![[spin9] รีวิว Aston Martin DBS Superleggera — 28.9 ล้านบาท โร้ดคาร์ที่แรงที่สุดของ Aston Martin](https://img.howtoclicks.com/vi_webp/5MJehwp6WIo/sddefault.webp)
[spin9] รีวิว Aston Martin DBS Superleggera — 28.9 ล้านบาท โร้ดคาร์ที่แรงที่สุดของ Aston Martin
[spin9] รีวิว Aston Martin DBS Superleggera — 28.9 ล้านบาท โร้ดคาร์ที่แรงที่สุดของ Aston Martin
รีวิวใหม่วันนี้ พบกับ Aston Martin DBS Superleggera โร้ดคาร์ที่แรงที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยผลิตมา คันนี้อยู่ในกลุ่มของรถ Super Grand Tourer ที่มีพื้นฐานจาก Aston Martin DB11 นำมาลดน้ำหนักและปรับแต่งให้โหดขึ้นกว่าเดิม สร้างพละกำลังสูงสุดที่ 715 แรงม้า ที่แรงบิด 900 นิวตันเมตร โดยห้องโดยสารยังคงความเนี๊ยบตามแบบฉบับของ Aston Martin รถอังกฤษที่มีชื่อเสียงโด่งดังจาก 007
Aston Martin DBS Superleggera ราคาเริ่มต้น 28.9 ล้านบาท
สมัครเป็นสมาชิกของช่อง spin9 เพื่อสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ของเราได้ที่นี่:
/ @spin9
Content
20.237 -> สวัสดีครับ อู๋ Spin9 ครับ
21.582 -> คลิปนี้เราอยู่คันนี้นะครับ
22.884 -> นี่คือ Aston Martin DBS Superleggera นะครับ
25.634 -> นี่คือรถ Road Car ที่แรงที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยผลิตมานะครับ
29.63 -> ตลอดระยะเวลาที่เขาก่อตั้งบริษัทมา 108 ปีครับ
32.99 -> นี่คือ Road Car ที่แรงที่สุดแล้วนะครับ
35.532 -> ในคลิปนี้เราจะมาหาคำตอบด้วยกัน
37.657 -> ว่าอะไรที่ทำให้ DBS Superleggera แรงขนาดนี้นะครับ
41.535 -> และเราจะพาคันนี้ออกไปขับกันจริง ๆ ด้วยครับ
48.193 -> ก่อนที่ผมจะพาชมรอบคันเจ้า DBS Superleggera
51.911 -> เรามาพูดถึงชื่อรุ่น DBS กันก่อนนะครับ
54.304 -> ในอดีต Aston Martin เคยใช้ชื่อ DBS มาแล้วทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกันครับ
58.485 -> ครั้งแรกในปี 1967 Aston Martin DBS ในตอนนั้น
62.671 -> ให้สายตาชาวโลกได้รู้จักเป็นครั้งแรกผ่านทางภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007
67.602 -> ตอนนั้นผู้คนก็ได้รู้จักชื่อของ Aston Martin DBS เป็นครั้งแรก
71.23 -> และครั้งถัดมาก็ทำให้หลายคนคุ้นเคยอย่างยิ่งเลยนะครับ
74.688 -> อยู่ในภาพยนตร์ James Bond ตอน Casino Royale นั่นเองนะครับ
77.802 -> ก็จะเป็น DBS V12 ตอนนั้นเจมส์บอนด์ก็ได้โดดขึ้นรถคันนี้
82.567 -> ขับออกมาแป๊บเดียวแล้วก็หักหลบนางเอกกลางถนนแล้วรถก็พลิกคว่ำไป
86.304 -> คันนั้นแหละคือ DBS V12
88.284 -> และครั้งล่าสุดก็คือครั้งนี้นั่นเองนะครับ
90.79 -> Aston Martin DBS Superleggera ครับ
93.374 -> คันนี้ Base on ตัวถังที่เป็น Aston Martin DB11
97.657 -> ก็ยังคงเป็นซีรีส์ของ DB ที่มีชื่อเสียงอย่างมากนะครับ
101.094 -> Aston Martin ในตระกูลของ DB ถูกสร้างมาให้เป็นรถ Grand Tourer
105.219 -> Grand Tourer คืออะไรคือรถที่เราสามารถโดยสารไปได้ไกล ๆ
108.636 -> บรรทุกของได้พอสมควรนั่งโดยสารได้สบาย ๆ นะครับ
111.622 -> ในขณะที่มีพละกำลังที่โดดเด่นมาก ๆ
114.331 -> ที่ Aston Martin จริง ๆ แล้วถนัดในการทำรถ GT
116.925 -> หรือว่ารถ Grand Tourer อย่างมากอยู่แล้ว
119 -> ทีนี้ตัว Aston Martin DB11 เป็น Grand Tourer ครับ
122.322 -> พอออกมาเป็น DBS ที่เอา Aston Martin DB11 มาทำให้มันดุดันขึ้น
127.726 -> เขาก็ไม่ได้เรียกว่าเป็น GT ธรรมดาล่ะครับ
130.027 -> เขาเรียกว่าเป็น Super GT หรือว่า Super Grand Tourer นั่นเองนะครับ
133.645 -> ที่เราจะมาทำความรู้จักกันในคลิปนี้ครับ
139.52 -> ถ้าเกิดใครได้เอาภาพของ DB11 มาเทียบกันนะครับ
142.344 -> เราจะเห็นว่า DBS Superleggera ดุดันกว่ามาก ๆ เลยนะครับ
145.62 -> ส่วนประกอบสำคัญก็คือกระจังหน้าชิ้นนี้ครับ
148.063 -> ชิ้นใหญ่มโหฬารมาก ๆ เลยนะครับ
150.096 -> มีการปรับดีไซน์ไม่ได้ใช้เป็นตะแกรงแนวนอนอีกต่อไปนะครับ
153.581 -> แต่ว่าทั้งหมดตรงนี้ออกแบบมาในลักษณะของ Honeycomb หรือว่ารังผึ้ง
157.489 -> ให้ความรู้สึกสปอร์ตมากขึ้นนะครับ
159.289 -> แล้วก็ทำให้มิติภาพรวมของตัวรถ
161.393 -> เมื่อมองจากด้านหน้าแล้วดุดันกว่า DB11 อย่างมหาศาลเลยนะครับ
165.145 -> อีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องปรับมาอย่างนี้
167.345 -> ก็ในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ด้วยนะครับ
169.198 -> เพราะว่าชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ออกแบบมา
171.519 -> รูต่าง ๆ หรือว่าส่วนทึบต่าง ๆ ถูกออกแบบมาแล้วนะครับ
175.392 -> ว่าให้มันมีการจัดเรียงอากาศให้อย่างสมบูรณ์ที่สุดนะครับ
178.818 -> ทำให้รถคันนี้สามารถวิ่งแหวกอากาศไปได้อย่างรวดเร็วที่สุด
