![[spin9] รีวิว Apple TV 4K — รุ่นใหม่ ชิพแรง แต่ราคาถูกลง ใช้ดีมากจริง](https://img.howtoclicks.com/vi_webp/6NLavIsS8wo/sddefault.webp)
[spin9] รีวิว Apple TV 4K — รุ่นใหม่ ชิพแรง แต่ราคาถูกลง ใช้ดีมากจริง
[spin9] รีวิว Apple TV 4K — รุ่นใหม่ ชิพแรง แต่ราคาถูกลง ใช้ดีมากจริง
รีวิวใหม่วันนี้ พบกับ Apple TV 4K รุ่นใหม่ (2022) ที่ปรับปรุงชิพเป็น A15 Bionic ปรับขนาดตัวเรื่องให้เล็กลง เบาลง ไม่มีพัดลมแล้ว และราคาถูกลงกว่าเดิม ชิพใหม่ทำงานได้เร็วขึ้น สลับแอพได้เร็วขึ้น ความจุเยอะขึ้น และรองรับ HDR10+ พร้อม Thread WiFi สำหรับ Smart Home
Apple TV 4K ใหม่ เปิดราคาเริ่มต้น 5,290 บาท สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ทาง Apple Store (TH): https://apple.sjv.io/O652Z
สมัครเป็นสมาชิกของช่อง spin9 เพื่อสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ของเราได้ที่นี่:
/ @spin9
Content
6.92 -> กดกริ๊งแล้วก็เข้าบ้านมาสิรออะไรอยู่
11.249 -> สวัสดีครับ อู๋ Spin9 ครับ
12.536 -> คุณผู้ชมครับ พามาอยู่ที่บ้านอีกทีหนึ่งนะครับ
14.825 -> รีวิววันนี้เราอยู่กับ Apple TV 4K รุ่นล่าสุดนะครับ
19.913 -> นี่เป็น Gen 3 ของ Apple TV 4K แล้วนะครับ
23.029 -> หลายคนได้ยินชื่อแล้วก็รู้จักชื่อเสียงของกล่อง Apple TV มาอย่างยาวนานนะครับ
29.11 -> ผมเองใช้ Apple TV มาตั้งแต่รุ่นแรกเลยนะครับ
33.209 -> ไม่ว่าเราจะใช้ทีวีที่เป็น Smart TV ที่ตัวมันเองมี OS
37.795 -> หรือว่าทีวีเองสามารถลงแอปอะไรได้อยู่แล้วก็ตาม
41.236 -> ผมก็มักจะต่อเครื่อง Apple TV ไว้กับทีวีของเราเสมอเลยนะครับ
46.165 -> แล้วก็เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ผมคิดว่ามัน Underrated มากเลย
50.686 -> ก็คือคนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมันเท่าไหร่
53.803 -> แต่ว่าประสบการณ์การใช้งานสำหรับคนที่ผ่านการใช้กล่อง Apple TV มา
58.05 -> ผมคิดว่าทุกคนน่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันช่วยให้การรับชมทีวีของเรา
62.978 -> หรือว่าการสลับแอปพลิเคชันการทำ Streaming
66.062 -> หรือแม้กระทั่งการทำ AirPlay จากอุปกรณ์ Apple
68.846 -> ไม่ว่าเราจะใช้ Mac จะใช้ iPhone ใช้ iPad
71.652 -> เอามาออกหน้าจอใหญ่ได้แบบง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีนะครับ
75.127 -> ผมคิดว่าอุปกรณ์ตัวนี้น่าสนใจมาก
77.321 -> และรุ่นล่าสุดที่เขาเพิ่งเปิดตัวมา Apple TV 4K รุ่น 3 นี้
81.237 -> ราคาถูกลงกว่าเดิมด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ Apple เท่าไหร่นะครับ
86.197 -> เปิดตัวมาใหม่แรงขึ้นกว่าเดิมเครื่องเล็กลงกว่าเดิมนะครับ
89.725 -> มีความสามารถมากขึ้นกว่าเดิม
