรว่า
เรารู้จัก ผู้นั้นประสบบุญเป็นอันมาก
ด้วยวาจาคำเดียวนั้น.
5809.65 -> พระศาสดาตรัสว่า
นายเจตบุตร เป็นพรานเที่ยวอยู่ในป่า
ได้ตอบแก่ชูชกนั้นว่า
5818.392 -> ดูก่อนพราหมณ์
พระหน่อกษัตริย์ ถูกพวกท่านรบกวน
เพราะทรงบำเพ็ญทานอย่างยิ่ง
5826.611 -> จึงถูกเนรเทศจากแคว้นของพระองค์
มาประทับอยู่ ณ เขาวงกต
5832.199 -> ดูก่อนพราหมณ์
พระหน่อกษัตริย์ ถูกพวกท่านรบกวน
เพราะทรงบำเพ็ญทานอย่างยิ่ง
5839.701 -> ต้องทรงพาพระราชโอรส พระราชธิดา
และพระมเหสี มาประทับอยู่ ณ เขาวงกต
5848.399 -> ท่านผู้มีปัญญาทราม ทำแต่กิจที่ไม่ควรทำ
ยังออกจากแว่นแคว้น ตามมาถึงป่าใหญ่
5856.499 -> เที่ยวแสวงหาพระราชบุตร ดุจนกยาง
เที่ยวหาปลาอยู่ในน้ำ ฉะนั้น
5862.925 -> แน่ะพราหมณ์ เราจักไม่ให้ชีวิตแก่เจ้าในที่นี้
ลูกศรที่เราจะยิงนี้แหละ จักดื่มเลือดเจ้า
5872.101 -> ดูก่อนพราหมณ์ เราจักตัดหัวของเจ้า
เชือดเอาหัวใจพร้อมทั้งไส้พุง แล้วจักบูชา
ปันถสกุณยัญ พร้อมด้วยเนื้อของเจ้า
5884.626 -> ดูก่อนพราหมณ์ เราจักเชือดหัวใจของเจ้า
ยกขึ้นเป็นเครื่องเซ่นสรวง พร้อมด้วยเนื้อ
มันข้น และมันในสมองของเจ้า
5896.074 -> ดูก่อนพราหมณ์ ข้อนั้น จักเป็นยัญ
ที่เราบูชาดีแล้ว เซ่นสรวงดีแล้ว
ด้วยเนื้อของเจ้า
5905.489 -> เจ้าจักนำพระมเหสี และพระราชโอรส
พระธิดาของพระราชบุตรไปไม่ได้.
5912.99 -> ชูชกกล่าวว่า ดูก่อนเจตบุตร จงฟังเราก่อน
พราหมณ์ผู้เป็นทูต เป็นคนหาโทษมิได้
5922.644 -> เพราะเหตุนั้นแล คนทั้งหลายย่อมไม่ฆ่าทูต
นี้เป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาแต่โบราณ
5930.4 -> ชาวสีพีทุกคน ยินยอมแล้ว
พระบิดาก็ทรงปรารถนาจะพบพระราชบุตร
5937.543 -> และพระมารดาของพระราชบุตรนั้น
ทรงทุพพลภาพ พระเนตรทั้งสองของ
พระมารดานั้นจักขุ่นมัวในไม่ช้า
5946.839 -> เราเป็นทูตที่ชาวสีพีเหล่านั้นส่งมา
ดูก่อนเจตบุตร จงฟังเราก่อน
5954.34 -> เราจักนำพระราชบุตรเสด็จกลับ
ถ้าเจ้ารู้ จงบอกหนทางแก่เรา.
5960.526 -> เจตบุตรกล่าวว่า
ดูก่อนพราหมณ์ ท่านเป็นทูตที่รักของ
พระเวสสันดร ผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า
5969.282 -> ข้าพเจ้าจะให้เต้าน้ำผึ้ง และขาเนื้อย่าง
เป็นบรรณาการแก่ท่าน
5975.229 -> และจักบอกประเทศ ที่พระเวสสันดร
หน่อกษัตริย์ ผู้ให้สำเร็จความประสงค์
ประทับอยู่แก่ท่าน.
5983.807 -> จบชูชกกัณฑ์
6011.019 -> ๖.จูฬวนวรรณนากัณฑ์
6017.77 -> พรานเจตบุตร ให้พราหมณ์ชูชกบริโภคแล้ว
ให้กระบอกน้ำผึ้งและขาเนื้อย่างแก่ชูชก
เพื่อเป็นเสบียงเดินทางอย่างนี้แล้ว
6030.4 -> ยืนที่หนทาง ยกมือเบื้องขวาขึ้น
เมื่อจะแจ้งโอกาสเป็นที่ประทับอยู่แห่ง
พระเวสสันดรมหาสัตว์ จึงกล่าวว่า
6042.02 -> ดูก่อนมหาพราหมณ์
นั่นภูเขาคันธมาทน์ อันล้วนแล้วด้วยหิน
6049.602 -> พระเวสสันดรเจ้า พร้อมด้วยพระโอรส
พระธิดาและพระมเหสี ทรงเพศนักบวช
อันประเสริฐ
6058.015 -> ทรงขอสำหรับสอยผลไม้ เครื่องบูชา
ไฟและชฎา ทรงนุ่งห่มหนังเสือ
6065.398 -> บรรทมเหนือแผ่นดิน ทรงบูชาไฟ
ประทับอยู่ ณ อาศรมใด
6071.464 -> เมื่อท่านบ่ายหน้าเดินทางไปทาง
ทิศอุดร จะได้เห็นอาศรมนั้น
6077.889 -> นั่นหมู่ไม้เขียวชะอุ่ม มียอดสูงตระหง่าน
คือ ไม้ตะแบก หูกวาง ไม้ตะเคียน ไม้รัง
ไม้ตะคร้อ ไม้ยางทราย
6090 -> ย่อมหวั่นไหวไปตามลม ดังมาณพดื่มสุรา
คราวเดียว ก็ซวนเซไปมาอยู่ ฉะนั้น
6097.263 -> ท่านได้ฟังเสียงฝูงนก อันจับอยู่บนกิ่งไม้
ปานดังเสียงเพลงขับทิพย์
6103.808 -> คือ นกโพระดก นกดุเหว่า นกกระจง
พลางส่งเสียงร้อง บินจากต้นไม้โน้น
มาสู่ต้นไม้นี้
6114.06 -> ทั้งหมู่ไม้ที่ต้องลมพัดสะบัดกิ่งและ
ใบเสียดสีกันคล้ายกับจะเรียกคน
ผู้กำลังเดินไปให้หยุด
6123.475 -> และเหมือนดังชักชวนคนผู้จะผ่านไป
ให้ยินดีชื่นชมพักผ่อน
6129.542 -> พระเวสสันดรเจ้า พร้อมด้วย
พระโอรส พระธิดาและพระมเหสี
ทรงเพศเป็นพราหมณ์
6138.36 -> ทรงขอสำหรับสอยผลไม้ เครื่องบูชาไฟ
และชฎา ทรงนุ่งห่มหนังเสือ
6145.503 -> บรรทมเหนือแผ่นดิน ทรงบูชาไฟ
ประทับอยู่ ณ อาศรมใด
6151.45 -> เมื่อท่านบ่ายหน้าเดินไปทาง
ทิศอุดร จะได้เห็นอาศรมนั้น.
6156.918 -> ในบริเวณอาศรมนั้น มีหมู่ไม้มะม่วง
มะขวิด ขนุน ไม้รัง ไม้หว้า
6165.138 -> สมอพิเภก สมอไทย มะขามป้อม
ไม้โพธิ์ ไม้พุทรา มะพลับทอง ต้นไทร
มะซางหวานและมะเดื่อ
6175.749 -> มีผลสุกแดงเรื่อ ๆ อยู่ในที่ต่ำ คล้ายงาช้าง
กล้วยหอม ผลจันทน์มีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง
6185.762 -> รวงผึ้งไม่มีตัว มีในที่นั้น
คนเอื้อมือปลิดลงมาบริโภคได้เอง
6192.307 -> ในบริเวณอาศรมนั้น มีต้นมะม่วง
บางต้นออกช่อแย้มบาน
บางต้นมีดอกและใบร่วงหล่น
6202.44 -> ผลิผลดาษดื่น บางอย่างยังดิบ
บางอย่างสุกแล้ว
6208.028 -> ผลมะม่วงดิบและสุกทั้งสองอย่างนั้น
มีสีดังหลังกบ
6213.496 -> อนึ่ง ในบริเวณอาศรมนั้น บุรุษยืนอยู่
ในภายใต้ก็เก็บมะม่วงสุกกินได้
6221.117 -> ผลมะม่วงดิบและสุกทั้งหลาย
มีสีสวย กลิ่นหอมและรสอร่อยที่สุด
6227.781 -> เหตุการณ์เหล่านี้เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ข้าพเจ้า
เหลือเกิน ถึงกับข้าพเจ้าออกอุทานว่า
6235.642 -> อือ ๆ ที่ประทับอยู่ของพระเวสสันดรนั้น
เป็นดังที่ประทับอยู่ของทวยเทพ
ย่อมงดงามปานด้วยนันทวัน
6245.416 -> ต้นตาล ต้นมะพร้าว และอินทผาลัม
ที่มีอยู่ในป่าใหญ่มีดอกเรียงรายกันอยู่
เหมือนพวงมาลัยที่เขาร้อยไว้
6256.745 -> หมู่ไม้เหล่านั้น ย่อมปรากฏดัง ยอดธงชัย
6261.377 -> ในบริเวณอาศรมนั้น มีหมู่ไม้ต่างๆ พันธุ์
คือ ไม้มูกมัน โกฐ สะค้าน แคฝอย
ไม้บุนนาค บุนนาคเขา และไม้ทรึก
6274.978 -> มีดอกบานสะพรั่ง สีต่าง ๆ กันเหมือนหมู่ดาว
เรียงอยู่บนนภากาศ ฉะนั้น
6281.762 -> อนึ่ง ในบริเวณอาศรมนั้น มีไม้ราชพฤกษ์
ไม้มะเกลือ กฤษณา รักดำ ต้นไทรใหญ่
ไม้รังไก่ ไม้ประดู่ มีดอกบานสะพรั่ง
6295.814 -> ในบริเวณอาศรมนั้น มีไม้มูกหลวง ไม้สน
ไม้กะทุ่ม ไม้ช่อ ไม้ตะแบก นางรัง
6306.067 -> ล้วนมีดอกเป็นพุ่มพวง ดังลอมฟาง
บานในที่ไม่ไกลจากอาศรมนั้น
6312.731 -> มีสระโบกขรณี ณ ภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ใจ
ดารดาษไปด้วยดอกปทุมชาติและอุบล
6320.711 -> สระโบกขรณีในสวนนันทนวัน
ของทวยเทพ ฉะนั้น
6324.625 -> อนึ่ง ณ ที่ใกล้สระโบกขรณีนั้น
มีฝูงนกดุเหว่าเมารสดอกไม้
6331.768 -> ส่งเสียงไพเราะจับใจ
ทำป่านั้นให้ดังอึกทึก กึกก้อง
6337.595 -> ในเมื่อคราวหมู่ไม้ผลิดอก
แย้มบานตามฤดูกาล
6342.346 -> รสหวานดังน้ำผึ้ง ร่วงหล่นจากเกสรดอกไม้
ลงมาค้างอยู่บนใบบัว ย่อมชื่อว่าน้ำผึ้งใบบัว
( ขัณฑสกร)
6353.675 -> อนึ่ง ลมทางทิศทักษิณและทางทิศประจิม
ย่อมพัดมาที่อาศรมนั้น
6361.275 -> อาศรมเป็นสถานที่เกลื่อนกล่น
ไปด้วยละอองเกสรปทุมชาติ
6365.907 -> ในสระโบกขรณีนั้น มีกระจับขนาด
ใหญ่ ๆ ทั้งข้าวสาลีอ่อนบ้าง แก่บ้าง
ล้มดาษอยู่บนภาคพื้น
6376.638 -> และในสระโบกขรณีนั้น น้ำใสสะอาด
มองเห็นฝูงปลา เต่าและปูเป็นอันมาก
สัญจรไปมาเป็นหมู่ ๆ
6386.89 -> รสหวานปานน้ำผึ้ง ย่อมไหลออกจาก
เหง้าบัว รสมันปานนมสดและเนยใส
ย่อมไหลออกจากสายบัว
6397.143 -> ป่านั้นมีกลิ่นหอมต่างๆ ที่ลมรำเพยพัดมา
ย่อมหอมฟุ้งตระหลบไป
6404.525 -> ป่านั้นเหมือนดังจะชวนเชิญ
คนที่มาถึงแล้วให้เบิกบาน
ด้วยดอกไม้และกิ่งไม้ที่มีกลิ่นหอม
6413.702 -> แมลงภู่ทั้งหลายต่างก็บินว่อนวู่
บันลือเสียงอยู่โดยรอบ
ด้วยกลิ่นดอกไม้
6421.323 -> อนึ่ง ที่ใกล้อาศรมนั้น ฝูงวิหคเป็น
อันมากมีสีต่าง ๆ กัน บันเทิงอยู่กับ
คู่ของตนๆ ร่ำร้องขานขันแก่กันและกัน
6433.489 -> มีฝูงนกอีกสี่หมู่ทำรังอยู่ใกล้ ๆ
สระโบกขรณี คือ
6438.599 -> หมู่ที่ ๑ ชื่อว่านันทิกา ย่อมร้องทูลเชิญ
พระเวสสันดรเจ้า ให้ชื่นชมยินดีอยู่ในป่านี้
6448.373 -> หมู่ที่ ๒ ชื่อว่า ชีวปุตตา ย่อมร่ำร้อง
ถวายพระพรพระเวสสันดรพร้อม
ด้วยพระราชโอรส พระราชธิดา
6458.985 -> และพระอัครมเหสี จงมีพระชนม์
ยืนนาน ด้วยความสุขสำราญ
6466.008 -> หมู่ที่ ๓ ชื่อว่า ชีวปุตตาปิยาจโน ย่อมร่ำร้อง
ถวายพระพรให้พระเวสสันดร
6475.543 -> พร้อมทั้งพระราชโอรส พระราชธิดา และ
พระอัครมเหสีผู้เป็นที่รักของพระองค์
6483.882 -> จงพระสำราญ พระชนมายุยืนนาน
ไม่มีข้าศึกศัตรู
6490.188 -> หมู่ที่ ๔ ชื่อว่า ปิยาปุตตา ปิยานันทา
ย่อมร่ำร้องถวายพระพรให้พระราชโอรส
6498.527 -> พระราชธิดาและพระอัครมเหสี
จงเป็นที่รักของพระองค์
6504.713 -> ขอพระองค์จงเป็นที่รักของพระราชโอรส
พระราชธิดาและพระอัครมเหสี
ทรงชื่นชมโสมนัสต่อกันและกัน
6515.205 -> ดอกไม้ทั้งหลาย ย่อมตั้งเรียงราย
กันอยู่ เหมือนพวงมาลัยที่เขาร้อยไว้
6522.108 -> หมู่ไม้เหล่านั้น ย่อมปรากฏดัง
ยอดธงชัย มีดอกสีต่าง ๆ กัน
6528.772 -> ดังนายช่างผู้ฉลาด
เก็บมาร้อยกรองไว้
6533.403 -> พระเวสสันดรเจ้า พร้อมด้วยพระราช
โอรส พระราชธิดาและพระมเหสี
ทรงเพศเป็นพราหมณ์
6542.221 -> ทรงขอสำหรับสอยผลไม้ เครื่องบูชาไฟ
และชฎา ทรงนุ่งห่มหนังเสือ
บรรทมเหนือแผ่นดิน
6551.397 -> ทรงบูชาไฟ ประทับอยู่ ณ อาศรมใด
เมื่อท่านบ่ายหน้าไปทางทิศอุดร
จะได้เห็นอาศรมนั้น.
6560.693 -> ชูชกกล่าวว่า
เออก็ข้าวสตูผง อันระคนด้วยน้ำผึ้งและ
ข้าวสตูก้อน มีรสหวานอร่อยของลุงนี้
6571.782 -> อันนางอมิตตดาจัดแจงให้แล้ว
ลุงจะแบ่งให้แก่เจ้า.
6577.49 -> เจตบุตรกล่าวว่า ข้าแต่ท่านพราหมณ์
จงเอาไว้เป็นเสบียงทาง
6583.916 -> ขอเชิญท่านจงรับน้ำผึ้งกับขาเนื้อย่าง
จากสำนักของข้าพเจ้านี้
เอาไปเป็นเสบียงทางอีกด้วย
6593.44 -> และขอท่านจงไปตามสบายเถิด
หนทางนี้เป็นทางเดินได้คนเดียว
ตรงลิ่วไปถึงอาศรมของอจุตฤาษี
6604.063 -> แม้อจุตฤาษี อยู่ในอาศรมนั้น ฟันเขลอะ
มีผมเกลือกกลั้วธุลี ทรงเพศเป็นพราหมณ์
6613.478 -> มีขอสำหรับสอยผลไม้ เครื่องบูชาไฟ
และชฎา นุ่งห่มหนังเสือ นอนเหนือ
แผ่นดิน บูชาไฟ
6623.9 -> ลุงไปถึงแล้ว เชิญถามท่านเถิด
ท่านจักบอกหนทางให้แก่ลุง.
6630 -> ชูชกผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพราหมณ์
ได้ฟังคำของเจตบุตรดังนี้แล้ว
มีจิตยินดีเป็นอย่างยิ่ง
6639.177 -> กระทำประทักษิณเจตบุตรแล้ว
เดินทางตรงไป ณ สถานที่
อันอจุตฤาษีสถิตอยู่.
6647.277 -> จบจุลวนวรรณนา
6680.853 -> ๗. มหาวนวรรณนากัณฑ์
6686.702 -> ชูชกพราหมณ์ภารทวาชโคตรนั้น
เมื่อเดินไปตามทางที่เจตบุตร
พรานป่าแนะให้
6694.413 -> ก็ได้พบกับอจุตฤาษี
ครั้นแล้ว ได้เจรจาปราศรัย
กับอจุตฤาษี ไต่ถามทุกข์สุขว่า
6703.895 -> พระคุณเจ้าไม่มีโรคาพาธเบียดเบียนหรือ
เป็นสุขสบายดีหรือ
6710.178 -> เยียวยาอัตภาพด้วยการแสวงหาผลไม้
สะดวกหรือ มูลมันผลไม้มีมากหรือ
6716.963 -> เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลาน
จะมีน้อยกระมัง
6721.474 -> ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยเนื้อร้าย
ไม่มีกล้ำกลายเข้ามารบกวนแหละหรือ.
6727.421 -> อจุตฤาษีกล่าวว่า
ดูก่อนพราหมณ์ เราไม่มีโรคาพาธเบียดเบียน
เราเป็นสุขสบายดี
6736 -> เยียวยาอัตภาพด้วยการแสวงหา
ผลไม้สะดวกดี มูลมันผลไม้ก็มีมาก
6742.664 -> อนึ่ง เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลานก็น้อย
ในป่าอันเกลื่อนกลาดไปด้วยเนื้อร้าย
ไม่มีกล้ำกรายมารบกวนเราเลย
6751.96 -> เมื่อเรามาอาศัยอยู่ในอาศรม
สิ้นจำนวนปีเป็นอันมาก
6756.352 -> เราไม่รู้สึกถึงความอาพาธ
อันไม่เป็นที่รื่นรมย์ใจเกิดขึ้นเลย
6761.82 -> ดูก่อนมหาพราหมณ์ ท่านมาดีแล้ว
อนึ่ง ท่านมิได้มาร้าย
6767.528 -> ดูก่อน ท่านผู้เจริญ
เชิญท่านเข้าไปภายใน
เชิญล้างเท้าทั้งสองของท่าน
6774.313 -> ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง
ผลหมากเม่า มีรสหวานคล้ายน้ำผึ้ง
เชิญท่านเลือกบริโภคแต่ผลที่ดี ๆ
6784.686 -> แม้น้ำฉันก็เย็นสนิท
เรานำมาจากซอกเขา
6788.959 -> ดูก่อนมหาพราหมณ์ ถ้าท่านจำนงหวัง
ก็เชิญดื่มตามสบายเถิด.
6794.667 -> ชูชกกล่าวว่า
สิ่งใดอันพระคุณเจ้าให้แล้ว
สิ่งนั้นทั้งหมดข้าพเจ้ารับไว้แล้ว
6802.408 -> บรรณาการอันพระคุณเจ้า
กระทำแล้วทุกอย่าง
6806.441 -> ข้าพเจ้ามาแล้วเพื่อจะเยี่ยมเยือน
พระเวสสันดรราชฤาษี
6812.388 -> ราชโอรสของพระเจ้ากรุงสัญชัย
ซึ่งพลัดพรากจากชาวสีพีมาช้านาน
6818.813 -> ถ้าพระคุณเจ้า ทราบสถานที่ประทับ
โปรดแจ้งแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด.
6825.119 -> ดาบสกล่าวว่า
ท่านมานี่เพื่อเป็นศรีสวัสดิ์
เพื่อมาเยี่ยมเยือนพระเวสสันดรเจ้าก็หาไม่
6833.44 -> เราเข้าใจว่าท่านปรารถนา (จะมาขอ)
พระอัครมเหสีผู้เคารพนบนอบ
พระราชสวามีไปเป็นภรรยา
6843.113 -> หรือมิฉะนั้นท่านก็ปรารถนา (จะมาขอ)
พระกัณหาชินาราชกุมารีและ
พระชาลีราชกุมารไปเป็นทาสทาสี
6853.605 -> หรือไม่ก็มาเพื่อจะนำเอาพระมารดา
และพระราชกุมารีทั้งสามพระองค์ไปจากป่า
6860.389 -> ดูก่อนพราหมณ์ โภคสมบัติทรัพย์และข้าว
เปลือกของพระองค์มิได้มี.
6866.336 -> ชูชกกล่าวว่า
ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ท่านยังไม่สมควร
จะโกรธเคือง
6872.283 -> เพราะข้าพเจ้ามิได้มาเพื่อขอทาน
การพบเห็นอริยชนเป็นความดี
การอยู่ร่วมกับอริยชนเป็นสุขทุกเมื่อ
6881.818 -> พระเวสสันดรสีพีราชเสด็จพลัดพรากจาก
ชาวสีพีมา ข้าพเจ้ายังมิได้เห็นเลย
6889.439 -> ข้าพเจ้ามาเพื่อจะเยี่ยมเยือนพระองค์
ถ้าพระคุณเจ้าทราบสถานที่ประทับ
โปรดแจ้งแก่ข้าพเจ้าเถิด.
6897.898 -> ดาบสกล่าวว่า
ดูก่อนมหาพราหมณ์ นั่นภูเขาคันธมาทน์
อันล้วนแล้วด้วยหิน
6905.639 -> พระเวสสันดรเจ้า พระโอรส พระธิดา
และพระมเหสี ทรงเพศนักบวชอันประเสริฐ
6913.855 -> ทรงขอสำหรับสอยผลไม้ เครื่องบูชาไฟ
และชฎา ทรงนุ่งห่มหนังเสือ
6921.24 -> บรรทมเหนือแผ่นดิน ทรงบูชาไฟ
ประทับอยู่ ณ อาศรมใด
6927.187 -> เมื่อท่านบ่ายหน้าเดินไปทางทิศอุดร
จะได้เห็นอาศรมนั้น
6932.536 -> นั้นหมู่ไม้เขียวชะอุ่ม ทรงผลต่างๆ
ปรากฏดังภูเขาอัญชนบรรพต
เขียวชะอุ่ม มียอดสูงตระหง่าน
6942.788 -> คือ ไม้ตะแบก หูกวาง ไม้ตะเคียน
ไม้รัง ไม้ตะคร้อ ไม่ยางทราย
ย่อมหวั่นไหวไปตามลม
6952.083 -> ดังมาณพดื่มสุราคราวเดียว
ก็ซวนเซไปมาอยู่ ฉะนั้น
6957.073 -> ท่านจะได้ฟังเสียงฝูงนกอันจักอยู่บน
กิ่งไม้ ปานดังเสียงเพลงทิพย์
6963.02 -> คือ นกโพระดก นกดุเหว่า นกกระจง
ส่งเสียงร้องบินจากต้นไม้โน่นมาสู่
ต้นไม้นี้
6971.598 -> ทั้งหมู่ไม้ที่ต้องลมพัดสะบัดกิ่งและ
ใบเสียดสีกัน คล้ายกับจะเรียกคน
ผู้กำลังเดินทางไปให้หยุด
6981.013 -> และเหมือนดังชักชวนผู้จะผ่าน
ให้ยินดีชื่นชม
6985.405 -> พระเวสสันดรเจ้า พร้อมด้วยพระราชโอรส
พระราชธิดาและพระมเหสี
ทรงเพศเป็นนักบวชอันประเสริฐ
6994.581 -> ทรงขอสำหรับสอยผลไม้
เครื่องบูชาไฟและใส่ชฎา
ทรงนุ่งห่มหนังสือ
7002.561 -> บรรทมเหนือแผ่นดิน ทรงบูชาไฟ
ประทับอยู่ ณ อาศรมใด
7008.388 -> เมื่อท่านบ่ายหน้าทางไปทาง
ทิศอุดรจะได้เห็นอาศรมนั้น
7013.856 -> ที่ภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ใจ
มีดอกกุ่มตกอยู่เรี่ยราย
พื้นดินเขียวชะอุ่มไปด้วยหญ้าแพรก
7022.912 -> ณ ที่นั้นไม่มีธุลีฟุ้งขึ้นเลย
หญ้านั้นมีสีเขียวคล้ายขนคอ
นกยูงเปรียบสัมผัสแห่งสำลี
7032.687 -> หญ้าทั้งหลายโดยรอบ
ยาวไม่เกิน ๔ องคุลี
7036.84 -> ต้นมะม่วง ต้นชมพู่ ต้นมะขวิดและมะเดื่อ
มีผลสุก ๆ อยู่ในที่ต่ำ ๆ
7044.701 -> ป่าไม้นั้นเป็นที่ให้เจริญความยินดี
เพราะมีหมู่ไม้ผลบริโภคได้เป็นอันมาก
7052.562 -> น้ำใสสะอาดกลิ่นหอมดี สีดังแก้วไพฑูรย์
เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงปลา
ไหลหลั่งมาในป่านั้น
7063.054 -> ภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ใจ
ในที่ไม่ไกลอาศรมนั้น
7067.805 -> มีสระโบกขรณีดารดาษไปด้วย
ปทุมชาติและอุบล เหมือนดังที่มี
อยู่ในนันทวันของทวยเทพ
7076.144 -> ดูก่อนพราหมณ์ ในสระนั้นมีอุบลชาติ
๓ ชนิด คือ เขียว ขาว และแดง
งามวิจิตรมากมาย.