182.028 -> ที่เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังต่อไป
183.498 -> เล่าเรื่อง Aerodynamics ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ นะครับ
186.339 -> ของวิศวกรที่ออกแบบ DBS Superleggera คันนี้มานะครับ
189.959 -> รถคันนี้เมื่อวิ่งไปข้างหน้าอากาศที่ปะทะเข้ามาบริเวณด้านหน้าตัวรถ
194.525 -> จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ
196.587 -> นั่นก็คือส่วนตรงกลางตรงนี้เข้าไประบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์นะครับ
200.687 -> โดยที่ทางออกของอากาศที่เข้าตรงนี้
202.917 -> จะมาออกที่บริเวณช่องด้านบนฝากระโปรงทั้ง 2 ช่องครับ
207.399 -> การที่เข้าด้านหน้าตรงนี้แล้วมาออกข้างบนตรงนี้
211.058 -> จะช่วยในเรื่องของ Downforce นะครับ
212.717 -> เพราะจะช่วยเช็กความเร็วของอากาศเป็นตัวช่วยที่จะกดให้ตัวรถ
216.923 -> ติดอยู่กับพื้นถนนได้ดียิ่งขึ้นนะครับ
219.351 -> อีกส่วนหนึ่งจะถูกแยกออกซ้ายขวานะครับ
221.747 -> เพื่อเข้าช่องระบายตรงนี้นะครับ
223.382 -> ช่องนี้ถ้าเกิดเรามองเข้าไปเราจะเห็นหม้อน้ำนะครับ
226.058 -> นั่นก็คือเป็นการระบายความร้อนให้กับหม้อน้ำนั่นเอง
228.396 -> ทางออกของช่องนี้จะอยู่ที่บริเวณซุ้มล้อครับ
231.625 -> เพื่อระบายความร้อนให้กับเบรก
233.012 -> ที่นี้เข้ามาระบายความร้อนให้กับเบรกนะครับ
235.604 -> อากาศก็ยังหมุนวนอยู่บริเวณซุ้มล้อ
237.544 -> ยังไม่มีทางออกครับ
238.772 -> Aston Martin ออกแบบรีดทางออกอากาศจัดเรียงมาให้เลย
242.492 -> ผ่านช่องตรงนี้ครับ
243.431 -> อันนี้เป็นช่องจริง ๆ
244.668 -> ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวครับ
247.506 -> เพื่อให้อากาศรีดออกมาตรงนี้
248.948 -> ตรงนี้เรียกว่า Side Louver นะครับ
250.46 -> ออกมาอย่างนี้ครับ
252 -> แหวกมาด้านข้างตัวรถนะครับ
253.834 -> แล้วก็จะถูกจัดเรียงด้วยดีไซน์ของตัวรถเอง
257.221 -> ให้พุ่งเข้าสู่ช่องนี้นะครับ
259.737 -> ที่เรียกว่า C Duct หรือว่าเป็นช่องดักอากาศที่บริเวณเสา C ของตัวรถนะครับ
264.208 -> เข้าไปตรงนี้เลยครับ
265.247 -> เข้าแล้วก็เหมือนกับจะหายไปเลยนะครับ
267.13 -> เพราะว่าเราจะมองไม่เห็นแล้วว่ามันไปทางไหนครับ
269.399 -> ต้องมาดูตรงนี้ต่อ
270.735 -> อากาศจะยังอยู่ด้านในครับ
273.066 -> และ Aston Martin ออกแบบบริเวณสปอยเลอร์หลังตรงนี้นะครับ
276.936 -> ให้ตั้งชันอย่างนี้อยู่ตลอดเวลาไม่สามารถปรับได้นะครับ
279.585 -> เป็นมุมยึดติดเลยนะครับ
280.9 -> แต่ด้านหลังตรงนี้มีช่องครับ
283.359 -> ถ้าเกิดเราเอานิ้วแหย่เข้าไปหรือว่ามองเข้าไปจะเป็นช่องทะลุเลยนะครับ
287.394 -> นี่แหละคือทางออกของอากาศที่เข้ามาจาก C Duct ครับ
291.353 -> มันจะวิ่งผ่านแล้วก็จะพุ่งออกมาบริเวณด้านหลังสปอยเลอร์หลังอย่างนี้เลย
296.97 -> เพื่อที่ว่าจะให้ตัวอากาศเอง
299.568 -> ความเร็วของมันเป็นตัวที่จะช่วยกดให้รถมี Downforce เพิ่มมากขึ้นนะครับ
304.265 -> เรียกได้ว่าดีไซน์ของตัวถังมันล้อกันทั้งหมดทั้งคันเลยนะครับ
308.472 -> ออกแบบมาแล้วว่าเวลาที่รถวิ่งไปข้างหน้าเร็ว ๆ
311.337 -> จะก่อให้เกิด Downforce ด้วยตัวของมันเองเลยนะครับ
314.42 -> เสริมกับบริเวณของหลังคาที่จะมีอากาศวิ่งแหวกมาเช่นเดียวกัน
319.322 -> พอมาเจอชิ้นนี้มาเจอ Rear Spoiler ตรงนี้นะครับ
322.324 -> อากาศก็จะถูกดีดขึ้นไปด้านบนนะครับ
324.807 -> ไปรวมกันกับอากาศที่ดีดออกมาผ่าน C Duct ตรงนี้นะครับ
327.895 -> บริเวณประมาณตรงนี้ก็จะเกิดเป็น Turbulent บริเวณที่อยู่เหนือตัวรถขึ้นมา
332.97 -> ทำให้ตัวรถเกิดเป็นแรง Downforce
335.811 -> กดให้ตัวรถอยู่ติดกับถนนตลอดเวลา
337.936 -> แม้ที่เราจะใช้ความเร็วสูงอยู่ก็ตาม
339.808 -> Aerodynamics ดีขึ้นแล้วนะครับ
341.545 -> มาพูดถึงเรื่องน้ำหนักกันบ้างนะครับ
343.282 -> ก็คือคำว่า Superleggera ที่อยู่ในชื่อรุ่นนั่นเองครับ
346.165 -> Superleggera เป็นภาษาอิตาเลียนครับ
347.867 -> แม้ว่า Aston Martin จะเป็นรถอังกฤษก็ตามนะครับ
350.037 -> แปลว่า Superlight หรือว่าน้ำหนักเบาเป็นพิเศษครับ
352.863 -> คันนี้มีน้ำหนัก Standard แล้วนะครับ
355.087 -> ถ้าเกิดไม่ได้เติม Option ต่าง ๆ มากมาย
356.982 -> จะเบากว่า DB11 อยู่ประมาณ 30 กิโลกรัม
359.511 -> แต่ว่าเราสามารถที่จะเพิ่ม Option ต่าง ๆ นะครับ
361.677 -> เพื่อให้ตัวรถมันมีน้ำหนักที่เบากว่า DB11 ได้สูงสุดถึง 70 กิโลกรัม
366.142 -> จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เบากว่ากันมากขนาดนั้น
368.779 -> รวมถึงตัวรถเองแม้ว่าจะถูกลดน้ำหนักมาแล้วก็ตามนะครับ
372.301 -> น้ำหนักของมันอยู่ที่ประมาณ 1.8 ตันกว่า ๆ นะครับ