91.336 -> แต่ว่าราคาถูกลงกว่าเดิม
93.096 -> เรามาดูรีวิวของ Apple TV 4K รุ่นใหม่ล่าสุดตัวนี้กันครับ
103.345 -> ในกล่องของ Apple TV 4K รุ่นล่าสุด
106.066 -> ก็คือไม่ต้องมาแกะกล่องให้ดูเลยนะครับ
108.019 -> ทั้งกล่องแกะออกมาจะได้กล่อง Apple TV ตัวนี้กับ Siri Remote
113.125 -> ที่เป็นรุ่นใหม่นะครับ
114.552 -> หน้าตาเหมือนรุ่นที่แล้วเลยแหละต่างกันนิดเดียวเท่านั้นนะครับ
117.093 -> ที่เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะครับ
118.199 -> เอาตัวเครื่องก่อนนะครับ
119.515 -> ถ้าเกิดใครเคยจับ Apple TV 4K รุ่นก่อนหน้ามา
123.499 -> มาจับตัวนี้จะรู้สึกเลยว่ามันป๋องแป๋งนิดหนึ่งนะครับ
126.92 -> เพราะว่าเขาลดเกรดวัสดุลงมาครับ
129.431 -> มันเป็นพลาสติกเบาๆ เท่านั้นเอง
131.021 -> เบามากคือเครื่องเหมือนกับแบบราคาถูกมากเลย
134.691 -> เพราะว่าวัสดุที่ใช้ลดเกรดลงไปนะครับ
137.418 -> แต่จริงๆ แล้วเครื่องนี้เราแทบจะไม่ได้ไปสัมผัสมันอยู่แล้ว
140.459 -> เราจับมันครั้งแรกตอนที่เรา Set up เสียบสายเท่านั้นเอง
143.657 -> จากนั้นมันก็อาจจะวางอยู่หน้าทีวีหรือว่าวางอยู่ในตู้ทีวีตลอดกาลนะครับ
147.904 -> เราไม่ได้มาจับมันอีกละ
148.953 -> ดังนั้นความรู้สึกที่เรารู้สึกว่ามันป๋องแป๋ง
151.237 -> มันก็คือครั้งแรกสุดที่เราแกะกล่องมาแล้วก็ Set up เท่านั้นแหละครับ
154.824 -> เขามีการลดขนาดตัวเครื่องลงมาด้วยนะครับ
157.089 -> นั่นก็คือถ้าเกิดเราวางเทียบกับรุ่นก่อนหน้าตัวเครื่องของรุ่นล่าสุดรุ่น 3 นี้นะครับ
162.154 -> เล็กลงประมาณ 20% นะครับ
163.825 -> น้ำหนักเบาลงไปเยอะเลยเพราะว่าเขาดีไซน์แบบ Fanless ละ
167.413 -> ก็คือภายในไม่มีพัดลมนะครับ
169.498 -> ตัวก่อนหน้านี้ภายในมีพัดลมซึ่งจะต้องอาศัยการระบายอากาศ
173.376 -> แล้วก็จะมีฝุ่นมาเกาะเต็มไปหมดนะครับ
175.085 -> ตัวนี้เล็กลงกว่าเดิมบางลงกว่าเดิมเล็กน้อยนะครับ
178.395 -> แล้วก็ไม่มีพัดลมไม่มีช่องด้านล่างอีกแล้วนะครับ
180.936 -> กับอีกอย่างหนึ่งที่แตกต่างออกไป
182.701 -> ก็คือบริเวณด้านบนของตัวเครื่องนี้จะเหลือแค่โลโก้ Apple เงาๆ แบบนี้เท่านั้นนะครับ
188.095 -> ไม่มีคำว่าทีวีอยู่ข้างๆ นะครับ
190.214 -> โดยรวมก็ยังคงดีไซน์ Minimal เหมือนเดิมเป็นสีดำด้านสลับดำเงานะครับ
195.289 -> พอร์ตเชื่อมต่อด้านหลังนะครับ
196.847 -> เราจะเห็นว่ามันมี 3 พอร์ตด้วยกันนะครับ
199.131 -> ตัวหนึ่งก็คือสาย Power ต้องเสียบอยู่แล้วนะครับ
201.713 -> ในกล่องนี้สาย Power มาให้ครับ
203.577 -> ถัดมาจะเป็นช่องเสียบสาย LAN นะครับ
205.937 -> ซึ่งตัวนี้ต้องเล่าให้ฟังว่านี่เป็นครั้งแรกที่ทาง Apple เขาแบ่งสเปกของ Apple TV
212.011 -> 2 ความจุได้พอร์ตเชื่อมต่อคนละแบบกันนะครับ