7086.277 -> พระดาบสกล่าวว่า
ในสระนั้นมีปทุมชาติดาษดื่น
สีขาวดังผ้าโขมพัสตร์
7094.975 -> สระนั้นชื่อว่า มุจลินท์ ดารดาษไป
ด้วยอุบลขาว จงกลณี และผักทอดยอด
7102.943 -> อนึ่งเล่า ปทุมชาติในสระนั้นมีดอกบาน
สะพรั่ง ปรากฏหากำหนดประมาณมิได้
7110.923 -> บ้างก็บานในคิมหันตฤดู
บ้างก็บานในเหมันตฤดู
7116.63 -> ปรากฏเหมือนตั้งอยู่ในน้ำลึก
ประมาณเพียงเข่า
7121.142 -> ปทุมชาติอันงามวิจิตรชูดอกสะพรั่ง
ส่งกลิ่นหอมฟุ้งตระหลบไป
7127.687 -> หมู่ภมรโผผินบินว่อน เสียงวู่ ๆ อยู่โดยรอบ
เพราะกลิ่นหอมแห่งบุปผชาติ.
7134.472 -> ดูก่อนพราหมณ์ อนึ่งเล่า ที่ใกล้ขอบสระนั้น
มีต้นไม้หลากหลายขึ้นออกสะพรั่ง คือ
7143.17 -> ต้นกระทุ่ม ต้นแคฝอย และต้นทองหลาง
ผลิดอกออกสะพรั่ง ไม้ปรู ไม่ทราก ต้นปาริชาต
ดอกบานสะพรั่ง ต้นกากะทิง
7156.413 -> ต้นไม้เหล่านี้มีอยู่ที่สองฟากปากสระมุจลินท์
ต้นซึก ต้นแคขาว บัวบก ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไป
7166.666 -> ต้นคนทิสอ ต้นคนทิเขมา และต้นประดู่
มีอยู่ ณ ที่ใกล้สระนั้น ดอกสะพรั่ง
7176.201 -> ต้นมะคำไก่ ไม้มะทราง ต้นเก้า ต้นมะรุม
การะเกด กรรณิการ์ และชะบา
7184.181 -> ไม้รกฟ้า ไม้อินทนิล ไม้สะท้อน และ
ทองกวาวมีดอกแย้มบาน ผลิดอก
ออกยอดพร้อม ๆ กัน รุ่งเรืองงาม
7196.347 -> ไม้มะรื่น ไม้ตีนเป็ด กล้วย ต้นคำฝอย
นมแมว คนทา ประดู่ลาย ต้นสลอด
มีดอกบานสะพรั่ง
7207.078 -> ต้นมะไฟ ต้นงิ้ว ไม้ช้างน้าว พุดขาว กฤษณา
โกฐเขมา โกฐสอ มีดอกบานสะพรั่ง
7217.69 -> ต้นไม้ในบริเวณสระนั้นมีทั้งอ่อนและแก่
ต้นตรงไม่คองอ ดอกบานตั้งอยู่สองข้าง
อาศรมโดยรอบเรือนไฟ.
7229.497 -> อนึ่ง พันธุ์ไม้เป็นอันมาก เกิดขึ้น
ใกล้ขอบสระนั้น คือ ตะไคร้ ถั่วเขียว
ถั่วราชมาส สาหร่าย สันตะวา
7240.404 -> น้ำในสระนั้นถูกลมรำเพยพัด เกิดเป็น
ระลอกกระทบฝั่ง มีหมู่แมลงบินวู่ว่อน
เคล้าเอาเกสรดอกไม่ที่แย้มบาน
7251.787 -> สีเสียดเทศ เต่าร้าง ผักบุ้งร้วม
มีมากในที่ต่างๆ
7258.182 -> ดูก่อนพราหมณ์ ต้นไม้ทั้งหลาย
ดารดาษไปด้วยกล้วยไม้
7263.626 -> กลิ่นแห่งบุปผชาติดังกล่าวแล้วนั้น
หอมตระหลบอยู่ ๗ วัน ไม่พลันหาย
7270.496 -> บุปผชาติเกิดอยู่เรียงรายสองฝั่ง
สระมุจลินท์ ป่านั้นดารดาษ
ไปด้วยต้นราชพฤกษ์ย่อมงดงาม
7279.503 -> กลีบดอกราชพฤกษ์นั้นหอมตระหลบ
อยู่กึ่งเดือนไม่เลือนหาย
7284.71 -> อัญชันเขียว อัญชันขาว กุ่มแดง
ดอกบานสะพรั่ง ป่านั้นดารดาษไป
ด้วยอบเชยและแมงลัก
7294.311 -> เหมือนดังจะให้คนเบิกบานใจ
ด้วยดอกไม้และกิ่งไม้อันมีกลิ่นหอม
7301.062 -> เหล่าภมรโผผิน บินว่อนเสียงวู่ ๆ
อยู่โดยรอบ เพราะกลิ่นหอมแห่ง
บุปผชาติ
7308.406 -> ดูก่อนพราหมณ์ ณ ที่ใกล้สระนั้น
มีฟักแฟง แตงน้ำเต้า ๓ ชนิด
7315.038 -> ชนิดหนึ่งผลโตเท่าหม้อ
อีกสองชนิดผลโตเท่าตะโพน.
7320.626 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้นมีผักกาด
กระเทียม หอม เป็นอันมาก
7327.411 -> ต้นเต่ารั้งตั้งอยู่สล้างดังต้นตาล
อุบลเขียวมีเป็นอันมาก
ขึ้นอยู่ริมน้ำพอเอื้อมเด็ดได้
7337.305 -> มะลิวัน นมตำเลีย หญ้านาง อบเชย
อโศก เทียนป่า ดอกเข็ม หางช้าง
อังกาบ กากะทิง กระลำพัก ทองเครือ
7349.232 -> ดอกแย้มบานสะพรั่งขึ้นขนาน
ต้นชุมแสง ขึ้นแซงแซกคัดเค้า
และชะเอม
7357.332 -> มะลิซ้อน หงอนไก่ เทพทาโร แคฝอย
ฝ้ายทะเล กรรณิการ์ดอกเบ่งบานงาม
ปรากฏดังตาข่ายทองเปรียบด้วยเปลวไฟ
7369.738 -> บุปผชาติเกิดบนบกและที่เกิดในน้ำ
ปรากฏมีในสระนั้นทุกอย่าง
7375.924 -> สระมุจลินท์มีน้ำมาก เป็นที่รื่นรมย์
ด้วยประการฉะนี้.
7381.034 -> อนึ่ง ในสระนั้นมีปลาซึ่งว่ายอยู่ในน้ำ
มากมาย คือ ปลาตะเพียน ปลาซ่อน
ปลาดุก จระเข้ ปลาฉลาม
7392.777 -> ณ ที่ใกล้สระนั้น มีชะเอมต้น ชะเอมเครือ
กำยาน ประยงค์ เนรภูสี แห้วหมู สัตตบุษย์
สมุลแว้ง พิมเสน สามสิบ และกฤษณา
7407.575 -> เถากะไดลิง มีมากมาย บัวบก โกฐขาว
กระทุ่มเลือด ต้นหนาด ขมิ้น แก้วหอม
7416.751 -> หรดาล คำ คูน สมอพิเภก ไคร้
เครือ พิมเสน และรางแดง.
7425.689 -> อนึ่ง ในป่านั้นมีสัตว์หลายจำพวก คือ
ราชสีห์ เสือโคร่ง ยักษิณี หน้าฬา ช้างพัง
ช้างพลาย เนื้อทราย เนื้อฟาน ละมั่ง
7440 -> นางเห็น หมาจิ้งจอก หมาไน บ่าง กระรอก
จามรี ชะนี ลิงลม ค่าง ลิง ลิงจุ่น กวาง
กระทิง หมี วัวเถื่อน มีมากมาย
7455.762 -> แรด หมู พังพอน งูเห่า มีอยู่ที่
ใกล้สระนั้นเป็นอันมาก
7462.307 -> กระบือ หมาไน หมาจิ้งจอก กิ้งก่า
จะกวด เหี้ย เสือดาว เสือเหลือง
มีอยู่โดยรอบ
7471.364 -> กระต่าย แร้ง ราชสีห์ และเสือปลา
มีอยู่มากหลาย
7477.55 -> มีสกุณชาติมากมาย คือ นกกวัก นกยูง
หงส์ขาว ไก่ฟ้า ไก่ป่า ไก่เถื่อน นกหัสดีลิงค์
ร่ำร้องหากันและกัน
7490.195 -> นกยางโทน นกยางกรอก นกโพระดก
นกต้อยตีวิด นกกะเรียน เหยี่ยวดำ
เหยี่ยวแดง นกช้อนหอย นกพริก
7503.079 -> นกคับแค นกแขวก นกกด นกกระเต็นใหญ่
นกนางแอ่น นกคุ่ม นกกะทา นกกระทุง
นกกระจอก นกกระจาบ นกกระเต็นน้อย
7515.484 -> นกกางเขน นกการเวก นกแอ่นลม นกเงือก
นกออก สระมุจลินท์เกลื่อนกล่นไปด้วยฝูงนก
นานาชนิด กึกก้องไปด้วยเสียงสัตว์ต่างๆ.
7527.77 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้น มีนกมากมาย
มีขนปีกงามวิจิตร มีเสียงไพเราะ
เสนาะโสต
7536.109 -> ย่อมปราโมทย์อยู่กับคู่เคียง
ส่งเสียง กู่ก้องร้องหากันและกัน
7541.218 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้น มีฝูงสกุณาทิชาชาติ
ส่งเสียงร้องไพเราะไม่ขาดสาย
7548.72 -> มีตางามประกอบด้วยเบ้าตาขาว
มีขนปีกขนหางงามวิจิตร
7554.581 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้นมีฝูงนกยูง
ส่งเสียงร้องไพเราะไม่ขาดสาย
7561.246 -> มีสร้อยคอเขียว ส่งเสียงร้อง
หากันและกัน
7565.279 -> ไก่เถื่อน ไก่ฟ้า นกเปล้า นกนางนวล
เหยี่ยวดำ เหยี่ยวนกเขา นกกาน้ำ
นกแขกเต้า นกสาลิกา
7575.292 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้น มีนกเป็นอันมาก
เป็นพวก ๆ คือ เหลือง แดง ขาว
นกหัสดีลิงค์ พระยาหงส์ทอง นกกาน้ำ
7587.459 -> นกแขกเต้า นกดุเหว่า นกออก หงส์ขาว
นกช้อนหอย นกเค้าแมว ห่าน นกยาง
นกโพระดก นกต้อยตีวิด นกพิราบ
7599.626 -> หงส์แดง นกจากพราก นกเป็ดน้ำ
นกหัสดีลิงค์ ส่งเสียงร้องน่ารื่นรมย์ใจ
7607.681 -> เหล่าสกุณาทิชาชาติดังกล่าวแล้ว
ต่างก็ส่งเสียงกู่ร้องหากัน ทั้งเช้า
และเย็นเป็นนิรันดร์
7615.661 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้นมีสกุณาทิชาชาติ
มากมายสีต่าง ๆ กัน ย่อมบันเทิงอยู่กับ
คู่เคียง ส่งเสียงกู่ก้องร้องเข้าหากันและกัน
7627.947 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้น มีสกุณาทิชาชาติ
มากมายสีต่าง ๆ กัน ทุก ๆ ตัวต่างส่งเสียง
อันไพเราะระงมไพร ที่ใกล้สองฝั่งสระมุจลินท์
7641.908 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้นมีสกุณาทิชาชาติ ชื่อว่า
การเวกมากมาย ย่อมปราโมทย์อยู่กับ
คู่เคียง ส่งเสียงกู่ก้องร้องหากันและกัน
7655.031 -> อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้นมีสกุณาทิชาชาติ ชื่อว่า
การเวก ทุก ๆ ตัวต่างส่งเสียงอันไพเราะ
ระงมไพรอยู่ที่สองฝั่งสระมุจลินท์
7668.154 -> ป่านั้นเกลื่อนกลาดไปด้วย เนื้อทราย
และเนื้อฟาน เป็นสถานที่เสพอาศัยของ
ช้างพลายและช้างพัง
7677.57 -> ดาษดื่นไปด้วยเถาวัลย์นานาชนิด
และเป็นที่อาศัยของฝูงชะมด
7682.8 -> อนึ่ง ที่ป่านั้น มีธัญญชาติมากมาย คือ
หญ้ากับแก้ ลูกเดือย ข้าวสาลี อ้อย
มิใช่น้อยเกิดเองในที่ไม่ได้ไถ
7695.205 -> ทางนี้เป็นทางเดินได้คนเดียว
เป็นทางตรงไปจนถึงอาศรม
7701.391 -> คนผู้ไปถึงอาศรมของพระเวสสันดร
นั้นแล้ว ย่อมไม่มีความหิวกระหาย
หรือความไม่ยินดี
7708.892 -> พระเวสสันดรเจ้าพร้อมด้วยพระโอรส
พระธิดา และมเหสี ทรงเพศนักบวช
อันประเสริฐ ทรงขอสำหรับสอยผลไม้
7719.743 -> เครื่องบูชาไฟและชฎา ทรงนุ่งห่มหนังเสือ
บรรทมเหนือแผ่นดิน ทรงบูชาไฟ
ประทับอยู่ ณ อาศรมใด
7730.355 -> เมื่อท่านบ่ายหน้าไปทางทิศอุดร
จะได้เห็นอาศรมนั้น.
7735.226 -> ชูชกผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพราหมณ์
ครั้นสดับถ้อยคำของอจุตฤาษี
7741.891 -> กระทำประทักษิณ มีจิตชื่นชมโสมนัส
อำลามุ่งหน้าไปยังสถานที่ประทับของ
พระเวสสันดร.
7750.948 -> จบมหาวนวรรณนากัณฑ์
7757.651 -> ฝ่ายชูชกไปจนถึงฝั่งโบกขรณีสี่เหลี่ยม
ตามทางที่พระอจุตดาบสบอก
7765.708 -> คิดว่าวันนี้เย็นเกินไปเสียแล้ว
บัดนี้พระนางมัทรีจักเสด็จกลับแล้ว
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงย่อมกระทำอันตรายแก่ทาน
7778.397 -> พรุ่งนี้เวลาพระนางเสด็จไปป่า
เราจึงไปสู่อาศรม เฝ้าพระเวสสันดร
ราชฤาษี ทูลขอกุมารกุมารีทั้งสอง
7789.78 -> เมื่อพระนางยังไม่เสด็จกลับ
ก็จักพาสองกุมารกุมารีนั้นหลีกไป
7796.412 -> จึงขึ้นสู่เนินภูผาแห่งหนึ่ง
ในที่ไม่ไกลสระนั้น
นอน ณ ที่มีความสำราญ.
7803.875 -> ก็ราตรีนั้นเวลาใกล้รุ่ง
พระนางมัทรีได้ทรงพระสุบิน
ความในพระสุบินนั้นว่า
7814.009 -> มีชายคนหนึ่งผิวดำนุ่งห่มผ้ากาสายะสองผืน
ทัดดอกไม้สีแดงทั้งสองหู
ถืออาวุธตะดอกขู่มาเข้าสู่บรรณศาลา
7827.85 -> จับพระชฎาของพระนางคร่ามา
ให้พระนางล้มหงาย ณ พื้น
ควักดวงพระเนตรทั้งสอง
7836.548 -> และตัดพระพาหาทั้งสองของ
พระนาง ผู้ร้องไห้อยู่
7841.658 -> ทำลายพระอุระ ถือเอาเนื้อพระหทัย
ซึ่งมีหยาดพระโลหิตไหลอยู่ แล้วหลีกไป
7849.997 -> พระนางมัทรีตื่นบรรทม
ทั้งตกพระหทัย ทั้งสะดุ้ง
7855.824 -> ทรงรำพึงว่า เราฝันร้าย
บุคคลผู้จะทำนายฝัน
เช่นกับพระเวสันดร ไม่มี
7864.044 -> เราจักทูลถามพระองค์ ทรงคิดฉะนี้แล้ว
เสด็จไปเคาะพระทวารบรรณศาลา
แห่งพระมหาสัตว์.
7872.981 -> ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ทรงสดับ
เสียงเคาะพระทวารนั้น นั่นใคร
พระนางทูลสนองว่า หม่อมฉันมัทรี พระเจ้าค่ะ
7884.55 -> พระเวสสันดรตรัสว่า แน่ะนางผู้เจริญ
เธอทำลายกติกาวัตรของเราทั้งสองเสียแล้ว
เพราะเหตุไรจึงมาในเวลาอันไม่สมควร
7897.195 -> พระนางมัทรีกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ
หม่อมฉันมิได้มาเฝ้าด้วยอำนาจกิเลส
ก็แต่ว่า หม่อมฉันฝันร้าย
7908.763 -> พระเวสสันดรตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นเธอจงเล่าไป
พระนางมัทรีก็เล่าถวายโดยทำนองที่
ทรงสุบินทีเดียว
7919.255 -> พระมหาสัตว์ทรงกำหนด
พระสุบินนั้นแล้ว ทรงดำริว่า
7924.604 -> ทานบารมีของเรา จักเต็มรอบ
พรุ่งนี้ จักมียาจกมาขอบุตรี
เราจักยังนางมัทรีให้อุ่นใจ แล้วจึงกลับไป
7936.89 -> ทรงดำริฉะนั้นแล้วตรัสว่า แน่ะมัทรี
จิตของเธอขุ่นมัว เพราะบรรทมไม่ดี
เสวยอาหารไม่ดี เธออย่ากลัวเลย
7949.056 -> แล้วตรัสโลมเล้าเอาพระทัย
ให้อุ่นพระหทัย
แล้วตรัสส่งให้เสด็จกลับไป.
7957.037 -> เมื่อราตรีสว่าง พระนางมัทรีทรงทำกิจ
ที่ควรทำทั้งปวงแล้ว สวมกอดพระโอรสพระธิดา
จุมพิตพระเศียรแล้วประทานโอวาทว่า
7969.921 -> แน่. แม่และพ่อ วันนี้มารดาฝันร้าย
แม่และพ่ออย่าประมาท
7977.782 -> แล้วเสด็จไปเฝ้าพระมหาสัตว์
ทูลขอให้พระมหาสัตว์ทรงรับ
พระโอรสและพระธิดาด้วยคำว่า
7986.719 -> ขอพระองค์ อย่าทรงประมาทในทารกทั้งสอง
แล้วทรงถือกระเช้าและเสียม เป็นต้น
7994.221 -> เช็ดน้ำพระเนตร เข้าสู่ป่า
เพื่อต้องการมูลผลาผล
7999.928 -> ฝ่ายชูชกคิดว่า บัดนี้พระนางมัทรี
จักเสด็จไปป่าแล้ว
8007.31 -> จึงลงจากเนินผา มุ่งหน้ายังอาศรม
เดินไปตามทางที่เดินได้เฉพาะคนเดียว
8014.692 -> ลำดับนั้นพระมหาสัตว์เสด็จออกหน้า
พระบรรณศาลาประทับนั่ง
ดุจสุวรรณปฏิมาตั้งอยู่ ณ แผ่นศิลา
8025.423 -> ทรงคิดว่า บัดนี้ยาจกจักมา
ก็ประทับทอดพระเนตร ทางมาแห่งยาจกนั้น
ดุจนักเลงสุราอยากดื่มสุราฉะนั้น
8037.947 -> พระราชโอรสและพระราชธิดาทรงเล่น
อยู่ใกล้พระบาทมูลแห่งพระราชบิดา
8044.971 -> พระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรทางมา
ก็ทอดพระเนตรเห็นชูชกพราหมณ์มาอยู่
8052.473 -> ทรงเป็นเหมือนยกทานธุระ
ซึ่งทอดทิ้งมา ๗ เดือน
8056.985 -> จึงตรัสว่า แน่ะพราหมณ์ผู้เจริญ แกจงมาเถิด
ทรงโสมนัสเมื่อตรัสเรียกพระชาลีราชกุมาร
จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
8083.384 -> ๘. กุมารกัณฑ์
8088.374 -> พระเวสสันดรตรัสว่า
ดูก่อนพ่อชาลี เจ้าจงลุกขึ้นยืนเถิด
8095.395 -> การมาของพวกยาจกในวันนี้ปรากฏ
เหมือนการมาของพวกยาจกครั้งก่อน ๆ
8102.897 -> พ่อเห็นเหมือนดังพราหมณ์
ความชื่นชมยินดีทำให้พ่อ
มีความเกษมศานติ์.
8110.04 -> พระชาลีกุมารกราบทูลว่า
ข้าแต่พระชนกนาถ แม้เกล้ากระหม่อมฉัน
ก็เห็นผู้นั้นปรากฏเหมือนพราหมณ์
8120.891 -> ดูเหมือนเป็นคนเดินทาง
จักเป็นแขกของเราทั้งหลาย.
8126.24 -> ชูชกทูลว่า
พระองค์ไม่มีโรคาพาธหรือหนอ
พระองค์ทรงพระสำราญดีหรือ
8135.536 -> ทรงเยียวยาอัตภาพด้วยการแสวงหา
ผลาหารสะดวกหรือ
ทั้งมูลมันผลไม้มีมากหรือ
8143.995 -> เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลาน
มีน้อยแลหรือ
8148.757 -> ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยพาลมฤค
ไม่มีมาเบียดเบียนแลหรือ.
8155.063 -> พระโพธิสัตว์ตรัสว่า
ดูก่อนพราหมณ์ เราทั้งหลายไม่มีโรคาพาธ
เบียดเบียน อนึ่ง เราทั้งหลายเป็นสุขสำราญดี
8167.349 -> เราเยียวยาอัตภาพด้วย
การหาผลาหารสะดวกดี
ทั้งมูลมันผลไม้ก็มีมาก
8175.887 -> ทั้งเหลือบยุงและสัตว์เลื้อยคลานก็มีน้อย
อนึ่ง ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยพาลมฤค
ก็ไม่มีมาเบียดเบียนแก่เรา
8186.498 -> เมื่อพวกเรามาอยู่ในป่ามีชีวิต
อันตรมเกรียมมาตลอด ๗ เดือน
8193.043 -> เราเพิ่งเห็นท่านผู้เป็นพราหมณ์
บูชาไฟ ทรงเพศอันประเสริฐ
8199.468 -> ถือไม้เท้าสีดังผลมะตูม
และลักจั่นน้ำนี้เป็นคนแรก
8206.013 -> ดูก่อนพราหมณ์ ท่านมาดีแล้ว
อนึ่ง ท่านมิได้มาร้าย
8213.396 -> ดูก่อนท่านผู้เจริญ
เชิญท่านเข้ามาภายในเถิด
เชิญท่านล้างเท้าของท่านเถิด
8221.735 -> ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง
ผลหมากเม่า มีรสหวานปานน้ำผึ้ง
8228.519 -> เชิญเลือกฉันแต่ผลที่ดี ๆ เถิดท่านพราหมณ์
แม่น้ำฉันนี้ก็เย็นสนิท เรานำมาแต่ซอกเขา
8238.174 -> ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าท่านจำนงหวัง
ก็เชิญดื่มตามสบายเถิด
8244.719 -> ดังเราขอถามท่านมาถึงป่าใหญ่
เพราะเหตุการณ์อะไรหนอ
8250.666 -> เราขอถามแล้ว ขอท่านจงบอก
ความนั้นแก่เราเถิด.