375.403 -> ก็ถือว่าไม่ได้เป็นรถที่เบาแต่อย่างใดครับ
377.856 -> แต่ว่านี่ก็คือ Aston Martin ออกแบบมาแล้วให้เบากว่าเดิม
380.904 -> แล้วก็เครื่องยนต์ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมครับ
383.528 -> ทำยังให้เบาลงกว่าเดิมต้องบอกตัวรถมีชิ้นส่วนต่าง ๆ มากมายเต็มไปหมด
387.925 -> Center of Gravity ของตัวรถก็จะอยู่บริเวณกึ่งกลางนะครับ
391.48 -> ที่อยู่บริเวณด้านล่างตรงนี้หน่อยนะครับ
393.283 -> ดังนั้น Aston Martin ต้องพยายามที่จะทำให้ชิ้นส่วนไหนก็ได้
396.934 -> ที่อยู่ห่างจาก Center of Gravity ที่ไกล ๆ
400.051 -> มีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ
402.393 -> ถ้าเกิดสมมุติว่า CG อยู่ประมาณนี้
404.638 -> ชิ้นส่วนที่เขาอยากจะลดน้ำหนักมาก ๆ เลย
406.693 -> ก็น่าจะต้องเป็นชิ้นนี้ใช่ไหมฝากระโปรงหน้า
409.373 -> ฝากระโปรงท้ายหรือว่าหลังคานั่นเองนะครับ
412.439 -> มาดูฝากระโปรงหน้ากันครับ
414.027 -> ใช่แล้ว เขาเปิดฝากระโปรงด้านนี้นะครับ
416.364 -> ฝากระโปรงหน้าทั้งชิ้นนี้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์นะครับ
419.793 -> ถ้าเกิดเรามาดูจากด้านหลังตรงนี้
421.415 -> จะเห็นเลยว่ามีลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์อยู่
423.383 -> แล้วก็น้ำหนักเบามากเลยนะครับ
425.434 -> เห็นแผ่นใหญ่อย่างนี้คือแบบยกขึ้นไปได้สบาย ๆ เลย
428.839 -> เปิดฝากระโปรงขึ้นมาเห็นรายละเอียดหลากหลายอย่างนะครับ
431.435 -> ที่อยากให้คุณผู้ชมเข้ามาดูใกล้ ๆ
433.282 -> ตามเข้ามาดูเลยครับ
434.579 -> Side Louver ที่ผมบอกชิ้นนี้
436.242 -> เห็นจากด้านนอกเหมือนจะเป็นชิ้นเล็ก ๆ ธรรมดานะครับ
438.743 -> แต่ถ้าเกิดเปิดขึ้นมาเราจะเห็นเลยว่ามีการดีไซน์ที่จริงจังมาก ๆ นะครับ
442.522 -> ในการจัดเรียงอากาศที่มาจากซุ้มล้อนะครับ
445.32 -> เทคโนโลยีตรงนี้มาจาก Formula One เลยนะครับ
447.59 -> นั่นก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้อากาศที่หมุนเวียนอยู่บริเวณซุ้มล้อตรงนี้
451.753 -> ถูกจัดเรียงออกมาเป็นระเบียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ
454.745 -> ชิ้นนี้มีดีเทลที่น่าสนใจมากนะครับ
456.735 -> เปิดขึ้นมาตรงนี้สะดุดตาจริง ๆ ครับ
459.394 -> อีกอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของรถ Aston Martin แทบจะทุกคันเลย
463.254 -> นั่นก็คือเขาจะมีแบดจ์ที่บอกเลยว่าใครเป็นคนรับผิดชอบ
468.176 -> ป้ายนี้ก็จะมีชื่อรุ่นบอกเลย Aston Martin DBS Hand Built in England
473.27 -> นั่นก็คือประกอบด้วยมือที่ประเทศอังกฤษแล้วก็จะมีชื่อผู้รับผิดชอบนะครับ
477.56 -> ก็คือ Final Inspection by ใครนะครับ
480.036 -> ก็จะมีบอกอยู่ซึ่งแต่ละคันก็อาจจะเป็นคนละคนก็ได้นะครับ
483.128 -> เปิดดูตรงนี้จะเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ครับ
484.955 -> และแน่นอนนี่คือขุมพลังของรถคันนี้ครับ
488.181 -> ที่ส่งผลให้รถคันนี้แรงที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยผลิตมานะครับ
491.763 -> โดดเด่นจริง ๆ ครับ
492.715 -> นี่คือเครื่องยนต์ขนาด 5.2 ลิตร V12 ครับ
497.181 -> ซึ่งหาได้ยากแล้วรถที่เป็น V12 ในยุคนี้ที่ออกมาใหม่ ๆ นะครับ
501.431 -> ให้พละกำลังสูงสุดถึง 715 แรงม้าแรงบิด 900 นิวตันเมตรครับ
506.761 -> ไม่ธรรมดานะครับ
507.563 -> 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 3.4 วินาที
511.109 -> ทำความเร็วสูงสุดที่ 340 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ
516.16 -> มาดูดีไซน์ด้านท้ายรถกันบ้างของ DBS Superleggera ครับ
519.907 -> เราจะเห็นว่าเป็นดีไซน์ในยุคใหม่เช่นเดียวกันนะครับ
522.645 -> นั่นก็คือบริเวณไฟท้ายจะลากเป็นแนวนอนเส้นเดียวนะครับ
526.243 -> ตั้งแต่ซ้ายสุดยันขวาสุดของตัวรถเลยนะครับ
529.172 -> การที่เขาออกแบบมาเป็นอย่างนี้
531.155 -> ก็ทำให้ Aston Martin ไม่มีพื้นที่สำหรับติดโลโก้ที่เป็นรูปปีกของตัวเอง
536.073 -> ทำให้ท้ายรถจะไม่มีโลโก้รูปปีกนะครับ
538.448 -> จะมีแค่คำว่า Aston Martin เท่านั้นนะครับ
540.401 -> ถ้าเกิดเราเปรียบเทียบกับ DB11 เราเห็นว่าจะมีทั้งคำว่า Aston Martin
544.004 -> แล้วก็มีโลโก้ปีกอยู่ด้วยนะครับ
545.364 -> พอเป็นดีไซน์ใหม่อย่างนี้โลโก้ปีกก็ไม่อยู่แล้วนะครับ
548.726 -> อย่างไรก็ตาม DBS Superleggera ดูดุดันมาก ๆ นะครับ
552.13 -> เพราะว่าเราจะเห็นชิ้นส่วนหลากหลายชิ้นที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์อย่างนี้
556.025 -> มีชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Aerodynamics ที่น่าสนใจ
558.709 -> บริเวณด้านล่างตรงนี้ด้วย