215.57 -> ตัวที่อยู่ในมือผมเป็นตัวท็อปความจุ 128GB เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันนะครับ
220.09 -> รุ่นก่อนหน้าตัวท็อปจะมีแค่ความจุ 64GB เท่านั้นนะครับ
223.982 -> ตัวนี้ตัวท็อปได้ 128GB และจะได้ช่องเสียบสาย LAN มาด้วยนะครับ
228.826 -> ถ้าเกิดเป็นรุ่นเริ่มต้น 64GB จะต้องต่อผ่าน WiFi เท่านั้นนะครับ
233.14 -> ซึ่งก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะสำหรับบ้านคนที่ WiFi ไม่ค่อยทั่วถึงสักเท่าไหร่นะครับ
238.024 -> และถ้าเสียบสาย LAN มันก็น่าจะ Streaming ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
242.068 -> โหลดแอปได้รวดเร็วมากขึ้นนะครับ
243.547 -> กับช่อง HDMI ที่รอบนี้เป็น HDMI 2.1 มาเป็นที่เรียบร้อยนะครับ
248.839 -> ได้มาตรฐานใหม่ล่าสุดเลย
250.792 -> ผมแนะนำอย่างนี้ครับ
251.836 -> ราคาเปิดตัวของ Apple TV 4K นี้ 2 ความจุของเขานะครับ
255.596 -> 64GB ที่เป็น WiFi Only เขาเปิดตัวที่ 5,290 บาทนะครับ
260.201 -> กับตัวท็อป 128GB ได้ช่องเสียบสาย LAN มาด้วยนะครับ
264.42 -> 5,990 บาทราคาต่างกันแค่ 700 บาทนะครับ
268.177 -> แต่ว่าความจุต่างกันเท่าตัว
270.772 -> ได้ช่องเสียบสาย LAN มาเพิ่ม
272.175 -> และในเฉพาะตัวท็อปนี้มันยังรองรับ Thread WiFi นะครับ
275.529 -> ที่เป็นมาตรฐานใหม่ที่จะใช้กับ Smart Home
278.124 -> อุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็น Smart Home ใหม่ๆ นะครับ
281.08 -> สามารถที่จะเชื่อมต่อ WiFi ได้เหนียวแน่นมากขึ้นนะครับ
283.871 -> ตัวมันเองทำหน้าที่เป็น Extender ให้กับอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้นนะครับ
288.008 -> ให้ WiFi Smart Home ในบ้านของเราหลุดยากขึ้นนะครับ
290.961 -> จะมีในเฉพาะรุ่นท็อปเท่านั้นอีกด้วยนะครับ
293.441 -> ดังนั้น 5,990 บาทผมคิดว่าคุ้มค่า
296.125 -> ถ้าเกิดใครกำลังมองหาอยู่แนะนำให้มาเล่นรุ่นท็อปเลยนะครับ
299.49 -> ราคาต่างกันไม่เท่าไหร่
300.799 -> รวมถึงรอบนี้ราคาเขาถูกลงกว่าเดิมด้วยนะครับ
302.98 -> ถ้าเกิดใครไปดู Apple TV รุ่นก่อนหน้านะครับ
305.335 -> ความจุเริ่มต้น 32GB เองตัวนั้น 6,700 เข้าไปแล้วนะครับ
309.104 -> แพงกว่ารุ่นท็อปของปีนี้ซะอีกนะครับ
311.25 -> ดังนั้นผมคิดว่ารอบนี้เอารุ่นท็อปไปเลย 5,990 บาท
315.214 -> อุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่ให้มาในกล่องนะครับ
317.362 -> ก็คือสิ่งที่เรียกว่ารีโมทซึ่งทาง Apple เองจะเรียกว่า Siri Remote นะครับ
321.294 -> เพราะตัวมันเองมีไมโครโฟนให้เราสามารถสั่งงาน Siri ได้ด้วยง่ายๆ นะครับ
325.65 -> ตัวนี้จริงๆ แล้วถ้าเกิดใครคุ้นเคยกับ Apple TV รุ่น 2 เหมือนเดิมทุกประการเลยนะครับ