8256.852 -> ชูชกทูลว่า
ห้วงน้ำ (ในปัญจมหานที) เต็มเปี่ยม
ตลอดเวลาไม่เหือดแห้ง ฉันใด
8266.627 -> พระองค์มีพระหฤทัยเต็มเปี่ยม
ไปด้วยศรัทธา ฉันนั้น
8272.454 -> เกล้ากระหม่อมฉันกราบทูลขอแล้ว
ขอพระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทาน
สองปิโยรสแก่ข้าพระองค์เถิด.
8283.185 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
ดูก่อนพราหมณ์ เรายอมให้
มิได้หวั่นไหว
8291.643 -> ท่านจงเป็นใหญ่พาเอา
ลูกทั้งสองของเราไปเถิด
8296.633 -> พระราชบุตรีมารดาของลูกทั้งสองนี้
เสด็จไปป่าแต่เช้าเพื่อแสวงหาผลไม้
จักกลับจากการแสวงหาผลไม้ในเวลาเย็น
8310 -> ดูก่อนพราหมณ์
เชิญท่านพักอยู่ราตรีหนึ่ง
แล้วจึงไปในเวลาเช้า
8317.981 -> ดูก่อนพราหมณ์ ท่านจงพาเอา
ลูกรักทั้งสอง อันประดับด้วย
ดอกไม้ต่าง ๆ
8325.722 -> ตกแต่งด้วยของหอมนานา
พร้อมด้วยมูลมันและผลไม้
หลายชนิดไปเถิด.
8332.626 -> ชูชกทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
ข้าพระองค์ไม่ชอบใจการพักอยู่
8340.726 -> ข้าพระองค์ยินดีจะไป
แม้อันตรายจะพึงมีแก่ข้าพระองค์
8346.314 -> ข้าพระองค์ขอทูลลาไปทีเดียว
เพราะว่า ธรรมดาสตรีเหล่านี้
เป็นผู้ไม่สมควรแก่การขอ
8355.968 -> ย่อมทำอันตรายต่อบุญของทายก
และลาภของยาจก
8361.198 -> ย่อมรู้มารยา
ย่อมรับสิ่งทั้งปวงโดยข้างซ้าย
8366.427 -> เมื่อฝ่าพระบาทบำเพ็ญทาน
ด้วยพระราชศรัทธา
8370.7 -> ฝ่าพระบาทอย่าได้ทรงเห็นพระมารดา
ของพระปิโยรสทั้งสองเลย
8377.484 -> ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
พระมารดาของพระปิโยรสนั้น
พึงกระทำอันตรายได้
8385.584 -> ข้าพระองค์ขอทูลลาไปทีเดียว
ขอพระองค์จงตรัสเรียก
พระลูกแก้วทั้งสองนั้นมา
8394.162 -> อย่าให้พระลูกแก้วทั้งสอง
ได้ทันเห็นพระชนนีเลย
8398.196 -> เมื่อพระองค์ทรงบำเพ็ญทาน
ด้วยพระราชศรัทธา
บุญย่อมเจริญด้วยอาการอย่างนี้
8405.579 -> ขอพระองค์ตรัสเรียก
พระลูกแก้วทั้งสองนั้นมา
8409.971 -> อย่าให้พระลูกแก้วทั้งสอง
ได้ทันเห็นพระชนนีเลย
8414.841 -> ข้าแต่พระราชา พระองค์ทรงประทาน
ทรัพย์ คือพระโอรส พระธิดาแก่ยาจก
เช่นข้าพระองค์แล้ว จักเสด็จไปสวรรค์.
8426.41 -> พระเวสสันดรตรัสว่า
ถ้าท่านไม่ปรารถนาจะเห็นภริยา
ของเรา ผู้มีวัตรอันงามไซร้
8435.347 -> ท่านก็จงทูลถวายชาลีกัณหาชินา
ทั้งสองนี้ แก่พระเจ้าสญชัยมหาราช
ผู้พระอัยกา
8444.523 -> ท้าวเธอทอดพระเนตรเห็นพระกุมาร
ทั้งสองนี้ ผู้มีเสียงไพเราะ กล่าววาจาน่ารัก
8453.221 -> จะทรงปลื้มพระหฤทัยปรีดาปราโมทย์
จักพระราชทานทรัพย์แก่ท่านเป็นอันมาก.
8460.483 -> ชูชกทูลว่า
ข้าแต่พระราชบุตร
ขอพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์
8467.507 -> ข้าพระองค์กลัวต่อการที่จะ
ถูกกล่าวหาว่า ฉกชิงเอาไป
8473.375 -> สมเด็จพระเจ้าสญชัยมหาราช
จะลงพระราชอาญาแก่ข้าพระองค์
8480.04 -> คือ จะพึงทรงขาย หรือให้ประหารชีวิต
ข้าพระองค์จะขาดทั้งทรัพย์ทั้งทาส
8488.26 -> และจะถูกนางพราหมณี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์พราหมณ์ติเตียนได้.
8494.087 -> พระเวสสันดรตรัสว่า
พระมหาราชาทรงสถิตในธรรม
ทรงผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
8503.622 -> ได้ทอดพระเนตรเห็นสองพระกุมารนี้
ผู้มีเสียงไพเราะ กล่าววาจาน่ารัก
8511.004 -> ได้พระปีติโสมนัสแล้ว
จักพระราชทานทรัพย์แก่ท่านเป็นอันมาก.
8517.19 -> ชูชกทูลว่า
พระองค์ทรงพร่ำสอนข้าพระองค์สิ่งใด ๆ
ข้าพระองค์จักทำสิ่งนั้น ๆ ไม่ได้
8526.725 -> ข้าพระองค์จักนำสองกุมาร
ไปเป็นทาสรับใช้ของนางพราหมณี.
8533.629 -> พระศาสดาตรัสว่า
ลำดับนั้น พระชาลีราชกุมาร
และพระกัณหาชินาราชกุมารี
8544.001 -> ได้สดับผรุสวาจานั้น ของชูชกก็เกรงกลัว
พากันเสด็จไปหลังบรรณศาลา
8552.699 -> แล้วหนีไปจากที่แม้นั้น ซ่อนองค์ที่ชัฏพุ่มไม้
องค์สั่น ทอดพระเนตรเห็นพระองค์
เหมือนถูกชูชกมาจับไป แม้ในที่นั้น
8565.105 -> เมื่อไม่สามารถจะดำรงอยู่ ณ ที่ไร ๆ
ก็วิ่งไปแต่ที่นี้บ้าง ๆ
8573.325 -> เลยไปถึงสระโบกขรณีสี่เหลี่ยม
ทรงนุ่งผ้าเปลือกไม้มั่น ตกพระทัยกลัวลงสู่น้ำ
8582.501 -> เอาใบบัววางไว้บนพระเศียร
เอาน้ำบังองค์ ประทับยืนอยู่.
8590.003 -> ฝ่ายชูชกไม่เห็นสองกุมาร
จึงพูดรุกรานพระโพธิสัตว์ว่า
8596.906 -> ข้าแต่พระเวสสันดรผู้เจริญ
พระองค์ประทานกุมารกุมารี
แก่ข้าพระองค์บัดนี้
8604.647 -> ครั้นข้าพระองค์ทูลว่า
ข้าพระองค์จักไม่ไปเชตุดรราชธานี
8611.073 -> จักนำกุมารกุมารีไปให้บำเรอ
อมิตตดาพราหมณี ของข้าพระองค์
8617.737 -> พระองค์ก็ให้สัญญาณโบกไม้โบกมือ
ให้พระราชโอรส พระธิดาหนีไปเสีย
แล้วนั่งทำเป็นไม่รู้
8626.793 -> คนพูดมุสาเช่นพระองค์
เห็นจะไม่มีในโลก.
8631.783 -> ฝ่ายพระมหาสัตว์ได้ทรงสดับดังนั้น
ก็ตกพระทัย ทรงดำริว่า
เด็กทั้งสองจักหนีไป จึงรับสั่งว่า
8643.59 -> ดูก่อนพราหมณ์ ท่านอย่าคิดเลย
เราจักนำตัวทั้งสองคนมา
8650.374 -> ตรัสฉะนั้นแล้ว เสด็จลุกขึ้นไปหลัง
บรรณศาลา ก็ทรงทราบว่า
พระโอรสพระธิดา เข้าไปสู่ป่าชัฏ
8661.345 -> จึงเสด็จไปสู่ฝั่ง สระโบกขรณี
ตามรอยพระบาทของสองกุมารกุมารีนั้น
8669.444 -> ทอดพระเนตรเห็นรอยพระบาทลงสู่น้ำ
ก็ทรงทราบว่า พระโอรสและพระธิดา
จักลงไปยืนอยู่ในน้ำ จึงตรัสเรียกว่า
8683.405 -> ดูก่อนพ่อชาลีพระลูกรัก พ่อจงมา จงเพิ่มพูน
บารมีของพ่อให้เต็ม จงช่วยโสรจสรงหทัย
ของพ่อให้เย็นฉ่ำ จงทำตามคำของพ่อ
8699.518 -> ขอเจ้าทั้งสองจงเป็นดังยานนาวาของพ่อ
ไม่หวั่นไหวต่อสาคร คือภพ
8708.575 -> พ่อจักข้ามฝั่งคือชาติ จักยังมนุษย์
ทั้งเทวดาให้ข้ามด้วย
8715.599 -> พระชาลีราชกุมารได้ทรงสดับ
พระดำรัสของพระราชบิดา
8722.862 -> จึงทรงคิดว่า
ตาพราหมณ์ จงทำเราตามใจชอบเถิด
เราจักไม่กล่าวคำสองกับพระราชบิดา
8732.397 -> จึงโผล่พระเศียรแหวกใบบัว
ออกเสด็จขึ้นจากน้ำ
8737.387 -> หมอบแทบพระบาทเบื้องขวา
แห่งพระมหาสัตว์
กอดข้อพระบาทไว้มั่น ทรงกันแสง
8746.444 -> ลำดับนั้น พระมหาสัตว์
จึงตรัสถามพระชาลีว่า
แน่ะพ่อ น้องหญิงของพ่อไปไหน
8755.979 -> พระชาลีทูลสนองว่า
ข้าแต่พระราชบิดา ธรรมดาว่าสัตว์ทั้งหลาย
เมื่อภัยเกิดขึ้น ก็ย่อมรักษาตัวทีเดียว
8767.667 -> ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ก็ทรงทราบว่า
ลูกทั้งสองของเรา จักนัดหมายกัน
8775.288 -> จึงตรัสเรียกว่า แม่กัณหา
แม่จงมา แล้วตรัสคาถาว่า
8783.387 -> ดูก่อนแม่กัณหาธิดารัก แม่จงมา
จงเพิ่มพูนทานบารมีที่รักของพ่อ
8791.845 -> จงช่วยโสรจ สรงหทัยของพ่อให้เย็นฉ่ำ
จงทำตามคำของพ่อ
8799.347 -> ขอเจ้าทั้งสองจงเป็นดังยานนาวาของพ่อ
ไม่หวั่นไหวต่อสาคร คือภพ
8807.686 -> พ่อจักข้ามฝั่ง คือชาติ
จักยกขึ้นซึ่งมนุษย์ทั้งเทวดาด้วย.
8814.47 -> พระนางกัณหาชินาราชกุมารีได้ทรงสดับ
พระดำรัสของพระราชบิดา
8821.733 -> จึงทรงคิดว่า เราจักไม่กล่าวคำสอง
กับพระราชบิดา จึงเสด็จขึ้นจากน้ำ
เหมือนกัน
8830.789 -> หมอบแทบพระบาทเบื้องซ้าย
แห่งพระมหาสัตว์
กอดข้อพระบาทไว้มั่น ทรงกันแสง
8839.008 -> พระอัสสุชลของสองพระกุมาร กุมารี
ตกลงหลังหลังพระบาทแห่งพระมหาสัตว์
ซึ่งมีพรรณดุจดอกปทุมบาน
8850.577 -> พระอัสสุชลของพระมหาสัตว์ก็ตกลงบน
พระปฤษฏางค์แห่งสองพระกุมารกุมารี
ซึ่งเช่นกับแผ่นทองคำ.
8861.787 -> ครั้งนั้น พระมหาสัตว์ถึงความกวัดแกว่ง
ราวกะว่ามีพระทัยหดหู่
8869.667 -> ทรงลูบพระปฤษฏางค์แห่งราชกุมารกุมารี
ด้วยฝ่าพระหัตถ์อันอ่อนนุ่ม
8876.655 -> ยังพระราชกุมารกุมารี ให้ลุกขึ้น
ปลอบโยน แล้วตรัสว่า
8883.762 -> แน่ะพ่อชาลี เจ้าไม่รู้ว่าพ่อวิตกถึง
ทานบารมีของพ่อดอกหรือ
เจ้าจงยังอัธยาศัยของพ่อให้ถึงที่สุด
8895.592 -> ตรัสฉะนี้แล้ว ประทับยืนกำหนด
ราคาราชบุตรราชบุตรีในที่นั้น
ดุจนายโคบาลตีราคาโคฉะนั้น.
8907.4 -> ได้ยินว่า พระมหาสัตว์ตรัสเรียก
พระโอรส มาตรัสว่า
8914.543 -> แน่ะพ่อชาลี ถ้าพ่อใคร่เพื่อจะเป็นไท
พ่อควรให้ทองคำพันลิ่มแก่พราหมณ์ชูชก
จึงควรเป็นไท
8925.274 -> ก็กนิษฐภคินีของพ่อเป็นผู้ทรงอุดมรูป
ใคร ๆ ชาติต่ำพึงให้ทรัพย์เล็กน้อยแก่
พราหมณ์
8934.929 -> ทำกนิษฐภคินีของพ่อให้เป็นไท
ทำให้แตกชาติ ยกเสียแต่พระราชา
ใครจะให้สิ่งทั้งปวงอย่างละ ๑๐๐ ย่อมไม่มี
8946.737 -> เพราะเหตุนั้น กนิษฐภคินีของพ่อ
อยากจะเป็นไท
พึงให้สิ่งทั้งปวงอย่างละ ๑๐๐ อย่างนี้ คือ
8956.512 -> ทาสี ทาส ช้าง ม้า โค อย่างละ ๑๐๐
และทองคำ ๑๐๐ ลิ่ม แก่ชูชก
แล้วจงเป็นไทเถิด.
8972.386 -> พระศาสดาตรัสว่า
ลำดับนั้น พระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
8981.323 -> ทรงพาพระกุมารทั้งสอง คือ พระชาลีและ
พระกัณหาชินา มาพระราชทานให้เป็น
ปุตตกทานแก่พราหมณ์
8993.011 -> ลำดับนั้น พระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
มีพระหฤทัยชื่นบานในปุตตกทานอันอุดม
9004.46 -> ในครั้งนั้น เมื่อพระเวสสันดรราชฤาษี
พระราชทานพระกุมารทั้งสอง
9011.962 -> ก็บังเกิดมีความบันลือลั่นน่าสะพึงกลัว
ขนพองสยองเกล้า เมทนีดลก็หวั่นไหว
9021.269 -> พระเวสสันดรเจ้า ผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
ทรงประคองอัญชลี พระราชทาน
สองพระกุมารผู้เจริญ ด้วยความสุข
9033.794 -> ให้เป็นทานแก่พราหมณ์ ก็บังเกิดมีความ
บันลือลั่น น่าสะพึงกลัวขนพองสยองเกล้า.
9042.97 -> ลำดับนั้น พราหมณ์ผู้หยาบช้านั้น
เอาฟันกัดเถาวัลย์ให้ขาดแล้ว
9049.635 -> เอามาผูกพระหัตถ์ พระกุมารทั้งสอง
ฉุดกระชากลากมา
9056.419 -> แต่นั้น พราหมณ์นั้นจับเถาวัลย์
ถือไม้เท้าทุบตีพระกุมารทั้งสองนำไป
เมื่อพระเวสสันดรสีพีราช กำลังทอดพระเนตรอยู่.
9069.782 -> ลำดับนั้น สองพระกุมาร พอหลุดพ้น
จากพราหมณ์ ก็รีบวิ่งหนีไป
9077.762 -> พระเนตรทั้งสอง นองไปด้วยน้ำอัสสุชล
พระชาลี ชะเง้อมองดูพระบิดา
9085.861 -> ทรงถวายบังคมพระยุคลบาทของพระบิดา
พระวรกายสั่นระริกดังใบโพธิ์
9095.277 -> ทรงถวายบังคมพระยุคลบาท
พระบิดาแล้ว ได้กราบทูลว่า
9100.865 -> ข้าแต่พระชนกนาถ ก็พระมารดา
เสด็จออกไปป่า และพระบิดาทอด
พระเนตรเห็นแต่กระหม่อมฉัน
9111.388 -> ข้าแต่พระชนกนาถ ขอพระองค์ทรง
ทอดพระเนตรเกล้ากระหม่อมฉัน
ทั้งสองอยู่ก่อน
9119.445 -> จนกว่าเกล้ากระหม่อมฉันทั้งสอง
ได้เห็นพระมารดา
9125.127 -> ข้าแต่พระชนกนาถ พระมารดา
เสด็จออกไปป่า
9130.453 -> ขอพระบิดาทอดพระเนตรกระหม่อมฉัน
ทั้งสองอยู่ก่อน
9134.829 -> ข้าแต่พระชนกนาถ ขอพระองค์อย่าเพิ่ง
พระราชทานเกล้ากระหม่อมฉันทั้งสอง
9143.005 -> จนกว่าพระชนนีของเกล้ากระหม่อมฉัน
จะเสด็จกลับมา
9147.617 -> เมื่อนั้น พราหมณ์นี้จักขาย หรือจักฆ่า
ก็ตามปรารถนา
9155.08 -> พราหมณ์ผู้หยาบช้านี้
ประกอบด้วยบุรุษโทษ ๑๘ ประการ
9160.762 -> คือ มีเท้าคดทู่ตะแคง ๑ เล็บเน่า ๑
ปลีน่องย้อยยาน ๑ ริมฝีปากบนยาว ๑
น้ำลายไหลยืด ๑ เขี้ยวงอกออกเหมือนเขี้ยวหมู ๑
9180 -> จมูกหักฟุบ ๑ ท้องพลุ้ยดังหม้อ ๑
หลังค่อม ๑ ตาข้างหนึ่งเล็กข้างหนึ่งใหญ่ ๑
หนวดแดง ๑ ผมบางเหลือง ๑
9196.133 -> หนังย่นเป็นเกลียวตัวตกกระ ๑ ตาเหลือง ๑
คดสามแห่ง คือ ที่สะเอว หลัง และที่คอ ๑
9208.703 -> ขากาง ๑ เดินดังกฏะกฏะ ๑
ขนตามตัวยาวและหยาบ ๑
9217.592 -> นุ่งห่มหนังเสือ
เป็นอมนุษย์น่ากลัวเหลือเกิน
9222.323 -> เป็นมนุษย์หรือยักษ์
มีเนื้อและเลือดเป็นเครื่องบริโภค
9228.599 -> ออกจากบ้านมาสู่ป่า
มาขอทรัพย์ คือบุตรกะพระองค์
ลูกทั้งสองกำลังถูกพราหมณ์ปีศาจนำไป
9238.794 -> ข้าแต่พระชนกนาถ กระไรหนอ
ฝ่าพระบาททรงนิ่งเฉยอยู่ได้
9245.307 -> พระหฤทัยของพระชนกนาถ
ปานดังหนึ่งหิน
หรือดังว่ายึดมั่นด้วยพืดเหล็ก
9254.67 -> พระองค์ช่างไม่ทรงรู้สึก ถึงลูกทั้งสอง
ซึ่งถูกพราหมณ์ผู้แสวงหาทรัพย์หยาบคาย
9262.845 -> ผูกมัด แกเฆี่ยนตีลูกทั้งสอง
เหมือนนายโคบาลตีโค ฉะนั้น
9270 -> ขอให้น้องกัณหาจงอยู่ ณ ที่นี้แหละ
เธอไม่รู้จักความทุกข์อะไร ๆ
9277.622 -> เมื่อเธอไม่เห็นพระมารดา ก็จะคร่ำครวญหา
เหมือนลูกเนื้อที่ยังดื่มนม พลัดจากฝูง
ไม่เห็นแม่ก็จะร่ำไห้คร่ำครวญ ฉะนั้น.
9292.226 -> ทุกข์นี้ไม่ใช่ทุกข์ที่แท้จริงของลูก
เพราะทุกข์เช่นนี้อันลูกชายพึงได้รับ
9300.565 -> ส่วนทุกข์อันใดที่ลูกจักไม่ได้เห็นพระมารดา
ทุกข์นั้นของลูก เป็นทุกข์ยิ่งกว่า
ทุกข์ที่ถูกตาพราหมณีเฆี่ยนตี
9311.416 -> ทุกข์นี้ไม่ใช่ทุกข์ที่แท้จริงของลูก
เพราะทุกข์เช่นนี้อันลูกชายพึงได้รับ
9318.877 -> ส่วนทุกข์อันใดที่ลูกจักไม่ได้เห็นพระบิดา
ทุกข์นั้นของลูก เป็นทุกข์ยิ่งกว่า
ทุกข์ที่ถูกตาพราหมณ์เฆี่ยนตี
9329.489 -> พระมารดาจักเป็นกำพร้าเสียแน่แท้
เมื่อไม่ได้ทรงเห็นกัณหาชินากุมารี
ผู้มีดวงตางาม
9339.502 -> ก็จักทรงกรรแสงไห้หา
ตลอดราตรีนาน
9345.647 -> พระบิดาจักเป็นกำพร้าเสียเป็นแน่แท้
เมื่อไม่ได้ทรงเห็นกัณหาชินากุนารี
ผู้มีดวงตางาม
9356.139 -> ก็จักทรงกรรแสงไห้หา
ตลอดราตรีนาน
9361.966 -> พระมารดาจักเป็นกำพร้าเสียแน่แท้
เมื่อไม่ได้ทรงเห็นกัณหาชินากุมารี
ผู้มีดวงตางาม
9372.099 -> ก็จักทรงกรรแสงไห้
อยู่ในอาศรมช้านาน
9377.208 -> พระบิดาจักเป็นกำพร้าเสียแน่แท้
เมื่อไม่ได้เห็นกัณหาชินากุมาร
ผู้มีดวงตางาม
9386.743 -> ก็จักทรงกรรแสงไห้
อยู่ในอาศรมช้านาน
9391.853 -> พระมารดาจักเป็นกำพร้าเสียแน่แท้
จักทรงกรรแสงไห้อยู่ตลอดราตรีนาน
9400.073 -> ทรงระลึกถึงเราทั้งสอง
ตลอดครึ่งคืน หรือตลอดคืน
9406.499 -> จักทรงซูบซีดเหี่ยวแห้งไป เหมือนแม่น้ำน้อย
ในฤดูแล้งเหือดแห้งไป ฉะนั้น
9415.317 -> พระบิดาจักเป็นกำพร้าเสียแน่แท้
ทรงกรรแสงไห้อยู่ตลอดราตรีนาน
9422.46 -> ทรงระลึกถึงเราทั้งสอง
ตลอดครึ่งคืน หรือตลอดคืน
9428.167 -> ก็จักทรงซูบซีดเหี่ยวแห้งไป เหมือนแม่น้ำน้อย
ในฤดูแล้งเหือดแห้งไป ฉะนั้น
9440.932 -> รุกขชาติเหล่านี้มีต่าง ๆ พันธุ์ คือ
ต้นหว้า ต้นยางทราย กิ่งห้อยย้อย
เราเคยเล่นมาแต่กาลก่อน
9452.5 -> วันนี้เราทั้งสองจะต้องละรุกขชาติเหล่านั้น
ซึ่งเราเคยเก็บดอกและผลเล่นมาช้านาน
9462.155 -> รุกขชาติที่มีผลต่าง ๆ ชนิด คือ โพธิ์ใบ ขนุน
ไทร และมะขวิด ที่เราเคยเล่นมาในกาลก่อน
9471.929 -> วันนี้เราทั้งสอง จะต้องละรุกขชาติ
ที่เราเคยเก็บผลกินมาช้านาน
9478.354 -> นี้สวน นี่สระน้ำเย็นใส เราเคยเที่ยวเล่น
เคยลงสรงสนาน มาแต่กาลก่อน
วันนี้เราทั้งสองจะต้องละสวนและสระนั้นไป
9492.314 -> บุปผชาติต่าง ๆ ชนิด บนภูเขาโน้น
เราเคยเก็บมาทัดทรงในกาลก่อน
วันนี้เราจะต้องละบุปผชาติเหล่านั้นไป
9504.48 -> นี่ตุ๊กตาช้าง ตุ๊กตาม้า ตุ๊กตาวัว
พระบิดาทรงปั้นเพื่อให้เราทั้งสองเล่น
9512.939 -> เราเคยเล่นมาในกาลก่อน
วันนี้เราทั้งสองจะต้องละตุ๊กตาเหล่านั้น.