560.413 -> ปกติแล้วเราจะเจอกับ Diffuser ธรรมดานะครับ
562.869 -> แต่อันนี้เป็น Diffuser 2 ชุดนะครับ
565.324 -> เทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ใน Formula One เลยนะครับ
567.842 -> ในการจัดเรียงอากาศที่วิ่งผ่านบริเวณใต้ท้องรถมาด้วยนะครับ
572.11 -> ถ้าเราก้มไปดูเราจะเห็นว่าใต้ท้องรถของ DBS Superleggera
575.748 -> เรียบทั้งหมดเลยนะครับ
577.02 -> เพื่อที่จัดเรียงอากาศให้มันไม่กระจัดกระจายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเอง
580.544 -> ด้านซ้ายและขวาของท้ายรถเราจะเจอกับท่อไอเสียคู่นะครับ
584.137 -> เท่ากับว่าด้านหลังมีท่อไอเสียทั้งหมด 4 ท่อด้วยกันเลยนะครับ
587.517 -> แล้วก็เป็นเสียงเครื่องจาก V12 ที่เพราะมาก ๆ นะครับ
590.511 -> ที่เดี๋ยวเราจะได้ฟังพร้อมกันครับ
592.038 -> ทีนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถ Grand Tourer ก็น่าจะต้องใส่ของได้พอสมควรนะครับ
596.759 -> เดี๋ยวเรามาเปิดฝากระโปรงท้ายดูนะครับ
598.558 -> ซึ่งผมบอกเลยว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของรถจริง ๆ
601.853 -> หรือว่าไม่ได้คุ้นเคยจริง ๆ ไม่มีทางหาเจอครับ
604.453 -> มันจะอยู่ด้านขวานิดหนึ่งครับ
606.757 -> เจอแล้วนี่ครับ
607.799 -> ซ่อนอยู่ประมาณนี้นะครับ
609.013 -> ไม่มีทางรู้เลยคว้ามาตรงกลางก็จะเจอกับกล้องถอยตรงนี้นะครับ
612.285 -> เปิดไม่ได้สักทีครับ
613.194 -> พื้นที่ตรงนี้สามารถเก็บสัมภาระได้ 280 ลิตรนะครับ
617.611 -> ก็ไม่ได้เยอะมากแต่ก็ไม่ได้น้อยมากสักเท่าไหร่นะครับ
620.859 -> ถ้าเราเทียบกับพละกำลังของตัวรถแล้ว
622.779 -> หาได้ยากแหละครับ
623.706 -> ถ้าเกิดเราจะเจอรถ 715 แรงม้าแรงบิด 900 นิวตันเมตร
627.156 -> แต่เก็บของได้ 280 ลิตรก็ถือว่าโอเคนะ
629.237 -> เปิดฝากระโปรงขึ้นมาอย่างนี้ยิ่งชัดเลยนะครับ
631.739 -> เข้ามาดูใกล้ ๆ ครับ
632.807 -> จำได้ไหมว่าทางเดินอากาศของผมที่บอกว่า
635.223 -> รูอากาศเข้ามาจาก C Duct ตรงนี้นะครับ
638.242 -> มันมาออกตรงนี้ครับ
639.905 -> มองจริง ๆ ไปทะลุเห็นทางเข้าเลยนะครับ
643.279 -> ไม่ได้ออกมาในฝากระโปรงท้ายนะครับ
645.388 -> แต่ว่าอันนี้เป็นเส้นทางเดียวกันกับท่อนี้นะครับ
647.976 -> ตอนที่มันปิดลงมาแล้วตรงนี้ก็จะมาเชื่อมต่อกัน
650.296 -> ซึ่งท่อนี้แหละก็คือจะเชื่อมต่อมาออกบริเวณด้านหลังตรงนี้นั่นเองครับ
655.895 -> การปิดฝากระโปรงท้ายของ DBS Superleggera ไม่ได้ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
660.357 -> เราสามารถที่ใช้มือของเราในการที่จะยกปิดลงมาได้เลยนะครับ
664.214 -> ซึ่งก็น้ำหนักเบามากทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ครับ
666.907 -> ที่สำคัญก็คือมีสิ่งที่น่าสนใจก็คือถ้าเกิดเราทิ้งฝากระโปรงมาแค่นี้
672.354 -> มันก็จะ Soft Close ปิดลงไปแบบนุ่มนวลให้กับเราครับ
676.24 -> ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะฝากระโปรงท้ายนะครับ
678.1 -> แต่ว่าฝากระโปรงหน้าที่เป็นห้องเครื่องยนต์ก็ Soft Close นะครับ
681.436 -> เราสามารถที่จะงับเบา ๆ แล้วตัวรถก็จะดูดติดมาได้อย่างนุ่มนวลมาก ๆ
686.445 -> อย่างไรก็ตามส่วนที่เปิดปิดบ่อย ๆ ที่สุด
688.918 -> อย่างเช่นประตูรถประตูห้องโดยสารทั้งซ้ายและขวา
692.178 -> ไม่ได้ Soft Close นะครับ
693.76 -> อีกส่วนหนึ่งที่โดดเด่นมาก ๆ
695.481 -> คือล้อและเบรกของเขานะครับ
697.451 -> Option Standard เลยแบบไม่ต้องเพิ่มเงิน
699.787 -> เราได้เบรกคาร์บอน-เซรามิคมาเลยนะครับ
701.958 -> ด้วยความที่รถมีพละกำลังสูงมากนะครับ
704.366 -> ก็เลยต้องแคร์ในเรื่องของเบรกมากเป็นพิเศษนะครับ
707.065 -> นอกจากนี้จานเบรกที่เราเห็นมีขนาดใหญ่ถึง 410 มิลลิเมตรนะครับ
711.297 -> ถือว่าเป็นจานเบรกที่ใหญ่มาก ๆ คันหนึ่งครับ
719.817 -> เราย้ายเข้ามาดูด้านในตัวรถกันบ้างนะครับ
722.342 -> ตอนแรกที่ผมเห็น DBS Superleggera
724.948 -> บอกว่าเป็นรถ Aston Martin ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยผลิตมานะครับ
728.78 -> ผมก็คาดหวังว่าด้านในจะต้องสปอร์ตมาก ๆ นะครับ
731.69 -> แต่พอเข้ามาก็ค้นพบว่า Aston Martin ไม่เคยละทิ้ง
734.959 -> สิ่งที่ทำมาตลอดของตัวเอง
736.321 -> ความงานฝีมือความเนี๊ยบการใช้วัสดุหนังนะครับ
740.597 -> ที่เรียกว่าประณีตมาก ๆ
743.666 -> ก็ยังคงได้เห็นอยู่ในรถที่แม้กระทั่งเป็น Road Car ที่แรงที่สุดของแบรนด์
748.218 -> การใช้วัสดุหนังเราจะเห็นว่าเนี๊ยบสุด ๆ ไปเลย
751.944 -> เพราะว่าเขาจะมีฟาร์มนะครับ
754.08 -> ฟาร์มวัวที่เอาไว้ส่งหนังให้กับ Aston Martin โดยเฉพาะ
757.72 -> โดยที่ฟาร์มวัวนี้จะอยู่ที่สกอตแลนด์ครับ
759.985 -> ฟาร์มทำไมต้องอยู่ที่สกอตแลนด์