330.689 -> จำนวนปุ่มขนาดของรีโมทนะครับ
333.102 -> น้ำหนักต่างๆ วางอยู่ในตำแหน่งที่เหมือนกันกับรุ่นก่อนหน้าทุกประการ
338.044 -> ต่างกันหลักๆ เพียงอย่างเดียว
340.113 -> ก็คือมันเสียบชาร์จด้วย USB Type C แล้วนะครับ
343.386 -> ท่าทางว่า Apple จะเริ่มค่อยๆ ถอดอุปกรณ์ของตัวเอง
347.025 -> ที่เสียบชาร์จด้วยพอร์ต Lightning ออกไปเรื่อยๆ ทีละตัวนะครับ
350.139 -> นี่เป็นอีกตัวหนึ่งที่เลิกใช้ Lightning นะครับ
352.734 -> มาเสียบชาร์จด้วย USB Type C เป็นที่เรียบร้อยนะครับ
356.481 -> คาดว่าเร็วๆ นี้แหละ iPhone ก็จะต้องเป็น USB Type C แน่ๆ เลยนะครับ
360.557 -> เพราะว่าเริ่มมีอุปกรณ์ที่ถอนจาก Lightning ออกไปเยอะขึ้นเรื่อยๆ นะครับ
364.355 -> แต่ว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือรอบนี้ในกล่องไม่ได้มีสายชาร์จรีโมทมาให้นะครับ
370.014 -> ดังนั้น Apple บอกว่ารีโมทที่แกะมาจากกล่องมันมีแบตอยู่แล้วระดับหนึ่ง
374.408 -> ถ้าเกิดใช้จนแบตใกล้หมดแล้วก็ไปหาสาย Type C หรือว่าไปหา Adapter
378.347 -> ที่มันสามารถเสียบชาร์จรีโมทตัวนี้ได้กันเอาเองนะครับ
381.405 -> ถ้าเกิดใครไม่มีอยู่ที่บ้านก็ไปหายืมกันเอาเอง
383.821 -> ในการที่จะชาร์จรีโมทตัว Apple TV ตัวนี้
386.457 -> แต่ผมเชื่อว่า ณ ปัจจุบันนี้แทบจะทุกบ้าน
388.727 -> สามารถที่จะหาพอร์ต USB Type C มาเสียบชาร์จกันได้อยู่แล้วล่ะครับ
392.131 -> เสียดายแค่ไม่ได้แถมมาให้ในกล่องเท่านั้นเอง
394.317 -> ตอนนี้ผมสลับเอา Apple TV 4K รุ่นใหม่ล่าสุด
398.474 -> เข้าไปใน System ของบ้านผมเรียบร้อยนะครับ
401.357 -> เมื่อกี้ตั้งแต่แรกสุดที่เปิดมาที่เป็นหน้าจอ Apple TV วนๆ อยู่
405.194 -> อันนั้นเป็นรุ่น 2 ที่ผมใช้มาหลายปีแล้ว
407.666 -> ตอนนี้เราสลับเอารุ่น 3 เข้าไปนะครับ
409.959 -> ผมเล่าพื้นฐานของ Apple TV ให้ทุกคนได้เข้าใจตรงกันก่อนนะครับ
414.37 -> สำหรับคนที่อาจจะไม่คุ้นเคยหรือว่าไม่เคยใช้ Apple TV มาก่อน
417.615 -> ว่าทำไมเขาถึงต้องซื้อมาใช้กันนะครับ
419.964 -> คือทีวีที่บ้านหลายคนปัจจุบันเขาเรียกว่าเป็น Smart TV กันแล้วใช่ไหม
424.064 -> ไม่รู้ว่าแต่ละคนใช้ยี่ห้ออะไรกันบ้างนะครับ
426.718 -> แต่ส่วนมากแล้วทีวีก็จะลงแอปได้
429.51 -> หรือถ้าเกิดลงแอปไม่ได้มันก็จะมีแอป Pre-installed มาให้ระดับหนึ่งใช่ไหมครับ
433.374 -> ให้เราสามารถที่จะดู Streaming แอปพลิเคชันต่างๆ ได้อยู่แล้วนะครับ
437.487 -> คนชอบดู Netflix ก็ดูได้ชอบดู Amazon Prime ก็ดูได้ใช่ไหมครับ
440.952 -> ก็ดาวน์โหลดลง OS ของตัวทีวีเอง
443.933 -> เพื่อที่จะรับชมแอปนั้นๆ หรือว่าคอนเทนต์ที่เราอยากดูนะครับ
447.003 -> แต่ประสบการณ์ที่เราได้ดูอันนั้นเราอาจจะไม่ผ่านการเปรียบเทียบกับอะไรเลย