9521.278 -> พระศาสดาตรัสว่า
สองพระกุมารอันชูชกกำลังพาไป
ได้กราบทูลสั่งพระบิดาดังนี้ว่า
9532.704 -> ข้าแต่พระชนกนาถ ขอพระองค์ได้
ทรงพระกรุณาตรัสบอกพระมารดาว่า
ลูกทั้งสองไม่มีโรค
9542.957 -> และขอพระองค์จงทรงพระสำราญ
ตุ๊กตาช้าง ตุ๊กตาม้า ตุ๊กตาวัว
เหล่านี้ของกระหม่อมฉัน
9552.372 -> ขอพระองค์โปรดประทานแก่พระเจ้าแม่
ความโศกเศร้าจะพินาศเพราะตุ๊กตาเหล่านั้น
9560.831 -> และพระมารดาได้ทอดพระเนตรเห็นตุ๊กตา
ช้าง ตุ๊กตาม้า และตุ๊กตาวัว ของลูกเหล่านั้น
จักห้ำหั่นความโศกให้เสื่อมหาย.
9573.596 -> ลำดับนั้น พระเวสสันดรขัตติยราช
ครั้นทรงบำเพ็ญทานแล้ว
เสด็จเข้าบรรณศาลา
9583.251 -> ทรงกรรแสงพิลาปว่า วันนี้ลูกน้อยทั้งสอง
จะหิวข้าวอยากน้ำอย่างไรหนอ
จะต้องเดินทางไกล ร้องไห้สะอึกสะอื้น
9597.211 -> เวลาเย็นบริโภคอาหาร
ใครจะให้อาหารแก่ลูกทั้งสองนั้น
9604.234 -> วันนี้ลูกน้อยทั้งสองจะหิวข้าว
อยากน้ำอย่างไรหนอ
จะต้องเดินทางไกลร้องไห้สะอึกสะอื้น
9614.128 -> เวลาเย็นเป็นเวลาบริโภคอาหาร
ลูกทั้งสองเคยอ้อนกะมัทรีผู้มารดาว่า
9623.185 -> ข้าแต่พระเจ้าแม่ ลูกทั้งสองหิวแล้ว
ขอพระเจ้าแม่จงประทานแก่ลูกทั้งสอง
9632.361 -> ลูกทั้งสองไม่มีรองเท้า
จะเดินทางเท้าเปล่าอย่างไรได้
9637.83 -> ลูกทั้งสองจะเมื่อยล้า มีบาทาฟกช้ำ
ใครจะจูงมือลูกทั้งสองเดินทาง
9646.528 -> อย่างไรหนอพราหมณ์นั้นช่างร้ายกาจ
ไม่ละอาย เฆี่ยนตีลูกทั้งสองผู้ไม่ประทุษ
ร้ายต่อหน้าเรา
9656.9 -> แม้ตกเป็นทาสีเป็นทาสของเรา
หรือคนรับใช้ ใครที่มีความละอาย
จักเฆี่ยนตีคนที่ต่ำทราม แม้เช่นนั้นได้
9668.229 -> พราหมณ์ช่างด่า ช่างตีลูกรักทั้งสองของเรา
ผู้มองเห็นอยู่ ซึ่งเป็นเหมือนดังปลาติดอยู่ที่
ปากลอบปากไซ ฉะนั้น.
9681.949 -> พระเวสสันดรทรงพระปริวิตกว่า
เราจักถือธนูด้วยมือขวา
หรือจักเหน็บพระขรรค์ไว้ข้างซ้าย
9692.202 -> ไปนำเอาลูกทั้งสองของเรามา
เพราะลูกทั้งสองถูกเฆี่ยนตีเป็นทุกข์หนัก
9700.385 -> การที่ลูกน้อยทั้งสองต้องเดือดร้อน
เป็นทุกข์แสนสาหัส ไม่ใช่ฐานะ
9708.484 -> ก็ใคร่เล่ารู้ธรรมของสัตบุรุษแล้ว
ให้ทานย่อมเดือดร้อนในภายหลัง.
9718.24 -> พระชาลีกุมารทรงรำพันว่า
ได้ยินว่า นรชนบางคนในโลกนี้
พูดความจริงไว้อย่างนี้ว่า
9728.852 -> ลูกคนใดไม่มีมารดาของตน
ลูกคนนั้นเป็นเหมือนไม่มีบิดา
9735.995 -> น้องกัณหา มานี่เถิด
เราทั้งสองจักตายด้วยกัน
9741.942 -> เราทั้งสองจะเป็นอยู่ทำไม
ไม่มีประโยชน์
9746.454 -> พระบิดาผู้เป็นจอมประชานิกร
ประทานเราทั้งสองแก่พราหมณ์
9752.759 -> ผู้แสวงหาทรัพย์ เป็นคนร้ายกาจเหลือเกิน
แกเฆี่ยนตีเราทั้งสอง เสมือนนายโคบาล
ประหารโค ฉะนั้น
9762.414 -> รุกขชาติเหล่านี้มีต่าง ๆ พันธุ์คือ
ต้นหว้า ต้นยางทราย กิ่งห้อยย้อย
เราเคยเล่นมาแต่กาลก่อน
9773.025 -> วันนี้เราทั้งสองจะต้องละรุกขชาติเหล่านั้น
ซึ่งเคยเก็บดอกและผลเล่นมาช้านาน
9781.842 -> รุกขชาติที่มีผลต่าง ๆ ชนิด คือ โพธิ์ใบ ขนุน
ไทร และมะขวิด ที่เราเคยเล่นในกาลก่อน
9791.735 -> วันนี้เราทั้งสองจะต้องละรุกขชาติ
ที่เราเคยเก็บผลกินมาช้านาน
9798.52 -> นี่สวน นี่สระน้ำเย็นใส เราเคยเที่ยวเล่น
เคยลงสรงสนานมาแต่กาลก่อน
9808.294 -> วันนี้เราทั้งสองจะต้องละสวน
และสระเหล่านั้นไป
9814.719 -> บุปผชาติต่าง ๆ ชนิด บนภูเขาโน่น
เราเคยเก็บมาทัดทรงในกาลก่อน
วันนี้เราต้องละบุปผชาติเหล่านั้นไป
9826.527 -> นี่ตุ๊กตาช้าง ตุ๊กตาม้า ตุ๊กตาวัว
พระบิดาทรงปั้นเพื่อให้เราทั้งสองเล่น
9835.583 -> เราเคยเล่นในกาลก่อน
วันนี้เราทั้งสองจะต้องละตุ๊กตาเหล่านั้นไป.
9843.204 -> พระศาสดาตรัสว่า
พระกุมารทั้งสอง คือ พระชาลีและ
กัณหาชินา อันชูชกพราหมณ์นำไป
9854.824 -> พอหลุดพ้นจากมือพราหมณ์
ต่างก็วิ่งหนีไปในสถานที่นั้น ๆ.
9862.049 -> ลำดับนั้น พราหมณ์นั้นจับเถาวัลย์ถือไม้เท้า
ทุบตีพระกุมารทั้งสองนำไป เมื่อพระเวสสันดร
สีพีราชกำลังทอดพระเนตรเห็นอยู่.
9878.42 -> พระกัณหาชินาได้กราบทูลพระบิดาว่า
ข้าแต่พระบิดา พราหมณ์นี้ทุบตีลูกด้วยไม้เท้า
ดังว่าทุบตีทาสีผู้เกิดในเรือนเบี้ย
9893.484 -> ข้าแต่พระบิดา ก็พราหมณ์นี้คงไม่ใช่
พราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ตั้งอยู่ในธรรม
9901.422 -> คงเป็นยักษ์แปลงเพศเป็นพราหมณ์
นำเอาลูกทั้งสองไป เพื่อจะกินเป็นอาหาร
9909.53 -> ลูกทั้งสองถูกพราหมณ์ปีศาจ กำลังนำไป
ข้าแต่พระบิดา ช่างกระไรเลย
พระองค์ทรงนิ่งเฉยอยู่ได้.
9920.261 -> พระกัณหากุมารีทรงรำพันว่า
เท้าของเราทั้งสองนี้เล็กเป็นทุกข์
ทั้งหนทางก็ไกลยากที่จะเดินไปได้
9933.264 -> เมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำลง
พราหมณ์ก็เร่งเราทั้งสองให้รีบเดิน
9939.45 -> ข้าพเจ้าทั้งสอง ขอคร่ำครวญ
กราบไหว้เทพเจ้าทั้งหลาย
ผู้สิงสถิตอยู่ ณ ภูเขาลำเนาไพร
9948.387 -> ในสระน้ำและบ่อน้ำ อันมีท่าราบเรียบ
ด้วยเศียรเกล้า
9954.932 -> ขอเทพเจ้าผู้สถิตอยู่ ณ ป่าหญ้าลดาวัลย์
และต้นไม้ที่เป็นโอสถ บนภูเขาที่ป่าไม้
9964.826 -> จงช่วยกันกราบทูลพระชนนีว่า
ข้าน้อยทั้งสองนี้ไม่มีโรค
พราหมณ์นี้นำเอาข้าทั้งสองไป
9975.199 -> อนึ่ง ขอท่านทั้งหลายจงกราบทูล
พระเจ้าแม่มัทรีราชชนนีของข้าน้อยทั้งสองว่า
9983.299 -> ถ้าพระแม่เจ้าปรารถนาจะเสด็จ
ติดตามมา ก็พึงรีบเสด็จติดตาม
ข้าน้อยทั้งสองมาเร็วพลัน
9991.758 -> ทางนี้เป็นทางเดินคนเดียว
ตัดตรงไปยังอาศรม
9997.346 -> พระมารดาพึงเสด็จไปตามทางนั้น
ก็จะทันได้เห็นลูกทั้งสอง โดยเร็วพลัน
10005.446 -> โอ้หนอ พระเจ้าแม่ผู้ทรงเพศดาบสินี
ทรงนำมูลผลาหารมาจากป่า
10014.383 -> ได้ทรงเห็นอาศรมอันว่างเปล่า
ก็จักทรงมีทุกข์
10019.492 -> พระมารดาเที่ยวแสวงหามูลผลาหาร
จนล่วงเวลา คงได้มาไม่น้อย
10027.832 -> คงไม่ทรงทราบว่า ลูกทั้งสองถูกพราหมณ์
ผู้แสวงหาทรัพย์ หยาบช้า ร้ายกาจ ผูกมัด
เฆี่ยนตีดังหนึ่งนายโคบาลทุบโค ฉะนั้น
10044.065 -> เออก็วันนี้ ลูกทั้งสองพึงได้เห็น
พระมารดาเสด็จกลับมาจากการ
แสวงหามูลผลาหารในเวลาเย็น
10054.318 -> พระมารดาพึงประทานผลไม้
อันเจือด้วยน้ำผึ้งแก่พราหมณ์
10060.022 -> ในกาลนั้น พราหมณ์นี้หิวกระหาย
ไม่พึงเร่งให้เราทั้งสองเดินนัก
10067.524 -> เท้าทั้งสองของเราฟกบวมหนอ
พราหมณ์ก็เร่งให้เรารีบเดิน
10073.83 -> พระกุมารทั้งสองทรงรักใคร่ ในพระมารดา
ทรงกรรแสงพิลาปอยู่ ณ ที่นั้นด้วยประการดังนี้.
10085.039 -> จบกุมารกัณฑ์
10143.134 -> ๙. มัทรีกัณฑ์
10151.234 -> ในเมื่อพระเวสสันดรราชฤาษี
ทรงบริจาคปิยบุตรมหาทาน
10157.779 -> เกิดมหัศจรรย์มหาปฐพีบันลือลั่นโกลาหล
เป็นอันเดียวกันตลอดถึงพรหมโลก
10164.802 -> หมู่เทวดาที่อยู่ ณ หิมวันตประเทศ
เป็นประหนึ่งมีหทัยจะภินทนาการ
10173.858 -> ด้วยเหตุอันได้ยินเสียงพิลาปรำพันนั้น
แห่งพระชาลีราชกุมารและพระกัณหาชินา
ราชกุมารี ที่ชูชกพราหมณ์นำไป
10186.503 -> ต่างปรึกษากันว่า ถ้าพระนางมัทรีเสด็จ
มาสู่อาศรมสถานแต่วัน
10194.364 -> แต่พระนางไม่เห็นพระราชโอรส พระธิดา
ในอาศรมนั้น ก็จะทูลถามพระเวสสันดร
10202.105 -> เมื่อทรงทราบว่าพระราชทาน
แก่พราหมณ์ชูชกไปแล้ว
10207.693 -> ก็จะเสด็จแล่นตามไปด้วยความเสน่หา
เป็นกำลัง ก็จะพึงเสวยทุกข์ใหญ่.
10214.836 -> ลำดับนั้น เทวดาเหล่านั้น
จึงบังคับสั่งเทพบุตร ๓ องค์ว่า
10221.739 -> ท่านทั้ง ๓ จงจำแลงกายเป็นราชสีห์
เป็นเสือโคร่ง และเป็นเสือเหลือง
10229.121 -> กั้นทางเสด็จพระนางมัทรีไว้
แม้พระนางวิงวอนขอทางก็อย่าให้
จนกว่าดวงอาทิตย์อัสดงคต
10239.732 -> พึงจัดอารักขาให้ดี เพื่อไม่ให้ราชสีห์
เป็นต้น เบียดเบียนพระนางได้
จนกว่าได้เสด็จเข้าอาศรมด้วยแสงจันทร์.
10252.809 -> พระศาสดาตรัสว่า
เทวดาเหล่านั้นได้ฟังสองพระกุมาร
ทรงพิลาปร่ำรำพันแล้ว
10262.823 -> จึงได้กล่าวกะเทพบุตรทั้ง ๓ ว่า
ท่านทั้ง ๓ จงแปลงเพศเป็นสัตว์ดุร้ายในป่า
คือ เป็นราชสีห์ ๑ เสือโคร่ง ๑ เสือเหลือง ๑
10275.826 -> อย่าให้พระราชบุตรีเสด็จกลับจากการ
แสวงหามูลผลาหาร ในเวลาเย็นได้
10282.969 -> ท่านทั้งหลาย อย่าให้สัตว์ร้ายในป่า
อันเป็นแว่นแคว้นของพวกเรา
เบียดเบียนพระราชบุตรีได้
10292.025 -> ถ้าราชสีห์ เสือโคร่งและเสือเหลือง
พึงเบียดเบียนพระนาง ผู้ทรงศุภลักษณ์
10300.842 -> พระชาลีกุมารก็ไม่พึงมี พระกัณหาชินา
กุมารีจะพึงมีแต่ที่ไหน
10309.181 -> พระนางผู้สมบูรณ์ด้วยลักขณา
จะพึงเสื่อมเสียโดยส่วนทั้งสอง
10315.008 -> คือ พระภัสดาและพระลูกรัก เพราะฉะนั้น
ท่านทั้งหลายจงกระทำอารักขาให้ดี.
10325.619 -> พระนางมัทรีตรัสว่า
เสียมของเราหล่นลงแล้ว
และตาเบื้องขวาของเราก็เขม่นอยู่ริก ๆ
10334.197 -> ต้นไม้ทั้งหลายที่เคยมีผลก็กลายเป็นไม่มีผล
ทิศทั้งปวงก็ทำให้เราฟั่นเฟือนลุ่มหลง
10344.808 -> เมื่อเรากลับบ่ายหน้ามาสู่อาศรมในเวลาเย็น
เมื่อพระอาทิตย์จะอัศดงคต
๓ สัตว์ร้าย ก็ปรากฏยืนขวางทาง
10355.18 -> พระอาทิตย์ก็คล้อยลงต่ำ
และอาศรมก็ยังอยู่ไกลหนอ
10361.366 -> ก็มูลผลาผลอันใดที่เราจักนำไปแต่ป่านี้
พระเวสสันดรและลูกน้อยทั้งสอง
พึงเสวยมูลผลาผลนั้น โภชนะอื่นไม่มี
10375.685 -> พระจอมกษัตริย์นั้นจักประทับ
อยู่ในบรรณศาลาพระองค์เดียว
10381.273 -> คงทรงปลอบประโลมให้ลูกน้อย
ทั้งสอง ผู้กระหายหิว ให้ยินดี
10387.579 -> คอยทอดพระเนตรดูเรา
ผู้ยังไม่มาถึง เป็นแน่แท้
10393.287 -> ลูกน้อยทั้งสองของเรา ผู้กำพร้ายากไร้
ในเวลาเย็นอันเป็นเวลาดื่มนม
10402.104 -> จักคอยดื่มน้ำนม ดังลูกเนื้อที่กำลัง
ดื่มนม ฉะนั้น เป็นแน่แท้
10408.888 -> ลูกน้อยทั้งสองของเราผู้กำพร้ายากไร้
ในเวลาเย็นอันเป็นเวลาดื่มน้ำ
10416.804 -> ก็จักคอยดื่มน้ำ ดังลูกเนื้อที่กำลัง
กระหายน้ำ ฉะนั้น เป็นแน่แท้
10424.578 -> ลูกน้อยทั้งสองของเราผู้กำพร้ายากไร้
จะยืนคอยต้อนรับเรา เหมือนหนึ่งลูกโคอ่อน
คอยชะแง้หาแม่ ฉะนั้น เป็นแน่แท้
10437.581 -> ลูกน้อยทั้งสองของเราผู้ยากไร้
คงจะยืนต้อนรับเราเสมือนหนึ่งหงส์
ซึ่งตกอยู่ในเปือกตม ฉะนั้น เป็นแน่แท้
10449.03 -> ลูกน้อยทั้งสองของเราผู้ยากไร้
คงจะยืนคอยต้อนรับเรา
อยู่ในที่ใกล้ๆ อาศรม
10457.847 -> หนทางที่จะไป ก็มีอยู่ทางเดียว
ทั้งเป็นทางเดินไปได้คนเดียว
10464.631 -> โดยข้างหนึ่งมีสระ อีกข้างหนึ่งมีบึง
เราไม่เห็นทางอื่นซึ่งเป็นทางไปยังอาศรมได้
10473.807 -> ข้าแต่พระยามฤคราช
ผู้มีกำลังมากในป่าใหญ่
10479.275 -> ดิฉันขอนอบน้อมต่อท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องของดิฉันโดยธรรม
10486.299 -> ดิฉันขออ้อนวอนท่านทั้งหลาย
จงให้หนทางแก่ดิฉันเถิด
10492.007 -> ดิฉันเป็นภรรยาของพระราชบุตร
ผู้มีสิริ ผู้ถูกขับไล่จากสีพีรัฐ
10498.672 -> ดิฉันมิได้ดูหมิ่นพระราชสวามี
พระองค์นั้นเลย เหมือนดังนางสีดา
คอยอนุวัตรตามพระรามราชสวามี ฉะนั้น
10510.36 -> ขอท่านทั้งหลายจงหลีกทางให้ดิฉันแล้ว
กลับไปพบลูกน้อยของท่าน
ในเวลาออกหาอาหาร ในเวลาเย็น
10519.834 -> ส่วนดิฉันก็จะพึงได้กลับไปพบลูกน้อยทั้งสอง
คือพ่อชาลีและแม่กัณหาชินา
10528.651 -> อนึ่ง มูลมันผลไม้นี้ก็มีอยู่มาก
และที่เป็นภักษาก็มีไม่น้อย
ดิฉันขอแบ่งให้ท่านทั้งหลายกึ่งหนึ่ง
10539.741 -> ดิฉันอ้อนวอนแล้ว
ขอท่านทั้งหลาย จงให้ทางแก่ดิฉันเถิด
10546.406 -> พระมารดาของเราทั้งหลายเป็น
พระราชบุตรี และพระบิดาของเรา
ทั้งหลายก็เป็นพระราชบุตร
10555.702 -> ท่านทั้งหลายจึงชื่อว่าเป็นพี่น้อง
ของดิฉันโดยธรรม
10560.812 -> ดิฉันอ้อนวอนแล้ว
ขอท่านทั้งหลาย จงหลีกทางให้ดิฉันเถิด.
10567.836 -> เทพเจ้าทั้งหลายผู้แปลงกายเป็นพาลมฤค
ได้ฟังพระวาจาอันไพเราะ
10576.055 -> น่ากรุณาเป็นอันมากของพระนาง
ผู้รำพันวิงวอนอยู่ ได้พากันหลีกจากทางไป.
10585.231 -> เมื่อพาลมฤคทั้งสามหายไปแล้ว
พระนางเจ้ามัทรีก็เสด็จไปถึงอาศรม
ก็ในกาลนั้นเป็นวันบูรณมีอุโบสถ
10599.204 -> พระนางเจ้าเสด็จถึงท้ายที่จงกรม
ไม่เห็นพระลูกรักทั้งสอง
ซึ่งเคยเห็นในที่นั้น ๆ
10608.33 -> จึงตรัสว่า พระลูกน้อยทั้งสองพระองค์
จะขมุกขมอมไปด้วยฝุ่น
เคยยืนต้อนรับแม่อยู่ที่ตรงนี้
10618.176 -> ดังหนึ่งลูกโคอ่อน
ยืนคอยชะแง้หาแม่ ฉะนั้น
10623.854 -> พระลูกน้อยทั้งสองขมุกขมอมไปด้วยฝุ่น
เคยยืนต้อนรับแม่อยู่ตรงนี้
เหมือนดังหงส์ติดอยู่ในเปือกตม ฉะนั้น
10636.14 -> พระลูกน้อยทั้งสองขมุกขมอมไปด้วยฝุ่น
เคยยืนคอยต้อนรับแม่อยู่ใกล้ๆ อาศรม
ที่ตรงนี้
10646.273 -> พระลูกน้อยทั้งสองเคยร่าเริงหรรษา
วิ่งมาต้อนรับแม่ ราวกับจะทำให้
หทัยของแม่หวั่นไหว
10657.602 -> เหมือนลูกเนื้อเห็นแม่แล้วยกหูชูคอวิ่งเข้า
ไปหาแม่ร่าเริงหรรษาวิ่งไปมารอบๆ ฉะนั้น
10668.931 -> วันนี้แม่ไม่ได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสอง คือ
พ่อชาลีแม่กัณหาชินานั้นเหมือนอย่างเคย
10678.945 -> แม่ละลูกน้อยทั้งสองไว้ ออกไปหาผลไม้
ดังแม่แพะและแม่เนื้อละลูกน้อย ๆ ไปหากิน
ดังปักษีละทิ้งลูกน้อยไปจากรัง
10694.221 -> หรือดังนางราชสีห์ ผู้ต้องการอาหาร
ละลูกน้อยไว้ออกไปหากิน ฉะนั้น
10703.039 -> วันนี้แม่ไม่เห็นพระลูกน้อยทั้งสอง คือ
พ่อชาลีและแม่กัณหาชินาเหมือนอย่างเคย
10712.335 -> นี้เป็นรอยเท้าวิ่งไปมาของพระลูกน้อยทั้งสอง
ดุจรอยเท้าของช้างทั้งหลายที่เชิงเขา
10722.588 -> นี่กองทรายที่ลูกน้อยทั้งสองมากองเล่น
เรี่ยรายอยู่ ณ ที่ใกล้ ๆ อาศรม
10730.09 -> วันนี้แม่ไม่เห็นลูกน้อยทั้งสอง คือ
พ่อชาลีและแม่กัณหาชินาเหมือนอย่างเคย
10738.19 -> พระลูกน้อยทั้งสองเคยขมุกขมอมด้วย
ทรายและฝุ่น วิ่งเข้ามาล้อมแม่อยู่รอบข้าง
วันนี้แม่มิได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสองนั้น
10751.701 -> เมื่อก่อนพระลูกน้อยทั้งสองเคย
ต้อนรับแม่ผู้กลับมาจากป่าแต่ไกล
10760.399 -> วันนี้แม่ไม่เห็นลูกน้อยทั้งสอง คือ
พ่อชาลีแม่กัณหาชินาเหมือนอย่างเคย
10767.542 -> วันก่อนๆ พระลูกน้อยทั้งสอง
คอยแลดูแม่อยู่แต่ไกล เหมือนลูกแพะหรือ
ลูกเนื้อทราย คอยชะแง้หาแม่ ฉะนั้น
10781.024 -> วันนี้แม่ไม่ได้เห็นพระลูกน้อย
ทั้งสองนั้นเลย
10785.058 -> เออ นี่ก็ผลมะตูมสุกสีดังทอง
เป็นเครื่องเล่นของลูกน้อยทั้งสอง
(ไฉน) จึงมาตกกลิ้งอยู่ที่นี่
10795.071 -> วันนี้แม่มิได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสอง คือ
พ่อชาลีแม่กัณหาชินาเหมือนอย่างเคย
10803.649 -> ก็ถันทั้งสองของแม่นี้เต็มไปด้วยน้ำนม
และอุรประเทศของแม่
ดังหนึ่งว่าจะแตกทำลาย
10812.706 -> วันนี้แม่ไม่ได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสอง คือ
พ่อชาลีแม่กัณหาชินาเหมือนอย่างเคย
10822.838 -> ใครเล่าจะค้นชายพกแม่
ใครเล่าจะเหนี่ยวถันทั้งสองของแม่
10829.503 -> วันนี้ไม่ได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสอง คือ
พ่อชาลีแม่กัณหาชินาเหมือนอย่างเคย
10838.321 -> เวลาเย็นพระลูกน้อยทั้งสองขมุกขมอมไป
ด้วยฝุ่น เคยวิ่งมาเกาะที่ชายพกแม่
วันนี้แม่ไม่ได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสอง
10852.042 -> เมื่อก่อนอาศรมนี้ปรากฏแก่เรา
ดังว่า มีมหรสพ
10858.109 -> วันนี้แม่มิได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสองนั้น
อาศรมเหมือนดังจะหมุนเวียน
10866.687 -> นี่อย่างไร อาศรมจึงปรากฏแก่เรา
ดูเงียบสงัดจริงหนอ
10873.112 -> แม้ฝูงกาป่า ก็มิได้ส่งเสียงร้อง
พระลูกทั้งสองของแม่
จักตายเสียแล้วเป็นแน่แท้
10883.302 -> นี่อย่างไรอาศรมจึงปรากฏแก่เรา
ดูเงียบสงัดจริงหนอ
10890 -> แม้ฝูงนก ก็มิได้ส่งเสียงร้อง
พระลูกน้อยทั้งสองของแม่
จักตายเสียแล้วเป็นแน่แท้.