761.889 -> เพราะสกอตแลนด์อากาศหนาวครับ
763.434 -> โอกาสที่วัวที่เลี้ยงไว้จะโดนไร จะโดนแมลงไต่ตอมกัดจนหนังมันมีตุ่ม
768.892 -> ก็จะน้อยลงนะครับ
770.178 -> หนังที่เราเห็นเป็นหนังที่เรียบร้อยมาก ๆ นะครับ
772.899 -> ผ่านขั้นตอนผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ มาแล้วนะครับ
775.516 -> ให้เรารู้สึกว่าสัมผัสแล้วมันเนี๊ยบที่สุดนะครับ
778.197 -> เหมือนกับเราได้สัมผัสกระเป๋าหนังราคาแพงอยู่ตลอดเวลาครับ
781.087 -> หรือรายละเอียดบนเบาะหนังที่เราได้เห็นนะครับ
783.641 -> จะมีขั้นตอนการเย็บมีฝีมือในการเย็บที่แตกต่างจากรถยนต์ปกติทั่ว ๆ ไป
789.476 -> ที่เราสามารถสัมผัสได้เลยนะครับ
791.202 -> เห็นปุ๊บรู้เลยว่านี่คืองานวิจิตรจริง ๆ นี่คืองานที่มีราคาสูงจริงๆ
796.365 -> มีลวดลายต่าง ๆ ที่แบบเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ
798.703 -> รวมถึงที่ขาดไม่ได้ก็คือโลโก้ชื่อรุ่นที่เป็น DBS นะครับ
802.117 -> ฝังอยู่บนเบาะหนังอย่างนี้เลยครับ
803.847 -> สามารถเลือกสีภายในได้ด้วยนะครับ
806.008 -> และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในรถ
808.909 -> ก็มักจะเปิดปิดด้วยไฟฟ้าเกือบทั้งหมดเลยนะครับ
812.092 -> พวงมาลัยสามารถที่จะปรับด้วยไฟฟ้าอย่างนี้นะครับ
815.336 -> บริเวณช่องวางของตรงนี้ที่อยู่ตรงพนักวางแขนก็เลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าครับ
822.72 -> แต่ถ้าเกิดเรามองถัดขึ้นมา
824.621 -> ให้มาดูเรื่องของระบบ Infotainment นะครับ
826.839 -> หรือว่าระบบความบันเทิงบนรถยนต์
828.676 -> เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ Aston Martin เก่งสักเท่าไหร่นะครับ
832.027 -> พอดูไปปุ๊บชัดเจนเลยถึงแม้ว่าจะเป็นรถรุ่นใหม่ขนาดนี้นะครับ
835.918 -> หน้าจอกึ่งกลางรถก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่สักเท่าไหร่
838.785 -> แล้วก็ไม่ได้เป็นหน้าจอทัชสกรีนด้วยนะครับ
841.824 -> มองลงมาบริเวณ Controller
844.212 -> นี่มัน Mercedes-Benz หรือเปล่ารู้สึกคุ้นเคย ๆ
847.31 -> ใช่แล้ว Aston Martin ให้ Mercedes-Benz ทำชุดนี้
851.026 -> ให้กับ Aston Martin นั่นเองครับ
852.699 -> ดังนั้นก็จะคุ้นเคยถ้าเกิดใครที่ใช้ Mercedes-Benz มาก่อน
855.62 -> หรือว่าเคยเห็นนะครับ
856.715 -> ดูไปปุ๊บก็จะชัดเจนเลยครับ
858.475 -> มาถึงก็น่าจะใช้เป็นโดยทันทีนะครับ
860.742 -> นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่บริเวณตรงนี้อาจจะไม่ได้สวยงามมากมายนักครับ
864.489 -> ยังไงผมก็ยังคงชื่นชอบทุกวัสดุทุกชิ้นส่วนที่ Aston Martin ใช้หนัง
869.655 -> ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยตรงนี้ที่ให้ความรู้สึกที่ดีมากครับ
872.781 -> ก้าน Paddle Shift ยาว ๆ ตรงนี้ที่ทำจากโลหะนะครับ
876.191 -> ดีดดูทำจากโลหะจริง ๆ เลยนะครับ
878.108 -> ให้ความรู้สึกที่ดูดีมีราคานะครับ
880.942 -> บริเวณแผงประตูตรงนี้ที่หุ้มมาด้วยหนังทั้งหมดนะครับ
884.65 -> เบาะหนังที่เรานั่งมันให้สัมผัสที่สบายมาก ๆ นะครับ
888.395 -> สมกับเป็นรถ Grand Tourer นะครับ
889.753 -> ให้เราสามารถโดยสารไปได้ไกล ๆ
891.495 -> โดยที่เราไม่รู้สึกเหนื่อยล้าไปซะก่อน
893.154 -> เพราะว่าเบาะเขานั่งสบายจริง ๆ นะครับ
895.059 -> เบาะปรับไฟฟ้าทุกจุดเลยนะครับ
896.939 -> แล้วก็มี Memory Seat จำได้ถึง 3 ตำแหน่งด้วยนะครับ
899.853 -> ส่วนข้างหลังเป็นยังไงเดี๋ยวผมปีนไปให้ดูต่อไปครับ
902.309 -> หรือถ้าเกิดเราเงยหน้าดูนะครับ
904.948 -> บริเวณเพดานในรถที่หุ้มด้วยหนังกลับตรงนี้
908.252 -> เป็นดีเทลที่สวยงามแล้วก็ดูดีมาก ๆ ของรถคันนี้นะครับ
911.875 -> เพิ่มราคาอย่างมากเลยครับ
913.582 -> เสียดายนิดเดียวเองนะครับ
915.084 -> ส่วนที่ไม่ใช่หนัง
916.523 -> ก็อย่างเช่นช่องแอร์ดูแล้วมันไม่ค่อยสมกับตัวรถนี่สักเท่าไหร่เลย
922.628 -> ดูเป็นพลาสติกแล้วก็เบา ๆ
925.147 -> ส่วนที่หายไปไม่มีใน DBS Superleggera คันนี้สำหรับผู้โดยสารนะครับ
930.237 -> ก็คือไม่มีช่องเก็บของหรือว่า Glove Box ตรงนี้
933.511 -> หายไปไหน
934.184 -> มันเปิดไม่ได้
936 -> ไม่มีช่องที่เราสามารถเปิดเพื่อที่จะเก็บของได้เลย
938.14 -> พวกเอกสารต่าง ๆ หรือว่าของสำคัญก็ต้องมาหาที่เก็บเอานะครับ
943.174 -> ซึ่งมันก็ไม่ได้มีเยอะเท่าไหร่นะครับ
944.742 -> ก็จะอยู่แค่ตรงกลางตรงนี้ที่พอจะเก็บอะไรได้บ้าง
950.4 -> เราย้ายไปเป็นผู้โดยสารแถวหลังกันมั้งดีกว่าครับ
956.504 -> เบาะก็จะปรับเลื่อนไปข้างหน้าด้วยระบบไฟฟ้านะครับ
959.887 -> ให้เราสามารถปีนขึ้นไปได้
961.597 -> มาข้างหลังพับเบาะหน่อยครับ
963.267 -> เบาะเลื่อนมาในตำแหน่งคนขับ
966.295 -> ก็คิดว่าไม่น่าจะนั่งโดยสารไกล ๆ ได้ 4 คนนะครับ