10901.688 -> พระนางมัทรีพิลาปรำพันอยู่
ด้วยประการฉะนี้
10906.438 -> เสด็จไปเฝ้าพระเวสสันดรมหาสัตว์
ปลงกะเช้าผลไม้ลง
10911.906 -> เห็นพระมหาสัตว์ประทับนั่งนิ่งอยู่
เมื่อไม่เห็นพระโอรส พระธิดา
ในสำนักพระภัสดา จึงทูลถามว่า
10925.268 -> นี่อย่างไรฝ่าพระบาท จึงทรงนิ่งอยู่
เออก็ใจของหม่อมฉัน
เหมือนดังฝันเห็นสุบินในเวลาราตรี
10935.76 -> แม้ฝูงกาป่า ก็มิได้ส่งเสียงร้อง
พระลูกน้อยทั้งสองของหม่อมฉัน
คงจักตายเสียแล้วเป็นแน่แท้
10945.534 -> นี่อย่างไรฝ่าพระบาท จึงทรงนิ่งอยู่
แม้ฝูงนก ก็มิได้ส่งเสียงร้อง
10952.796 -> พระลูกน้อยของหม่อมฉัน
คงจักตายเป็นแน่แท้
10958.384 -> ข้าแต่พระลูกเจ้า เหล่าเนื้อร้ายในป่าหรือ
ในทุ่งกว้าง มาเคี้ยวกินพระลูกน้อยทั้งสอง
ของหม่อมฉันเสียแล้วหรือไฉน
10970.43 -> หรือว่าใครมานำเอาพระลูกน้อย
ทั้งสองของหม่อมฉันไป
10976.497 -> หรือฝ่าพระบาททรงส่งพระลูกน้อยทั้งสอง
ซึ่งกำลังช่างพูดจาน่ารักใคร่ไปเป็นทูต
10985.195 -> หรือว่าเข้าไปหลับอยู่ในบรรณศาลา
หรือพระลูกน้อยทั้งสองของเรานั้นเที่ยว
เล่นคะนองออกไปในภายนอก
10996.405 -> เส้นพระเกศา พระหัตถ์และพระบาท
ซึ่งก็มีลายตาข่าย ของพระลูกน้อย
ทั้งสองนั้น มิได้ปรากฏเลย
11007.734 -> หรือว่านกทั้งหลายมาโฉบเฉี่ยวเอาไป
หรือว่าใครนำเอาพระลูกน้อยทั้งสอง
ของหม่อมฉันไป.
11019.78 -> แม้เมื่อพระนางมัทรีกราบทูลอย่างนี้แล้ว
พระมหาสัตว์ก็มิได้ตรัสอะไร
11027.76 -> ลำดับนั้น พระนางจึงกราบทูลว่า
ข้าแต่สมมติเทพ เหตุไรพระองค์
จึงไม่ตรัสกะหม่อมฉัน
11037.654 -> หม่อมฉันมีความผิดอย่างไร
ทูลฉะนี้แล้วตรัสว่า
11043.841 -> ความทุกข์ที่หม่อมฉัน มิได้เห็นลูกน้อย
ทั้งสอง คือชาลีและกัณหาชินาในวันนั้น
11052.538 -> เป็นทุกข์ยิ่งกว่าการถูกขับไล่จากแว่นแคว้น
เปรียบเหมือนผลที่ถูกแทงด้วยลูกศร ฉะนั้น
11060.997 -> การที่หม่อมฉันมิได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสอง
ทั้งฝ่าพระบาทก็มิได้ตรัสกับหม่อมฉันนี้
11070 -> เป็นลูกศรเสียบแทงหฤทัยของหม่อมฉัน
ซ้ำสอง หฤทัยของหม่อมฉันหวั่นไหว
11078.393 -> ข้าแต่พระราชบุตร ถ้าคืนวันนี้ฝ่าพระบาท
มิได้ตรัสกับหม่อมฉัน
11085.656 -> พรุ่งนี้เช้า ฝ่าพระบาทก็น่าจะได้ทอดพระเนตร
หม่อมฉัน ผู้ปราศจากชีวิต ตายเสียเป็นแน่.
11097.344 -> ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ทรงดำริว่า
เราจักให้พระนางมัทรีละความโศก
เพราะบุตร เสียด้วยถ้อยคำหยาบ
11108.848 -> จึงตรัสคาถานี้ว่า เจ้ามัทรีมีรูปงามอุดม
เป็นราชบุตรีผู้มียศ ไปแสวงหามูลผลาหาร
ตั้งแต่เช้า ไฉนหนอ จึงกลับมาจนเวลาเย็น.
11126.038 -> พระนางมัทรีทูลว่า
ฝ่าพระบาทได้ทรงสดับมิใช่หรือ
ซึ่งเสียงบันลือแห่งราชสีห์ และเสือโคร่ง
11135.843 -> ทั้งเสียงสัตว์จตุบาทและฝูงนกส่งเสียง
คำรามร้องสนั่น เป็นอันเดียวกัน
ต่างก็มุ่งมาเพื่อจะดื่มน้ำยังสระนี้
11147.701 -> บุพนิมิตได้เกิดมีแก่หม่อมฉันผู้กำลังเที่ยวอยู่
ในป่าใหญ่ เสียมพลัดตกจากมือของหม่อมฉัน
และกระเช้าที่หาบอยู่ก็พลัดตกจากบ่า
11161.102 -> ทีนั้นหม่อมฉันก็หวาดกลัวเป็นกำลัง
จึงกระทำอัญชลีนอบน้อมทิศทั่วทุกแห่ง
11169.482 -> ขอความสวัสดี พึงมีแต่ที่นี้ ขอพระลูกเจ้า
ของเราทั้งหลาย อย่าได้ถูกราชสีห์หรือ
เสือเหลืองเบียดเบียนเลย
11181.269 -> หมี สุนัขป่า หรือเสือดาว อย่ามากล้ำกราย
พระลูกน้อยทั้งสองของข้าเลย
11188.652 -> ๓ สัตว์ร้ายในป่า คือ ราชสีห์ เสือโคร่ง
และเสือเหลือง ยืนขวางทางหม่อมฉันเสีย
เหตุนั้น หม่อมฉันจึงกลับมาพลบค่ำ.
11203.928 -> ตัวเราเป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นปฏิบัติพระสวามี
บำรุงพระลูกน้อยทั้งสองทุกวันคืน
ดังอันเตวาสิกปฏิบัติอาจารย์ ฉะนั้น
11217.649 -> ตัวเรามุ่นชฎา เป็นพรหมจาริณี
นุ่งห่มหนังอชินะ เที่ยวแสวงหา
มูลผลาหารในป่าทุกวันคืน
11229.098 -> เพราะความรักพระลูกทั้งสองเทียวนะพระลูก
นี่ขมิ้น สีดังทอง ที่แม่หามาบดไว้สำหรับ
ใช้เพื่อเจ้าทั้งสองอาบน้ำ
11242.101 -> นี่ผลมะตูมสุกสีเหลือง
แม่หามาให้เพื่อลูกทั้งสองเล่น
11248.167 -> อนึ่ง แม่ได้สรรหาผลไม้สุกอื่น ๆ
ที่น่าพอใจมาเพื่อให้ลูกทั้งสองเล่น
นี้เป็นของเล่นของลูกรักทั้งสอง
11259.975 -> ข้าแต่พระจอมกษัตริย์
นี้เหง้าบัวพร้อมทั้งฝักและหน่อแห่ง
อุบลและกระจับอันคลุกเคล้าด้วยน้ำผึ้ง
11271.065 -> เชิญพระองค์เสวยพร้อม
พระโอรส พระธิดาเถิด
11274.978 -> ขอพระองค์ทรงโปรดประทาน
ดอกปทุมแก่พ่อชาลี
11280 -> ส่วนดอกโกมุทขอได้โปรดประทาน
แก่กัณหากุมารี
11284.99 -> พระองค์จะได้ทอดพระเนตรพระกุมาร
ประดับประดาด้วยดอกไม้ฟ้อนรำอยู่
11292.133 -> ขอได้โปรดตรัสเรียกสองพระราชบุตรมาเถิด
แม่กัณหาชินาจะได้มานี่
11300.113 -> ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ
ขอพระองค์จงสดับพระสุรเสียงอันไพเราะ
อ่อนหวานของแม่กัณหาชินาขณะเข้าสู่อาศรม
11312.399 -> เราทั้งสองถูกเนรเทศจากแว่นแคว้น
เป็นผู้มีสุขและทุกข์เสมอกัน
11319.781 -> เออก็พระองค์ได้ทรงเห็นพระราชบุตรทั้งสอง
คือ พ่อชาลี แม่กัณหาชินาบ้างหรือ
11328.479 -> ชะรอยว่าหม่อมฉัน ได้สาปแช่ง สมณพราหมณ์
ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ มีศีล เป็นพหูสูต ในโลก
11338.014 -> วันนี้หม่อมฉันจึงไม่ได้เห็นพระลูกน้อยทั้งสอง
คือ พ่อชาลีและแม่กัณหาชินา.
11354.008 -> แม้พระนางมัทรี ทรงพิลาปรำพันอยู่อย่างนี้
พระเวสสันดรมหาสัตว์ก็มิได้ตรัสอะไร
ด้วยเลย
11365.098 -> ครั้นพระมหาสัตว์ไม่ตรัสด้วย
พระนางมัทรีก็หวั่นพระหฤทัย เสด็จเที่ยว
ค้นหาพระโอรส พระธิดาของพระองค์
11375.71 -> ด้วยอาศัยแสงจันทร์ เสด็จถึงสถานที่
ทั้งปวงนั้น ๆ มีต้นหว้า เป็นต้น
ซึ่งเป็นที่พระโอรส พระธิดาเคยเล่น
11387.637 -> ทรงคร่ำครวญตรัสว่า
11391.67 -> หมู่นี้นี่ก็ต้นหว้า นี่ต้นยางทรายที่ทอดกิ่ง
ค้อมลงมา เป็นรุกขชาติต่าง ๆ พันธุ์
11401.717 -> ที่สองพระกุมารเคยวิ่งเล่น
แม่มิได้เห็นสองพระกุมารนั้น
11408.023 -> หมู่นี้นี่ก็โพธิ์ใบ ต้นขนุน ต้นไทร ต้นมะขวิด
เป็นไม้มีผลนานาชนิด ที่พระกุมารทั้งสอง
เคยมาวิ่งเล่น แม่มิได้เห็นสองพระกุมารนั้น
11423.781 -> หมู่ไม้เหล่านี้ตั้งอยู่ดุจอุทยาน
นี่ก็เป็นแม่น้ำมีน้ำเย็นซึ่งสองพระกุมาร
เคยมาเล่น แม่มิได้เห็นสองพระกุมารนั้น
11437.263 -> รุกขชาติที่ทรงดอกต่างๆ มีอยู่บนภูเขานี้
ที่สองพระกุมารเคยทัดทรงเล่น
แม่มิได้เห็นสองพระกุมารนั้น
11449.43 -> รุกขชาติที่ทรงผลต่างๆ มีอยู่บนภูเขานี้
ที่สองพระกุมารเคยมาเสวย
แม่มิได้เห็นสองพระกุมารนั้น
11461.118 -> เหล่านี้เป็นตุ๊กตาช้าง ตุ๊กตาม้า ตุ๊กตาวัว
ที่พระกุมารทั้งสองเคยมาเล่น
แม่มิได้เห็นสองพระกุมารนั้น.
11475.676 -> พระนางมัทรีทรงค้นหาพระโอรส พระธิดา
บนภูเขา ไม่เห็นก็ทรงคร่ำครวญ
เสด็จลงจากภูเขามาสู่อาศรมอีก
11488.624 -> ทรงคร่ำครวญถึงพระโอรส พระธิดา
ในอาศรมนั้น ทอดพระเนตรเห็นของเล่น
ทั้งหลายของพระโอรส พระธิดา
11499.953 -> จึงตรัสอย่างนี้ เหล่านี้เป็นตุ๊กตาเนื้อทราย
ทองตัวเล็ก ๆ ตุ๊กตากระต่าย ตุ๊กตานกเค้า
ตุ๊กตาชะมดเป็นอันมาก
11512.837 -> ที่พระกุมารทั้งสองเคยเล่น
แม่มิได้เห็นพระกุมารทั้งสองนั้น
11520 -> เหล่านี้ตุ๊กตาหงส์ เหล่านี้ตุ๊กตานกกะเรียน
ตุ๊กตานกยูงมีแววหางงามวิจิตร
11529.056 -> ที่สองพระกุมารเคยมาเล่น
แม่มิได้เห็นพระกุมารทั้งสองเลย.
11538.232 -> พระนางมัทรีไม่เห็นพระปิยบุตรทั้งสอง
ณ อาศรม จึงเสด็จออกจากอาศรม
เข้าสู่ชัฏป่าดอกไม้
11550.518 -> ทอดพระเนตรดูสถานที่นั้น ๆ ตรัสว่า
พุ่มไม้เหล่านี้มีดอกบานทุกฤดูกาล
11559.575 -> ที่สองพระกุมารเคยมาเล่น
แม่มิได้เห็นพระกุมารทั้งสองนั้น
11565.762 -> สระโบกขรณีนี้น่ารื่นรมย์ เพรียกไปด้วย
เสียงนกจากพรากมาคูขัน ดารดาษไปด้วย
มณฑาปทุมและอุบล
11576.852 -> ที่สองพระกุมารเคยมาเล่น
แม่มิได้เห็นพระกุมารทั้งสองนั้น.
11585.752 -> พระนางมัทรีไม่ประสบพระปิยบุตรทั้งสอง
ณ ที่ไร ๆ ก็เสด็จมาเฝ้าพระมหาสัตว์อีก
เห็นพระองค์ประทับนั่งมีพระพักตร์เศร้าหมอง
11598.756 -> จึงทูลว่า ฟืนฝ่าพระบาทก็มิได้หัก
น้ำก็มิได้ตัก แม้ไฟก็มิได้ติด
11608.291 -> เพราะเหตุไรหนอ พระองค์จึงทรงหงอยเหงา
ซบเซาอยู่ ที่รักกับที่รักประชุมพร้อมกันอยู่
ย่อมหายความทุกข์ร้อน
11619.74 -> แต่วันนี้หม่อมฉันมิได้เห็นพระกุมารทั้งสอง
คือ พ่อชาลีและแม่กัณหาชินา.
11629.275 -> ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
หม่อมฉันมิได้เห็นพระลูกรักทั้งสองของเรา
11635.7 -> ผู้ใดมานำเอาพระลูกรักทั้งสองนั้นไป
หรือว่าพระลูกรักทั้งสองนั้นตายเสียแล้ว
แม้ฝูงกาป่าก็มิได้ขานขัน
11647.388 -> พระลูกน้อยทั้งสองของหม่อมฉัน
ตายเสียแล้วเป็นแน่
11652.856 -> ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
หม่อมฉันมิได้เห็นพระลูกรักทั้งสองของเรา
11659.042 -> ผู้ใดมานำเอาพระลูกรักทั้งสองนั้นไป
หรือว่าพระลูกรักทั้งสองนั้นตายเสียแล้ว
แม้ฝูงนกก็มิได้ขานขัน
11670.491 -> พระลูกน้อยทั้งสองของหม่อมฉัน
ตายเสียแล้วเป็นแน่.
11675.96 -> พระนางมัทรี ทรงปริเทวนาพลางเที่ยว
วิ่งค้นหาตลอดซอกบรรพตและป่าชัฏ
ในบริเวณเขาวงกตนั้น
11687.767 -> แล้วเสด็จกลับมายังพระอาศรม
ทรงกันแสงอยู่ในสำนักของพระราชสวามี
ทรงคร่ำครวญว่า
11697.302 -> ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
หม่อมฉันมิได้เห็นพระลูกรักทั้งสองของเรา
11703.727 -> ผู้ใดมานำเอาพระลูกรักทั้งสองนั้นไป
หรือว่าพระลูกรักทั้งสองนั้นตายเสียแล้ว
แม้ฝูงกาป่าก็มิได้ขานขัน
11716.372 -> พระลูกรักทั้งสองของหม่อมฉัน
ตายเสียแล้วเป็นแน่
11722.319 -> ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
หม่อมฉันมิได้เห็นพระลูกรักทั้งสองของเรา
11730 -> ผู้ใดมานำเอาพระลูกทั้งสองนั้นไป
หรือว่าพระลูกรักทั้งสองนั้นตายเสียแล้ว
แม้ฝูงนกก็มิได้ขานขัน
11742.405 -> พระลูกน้อยทั้งสองของหม่อมฉัน
ตายเสียแล้วเป็นแน่
11747.8 -> พระนางมัทรีผู้ทรงพระรูปพระโฉมอัน
อุดม เป็นพระราชบุตรี ผู้มียศเที่ยวไป
ที่โคนต้นไม้ ที่บริเวณภูเขา และในถ้ำ
11761.521 -> มิได้ทรงพบเห็นสองพระกุมาร
จึงทรงประคองพระพาหา
11766.99 -> กันแสงไห้คร่ำครวญ ล้มสลบลงที่พื้นพสุธา
ณ ที่ใกล้บาทมูลของพระเวสสันดรนั้นแล.
11778.199 -> พระเวสสันดรราชฤาษี ทรงวักน้ำประพรม
พระนางมัทรีราชบุตรี ผู้ล้มสลบลง
ณ ที่ใกล้บาทมูลของพระองค์นั้น
11791.083 -> ครั้นทรงทราบว่า พระนางฟื้นพระองค์ดีแล้ว
จึงได้ตรัสบอกเนื้อความนี้กะพระนาง
ในภายหลังว่า
11801.335 -> ดูก่อนมัทรี ฉันไม่ปรารถนาจะแจ้งความทุกข์
แก่เธอแต่แรกก่อน พราหมณ์แก่เป็นยาจก
ผู้ยากจนมาสู่ที่อยู่ของฉัน
11814.338 -> ฉันได้ให้ลูกทั้งสองแก่พราหมณีนั้นไป
ดูก่อนมัทรี เธออย่ากลัวเลย จงดีใจเถิด
11824.232 -> ดูก่อนมัทรี เธอจงดูฉันเถิด จงอย่าดูลูก
ทั้งสองเลย อย่ากันแสงไห้ไปนักเลย
เราเป็นผู้ไม่มีโรค ยังมีชีวิตอยู่
11837.116 -> คงจักได้พบเห็นลูกทั้งสอง
ที่พราหมณ์นำไปเป็นแน่แท้
11842.824 -> สัปบุรุษเห็นยาจกมาถึงแล้วพึงให้บุตร
ปศุสัตว์ ธัญชาติ และทรัพย์อย่างอื่น
ในเรือนเป็นทานได้
11855.348 -> ดูก่อนมัทรี ขอเธอจงอนุโมทนา
ปุตตทาน อันสูงสุดของเรา.
11863.687 -> พระนางมัทรีทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ หม่อมฉันขอ
อนุโมทนาปุตตทานอันอุดมของฝ่าพระบาท
11873.461 -> ฝ่าพระบาททรงพระราชทาน
ปุตตทานอันอุดมแล้ว
11877.973 -> จงยังพระหฤทัยให้เลื่อมใส
ขอจงทรงบำเพ็ญทานยิ่ง ๆ ขึ้นไปเถิด
11884.877 -> ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่ ของประชุมชน
ในหมู่มนุษย์ ซึ่งมักเป็นคนตระหนี่เหนียว
11892.618 -> ฝ่าพระบาทพระองค์เดียวผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
ได้ทรงบำเพ็ญปิยปุตตทานแก่พราหมณ์แล้ว.
11902.273 -> ปฐพีก็บันลือลั่น เสียงสนั่นบันลือ
ไปถึงไตรทิพย์ สายฟ้าแลบอยู่
แปลบปลาบโดยรอบ
11910.612 -> เสียงสะท้านปรากฏ
ดังหนึ่งว่า เสียงภูเขาถล่มทลาย.
11916.559 -> เทพเจ้าสองหมู่ ผู้สิงสถิตอยู่ที่
นารทบรรพต ถวายอนุโมทนา
แก่พระหน่อทศพลเวสสันดร นั้นว่า
11928.726 -> พระอินทร์ พระพรหม ทั้งท้าวเวสวัณมหาราช
และเทพเจ้าชาวดาวดึงส์สวรรค์
พร้อมด้วยพระอินทร์ทุกถ้วนหน้า
11940 -> ย่อมถวายอนุโมทนาพระนางเจ้ามัทรี
ผู้ทรงพระรูปพระโฉมอันอุดม
เป็นพระราชบุตรี ผู้มียศ
11950.134 -> ทรงถวายอนุโมทนาปุตตทาน
อันอุดมของ พระเวสสันดรราชฤาษี
ด้วยประการฉะนี้แล.
11960.626 -> จบมัทรีกัณฑ์
12009.44 -> ๑๐. สักกกัณฑ์
12016.316 -> เมื่อกษัตริย์ทั้งสององค์ คือพระเวสสันดร
และพระนางมัทรีตรัสสัมโมทนียกถา
ต่อกันและกันอยู่อย่างนี้
12027.342 -> ท้าวสักกเทวราชทรงดำริว่า เมื่อวันวานนี้
พระเวสสันดรมหาราชนี้ได้ประทานปิยบุตร
แก่ชูชกพราหมณ์ แผ่นดินไหว
12039.912 -> บัดนี้ถ้าจะมีคนต่ำช้าผู้หนึ่งไปเฝ้า
พระเวสสันดร ทูลขอพระนางมัทรี
ผู้สมบูรณ์ด้วยลักษณะทั้งปวง
12050.882 -> มีศีลาจารวัตรบริบูรณ์ พาพระนางมัทรีไป
ทำให้ท้าวเธออยู่คนเดียว
12058.862 -> แต่นั้นท้าวเธอก็จะเปล่าเปลี่ยว
ขาดผู้ปฏิบัติ อย่ากระนั้นเลย
เราจะจำแลงเพศเป็นพราหมณ์
12068.516 -> ไปเฝ้าท้าวเธอ ทูลขอพระนางมัทรี
ให้ถือเอาทานนั้น เป็นยอดแห่งทานบารมี
12077.214 -> ทำให้ไม่ควรสละแก่ใครๆ
แล้วถวายพระนางเจ้านั้น คืนท้าวเธอไว้อีก
แล้วกลับเทวสถานของเรา
12087.587 -> ท้าวสักกเทวราชนั้นได้เสด็จไปสู่สำนัก
แห่งพระบรมโพธิสัตว์ ในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น.
12098.078 -> พระศาสดาตรัสว่า
ลำดับนั้น เมื่อราตรีสิ้นไป
พระอาทิตย์อุทัยขึ้นมา
12107.374 -> เวลาเช้าท้าวสักกเทวราชทรงแปลงเพศ
เป็นอย่างพราหมณ์ ได้ปรากฏแก่
สองกษัตริย์นั้น.
12116.669 -> ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า
พระคุณเจ้าไม่มีโรคาพาธหรือหนอ
พระคุณเจ้าทรงพระสำราญดีหรือ
12127.401 -> ทั้งมูลมันผลไม้มีมากหรือ
เหลือบยุงและสัตว์เลื้อยคลานมีน้อยแลหรือ
12134.903 -> ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยพาลมฤค
ไม่มีมาเบียดเบียนแลหรือ.
12140.85 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
ดูก่อนพราหมณ์ เราทั้งหลายไม่มี
โรคาพาธเบียดเบียน
12148.591 -> อนึ่งเราทั้งหลายเป็นสุขสำราญดี
เราเยียวยาอัตภาพด้วยการหา
ผลาหารสะดวกดี
12157.408 -> ทั้งมูลมันผลไม้ก็มีมาก
เหลือบ ยุง สัตว์เลื้อยคลานก็มีน้อย
12163.853 -> อนึ่ง ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยพาลมฤค
ก็ไม่มีมาเบียดเบียนแก่เรา
12170.279 -> เมื่อพวกเรามาอยู่ในป่า มีชีวิตอันตรมเตรียม
มาตลอด ๗ เดือน
12176.584 -> เราพึงเห็นท่านผู้เป็นพราหมณ์บูชาไฟ
ทรงเพศอันประเสริฐ ถือไม้เท้าสีดังผลมะตูม
และลักจั่นน้ำนี้เป็นคนที่สอง
12188.87 -> ดูก่อนพราหมณ์ ท่านมาดีแล้ว
อนึ่ง ท่านมิใช่มาร้าย
12195.534 -> ดูก่อนท่านผู้เจริญ เชิญท่านเข้าไปภายในเถิด
เชิญล้างเท้าของท่านเถิด ผลมะพลับ ผลมะหาด
ผลมะซาง ผลหมากเม่า มีรสหวานปานน้ำผึ้ง
12209.016 -> เชิญเลือกฉันแต่ผลที่ดี ๆ เถิด ท่านพราหมณ์
แม้น้ำฉันนี้ก็เย็นสนิท เรานำมาแต่ซอกเขา
12218.192 -> ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าท่านจำนงหวัง
ก็เชิญดื่มตามสบายเถิด
12224.259 -> ดังเราขอถาม ท่านมาถึงป่าใหญ่
เพราะเหตุการณ์อะไรหนอ
เราถามแล้วขอท่านจงบอกความนั้นแก่เราเถิด.
12234.631 -> ห้วงน้ำ (ในปัญจมหานที) เต็มเปี่ยม
ไม่มีเวลาเหือดแห้ง ฉันใด
พระองค์มีพระหฤทัยเต็มไปด้วยศรัทธา ฉันนั้น
12245.721 -> เกล้ากระหม่อมฉันกราบทูลขอแล้ว
ขอพระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทาน
พระมเหสี แก่เกล้ากระหม่อมฉันเถิด.
12256.452 -> ดูก่อนพราหมณ์ เราย่อมให้มิได้หวั่นไหว
ท่านขอสิ่งใดเราก็จะให้สิ่งนั้น เราไม่
ซ่อนเร้นสิ่งที่มีอยู่ ใจของเรายินดีในทาน.
12271.37 -> พระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐ
ทรงกุมหัตถ์พระนางมัทรี
12278.034 -> จับเต้าน้ำหลั่งอุทกวารีพระราชทาน
พระนาง ให้เป็นทานแก่พราหมณ์
12284.938 -> ขณะนั้น เมื่อพระมหาสัตว์ทรงบริจาค
พระนางมัทรีให้เป็นทาน
12291.243 -> เกิดความอัศจรรย์น่าสยดสยอง
โลมชาติก็ชูชัน เมทนีดลก็กัมปนาทหวั่นไหว
12299.343 -> พระนางเจ้ามัทรีมิได้มีพระพักตร์เง้างอด
มิได้ทรงขวยเขิน และมิได้ทรงกันแสง
12308.998 -> ทรงเพ่งดูพระราชสวามีโดยดุษณีภาพ
โดยทรงเคารพเชื่อถือว่า
ท้าวเธอทรงทราบซึ่งสิ่งอันประเสริฐ.
12319.848 -> พระศาสดาตรัสว่า
เมื่อตถาคตเป็นพระเวสสันดร บริจาค
ชาลี กัณหาชินาซึ่งเป็นบุตร ธิดา
12330.598 -> และพระมัทรีเทวี ผู้เคารพยำเกรง
ในพระราชสวามี มิได้คิดเสียดายเลย
เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น
12341.688 -> บุตรทั้งสองเป็นที่เกลียดชังของเราก็หามิได้
พระมัทรีเทวีไม่เป็นที่รักของเราก็หามิได้
12351.149 -> แต่สัพพัญุตญาณ เป็นที่รักของเรา
ฉะนั้น เราจึงได้ให้ของอันเป็นที่รัก.
12360 -> พระนางมัทรีทรงพระดำริว่า
ข้าพระบาทเป็นพระมเหสีของพระองค์
ตั้งแต่ยังแรกรุ่นสาว
12369.894 -> พระองค์ก็เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในข้าพระบาท
พระองค์ปรารถนาจะพระราชทาน
ข้าพระบาทแต่ผู้ใด ก็พึงพระราชทานได้
12380.386 -> ทรงปรารถนาจะขายหรือจะฆ่า
ก็พึงทรงขาย ทรงฆ่าได้.
12388.007 -> พระศาสดาตรัสว่า
ท้าวสักกะจอมเทพ ทรงทราบชัดซึ่ง
ความทรงดำริของสองกษัตริย์แล้ว
12396.64 -> จึงตรัสชมดังนี้ว่า
อันว่าข้าศึกทั้งมวลล้วนเป็นของทิพย์
(อันห้ามเสียซึ่งทิพยสมบัติ)
12405.577 -> และเป็นของมนุษย์
(อันห้ามเสียซึ่งมนุษย์สมบัติ)
12409.969 -> พระองค์ทรงชนะได้แล้ว ปฐพีก็บันลือลั่น
เสียงสนั่นบันลือไปถึงไตรทิพย์
สายฟ้าแลบอยู่แปลบปลาบโดยรอบ
12420.939 -> เสียงสะท้านปรากฏดังหนึ่งว่า
เสียงภูเขาถล่มทลาย
12426.527 -> เทพเจ้าสองหมู่ผู้สิงสถิตอยู่ ณ
นารทบรรพตถวายอนุโมทนาแก่
พระหน่อทศพลเวสสันดรนั้นว่า
12436.779 -> พระอินทร์ พระพรหม ท้าวประชาบดี
จันทเทพบุตร พระยม ทั้งท้าวเวสวัณ
มหาราช และเทพเจ้าทั้งปวง
12447.271 -> ย่อมถวายอนุโมทนาว่า พระเวสสันดร
บรมกษัตริย์ ทรงกระทำกรรมที่ทำได้ยาก
เมื่อคนดีทั้งหลายให้สิ่งที่ให้ได้ยาก
12458.481 -> กระทำกรรมที่ทำได้ยาก
คนไม่ดีย่อมทำตามไม่ได้
12464.308 -> เพราะว่าธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย
อันอสัตบุรุษตามได้โดยยาก
12470.733 -> เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้ คติของสัตบุรุษ
และของอสัตบุรุษย่อมต่างกัน
12478.593 -> อสัตบุรุษย่อมไปนรก
สัตบุรุษมีสวรรค์เป็นที่ไป
12484.779 -> การที่พระองค์เสด็จมาอยู่ป่า
ได้พระราชทานสองพระกุมาร
และพระมเหสี ให้เป็นทานนี้
12493.716 -> ชื่อว่าเป็นยานอันประเสริฐ
ไม่เป็นยานก้าวลงสู่อบายภูมิ
12499.663 -> ขอปุตตทานมหาทานของพระองค์นั้น
จงเผล็ดผลในสรวงสวรรค์.
12505.849 -> ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า
ข้าพเจ้าขอถวายพระนางเจ้ามัทรีพระมเหสี
ผู้งามทั่วสรรพางค์คืนให้พระคุณเจ้า
12518.613 -> พระองค์เท่านั้นเป็นผู้สมควรแก่พระมัทรี
และพระมัทรีก็คู่ควรแก่พระองค์
12526.354 -> น้ำนมและสังข์ ทั้งสองนี้มีสีเหมือนกัน ฉันใด
พระองค์และพระมัทรีก็มี
พระหฤทัยเสมอกัน ฉันนั้น
12538.64 -> ทั้งสององค์เป็นกษัตริย์สมบูรณ์ด้วยพระโคตร
เป็นอุภโตสุชาตทั้งฝ่ายพระชนนีและพระชนก
12547.337 -> ทรงถูกขับไล่จากแว่นแคว้น
มาอยู่ในอาศรมราวป่า
12552.925 -> บุญทั้งหลายที่พระองค์กระทำมาแล้ว ฉันใด
ขอพระองค์ทรงให้ทานกระทำบุญอยู่ร่ำไป ฉันนั้น.
12561.145 -> ข้าแต่พระราชฤาษี
หม่อมฉันเป็นท้าวสักกะจอมเทพ
มาในสำนักของพระองค์
12570 -> ขอพระองค์จงทรงเลือกพร
หม่อมฉันขออวยพร ๘ ประการแก่พระองค์.
12577.023 -> พระโพธิสัตว์ตรัสว่า
ข้าแต่ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งสรรพสัตว์
ถ้าพระองค์จะประสาทพระพรแก่หม่อมฉันไซร้
12588.233 -> ขอให้พระบิดาจงมารับหม่อมฉัน
ขอพระบิดาพึงทรงต้อนรับหม่อมฉันผู้ออก
จากป่านี้ไปถึงเรือนของตนด้วยราชอาสน์
12600.878 -> พรนี้เป็นที่ ๑ เป็นพรที่หม่อมฉันปรารถนา
12605.249 -> อนึ่ง ขอให้หม่อมฉันไม่พึงพอใจซึ่งการฆ่าคน
แม้ผู้นั้นจะเป็นนักโทษถึงประหารชีวิต
12614.067 -> กระทำผิดอย่างร้ายกาจ ขอให้หม่อมฉันพึง
ปลดปล่อยให้พ้นจากการถูกประหารชีวิต
12621.688 -> พรนี้เป็นที่ ๒ เป็นพรที่หม่อมฉันปรารถนา
12626.439 -> อนึ่ง ขอให้ประชาชนทั้งปวง ทั้งแก่เฒ่าเด็กและ
ปานกลาง พึงเข้ามาอาศัยหม่อมฉันเลี้ยงชีวิต
12637.05 -> พรนี้เป็นที่ ๓ เป็นพรที่หม่อมฉันปรารถนา
12641.921 -> อนึ่ง หม่อมฉันไม่พึงคบภรรยาผู้อื่น
พึงพอใจแต่ในภรรยาของตน
ไม่พึงลุอำนาจแห่งหญิงทั้งหลาย
12651.815 -> พรนี้เป็นที่ ๔ เป็นพรที่หม่อมฉันปรารถนา
12656.805 -> อนึ่ง ข้าแต่ท้าวสักกะ ขอให้บุตรของหม่อมฉัน
ผู้พลัดพรากไปนั้น พึงมีอายุยืนนาน
พึงครองซึ่งแผ่นดินโดยธรรมเถิด
12668.373 -> พรนี้เป็นที่ ๕ เป็นพรที่หม่อมฉันปรารถนา
12673.004 -> อนึ่ง ตั้งแต่วันที่หม่อมฉันกลับคืนถึงพระนคร
เมื่อราตรีสิ้นไป พระอาทิตย์อุทัยขึ้นมาแล้ว
ขอให้อาหารอันเป็นทิพย์พึงปรากฏ
12686.486 -> พรนี้เป็นที่ ๖ เป็นพรที่หม่อมฉันปรารถนา
12691.476 -> อนึ่ง เมื่อหม่อมฉันให้ทานอยู่
ขอไทยธรรมอย่าได้หมดสิ้นไป
12697.663 -> เมื่อกำลังให้ ขอให้หม่อมฉันทำจิตให้ผ่องใส
ครั้นให้แล้วขอให้หม่อมฉันไม่พึงเดือดร้อนใจ
ในภายหลัง
12708.633 -> พรนี้เป็นที่ ๗ เป็นพรที่หม่อมฉันปรารถนา
12713.504 -> อนึ่ง เมื่อล่วงพ้นจากอัตภาพนี้ไป
ขอให้หม่อมฉันครรไลยังโลกสวรรค์
ให้ได้ไปถึงชั้นดุสิตอันเป็นชั้นวิเศษ
12725.312 -> ครั้นจุติจากชั้นดุสิตนั้นแล้ว
พึงมาสู่ความเป็นมนุษย์
แล้วไม่พึงเกิดต่อไป
12732.455 -> พรนี้เป็นที่ ๘ เป็นพรที่หม่อมฉันปรารถนา.
12737.804 -> พระศาสดาตรัสว่า
ครั้นท้าวสักกะจอมเทพทรงสดับพระดำรัส
ของพระมหาสัตว์เวสสันดรนั้นแล้ว
12747.458 -> ได้ตรัสดังนี้ว่า ไม่นานนักดอก
สมเด็จพระบิดาบังเกิดเกล้าของพระองค์
จักเสด็จมาทรงเยี่ยมพระองค์
12756.754 -> ครั้นตรัสพระดำรัสเท่านี้แล้ว
ท้าวสุชัมบดีมฆวาฬเทวราช
12762.621 -> ทรงพระราชทานพร แก่พระเวสสันดรแล้ว
ได้เสด็จกลับไปยังหมู่สวรรค์.
12772.515 -> จบสักกกัณฑ์
12791.918 -> ๑๑ มหาราชกัณฑ์
12801.198 -> กาลนั้น พระเวสสันดรโพธิสัตว์และ
พระนางมัทรี ทรงบันเทิงเสด็จแรม
อยู่ในอาศรมที่ท้าวสักกะประทาน
12813.039 -> ครั้งนั้น พราหมณ์ชูชกพาพระชาลี พระกัณหา
ทั้งสององค์ เดินทาง ๖๐ โยชน์
เหล่าเทพเจ้าได้อารักขาพระกุมาร กุมารี
12826.441 -> ฝ่ายชูชกครั้นดวงอาทิตย์อัสดงคต
ก็ผูกพระกุมารกุมารีทั้งสองไว้ที่กอไม้
ให้บรรทมเหนือพื้นดิน
12838.18 -> ตนเองขึ้นต้นไม้ นอนที่หว่างค่าคบกิ่งไม้
ด้วยเกรงพาลมฤคที่ดุร้าย.
12847.068 -> ในขณะนั้น มีเทพบุตรองค์หนึ่ง
แปลงเพศเป็นพระเวสสันดรมา
12854.211 -> ภายหลังมีเทพธิดาองค์หนึ่งแปลงเพศ
เป็นพระนางมัทรี มาแก้สองกุมาร
12862.311 -> นวดพระหัตถ์และพระบาทของสองกุมาร
สรงน้ำ ประดับ ให้เสวยทิพยโภชนาหาร
12871.368 -> ตกแต่งด้วยสรรพาลังการ
ให้บรรทมบนพระยี่ภู่ทิพย์
12876.837 -> พออรุณขึ้นก็ให้บรรทมด้วย
เครื่องพันธนาการตามเดิมอีก
แล้วอันตรธานหายไป
12885.415 -> ราชกุมารกุมารีทั้งสองนั้น หาพระโรคมิได้
เสด็จไปด้วยเทวสงเคราะห์อย่างนี้
12894.83 -> เมื่อราตรีนั้นสว่างแล้ว
ชูชกลงจากต้นไม้ล้างหน้า
บ้วนปากสีฟันแล้ว บริโภคผลาผล
12905.202 -> กาลนั้น แกพาสองกุมารไปถึงมรรคาหนึ่ง
คิดว่า เราจักไปกาลิงครัฐ
12913.9 -> แล้วเดินไปเห็นทางสองแพร่ง
ทางหนึ่งไปกาลิงครัฐ
ทางหนึ่งไปกรุงเชตุดร
12922.598 -> เทวดาดลใจ แกจึงละทางไปกาลิงครัฐ
เห็นทางหนึ่งไปกรุงเชตุดร
12930 -> จึงนำสองกุมารไปด้วยสำคัญว่า
ทางนี้เป็นทางไปกาลิงครัฐ
แกคิดว่า เราจักไปกาลิงครัฐ
12940.014 -> ล่วงเชิงภูผาของภูผาที่ไปยากทั้งหลาย
ถึงกรุงเชตุดรโดยกาลนับได้กึ่งเดือน.
12949.071 -> วันนั้นเวลาใกล้รุ่ง พระเจ้ากรุงสญชัย
สีพีมหาราชทรงพระสุบิน
พระสุบินนั้นมีข้อความนี้ว่า
12960 -> เมื่อพระเจ้าสญชัยมหาราช
ประทับนั่งในสถานที่มหาวินิจฉัย
12967.741 -> มีชายคนหนึ่งผิวดำ นำดอกปทุมสองดอก
มาวางไว้ในพระหัตถ์แห่งพระราชา
พระราชาทรงรับดอกปทุมทั้งสองดอก
12980.506 -> ทรงประดับที่พระกรรณสองข้าง
ละอองเกสรแห่งดอกปทุมสองดอกนั้น
ล่วงลงบนพระอุระแห่งพระราชา
12991.835 -> พระเจ้าสญชัยตื่นบรรทม ตรัสเรียกพวก
พราหมณ์ผู้รู้ทำนายสุบิน มาตรัสถาม
12999.696 -> พราหมณ์เหล่านั้น ทูลพยากรณ์ว่า
ข้าแต่สมมติเทพ พระประยูรญาติ
ของพระองค์ ที่จากไปนานจักมา
13010.427 -> พระเจ้ากรุงสญชัย ได้ทรงสดับ
คำพยากรณ์นั้น ทรงยินดี
โปรดให้พราหมณ์เหล่านั้นกลับไป
13020.68 -> สนานพระเศียรแต่เช้า
แล้วเสวยโภชนาหารมีรสเลิศต่าง ๆ
13026.866 -> ตกแต่งพระองค์ ด้วยเครื่องอลังการ
คืออาภรณ์ทั้งปวง ประทับนั่ง
ณ สถานมหาวินิจฉัย
13036.365 -> เทวดานำพราหมณ์กับกุมาร
มายืนอยู่ที่พระลานหลวง
13042.551 -> ขณะนั้นพระเจ้ากรุงสญชัยทอดพระเนตร
ดูมรรคาทรงเห็นสองกุมาร จึงตรัสว่า
13051.966 -> นั่นหน้าของใครหนองามยิ่งนัก
ดังทองคำอันนายช่างหลอมด้วยไฟสุกใส หรือ
ดังแท่งทองคำอันละลายคว้างที่ปากเบ้า ฉะนั้น
13064.372 -> เด็กทั้งสองคนนี้มีอวัยวะคล้ายคลึงกัน
มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
13070.917 -> คนหนึ่งคล้ายคลึงพ่อชาลี
คนหนึ่งเหมือนแม่กัณหาชินา
13077.223 -> ทั้งสองคนมีรูปเสมอกัน
ดังราชสีห์ออกจากถ้ำทอง ฉะนั้น
13083.768 -> เด็กสองคนนี้ปรากฏดัง
หล่อด้วยทองคำเทียว.
13087.921 -> ดูก่อนภารทวาชพราหมณ์
ท่านนำเด็กทั้งสองคนนี้มาจากไหนหนอ
ท่านมาจากไหน ลุถึงแว่นแคว้นของเราในวันนี้.
13100.207 -> ชูชกทูลว่า
ข้าแต่พระเจ้าสญชัยสมมติเทพ กุมารทั้งสอง
นี้ มีผู้ให้แก่ข้าพระองค์ ด้วยความพอใจ
13110.995 -> ตั้งแต่วันที่ข้าพระองค์ได้สองกุมารนี้มา
คืนวันนี้เป็นคืนที่ ๑๕
13118.339 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า
ท่านมีถ้อยคำดูดดื่มเพียงไร
จึงได้เด็กสองคนนี้มา
13126.277 -> ท่านควรทำให้เราเชื่อโดยเหตุที่ชอบ
ใครให้ลูกน้อยทั้งหลาย อันเป็นอุดมทาน
ให้ทานนั้นแก่ท่าน.
13135.997 -> ชูชกทูลว่า
พระองค์ใดเป็นที่พึ่งของเหล่ายาจกผู้มาขอ
ดังธรณีเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย
13146.369 -> พระองค์นั้น คือ พระเวสสันดรราชซึ่งเสด็จ
ไปอยู่ป่า ได้พระราชทานพระราชโอรส และ
พระราชธิดาแก่ข้าพระองค์
13157.1 -> พระองค์ได้เป็นที่รับรองของเหล่ายาจก
ผู้มาขอ เหมือนสาครเป็นที่รับรองแห่ง
แม่น้ำทั้งหลายซึ่งไหลลงไป ฉะนั้น
13167.831 -> พระองค์นั้น คือ พระเวสสันดรราชซึ่งเสด็จ
ไปอยู่ป่า ได้พระราชทานพระราชโอรสและ
พระราชธิดาแก่ข้าพระองค์.
13179.28 -> พวกอำมาตย์ทูลว่า
ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย
13184.748 -> พระราชาผู้ยังทรงครองเรือนอยู่
เป็นผู้มีศรัทธา
ทรงกระทำกรรมไม่สมควรหนอ
13192.13 -> พระเวสสันดรถูกขับไล่ออกไปอยู่ป่า
พึงพระราชทานพระราชโอรสและ
พระราชธิดา อย่างไรหนอ
13201.187 -> ท่านผู้เจริญทั้งหลายมีประมาณเท่าใด
ซึ่งมาประชุมกันอยู่ในสมาคมนี้
จงพิจารณาเรื่องนี้
13210.842 -> พระเวสสันดรราชประทับอยู่ในป่า
อย่างไรจะพระราชทานพระราชโอรสและ
พระราชธิดาเล่า
13219.42 -> พระองค์ควรจะพระราชทานทาส ทาสี
แม่ม้าอัศดร รถ ช้างกุญชร
ทำไมจึงพระราชทานพระราชกุมารทั้งสองเล่า.
13231.348 -> พระชาลีกุมารทูลว่า
ข้าแต่สมเด็จพระอัยกา ทาส ม้า แม่ม้าอัสดร
รถ และช้างกุญชรตัวประเสริฐ
13243.395 -> ในเรือนของผู้ใด ไม่มี
ผู้นั้นจะพึงให้อะไรพระเจ้าข้า.
13249.475 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า ดูก่อนพระหลานน้อย
ปู่สรรเสริญทานแห่งบิดาของเจ้านั้น
ปู่ไม่ได้ติเตียนเลย
13258.955 -> หฤทัยแห่งบิดาของเจ้า เป็นอย่างไรหนอ
เพราะให้เจ้าทั้งสองแก่พราหมณ์แล้ว.
13266.576 -> พระชาลีกุมารทูลว่า
ข้าแต่พระอัยกามหาราช
13272.523 -> พระบิดาของเกล้ากระหม่อม
พระราชทานเกล้ากระหม่อมทั้งสอง
แก่พราหมณ์แล้ว
13278.231 -> ได้สดับถ้อยคำร่ำพิลาป
ที่พระน้องกัณหาได้กล่าวแล้ว.
13284.178 -> ทรงมีพระหฤทัยเป็นทุกข์และเร่าร้อน
มีดวงพระเนตรแดงดังหนึ่งดาวโรหิณี
และมีพระอัสสุชลหลั่งไหล.
13295.507 -> พระน้องกัณหาชินาได้กราบทูล
สมเด็จพระบิดาดังนี้ว่า
13301.222 -> ข้าแต่พระบิดาเจ้าขา พราหมณ์นี้เฆี่ยนตี
เกล้ากระหม่อมฉันด้วยไม้เท้า
ดังเฆี่ยนตีหญิงทาสีอันเกิดในเรือนเบี้ย
13312.551 -> พระบิดาเจ้าขา ผู้นี้ไม่ใช่พราหมณ์เป็นแน่
พราหมณ์ทั้งหลายย่อมตั้งอยู่ในธรรม
13320.651 -> ยักษ์แปลงเพศเป็นพราหมณ์มานำเอา
เกล้ากระหม่อมฉันทั้งสองไปเพื่อจะกิน
13327.196 -> พระบิดาเจ้าขา เกล้ากระหม่อมฉันทั้งสอง
ถูกปีศาจนำไป ไฉนพระบิดาจึงทรงนิ่ง
ดูดายเสียเล่าหนอ เพคะ.
13338.764 -> พระราชาตรัสว่า
มารดาของเจ้าทั้งสองเป็นพระราชบุตรี
และบิดาของเจ้าทั้งสองเป็นพระราชบุตร
13349.255 -> แต่ก่อนเจ้าทั้งสองเคยขึ้นตักของปู่
บัดนี้เหตุไร จึงยืนอยู่ห่างไกลเล่าหนอ.