971.077 -> คิดว่าคนที่นั่งด้านหลังตรงนี้อาจจะต้องตัวเล็กนิดหนึ่งนะครับ
974.87 -> ถึงพอจะนั่งได้ครับ
976.321 -> แต่ว่าถ้าเกิดไซส์ประมาณผม
979.498 -> นั่งข้างหลังแล้วก็ต้องนั่งไกลหน่อยเรียบร้อยเลยนะครับ
982.393 -> ไม่น่าจะสามารถไปไหนมาไหนได้แบบสะดวกสบายสักเท่าไหร่ครับ
985.645 -> ยกเว้นว่าชั่วครั้งชั่วคราวไปรับเพื่อนจากร้านอาหารไปบ้านครับ
989.507 -> จากบ้านไปคอนโดอะไรอย่างนี้นะครับ
991.654 -> ก็น่าจะพอติดรถกันไปได้ในระยะทางสั้น ๆ นะครับ
994.642 -> แต่ว่าข้างหลังถ้าตัวใหญ่หน่อยแล้วก็ต้องนั่งไกล ๆ เรียบร้อยครับ
998.582 -> ไม่น่าไหว
999.348 -> มันเนี๊ยบไปหมดเลยนะครับ
1000.369 -> ทุกครั้งที่เราสัมผัสกับชิ้นส่วนที่เป็นหนังในรถคันนี้นะครับ
1004.223 -> คือรู้สึกว่าเราสัมผัสกับของราคาแพงอยู่ตลอดเวลานะครับ
1007.827 -> ไม่ว่าจะเป็นพวกกระเป๋าราคาแพง
1009.814 -> หรือว่าวัสดุ accessories ราคาแพงทั้งหลายที่ทำมาจากหนังครับ
1013.531 -> รถคันนี้ให้ความรู้สึกนี้ได้อย่างเต็มที่เลยนะครับ
1015.957 -> แต่ส่วนที่ไม่เนี๊ยบสักเท่าไหร่อีกส่วนหนึ่งนะครับ
1018.133 -> ก็คือเสียงของมอเตอร์เบาะตอนที่มันพับนี่แหละครับ
1023.2 -> ภายในที่คุณผู้ชมเห็นกับรถคันนี้ก็เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง
1027.208 -> Aston Martin ก็เช่นเดียวกับรถระดับพรีเมียมนะครับ
1030.064 -> นั่นก็คือเราสามารถที่จะเลือกปรับแต่งได้นะครับ
1032.502 -> ถ้าเกิดเราต้องการเป็นเจ้าของ
1034.147 -> ก็คือหนังวัสดุที่เราเห็นตรงนี้
1036.712 -> ต้องการที่จะให้เป็นวัสดุแบบไหน สีอะไรด้านในตัดสลับกับอะไร
1042.241 -> สามารถที่จะเลือกปรับแต่งเลือกสีเลือกหนังต่าง ๆ ได้เต็มที่เลยนะครับ
1045.952 -> ตามแต่อิสระของเราครับ
1047.549 -> ด้านนอกก็เช่นเดียวกันนะครับ
1048.79 -> คาลิปเปอร์เบรกสามารถเปลี่ยนสีได้นะครับ
1051.026 -> สีตัวถังของรถก็จะมีสีที่แตกต่างกันไปนะครับ
1054.354 -> โทนสีที่เหมาะกับรถรุ่นนี้
1056.138 -> ผมคิดว่าโทนสีเทาประมาณนี้
1057.816 -> คันนี้คือ Xenon Gray ครับ
1059.515 -> สวยมากสง่างามมาก ๆ นะครับ
1061.29 -> แล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนเจมส์ บอนด์นิดหนึ่งนะครับ
1063.824 -> แต่บางสีก็อาจจะต้องเพิ่มเงินเยอะหน่อย บางสีเพิ่มเงินน้อยหน่อย
1067.085 -> อันนี้ก็สามารถมาปรึกษากับทาง Aston Martin Bangkok ได้นะครับ
1070.369 -> ปรับแต่งได้เกือบทุกส่วนแหละครับ
1071.994 -> ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีเงินที่จะเพิ่ม Option ไปมากน้อยขนาดไหน
1075.376 -> ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 28.9 ล้านบาทครับ
1080.96 -> พาชมรอบคันกับ DBS Superleggera ไปแล้วนะครับ
1083.83 -> สวยมากเท่มากแล้วก็ดุดันมากนะครับ
1086.307 -> กับ Road Car ที่แรงที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยผลิตมานะครับ
1089.876 -> ด้านในก็เนี๊ยบด้วยวัสดุหนังด้วยความเชี่ยวชาญของ Aston Martin อยู่แล้ว
1093.864 -> แต่ว่าขับขี่จะเป็นยังไงนะครับ
1095.275 -> ตามผมไปขับกันจริง ๆ เลยครับ
1103.565 -> ตอนนี้เราโดดขึ้นมาขับ Aston Martin DBS Superleggera
1108.809 -> คันนี้ถือว่าแรงที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยผลิตมา
1113.682 -> ในรอบ 108 ปีของบริษัทนะครับ
1116.805 -> ถือว่าเป็น Road Car ต้องนับเฉพาะ Road Car ครับ
1119.268 -> ที่ลงถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายคันนี้ถือว่าเป็นคันที่มีเรตติ้งสูงที่สุด
1124.005 -> ลองมาลงถนนจริง ๆ กับถนนเมืองไทยครับ
1126.853 -> วันนี้คงไม่ใช่ Performance Test ขนาดนั้นนะครับ
1129.292 -> เพราะว่าเราไม่ได้ลงในสนาม
1130.672 -> แต่ว่าอย่างที่เราต้องการจะพิสูจน์ว่า Aston Martin
1134.11 -> ต้องการให้รถคันนี้เป็นรถ GT หรือว่า Grand Tourer นะครับ
1137.486 -> ในแบบ Super เลยด้วยซ้ำนะครับ
1139.132 -> เหมือนกับเราเปรียบเทียบว่าเป็นรถโดยทั่ว ๆ ไปก็คือ Car
1141.951 -> แล้วก็รถยนต์ในระดับที่สปอร์ตขึ้นมาเป็นซูเปอร์คาร์
1144.825 -> อันนี้เหมือนกันครับ
1145.795 -> ถ้าเกิดเปรียบเทียบกันคือเป็น GT คือ Grand Tourer
1148.389 -> คันนี้เป็น Super GT ครับ
1150.706 -> ว่ามันสามารถใช้ในชีวิตประจำวันเราได้มากน้อยขนาดไหนนะครับ
1154.723 -> เราก็จะไปกันแบบอย่างนี้แหละครับ
1156.005 -> ตอนนี้เราอยู่ในโหมด Normal ที่สุดเลยโหมด Default
1159.243 -> ของคันนี้จะชื่อโหมด GT
1161.409 -> ก็แตกต่างจากคันอื่น ๆ หน่อยนะครับ
1163.734 -> ที่ปกติอาจจะใช้ชื่อโหมด Comfort บ้างโหมด Normal บ้างนะครับ
1166.985 -> อันนี้คือโหมด Normal ที่สุดแล้วคือโหมด GT นะครับ