13358.192 -> พระกุมารทูลว่า
พระมารดาของเกล้ากระหม่อม
ทั้งสองเป็นพระราชบุตรี
13365.408 -> และพระบิดาของเกล้ากระหม่อม
ทั้งสองเป็นพระราชบุตร
13369.92 -> แต่บัดนี้ เกล้ากระหม่อมทั้งสอง
เป็นทาสของพราหมณ์
13374.432 -> เพราะฉะนั้น เกล้ากระหม่อมทั้งสอง
จึงยืนอยู่ห่างไกล พระเจ้าข้า.
13381.695 -> พระราชาตรัสว่า
หลานทั้งสองอย่าได้ชอบกล่าวอย่างนั้นเลย
หทัยของปู่กำลังเร่าร้อน
13391.589 -> กายของปู่เหมือนดั่งถูกยกขึ้นไว้บนจิตกาธาร
หลานรักทั้งสอง ยังความเศร้าโศก
ให้แก่ปู่ยิ่งนัก
13401.723 -> ปู่จักไถ่หลานทั้งสองด้วยทรัพย์
หลานทั้งสองจักไม่ต้องเป็นทาส
13406.593 -> ดูก่อนพ่อชาลี บิดาของเจ้าทั้งสอง
ได้ตีราคาเจ้าทั้งสองไว้เท่าไร
ให้แก่พราหมณ์
13414.693 -> หลานทั้งสอง จงบอกแก่ปู่ตามจริงเถิด
พนักงานทั้งหลาย จงให้พราหมณ์
รับเอาทรัพย์ไปเถิด.
13422.793 -> พระกุมารตรัสว่า
ข้าแต่สมเด็จพระอัยกา พระบิดาทรงตีราคา
เกล้ากระหม่อมฉันมีค่าทองคำพันแท่ง
13434.002 -> ทรงตีราคาพระน้องกัณหาชินาผู้มีพระพักตร์
อันผ่องใส ด้วย สัตว์พาหนะมีช้าง เป็นต้น
อย่างละร้อย ๆ แล้วได้พระราชทานแก่พราหมณ์.
13446.886 -> พระราชาตรัสว่า
เหวยพนักงาน เองจงลุกขึ้นไปนำทาส ทาสี
ช้าง โค และ โคอุสภราช อย่างละร้อย ๆ
13459.172 -> กับทองคำพันแท่ง เอามาให้แก่พราหมณ์
เป็นค่าไถ่ พระหลานรักทั้งสอง.
13466.674 -> พระศาสดาตรัสว่า
ลำดับนั้น พนักงานรีบไปนำทาส ทาสี
ช้าง โค และ โคอุสภราช อย่างละร้อย ๆ
13478.96 -> กับทองคำพันแท่ง เอามาให้แก่พราหมณ์
เป็นค่าไถ่สองพระกุมาร.
13485.386 -> พนักงานได้ให้ทาส ทาสี ช้าง โค
และโคอุสภราช แม่ม้าอัศดร รถ
และเครื่องใช้สอยทุกอย่าง ๆ ละร้อย ๆ
13498.39 -> กับทองคำพันแท่ง แก่พราหมณ์
ผู้แสวงหาทรัพย์ ผู้ขอเกินประมาณ
หยาบช้า เป็นค่าไถ่พระกุมารทั้งสอง.
13509.599 -> กษัตริย์ทั้งสอง คือ พระเจ้าสญชัยและ
พระราชเทวี ทรงไถ่พระกุมารทั้งสองแล้ว
รับสั่งให้พนักงานสรงสนาน
13521.167 -> และให้พระกุมารทั้งสองเสวยเสร็จแล้ว
ทรงประดับประดาด้วยอาภรณ์ทั้งหลาย
แล้วทรงอุ้มขึ้นให้ประทับบนพระเพลา
13530.941 -> พระกุมารทั้งสองทรงสรงสนานพระเศียร
แล้ว ทรงพระภูษาอันสะอาด
ประดับด้วยสรรพาภรณ์
13540.834 -> พระราชาผู้พระอัยกา ทรงอุ้มพระชาลี
ขึ้นประทับบนพระเพลา แล้วตรัสถาม
13548.456 -> พระกุมารทั้งสอง ทรงประดับกุณฑล
อันมีเสียงดังก้องน่าเพลินใจ
ทรงประดับพวงมาลัยและสรรพาลังการแล้ว
13558.947 -> พระราชาครั้นทรงอุ้มพระชาลีขึ้นประทับบน
พระเพลา แล้วได้ตรัสถามว่า ดูก่อนพ่อชาลี
13567.286 -> พระชนกชนนีทั้งสองของหลานรัก
ไม่มีโรคดอกหรือ
แสวงหาผลาหารเลี้ยงพระชนมชีพสะดวกหรือ
13576.343 -> มูลผลาหารมีมากหรือ
เหลือบ ยุงและสัตว์เลื้อยคลานมีน้อยหรือ
13584.084 -> ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยสัตว์ร้าย
ไม่มีมาเบียดเบียนหรือ.
13590 -> พระชาลีกุมาร ทูลว่า
ขอเดชะ พระชนกชนนีของเกล้ากระหม่อม
ทั้งสองพระองค์นั้น ไม่มีโรค
13598.698 -> อนึ่ง ทรงแสวงหามูลผลาหาร
เลี้ยงพระชนมชีพได้สะดวก
มูลผลาหารมีมาก
13606.917 -> เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลานก็มีน้อย
ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยสัตว์ร้าย
ไม่มีมาเบียดเบียนพระชนกชนนีทั้งสอง
13617.409 -> พระชนนีของเกล้ากระหม่อมฉัน
ทรงขุดรากบัว เหง้าบัว มันอ่อน
ทรงสอยผลพุทรา ผลรกฟ้า มะตูม
13627.901 -> นำมาเลี้ยงพระชนกและเกล้า
กระหม่อมฉันทั้งสอง
13632.173 -> พระชนนีทรงนำเอาเหง้าไม้และ
ผลไม้ใด ๆ มาจากป่า
13638 -> พระชนกและเกล้ากระหม่อมฉันทั้งสอง
มารวมพร้อมกันเสวย เหง้าไม้และผลไม้นั้น ๆ
ในเวลากลางคืน
13647.296 -> ไม่ได้เสวยในเวลากลางวันเลย
13650.851 -> พระชนนีของเกล้ากระหม่อมทั้งสอง
ผู้เป็นสุขุมาลชาติ ต้องเที่ยวแสวงหา
ผลไม้ มีพระฉวีวรรณผอมเหลือง
13660.745 -> เพราะลมและแดด
เหมือนดอกปทุมอันถูกขยำด้วยมือ ฉะนั้น
13667.322 -> เมื่อพระชนนีเสด็จเที่ยวไปในป่าใหญ่
ซึ่งเป็นป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยสัตว์ร้าย
เป็นที่อาศัยแห่งแรดและเสือเหลือง
13677.216 -> พระเกสาของพระองค์อันมีสีดังปีกแมลงภู่
ถูกกิ่งไม้เป็นต้นเกี่ยวให้กระจุยกระจาย
13686.392 -> พระชนนีทรงขมวดมุ่นพระเมาลี
ทรงไว้ซึ่งเหงื่อไคลที่พระกัจฉะประเทศ
(ทรงเพศเป็นดาบสินี อันประเสริฐ)
13696.883 -> (ทรงถือไม้ขอ ทรงเครื่องบูชาไฟ และ
มุ่นพระเมาลี) ทรงพระภูษาหนังสัตว์
บรรทมเหนือปฐพี ทรงบูชาไฟ.
13710 -> บุตรทั้งหลายเกิดขึ้นมาแล้ว
ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ในโลก
13715.828 -> พระอัยกาของเราไม่ทรงเกิดพระสิเนหา
ในพระโอรสเสียเลยเป็นแน่.
13722.372 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า
ดูก่อนพระหลานน้อย จริงทีเดียวการที่ปู่
ขับไล่พระบิดาของเจ้าผู้ไม่มีโทษ
13732.266 -> เพราะถ้อยคำของชาวสีพีทั้งหลายนั้น
ชื่อว่าปู่ได้กระทำกรรมอันชั่วช้า
และชื่อว่าทำกรรมเครื่องทำลายความเจริญ
13743.236 -> สิ่งใด ๆ ของปู่มีอยู่ในนครนี้ก็ดี
ทรัพย์และธัญชาติที่มีอยู่ก็ดี
ปู่ขอยกให้แก่พระบิดาของเจ้าทั้งสิ้น
13754.684 -> ขอให้เวสสันดรจงมาเป็น
พระราชาปกครองในสีพีรัฐเถิด.
13761.827 -> พระชาลีกุมารทูลว่า ขอเดชะ
สมเด็จพระชนกของเกล้ากระหม่อมฉัน
13768.253 -> คงจักไม่เสด็จมาเป็นพระราชาของชาวสีพี
เพราะถ้อยคำของเกล้ากระหม่อมฉัน
13774.44 -> ขอให้สมเด็จพระอัยกาเสด็จไปทรง
อภิเษกพระบิดาของเกล้ากระหม่อมฉัน
ด้วยราชูปโภคเองเถิดพระเจ้าข้า.
13784.812 -> พระศาสดาตรัสว่า
ลำดับนั้น พระเจ้าสญชัยได้ดำรัสสั่ง
เสนาบดีว่า กองทัพ คือ พลช้าง พลม้า
13796.022 -> พลรถ พลเดินเท้า จงผูกสอดอาวุธ
(จงเตรียมให้พร้อมสรรพ) ชาวนิคม
พราหมณ์และปุโรหิตทั้งหลาย จงตามเราไป
13807.471 -> ถัดจากนั้น พวกโยธีหกหมื่นผู้สง่างาม
พร้อมสรรพด้วยเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์
ประดับด้วยผ้าสีต่าง ๆ กัน จงตามมาเร็วพลัน
13820.235 -> พวกโยธีผู้พร้อมสรรพด้วยเครื่องอาวุธ
ยุทธภัณฑ์ ประดับด้วยผ้าสีต่าง ๆ กัน
13827.737 -> คือ พวกหนึ่งแต่งผ้าสีเขียว
พวกหนึ่งแต่งผ้าสีเหลือง
13832.847 -> พวกหนึ่งแต่งผ้าสีแดง
พวกหนึ่งแต่งผ้าสีขาว จงตามมาเร็วพลัน
13840.11 -> ภูเขาคันธมาทน์อันมีในป่าหิมพานต์
สะพรั่งไปด้วยคันธชาติดารดาษด้วย
พฤกษานานาชนิด
13848.928 -> เป็นที่อาศัยอยู่แห่งหมู่สัตว์ใหญ่ ๆ
และมีต้นไม้เป็นทิพยโอสถ
ย่อมสว่างไสวและหอมไปทั่วทิศ ฉันใด
13858.583 -> เหล่าโยธีทั้งหลาย ผู้พร้อมสรรพด้วย
เครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ จงตามมาเร็วพลัน
ก็จงรุ่งเรืองและมีเกียรติฟุ้งขจรไป ฉันนั้น
13870.869 -> ถัดจากนั้น จงจัดช้างที่สูงใหญ่หมื่นสี่พัน
มีสายรัดประคนทอง มีเครื่องประดับและ
เครื่องปกคลุมศีรษะอันขจิตด้วยทอง
13882.438 -> มีนายควาญช้างถือโตมรและขอขึ้นขี่คอ
ประจำเตรียมพร้อมสรรพประดับประดา
อย่างสวยงาม จงตามมาเร็วพลัน
13893.767 -> ถัดจากนั้นจงจัดม้าสินธพชาติอาชาไนย
อันมีฝีเท้าจัด หมื่นสี่พันพร้อมด้วยนาย
ควาญม้าประดับประดาด้วยอลังการ
13907.01 -> ถือแส้แลกเกาทัณฑ์ ผูกสอดเครื่องรบ
ขึ้นประจำหลัง จงตามมาเร็วพลัน
13914.99 -> ถัดจากนั้น จงจัดกระบวนรถรบหมื่นสี่พัน
มีกำกงอันหุ้มด้วยเหล็ก เรือนรถวิจิตรด้วยทอง
และจงยกธงขึ้นปักบนรถนั้น ๆ
13929.549 -> พวกนายขมังธนูผู้ยิงได้แม่นยำ
เป็นคนคล่องแคล่วในรถทั้งหลาย
13936.213 -> จงเตรียมโล่ห์ เกราะและเกาทัณฑ์ไว้ให้เสร็จ
พลโยธีเหล่านี้ จงตระเตรียมให้พร้อมรีบตามมา.
13945.867 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า เวสสันดรโอรส
ของเรา จักเสด็จมาโดยมรรดาใด ๆ
ตามมรรคานั้น ๆ จงให้โปรยข้าวตอก ดอกไม้
13957.794 -> มาลัย ของหอมและเครื่องลูบไล้
และจงให้ตั้งเครื่องบูชาอันมีค่ารับเสด็จ
13966.4 -> ในบ้านหนึ่ง ๆ จงให้ตั้งหม้อสุราเมรัย
รับไว้ บ้านละร้อย ๆ รายไปตามมรรคา
ที่เวสสันดรโอรสของเราจักเสด็จมา
13979.284 -> จงให้ตั้งมังสาหารและขนม เช่นขนม
แดกงา ขนมกุมมาสอันปรุงด้วยเนื้อปลา
13987.623 -> รายไปตามมรรคาที่เวสสันดร
โอรสของเราจักเสด็จมา
13993.211 -> จงให้ตั้งเนยใส น้ำมัน นมส้ม นมสด
ขนมที่ทำด้วยข้าวฟ่าง และสุราเป็นอันมาก
14002.029 -> รายไปตามมรรคาที่เวสสันดร
โอรสของเราจักเสด็จมา
14007.737 -> ให้มีพนักงานวิเศษทั้งครัวหวานและ
ครัวคาว จัดตั้งไว้เลี้ยงประชาชนทั่วไป
ให้มีมหรสพฟ้อนรำขับร้องทุก ๆ อย่าง
14020.382 -> เพลงปรบมือ กลองยาว ช่างขับเสภา
อันบรรเทาความเศร้าโศก
14027.405 -> พวกมโหรีจงเล่นดนตรีดีดพิณพร้อมทั้งกลอง
น้อย กลองใหญ่ เป่าสังข์ ตีกลองหน้าเดียว
ตะโพน บัณเฑาะว์ สังข์ จะเข้ กลองใหญ่
14041.843 -> กลองเล็ก รายไปตามมรรคาที่เวสสันดร
โอรสของเราจักเสด็จมา.
14048.986 -> พระศาสดาตรัสว่า
กองทัพของสีพีรัฐเป็นกองทัพใหญ่
อันจัดเป็นกระบวนตั้งไว้เสร็จแล้วนั้น
14059.119 -> มีพระชาลีราชกุมารเป็นผู้นำทาง
ได้ยาตราไปยังเขาวงกต
14065.784 -> ช้างกุญชรตัวประเสริฐมีอายุ ๖๐ ปี
มีสายรัดประคนทองผูกตกแต่งไว้
บันลือก้องโกญจนาทกระหึ่มอยู่
14077.352 -> เหล่าม้าอาชาไนยย่อมแผดเสียงดังสนั่น
เสียงกงรถดังกึกก้องธุลีละอองฟุ้ง
ตระหลบบนนภากาศ
14087.366 -> กองทัพของสีพีรัฐอันจัดเป็นกระบวน
ยาตราไป เป็นกองทัพใหญ่ สามารถ
จะทำลายล้างราชดัสกรได้
14097.618 -> มีพระชาลีราชกุมารเป็นผู้นำทาง
ได้ยาตราไปยังเขาวงกต
14104.282 -> พระเจ้าสญชัยพร้อมด้วยราชบริพารเหล่านั้น
เสด็จเข้าสู่ป่าใหญ่ ซึ่งมีต้นไม้ มีกิ่งก้านมาก
มีน้ำมาก ดารดาษไปด้วยดอกไม้
14117.166 -> และไม้ผลทั้งสองอย่างในป่าใหญ่นั้น
ฝูงวิหคเป็นอันมากหลาก ๆ สี มีเสียง
กลมกล่อมหวานไพเราะเกาะอยู่บนต้นไม้
14129.212 -> อันเผล็ดดอกตามฤดูกาล
ร้องประสานเสียงเสียงระเบงเป็นคู่ ๆ
14135.876 -> พระเจ้าสญชัยพร้อมทั้งราชบริพาร
เหล่านั้น เสด็จไปสิ้นระยะทางไกล
ล่วงหลายวันหลายคืน
14145.411 -> จึงบรรลุถึงประเทศที่
พระเวสสันดรประทับอยู่.
14151.478 -> จบมหาราชกัณฑ์
14207.901 -> ๑๒. ขัตติยกัณฑ์
14213.751 -> ฝ่ายพระชาลีราชกุมารให้ตั้งค่ายแทบ
ฝั่งสระมุจลินท์ ให้กลับรถหมื่นสี่พันคัน
ตั้งให้มีหน้าเฉพาะทางที่มา
14226.559 -> แล้วให้จัดการรักษาสัตว์ร้ายมีราชสีห์
เสือโคร่ง เสือเหลืองและแรด เป็นต้น
ในประเทศนั้น ๆ
14236.992 -> เสียงพาหนะทั้งหลาย มีช้าง เป็นต้น
อื้ออึงสนั่น
14242.401 -> ครั้งนั้นพระเวสสันดรมหาสัตว์
ได้ทรงสดับเสียงนั้น ก็ทรงกลัว
แต่มรณภัย ด้วยเข้าพระทัยว่า
14253.73 -> เหล่าปัจจามิตรของเราปลง
พระชนม์พระชนกของเราแล้ว
มาเพื่อต้องการตัวเรากระมังหนอ
14262.428 -> จึงพาพระนางมัทรีเสด็จขึ้นภูผา
ทอดพระเนตรดูกองทัพ.
14268.614 -> พระศาสดาตรัสว่า
พระเวสสันดรได้ทรงสดับเสียง
กึกก้อง แห่งกองพลเหล่านั้น
14278.627 -> ก็ตกพระทัยกลัว เสด็จขึ้นภูเขา
ทรงหวาดกลัว ทอดพระเนตร
ดูกองพลเสนา ตรัสว่า
14287.923 -> ดูก่อนมัทรี เชิญมาดูซิ เสียงอันกึกก้อง
เช่นใดในป่า ม้าอาชาไนยส่งเสียงร้อง
กึกก้อง เห็นปลายธงปลิวไสว
14301.525 -> นายพรานไพรทั้งหลายขึงข่ายล้อมฝูงเนื้อ
ในป่า ไล่ต้อนให้ตกลงในหลุม แล้วไล่ทิ่ม
แทงด้วยหอก เลือกเอาแต่ตัวพี ๆ ฉันใด
14313.333 -> เราทั้งสองก็ฉันนั้น เป็นผู้ไม่มีโทษผิด
ถูกขับไล่จากแว่นแคว้นมาอยู่ในป่า
14320.954 -> ย่อมเป็นผู้ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือ
ของพวกอมิตรเป็นแน่
ดูเอาเถิดซึ่งบุคคลผู้ประหารคนไม่มีกำลัง.
14330.728 -> พระนางมัทรีทูลว่า
พวกอมิตรไม่พึงย่ำยีพระองค์
เปรียบเหมือนไฟในห้วงน้ำ ฉะนั้น
14340 -> ขอพระองค์จงระลึกถึงข้อนั้นแหละ
แต่นี้ไปจะพึงมีแต่ความสวัสดีโดยแท้.
14351.09 -> ลำดับนั้น พระเวสสันดรราชเสด็จลง
จากภูเขาแล้วประทับนั่งในบรรณศาลา
ทรงทำพระมนัสให้มั่นคง.
14363.36 -> พระศาสดาตรัสว่า
พระบิดาดำรัสสั่งให้กลับรถ
ให้ประเทียบกระบวนทัพไว้
14371.58 -> แล้วเสด็จเข้าไปหาพระราชโอรส
ผู้ประทับอยู่ในป่าเดียวดาย
14377.168 -> เสด็จลงจากคอช้างพระที่นั่งต้น
ทรงเฉวียงพระอังสาประนมพระหัตถ์
แวดล้อมด้วยหมู่อำมาตย์
14385.746 -> เสด็จเข้าไป เพื่อทรงอภิเษกพระราชโอรส
ทรงเพศบรรพชิต นั่งเข้าฌานอยู่ในบรรณ
ศาลา ไม่หวั่นไหวแน่วแน่ ไม่มีภัยแต่ไหน.
14397.434 -> ก็พระเวสสันดรและพระนางเจ้ามัทรี
ทอดพระเนตรเห็นพระบิดา
ผู้มีความรักในบุตรกำลังเสด็จมา
14408.165 -> ทรงต้อนรับถวายอภิวาท ฝ่ายพระนางเจ้า
มัทรี ทรงซบพระเศียรอภิวาทแทบ
พระบาทพระสัสสุระ กราบทูลว่า
14419.734 -> ข้าแต่พระสมมติเทพเกล้ากระหม่อมฉัน
มัทรีผู้สะใภ้ของพระองค์
14426.996 -> พระเจ้าสญชัยทรงสวมกอดสองกษัตริย์
ประทับทรวง ฝ่าพระหัตถ์ลูบพระปฤษฏางค์
อยู่ไปมา ณ อาศรมนั้น.
14437.488 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า ดูก่อนพระลูกรัก
ลูกทั้งสองไม่มีโรคาพาธหรือหนอ
ลูกทั้งสองสำราญดีหรือ
14448.578 -> ทั้งมูลมันผลไม้มีมากหรือ
เหลือบ ยุงและสัตว์เลื้อยคลานมีน้อยแลหรือ
14456.319 -> ในป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยพาลมฤค
ไม่มีมาเบียดเบียนแลหรือ.
14462.266 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ชีวิตของข้าพระบาท
ทั้งสอง ย่อมเป็นไปตามมีตามได้
14473.834 -> ข้าพระบาททั้งสองเป็นอยู่อย่างฝืดเคือง
ชีวิตเป็นอยู่ได้ด้วยการเที่ยวแสวงหา
มูลผลาผล
14484.207 -> ข้าแต่มหาราช นายสารถีทรมานม้า
ให้หมดฤทธิ์ ฉันใด
14491.23 -> ข้าพระบาททั้งสองย่อมเป็นผู้ถูกทรมาน
ให้หมดฤทธิ์ ฉันนั้น
ความสิ้นฤทธิ์ย่อมทรมานข้าพระบาททั้งสอง
14501.842 -> ข้าแต่พระมหาราช เมื่อข้าพระบาททั้งสอง
ผู้ถูกเนรเทศโศกเศร้าอยู่ในป่าเนืองนิตย์
เนื้อหนังก็ซูบซีด เพราะมิได้เห็นพระชนกชนนี.
14515.455 -> ทายาทผู้มีมโนรถยังไม่สำเร็จของฝ่าพระบาท
ผู้จอมสีพีรัฐ คือชาลีและกัณหาชินา
ทั้งสองตกอยู่ในอำนาจของพราหมณ์
14529.057 -> ผู้มุทะลุหยาบช้า มันต้อนตีเอาชาลี
กัณหาชินาทั้งสองนั้น เหมือนดังโค
14538.113 -> ถ้าพระองค์ทรงทราบหรือทรงได้สดับข่าว
ลูกทั้งสองของพระราชบุตรีนั้น
14545.256 -> ขอได้ทรงพระกรุณาตรัสบอก
แก่ข้าพระบาทโดยเร็วพลัน
ดังหมอรีบพยาบาลคนที่ถูกงูกัด ฉะนั้นเถิด.
14555.868 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า
กุมารทั้งสองนั้น คือ ชาลีและกัณหาชินา
พ่อได้ให้ทรัพย์แก่พราหมณ์ ไถ่มาแล้ว
14566.718 -> ดูก่อนลูกรัก อย่ากลัวไปเลย จงเบาใจเถิด.
14572.425 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
ข้าแต่สมเด็จพระบิดา ฝ่าพระบาทไม่มี
โรคาพาธหรือหนอ ทรงพระสำราญดีหรือ
14584.116 -> พระจักษุแห่งพระชนนีของข้าพระบาท
ยังไม่เสื่อมเสียแหละหรือ.
14589.797 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า
ดูก่อนลูกรัก พ่อไม่มีโรคาพาธ และสบายดี
อนึ่ง จักษุแห่งมารดาของเจ้าก็ไม่เสื่อมเสีย.
14602.723 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
ยวดยานของฝ่าพระบาทไม่ทรุดโทรมหรือ
14610 -> พลพาหนะยังใช้ได้คล่องแคล่วหรือ
ชนบทเจริญดีอยู่หรือ ฝนไม่แล้งหรือพระเจ้าข้า.