1169.965 -> สิ่งที่สัมผัสได้ก็คือเกียร์ 8 จังหวะของเขาก็จะเปลี่ยนค่อนข้างนิ่มเลยนะครับ
1175.127 -> กับเสียงเครื่องยนต์ที่จะทุ้ม ๆ อยู่ตลอดเวลานะครับ
1178.11 -> เป็นคาแรกเตอร์ของเครื่องยนต์ V12
1179.411 -> ซึ่งตอนนี้หาได้ยากมากแล้ว
1181.562 -> กับรถยนต์ที่จะใช้เครื่อง V12
1183.954 -> แต่ว่าคันนี้ยังคงเลือกใช้อยู่นะครับ
1185.714 -> ด้วยคาแรกเตอร์ของทั้งเสียงเครื่องยนต์ด้วย
1188.484 -> กับพละกำลังที่จะได้สูงสุดถึง 715 แรงม้า
1191.905 -> เราขึ้นทางด่วนนะครับ
1193.512 -> เดี๋ยวลองฟังเสียงเครื่องยนต์นะครับ
1195.057 -> นี่ยังโหมด GT อยู่นะครับ
1199.734 -> มันดีดตัวออกไปได้น่าตกใจมาก
1203.973 -> คันนี้แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 900 นิวตันเมตร
1208.611 -> คือมันไม่ได้ดึงจนหลังเรากระแทกติดเบาะนะครับ
1211.393 -> แต่ว่าความรู้สึกที่เราได้เรารู้สึกว่ารถมันยังเหลือกำลังอีกมากพอ
1216.755 -> ที่จะทะยานต่อไปไม่มีท่าทีว่าแรงมันจะหมดลงได้ง่าย ๆ
1221.438 -> ต้องไม่ลืมว่าเราอยู่ในโหมด GT เองนะครับ
1223.729 -> คันนี้จะมีการปรับโหมดการขับขี่แยกกัน 2 อย่างนะครับ
1227.581 -> ก็คือการปรับโหมดของเครื่องยนต์แล้วก็การปรับโหมดของช่วงล่าง
1231.459 -> เดี๋ยวผมจะปรับในส่วนของเครื่องยนต์จาก GT เป็น Sport นะครับ
1235.518 -> ก็ด้วยการกดปุ่มตัว S บนพวงมาลัย
1240.679 -> ตัวนี้เราเข้าสู่โหมด Sport กราฟิกหลังพวงมาลัยเปลี่ยนไปเล็กน้อยนะครับ
1244.252 -> เรายังไม่ได้ยินเสียงที่แตกต่างกันออกไปนะครับ
1246.514 -> แต่เดี๋ยวเราจะลองกดคันเร่งดู
1259.04 -> มีอาการดิ้น ๆ ให้เราเห็นนะครับ
1261.195 -> พวงมาลัยจะต้านมือเรานิด ๆ ตอนที่เรากดคันเร่งออกไป
1264.94 -> ด้วยความที่รถมีแรงบิดสูงมาก
1267.363 -> อย่างไรก็ตามในจังหวะที่เราอาจจะไม่ได้ใช้ความเร็วมาก
1271.224 -> คือไม่ได้มีการเร่งมาก
1273.201 -> ตัวรถก็จะเริ่มรับรู้ว่าเราอยู่ในจังหวะที่ Cruising
1276.954 -> ก็จะมีการเลือกใช้เกียร์ที่สูงขึ้น
1279.055 -> ใช้รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำลง
1280.534 -> แม้ว่าจะอยู่ในโหมด Sport ตอนนี้เราอยู่ที่ประมาณ 1,700 รอบเท่านั้นเอง
1284.807 -> อยู่ที่เกียร์ 7
1286.461 -> สมมุติว่าผมกระแทกคันเร่งไปสักครึ่งหนึ่งก็พอ
1290.283 -> นี่เปลี่ยนลงมาเหลือเกียร์ 3 เลยนะครับ
1293.118 -> พร้อมที่จะให้เราทะยานต่อไปข้างหน้าทันทีครับ
1296.86 -> ถือว่าทำงานได้รวดเร็วมาก ตอบสนองต่อคันเร่งดีมาก
1300.208 -> ไม่ต้องกระแทกสุดเลย
1301.52 -> ผมกระแทกลงไปประมาณครึ่งเดียวเท่านั้นนะครับ
1303.11 -> เปลี่ยนลงมาจากเกียร์ 7 2 จังหวะ
1306.046 -> คือลงมาเกียร์ 5 ก่อนแล้วก็ลงมาเกียร์ 3
1308.199 -> โดยที่ยังคงรักษาความเร็วประมาณเท่า ๆ เดิมอยู่นะครับ
1311.202 -> เพื่อที่ว่าตัวรถจะได้เหลือพลังกำลังมากพอที่จะเร่งออกไปข้างหน้า
1316.434 -> กับอีกปุ่มหนึ่งที่สามารถปรับโหมดได้
1318.542 -> คือความแข็งของช่วงล่างครับ
1320.52 -> 3 ระดับเช่นเดียวกันนะครับ
1321.91 -> ก็คือจะมีระดับปกติ ระดับที่สปอร์ตที่ขึ้นมาชื่อว่า Sport Mode
1327.147 -> แล้วก็ระดับสูงสุดก็คือ Sport+ Mode
1330.296 -> อันนี้ก็จะเป็นการปรับความแข็งอ่อนกับความกระด้างของช่วงล่างครับ
1334.392 -> ที่จะเข้ารับกับโค้งได้ดีมากขึ้น
1337.49 -> ซึ่งผมแนะนำว่าถ้าใช้งานในชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไป
1340.134 -> วิ่งในถนนปกติเราใช้โหมดปกติได้เลยนะครับ
1343.613 -> ที่เราสตาร์ทรถมาไม่ต้องกดเปลี่ยนโหมดเลย
1345.534 -> จะให้ความสบายพอ ๆ กับเราขับรถซีดานเลย
1348.613 -> แต่ว่ามันจะมีความทุ้มของเสียงเครื่องยนต์ให้เราได้ตื่นเต้นบ้าง
1351.99 -> ถ้าเกิดอยากซิ่งขึ้นมาบ้างก็เข้าสักประมาณโหมด Sport ก็กำลังดี
1363.36 -> อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดถึง
1364.636 -> ก็คือเรื่องของตำแหน่งการขับ
1367.617 -> อันนี้ผมว่าแตกต่างจากรถระดับซูเปอร์คาร์หลาย ๆ คัน
1370.897 -> ที่เขาจะเน้นให้เรานั่งเตี้ยแล้วก็พวงมาลัยอยู่เตี้ย
1374.56 -> แต่คันนี้จะเน้นให้เรานั่งอยู่สูงให้เหมือนกับเราขับรถซีดานทั่ว ๆ ไปเลย
1380.563 -> เราไม่ได้รู้สึกว่าทำไมต้องปีนเข้ามาแล้วก็หมอบอยู่กับพื้น
1384.296 -> เพราะว่าตำแหน่งการขับขี่รถคันนี้ตัวคนขับอยู่สูงพอสมควรเลย
1388.957 -> แต่ว่าสิ่งที่ Aston Martin ปรับก็คือตำแหน่งของพวงมาลัย
1392.962 -> ให้มันอยู่ในตำแหน่งที่มันกระชับกับมือเราตลอดเวลา
1397.094 -> แล้วก็พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา
1400.96 -> นั่นก็คือถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้นั่งต่ำมาก