14619.957 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า ยวดยานของเราไม่
ทรุดโทรม พลพาหนะยังใช้ได้คล่องแคล่ว
ชนบทเจริญดี และฝนก็ไม่แล้ง.
14633.24 -> พระศาสดาตรัสว่า
เมื่อสามกษัตริย์ทรงสนทนากันอยู่อย่างนี้
14640 -> พระมารดาผู้เป็นราชบุตรี ไม่ทรงฉลองพระบาท
เสด็จดำเนินไปปรากฏที่ปากทวารเขา
14648.532 -> ก็พระเวสสันดรและพระมัทรี ทอดพระเนตร
เห็นพระมารดาผู้มีความรักในบุตรกำลัง
เสด็จมา ทรงต้อนรับถวายอภิวาท
14660.864 -> ฝ่ายพระนางเจ้ามัทรี ทรงซบเศียรเกล้า
อภิวาทแทบพระบาทพระสัสสุ กราบทูลว่า
14669.278 -> ข้าแต่พระแม่เจ้า เกล้ากระหม่อมฉัน
มัทรีผู้สะใภ้ขอถวายบังคม
พระยุคลบาทของพระแม่เจ้า.
14678.404 -> ก็พระโอรสทั้งสองผู้เสด็จมาโดยสวัสดี
แต่ที่ไกล ทอดพระเนตรเห็นพระนางเจ้ามัทรี
14687.53 -> ก็คร่ำครวญวิ่งเข้าไปหา
ดังหนึ่งลูกโคน้อยวิ่งเข้าไปหาแม่ ฉะนั้น
14695.349 -> ส่วนพระนางเจ้ามัทรี พอทอดพระเนตรเห็น
พระโอรสทั้งสองผู้เสด็จมาโดยสวัสดีแต่ที่ไกล
14704.238 -> ทรงสั่นระรัวไปทั่วพระกาย
เหมือนแม่มดผีสิง ฉะนั้น
14710.513 -> พระนางมัทรีทรงคร่ำครวญด้วย
พระสุรเสียงอันดัง พระกายสั่นถึง
วิสัญญีภาพล้มลงเหยียดยาวเหนือปฐพี
14723.121 -> ฝ่ายพระชาลีและพระกัณหาก็เสด็จมา
โดยเร็ว ถึงพระชนนีก็ถึงวิสัญญีภาพ
ล้มลงทับพระมารดา
14735.168 -> ในขณะนั้นน้ำนมก็ไหลออกจาก
พระยุคลถันของพระนางมัทรี
เข้าพระโอฐแห่งกุมารกุมารีทั้งสองนั้น
14747.932 -> ได้ยินว่า ถ้าจักไม่มีลมหายใจ
ประมาณเท่านี้ พระกุมารกุมารี
ทั้งสองจักมีหทัยแห้งพินาศไป.
14760.577 -> ฝ่ายพระเวสสันดรทอดพระเนตรเห็น
พระปิยบุตรบุตรีก็ไม่อาจทรงกลั้น
โศกาดูรไว้ ถึงวิสัญญีภาพล้มลง ณ ที่นั้นเอง
14774.178 -> แม้พระชนกและพระชนนีแห่งพระเวสสันดร
ก็ถึงวิสัญญีภาพล้มลงในที่นั้นเองเหมือนกัน.
14784.55 -> เหล่าอำมาตย์หกหมื่นผู้สหชาติของ
พระมหาสัตว์เห็นกิริยาของ ๖ กษัตริย์
ดังนั้นก็ถึงวิสัญญีภาพล้มลง ณ ที่นั้นเหมือนกัน.
14800.903 -> บรรดาราชบริพารทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์
อันน่าสงสารนั้น แม้คนหนึ่งก็ไม่อาจดำรง
อยู่ได้โดยภาวะของตน
14813.189 -> อาศรมทั้งสิ้นได้เป็นเหมือนป่ารัง
อันลมยุคันตวาตย่ำยี่แล้ว
14820.811 -> ขณะนั้นภูผาทั้งหลายก็บันลือลั่น
มหาปฐพีก็หวั่นไหว มหาสมุทรก็กำเริบ
14829.987 -> เขาสิเนรุราชก็โอนเอนไปมา
เทวโลกทั่วกามาพจรก็เกิด
โกลาหลเป็นอันเดียวกัน.
14843.23 -> เมื่อพระญาติทั้งหลายมาพร้อมกันแล้ว
ขณะนั้นได้เกิดเสียงสนั่นกึกก้อง
ภูเขาทั้งหลายสั่นสะท้าน แผ่นดินไหวสะเทือน
14856.712 -> ครั้งนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงดำริว่า
กษัตริย์ทั้ง ๖ องค์ พร้อมด้วยราชบริษัท
ถึงวิสัญญีภาพ
14868.64 -> ไม่มีใครแม้คนหนึ่งที่สามารถจะลุกขึ้น
รดน้ำลงบนสรีระของใครได้
14875.903 -> เอาเถอะ เราจักยังฝนโบกขรพรรษ
ให้ตกลงเพื่อชนเหล่านั้น ในบัดนี้
14883.883 -> ดำริฉะนี้แล้วจึงยังฝนโบกขรพรรษ
ให้ตกลง ณ สมาคมแห่งกษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์
14892.581 -> ชนเหล่าใดใคร่ให้เปียก ชนเหล่านั้นก็เปียก
14898.289 -> ชนเหล่าใดที่ไม่ต้องการให้เปียก
แม้สักหยาดเดียว ก็ไม่ตั้งอยู่ใน
เบื้องบนแห่งชนเหล่านั้น
14907.346 -> เพียงดังน้ำกลิ้งไปจากใบบัว ฉะนั้น
ฝนโบกขรพรรษนั้นเป็นเหมือนน้ำฝน
ที่ตกลงบนใบบัวด้วยประการฉะนี้
14919.393 -> ในกาลนั้นกษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ก็กลับฟื้น
พระองค์ มหาชนทราบความมหัศจรรย์ว่า
14929.167 -> ฝนโบกขรพรรษตก ณ สมาคมพระญาติ
แห่งพระมหาสัตว์ และแผ่นดินไหว.
14938.086 -> ครั้งนั้น พระเวสสันดรราชได้สมาคมร่วมด้วย
พระญาติคือ พระราชา พระเทวี พระโอรส
พระสุณิสาและพระราชนัดดาทั้งสองพระองค์
14954.678 -> พระญาติทั้งหลายมาประชุม
พรักพร้อมกันแล้ว ณ กาลใด.
14960.147 -> ในกาลนั้นได้เกิดความอัศจรรย์
น่าขนพองสยองเกล้า
14966.214 -> ประชาราษฎร์ทั้งปวงพร้อมใจกันประนมมือ
อัญชลี ถวายบังคมพระมหาสัตว์
14973.716 -> คร่ำครวญวิงวอนพระเวสสันดรและ
พระนางเจ้ามัทรี ในป่าอันน่าหวาดกลัวว่า
14981.457 -> พระองค์เป็นพระราชา
ผู้เป็นใหญ่แห่งข้าพระบาททั้งหลาย
14986.806 -> ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระกรุณา
โปรดรับเสวยราชสมบัติเป็น
พระราชาแห่งข้าพระบาททั้งหลายเทอญ.
14997.831 -> จบฉขัตติยกัณฑ์
15008.204 -> ๑๓ นครกัณฑ์
15019.892 -> พระมหาสัตว์ตรัสว่า
ฝ่าพระบาท ชาวชนบทและชาวนิคม
พร้อมใจกันเนรเทศข้าพระบาท
15029.427 -> ผู้ครองราชสมบัติโดยทศพิธราชธรรม
จากแว่นแคว้น.
15035.254 -> พระเจ้าสญชัยตรัสว่า
ดูก่อนพระลูกรัก จริงที่เดียว การที่พ่อให้
ขับไล่ลูกผู้ไม่มีโทษผิดออกไปจากแว่นแคว้น
15047.54 -> เพราะถ้อยคำของชาวสีพีนั้น ชื่อว่าพ่อได้ทำ
กรรมอันชั่วช้า และชื่อว่าพ่อได้ทำกรรม
เครื่องทำลายความเจริญ.
15060 -> พระศาสดาตรัสว่า
ขึ้นชื่อว่าบุตร ควรช่วยปลดเปลื้องความทุกข์
ของมารดาบิดา และ พี่น้องที่เกิดขึ้นเพราะ
เหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ด้วยชีวิตของตน
15075.515 -> (ข้าแต่พระมหาราชา เวลานี้เป็นเวลาสมควร
ที่จะสรงสนาน ขอเชิญทรงชำระพระสรีระ
มลทินเถิด พระเจ้าข้า).
15087.442 -> ลำดับนั้น พระเวสสันดรบรมกษัตริย์
ทรงชำระพระสรีระมลทิน
ครั้นแล้วไม่ทรงเพศดาบส.
15097.216 -> พระเวสสันดรบรมกษัตริย์ สระพระเกศาแล้ว
ทรงเสวตพัสตร์อันสะอาด ทรงประดับด้วย
เครื่องราชปิลันธนาภรณ์ทุกอย่าง
15109.383 -> ทรงสอดพระแสงขรรค์ อันทำให้
ราชปัจจามิตรเกรงขาม เสด็จขึ้นทรง
พระยาปัจจยนาคเป็นพระคชาธาร
15120.713 -> ครั้งนั้นเหล่าสหชาติโยธาหาญ
ทั้งหกหมื่น สวมสอดสรรพาวุธและ
ประดับสรรพาภรณ์ล้วนด้วยทอง
15130.487 -> เป็นสง่างามน่าดู ต่างชื่นชมยินดี
แวดล้อมพระมหากษัตริย์ผู้เป็นจอมทัพ
15138.826 -> ลำดับนั้น เหล่าพระสนมกำนัลของ
พระเจ้าสีพีมาประชุมพร้อมกัน
15145.371 -> เชิญพระมัทรีให้โสรจสรงด้วย
สุคนธวารี แล้วทูลถวายพระพรว่า
ขอพระเวสสันดรจงทรงอภิบาลรักษาพระแม่เจ้า
15158.136 -> ขอพระชาลีและพระกัณหาชินาทั้งสอง
พระองค์ จงทรงบำรุงรักษาพระแม่เจ้าต่อไป
15166.595 -> อนึ่ง ขอพระเจ้าสญชัยมหาราช
ทรงคุ้มครองรักษาพระแม่เจ้ายิ่งขึ้นไป เทอญ.
15174.336 -> ก็พระเวสสันดรบรมกษัตริย์และพระมัทรี
กลับมาดำรงในสิริราชสมบัตินี้ตามเดิมแล้ว
15183.751 -> ทรงระลึกถึงความลำบากขณะที่เสด็จไป
ประทับอยู่ในป่าในกาลก่อน
15189.937 -> จึงรับสั่งให้นำกลองนันทเภรีไปตีประกาศ
ที่เวิ้งว้างหว่างเขาวงกต อันเป็นรัมณียสถาน
15200.706 -> ก็พระเวสสันดรบรมกษัตริย์และพระมัทรี
กลับมาได้ดำรงในสิริราชสมบัตินี้ตามเดิมแล้ว
15210 -> พระมัทรีผู้สมบูรณ์ด้วยลักขณา
ทรงระลึกถึงความลำบากขณะที่
เสด็จไปประทับอยู่ในป่าในกาลก่อน
15219.535 -> ครั้นได้ทรงประสบพระโอรสพระธิดา
ก็มีพระทัยปราโมทย์ เกิดโสมนัส
15227.037 -> ก็พระเวสสันดรบรมกษัตริย์และพระมัทรี
ผู้มีลักขณา กลับได้ดำรงในสิริราชสมบัติ
ตามเดิมแล้ว
15236.811 -> ทรงระลึกถึงความลำบากขณะที่เสด็จ
ไปประทับอยู่ในป่าในกาลก่อน
15243.475 -> และได้มาอยู่ร่วมกับพระโอรสและพระธิดา
จึงมีพระหฤทัยชื่นชมยินดีปีติโสมนัส.
15253.01 -> พระนางมัทรีตรัสว่า
ดูก่อนลูกรักทั้งสอง ในกาลก่อน คือ
เมื่อพราหมณ์นำลูกทั้งสองไป
15263.501 -> แม่มีความปรารถนาลูกทั้งสอง
แม่จึงได้บำเพ็ญวัตรนี้ คือ แม่บริโภคอาหาร
วันละครั้ง นอนเหนือพื้นแผ่นดินเป็นนิตย์
15276.027 -> วัตรของแม่นั้นสำเร็จแล้วในวันนี้
เพราะได้พบพระลูกทั้งสองแล้ว
15283.17 -> ดูก่อนลูกรักทั้งสอง ขอความโสมนัส
อันเกิดจากแม่และแม้ที่เกิดจากพระบิดา
จงคุ้มครองลูก
15293.662 -> อนึ่งเล่า ขอพระเจ้าสญชัยมหาราช
จงทรงอภิบาลรักษาลูก
15300.805 -> บุญกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่แม่ก็ดี
พระบิดาของลูกก็ดี กระทำแล้วมีอยู่
15308.785 -> ด้วยบุญกุศลทั้งหมดนั้น
ขอให้ลูกจงเป็นผู้ไม่แก่ไม่ตาย.
15316.114 -> พระนางมัทรีจะทรงงดงามด้วยพระภูษา
อย่างใด สมเด็จพระผุสดีสัสสุราชเทวี
ก็ทรงจัดพระภูษาอย่างนั้น
15326.965 -> คือ พระภูษากัปปาสิกพัสตร์ โกสัยพัสตร์
โขมพัสตร์ และโกทุมพรพัสตร์
ส่งไปประทานแก่พระมัทรีราชสุณิสา
15339.61 -> พระนางมัทรีจะทรงงดงามด้วยเครื่อง
ประดับ อย่างใด พระสัสสุผุสดีราชเทวี
ก็ทรงจัดเครื่องประดับอย่างนั้น
15350.581 -> คือ พระธำมรงค์สุวรรณรัตน์ สร้อยพระศอ
นพรัตน์ ส่งไปประทานแก่พระมัทรีราชสุณิสา
15358.801 -> พระนางมัทรีจะทรงงดงามด้วยเครื่อง
ประดับอย่างใด พระผุสดีสัสสุราชเทวี
ก็ทรงจัดเครื่องประดับอย่างนั้น
15369.173 -> คือ พระวลัยสำหรับประดับต้นพระพาหา
พระกุณฑลสำหรับประดับพระกรรณ
15376.914 -> สายรัดพระองค์ฝังแก้วมณีตาบเพชร
ไปประทานแก่พระมัทรีราชสุณิสา
15384.057 -> พระนางมัทรีจะทรงงดงามด้วยเครื่อง
ประดับอย่างใด พระผุสดีสัสสุราชเทวี
ก็ทรงจัดเครื่องประดับอย่างนั้น
15393.712 -> คือ ดอกไม้กรองประดับพระเมาฬี
เครื่องประดับพระนลาต
15400.496 -> และเครื่องประดับฝังแก้วมณีสีต่างๆ กัน
ไปประทานแก่พระมัทรีราชสุณิสา
15407.759 -> พระนางมัทรีจะทรงงดงามด้วยเครื่องประดับ
อย่างใด พระผุสดีสัสสุราชเทวี ก็ทรงจัด
เครื่องประดับอย่างนั้น
15417.534 -> คือ เครื่องประดับพระกัน เครื่องประดับ
พระอังสา สะอิ้งเพชร ฉลองพระบาทส่งไป
ประทานแก่พระมัทรีราชสุณิสา
15428.744 -> เครื่องประดับที่สมเด็จพระนางผุสดีส่งไป
ประทานนั้น มีทั้งที่ต้องร้อยด้วยเชือก
ทั้งทีไม่ต้องร้อยด้วยเชือก
15438.398 -> สมเด็จพระผุสดีทรงตรวจดูเครื่องประดับ
พระนางมัทรี ทรงเห็นที่ใดยังบกพร่อง
ก็รับสั่งให้นำมาประดับเพิ่มเติมจนเต็ม
15450 -> พระนางมัทรีราชบุตรีทรงงดงามยิ่งนัก
ดังนางเทพกัญญาในนันทวัน
15458.458 -> พระนางมัทรีราชบุตรีสระพระเกศาแล้ว
ทรงเศวตพัสตร์ ประดับด้วยอาภรณ์ทั้งปวง
ทรงงดงามยิ่งนัก ดังนางเทพอัปสรในดาวดึงส์
15472.299 -> วันนั้น พระนางมัทรีราชบุตรีทรงงดงาม
น่าพิศวง ดังต้นกล้วยอันเกิดในสวนจิตตลดา
ถูกลมรำเพยพัดไหวไปมา ฉะนั้น
15486.02 -> พระนางมัทรีราชบุตรี ทรงมีไรพระทนต์แดงดังผล
ตำลึงสุกงามยิ่งนัก มีพระโอษฐ์แดงดังผลไทรสุก
15496.752 -> งดงามยิ่งนัก ปานดังกินรีมีขนปีกงามวิจิตร
บินร่อนอยู่ในอากาศ ฉะนั้น.
15504.972 -> เหล่าพนักงานตกแต่งดรุณหัตถี
มีวัยปานกลาง อันเป็นช้างพระที่นั่งต้น
ตัวประเสริฐอดทนต่อหอกซัดและลูกศร
15516.062 -> มีงางอนงามดังงอนรถ มีกำลังกล้าหาญ
เสร็จแล้วให้นำมาประเทียบเกยคอยรับเสด็จ
15524.691 -> สมเด็จพระนางมัทรีเสด็จขึ้นประทับ
บนดรุณหัตถี อันมีวัยปานกลาง
เป็นช้างพระที่นั่งต้นตัวประเสริฐ
15534.584 -> อดทนต่อหอกซัดและลูกศร
มีงางอนงามดังงอนรถ มีกำลังกล้าหาญ.
15542.445 -> เนื้อประมาณเท่าใดที่มีอยู่ในป่าทั้งปวง
ณ เขาวงกตนั้น เนื้อประมาณเท่านั้น ไม่เบียด
เบียนกันและกัน ด้วยเดชของพระเวสสันดร
15555.21 -> นกประมาณเท่าใดที่มีอยู่ในป่าทั้งปวง
ณ เขาวงกตนั้น นกประมาณเท่านั้นไม่เบียด
เบียนกันและกันด้วยเดชของพระเวสสันดร
15567.974 -> เนื้อประมาณเท่าใดที่มีอยู่ในป่าทั้งปวง ณ เขา
วงกตนั้น มาประชุมในที่เดียวกัน ในเมื่อ
พระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญจะเสด็จกลับ
15582.652 -> เนื้อประมาณเท่าใด ที่มีอยู่ในป่าทั้งปวง ณ เขา
วงกตนั้น เนื้อประมาณเท่านั้นต่างพากันมีทุกข์
เพราะจะต้องพลัดพรากจากพระเวสสันดร
15596.254 -> มิได้ส่งเสียงร้องอันไพเราะ เหมือนกาลก่อน
ในเมื่อพระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
จะเสด็จกลับ
15606.865 -> นกประมาณเท่าใด ที่มีอยู่ในป่าทั้งปวง ณ เขา
วงกตนั้น นกประมาณเท่านั้น ต่างพากันมีทุกข์
เพราะจะต้องพลัดพรากจากพระเวสสันดร
15620.347 -> มิได้ส่งเสียงร้องอันไพเราะเหมือนในกาลก่อน
ในเมื่อพระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
จะเสด็จกลับ.
15631.796 -> ราชวิถีที่จะเสด็จพระราชดำเนินนั้น
ประชาราษฎร์ช่วยกันตกแต่งราบรื่น
งามวิจิตร ลาดด้วยดอกไม้
15641.331 -> ตั้งแต่เขาวงกตที่พระเวสสันดรราช
ประทับอยู่ ตราบเท่าถึงพระนครเชตุดร
15648.833 -> ลำดับนั้น เหล่าอำมาตย์สหชาติโยธาหาญ
ทั้งหกหมื่น แต่งเครื่องพร้อมสรรพงามสง่า
น่าดู พากันตามเสด็จแวดล้อมโดยรอบ
15661.478 -> ในเมื่อพระเวสสันดรผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
เสด็จกลับพระนคร พระสนมกำนัลใน
15670.056 -> พระกุมารที่เป็นพระประยูรญาติและบุตร
อำมาตย์ พวกพ่อค้าและพราหมณ์ทั้งหลาย
พากันตามเสด็จแวดล้อมโดยรอบ
15681.508 -> ในเมื่อพระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
เสด็จกลับพระนคร
15687.933 -> กองพลช้าง กองพลม้า กองพลรถ กองพล
เดินเท้า พากันตามเสด็จแวดล้อมโดยรอบ
15696.631 -> ในเมื่อพระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
เสด็จกลับพระนคร
15703.774 -> ชาวชนบทและชาวนิคม พร้อมใจกันมา
ประชุมแวดล้อมอยู่โดยรอบ
15710.558 -> ในเมื่อพระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
เสด็จกลับพระนคร
15717.103 -> เหล่าโยธาสวมหมวกแดง สวมเกราะหนัง
ถือธนู ถือโล่ห์ดั้ง เดินนำหน้า
15725.083 -> ในเมื่อพระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
เสด็จกลับพระนคร.
15732.226 -> กษัตริย์ทั้งหกพระองค์นั้น
เสด็จเข้าสู่พระนครอันน่ารื่นรมย์
มีป้อมปราการและทวารเป็นอันมาก
15741.402 -> บริบูรณ์ด้วยข้าวน้ำ บริบูรณ์ด้วยการ
ฟ้อนรำ ขับร้องทั้งสองอย่าง
ชาวชนบทและชาวนิคมต่างชื่นชมยินดี
15753.449 -> กษัตริย์ทั้งหกพระองค์นั้น
เสด็จเข้าสู่พระนครอันน่ารื่นรมย์
มีป้อมปราการและทวารเป็นอันมาก
15762.506 -> บริบูรณ์ด้วยข้าวน้ำ บริบูรณ์ด้วยการ
ฟ้อนรำ ขับร้องทั้งสองอย่าง
ชาวชนบทและชาวนิคมต่างชื่นชมยินดี
15772.998 -> มาประชุมพร้อมกัน
ในเมื่อพระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
เสด็จมาถึง
15781.337 -> เมื่อพระมหาสัตว์ผู้พระราชทานทรัพย์สมบัติ
มาถึงแล้ว ชาวชนบทและชาวนิคมต่าง
เปลื้องผ้าโพกออกโบกสะบัดอยู่ไปมา
15793.623 -> พระองค์รับสั่งให้นำกลองนันทเภรีไปตี
ประกาศในพระนคร รับสั่งให้ประกาศ
การปลดปล่อยสัตว์ทั้งหลายจากเครื่องจองจำ.
15805.981 -> ขณะเมื่อพระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
เสด็จเข้าพระนครแล้ว ท้าวสักกเทวราชทรง
บันดาลฝนเงินให้ตกลงในขณะนั้น
15818.44 -> ลำดับนั้นพระเวสสันดรบรมกษัตริย์
ผู้มีพระปัญญา ทรงบำเพ็ญทานแล้ว ครั้นสวรรคต
พระองค์ก็ได้เสด็จเข้าถึงสวรรค์ ฉะนี้แล.
15835 -> จบนครกัณฑ์
จบมหาเวสสันตรชาดกที่ ๑๐
15841.196 -> พระศาสดาครั้นนำพระธรรมเทศนา
มหาเวสสันดรชาดก ซึ่งประดับด้วย
คาถาประมาณ ๑๐๐๐ คาถานี้มา แล้วตรัสว่า
15855.367 -> ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อนมหาเมฆ
ก็ยังฝนโบกขรพรรษให้ตกในที่ประชุมแห่ง
พระประยูรญาติของเรา อย่างนี้เหมือนกัน
15869.447 -> ตรัสดังนี้แล้วทรงประชุมชาดกว่า
พราหมณ์ชูชกในกาลนั้น คือ ภิกษุเทวทัต
นางอมิตตดา คือ นางจิญจมาณวิกา
15884.484 -> พรานเจตบุตร คือ ภิกษุฉันนะ
อัจจุตดาบส คือ ภิกษุสารีบุตร
ท้าวสักกะเทวราช คือ ภิกษุอนุรุทธะ
15898.206 -> พระเจ้าสญชัยนรินทราช คือ พระเจ้าสุทโธทนะมหาราช
พระนางผุสดีเทวี คือ พระนางสิริมหามายา
15910.612 -> พระนางมัทรีเทวี คือ ยโสธราพิมพา มารดาราหุล
ชาลีกุมาร คือ ราหุล
กัณหาชินา คือ ภิกษุณีอุบลวรรณา
15927.443 -> ราชบริษัทนอกนี้ คือ พุทธบริษัท
ก็พระเวสสันดรราช คือ เราเอง ผู้สัมมาสัมพุทธเจ้าแล
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=-f8KELSkRxk