1403.236 -> นั่งในตำแหน่งนี้แต่ว่าการควบคุมพวงมาลัยต่าง ๆ เป็น Racing Position
1407.6 -> ตัวเราจะพร้อมที่จะโยกพวงมาลัยได้ตลอดเวลา
1412.101 -> เวลาเกิดเหตุอะไรขึ้นมาหรือว่าในการ Counter Steer ต่าง ๆ
1416.409 -> จริง ๆ แล้วผมอยากมีโอกาสได้ทดลองคันนี้
1419.401 -> ในแบบ Performance Test เหมือนกัน
1421.334 -> ว่าถ้าเกิดอยู่ในโค้งอยู่ในสนามจริง ๆ จะเป็นยังไง
1425.319 -> เพราะว่าล้อหลังมี Limited Slip Differential ที่เป็น Mechanical
1431.216 -> คือคันนี้ไม่ได้ใช้อิเล็กทรอนิกส์
1434.238 -> ซึ่งจะสนุกมาก ๆ แน่ ๆ นะครับ
1436.49 -> ถ้าเกิดเราใช้ในสนามแข่ง
1438.374 -> เป็นหนึ่งในรถที่ขับง่ายมาก
1440.077 -> หนึ่งในรถที่พละกำลังสูงขนาดนี้
1442.859 -> แล้วยังทำให้ขับง่ายมากขนาดนี้อยู่
1445.454 -> ผมว่า Aston Martin พิสูจน์ได้ว่าทำให้รถประสิทธิภาพสูงขนาดนี้
1450.091 -> ใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง ๆ
1451.832 -> ต้องย้อนถามว่าเราจะเห็นรถระดับ 715 แรงม้า
1455.376 -> แรงบิด 900 นิวตันเมตรใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายขนาดนี้
1459.684 -> จากรุ่นไหนได้อีก
1460.89 -> อีกอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าชัดมากสำหรับรถคันนี้
1463.655 -> คือขับแล้วรู้สึกหล่อมาก
1466.24 -> คือเรื่องนี้อธิบายได้ยาก
1468.094 -> แต่ว่าเป็นอะไรที่ยอมรับเลยว่าจริง
1473.818 -> เราขับไปเรารู้สึกว่าตัวเองหล่อมาก เท่มาก
1478.084 -> ไม่ต้องมีสายตาจากคนอื่นหรือว่าที่อยู่รอบ ๆ ถนนหันมามองก็ได้
1482.652 -> เราจะรู้สึกไปเองเลย
1483.749 -> ทุกอย่างมันเอื้อให้เรารู้สึกอย่างนั้นนะครับ
1485.942 -> ทั้งความรู้สึกของการขับเอง ทั้งสมรรถนะเอง
1489.753 -> ทั้งความรู้สึกของเบาะที่เรานั่ง
1492.157 -> พวงมาลัยที่เราจับอยู่คือมันสะท้อนออกมา
1494.751 -> เรื่องนี้อธิบายได้ยากแต่ว่าถ้าใครมีโอกาสได้ลองอยากให้ลองนะครับ
1497.916 -> ถ้าถามว่าใครเป็นลูกค้า Aston Martin โดยเฉพาะในกลุ่มของ DB นะครับ
1503.659 -> DB11 , DBS
1505.887 -> ผมคิดว่าคนที่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถระดับ 20-30 ล้าน
1511.376 -> มีจำนวนไม่น้อยในไทย
1513.647 -> แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะอยากได้ซูเปอร์คาร์ที่แบบ Ferrari สีแดง
1517.787 -> Lamborghini สีเหลือง
1519.12 -> McLaren สีส้มอะไรอย่างนี้
1520.74 -> คือกลุ่มที่ต้องการความเรียบง่ายมากขึ้นหรือว่าความสุขุมมากขึ้น
1525.611 -> ต้องการความนุ่มนวลมากขึ้น
1527.471 -> ผมว่า Aston Martin ตอบโจทย์มากนะครับ
1529.578 -> นี่คือรถระดับราคา 20-30 ล้านที่มีความ Stylist สูงมาก ๆ
1535.793 -> มีความเท่สูงมาก ๆ
1539.2 -> จะเป็นกลุ่มที่ผมว่าต้องการรถยนต์ที่เราขับไปบนถนนแล้วก็ไม่ซ้ำกับคันอื่น
1545.354 -> อันนี้คือการันตีได้ว่าซ้ำยากมาก
1547.388 -> แล้วก็จะโดดเด่นมาก ๆ บนถนน
1549.817 -> เราเข้าไปจอดในห้างแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเห็นรถยี่ห้อเดียวกัน
1553.182 -> จอดเรียงกันอยู่ในลานจอดรถซูเปอร์คาร์เยอะ ๆ
1556.41 -> ลงมาจาก Aston Martin โดดเด่นในแบบที่มีสไตล์
1560.185 -> คนที่รับรู้ระดับราคาของรถรับรู้ได้เลยว่าในราคาเท่านี้เราซื้อได้
1565.966 -> สามารถซื้อซูเปอร์คาร์ได้หลากหลายรุ่นหลากหลายแบบ
1568.986 -> จะเอาสีสันฉูดฉาดขนาดไหนก็ได้
1570.998 -> แต่เราเลือก Aston Martin
1572.933 -> เลือกความเท่แบบนี้
1573.944 -> เลือกความ เจมส์ บอนด์ เลือกความอังกฤษแบบนี้
1576.207 -> ผมว่ากลุ่มนี้เหมาะกับ Aston Martin มาก ๆ หล่อมาก ๆ
1587.599 -> และนี่ก็คือภาพรวมของ Aston Martin DBS Superleggera
1590.741 -> รถ Road Car ที่แรงที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยผลิตมา
1593.922 -> นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา 108 ปีนะครับ
1596.439 -> ให้ความประทับใจที่เรียกว่าเราสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้
1600.196 -> แล้วก็หล่อเท่มาก ๆ เลยนะครับ
1602.102 -> นี่อาจจะไม่ใช่รถที่แรงที่สุดในตลาดนะครับ
1604.61 -> ไม่ใช่รถที่ทำ 0-100 ได้เร็วที่สุด
1606.473 -> ไม่ใช่รถที่ Driving Dynamic ดีที่สุดหรือว่าเกาะถนนที่สุดนะครับ
1609.422 -> แต่ผมรับประกันได้เลยว่าขับแล้วหล่อที่สุดแน่ ๆ ครับ
1612.236 -> คุณผู้ชมที่สนใจสามารถติดต่อทาง Aston Martin Bangkok ได้ครับ
1615.711 -> DBS Superleggera คันนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 28.9 ล้านบาท
1619.609 -> ผมอู๋ Spin9 ครับ
1620.369 -> พบกันใหม่คลิปหน้า
1620.946 -> สวัสดีครับ
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=5MJehwp6WIo