451.858 -> เพราะว่าหลายคนก็จะมีทีวีหลักที่บ้านอยู่เครื่องหนึ่ง
454.83 -> ไม่ว่าจะอยู่ห้องนั่งเล่นหรือว่าห้องนอนอะไรก็แล้วแต่นะครับ
457.714 -> เราไม่ค่อยมีโอกาสได้เปรียบเทียบหรอก
459.752 -> จนกระทั่งถึงเวลาที่เราต้องซื้อทีวีเครื่องใหม่
462.096 -> แล้วเราก็รู้สึกว่าทีวีเครื่องใหม่โหลดแอปได้เร็วดี
465.157 -> หรือว่าภาพชัดดีสวยดีมี HDR เพิ่มขึ้น
468.647 -> ระบบเสียงดีขึ้นกว่าเดิมนะครับ
470.379 -> มันใช้เวลานานเกินไปครับ
472.068 -> กว่าเราจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แบบนั้นนะครับ
474.714 -> Apple TV นี่แหละจะมาช่วยเปิดประสบการณ์
477.711 -> ในการที่เราจะเปรียบเทียบได้ว่าจริงๆ แล้วการดูแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่านทีวีของเรา
483.144 -> การดูคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านทีวีของเรามันได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นได้
487.733 -> แล้วก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ได้ด้วยไม่ต้องรอจนถึงรอบที่เราจะต้องเปลี่ยนทีวีใหม่
492.452 -> เพราะว่าจริงๆ ตัว Panel TV ของแต่ละคน
495.004 -> แม้ว่าซื้อมาหลายปีแล้วมันยังมีคุณภาพดีอยู่เลยนะครับ
498.026 -> ถ้าเกิดมันได้ Source ที่ดีหรือว่าได้ตัว Processor ที่ดีในตัว Apple TV ครับ
503.159 -> รอบนี้ Apple TV เองก็มีการปรับปรุง Processor ที่อยู่ด้านในตัวเครื่องของเขานะครับ
508.621 -> เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าเขาใช้ชิป A12 Bionic
511.573 -> รอบนี้เขาใช้ชิป A15 Bionic ซึ่งถือว่าเป็น CPU ใหม่มากนะครับ
516.235 -> เป็นชิปใหม่มากของทาง Apple เองนะครับ
518.096 -> เขาบอกว่าก็จะช่วยประมวลผลเวลาที่เราเปิดแอปพลิเคชัน
522.077 -> หรือว่าสลับแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วไหลลื่นมากขึ้นนะครับ
526.328 -> รวมถึงแอปพลิเคชันที่เป็น Streaming ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นนะครับ
529.643 -> ความละเอียดสูงขึ้น 4K มี HDR มีระบบเสียงที่ซับซ้อนขึ้น
533.857 -> มันก็ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมด้วยนะครับ
537.384 -> Interface ของ Apple TV เองในหน้า Home อันนี้ผมเรียกว่าหน้า Home แล้วกัน
541.6 -> มันค่อนข้างคล้ายกับอุปกรณ์ Apple หลายๆ ตัวที่เราใช้งานกันนะครับ
545.636 -> จะเทียบกับ Mac ก็ได้หรือว่าจะเทียบกับ iPad หรือว่า iPhone ก็ได้นะครับ
549.802 -> ก็คือเราเห็นปุ๊บเราก็น่าจะใช้งานเป็นเลยได้ไม่ยากนัก
554.219 -> แทบจะไม่ต้องมาหาคู่มือที่จะมาดูกันนะครับ
557.197 -> ตัวมันเองเป็นทีวี OS นะครับ
559.703 -> ถ้าเกิดใครใช้ iPhone เราใช้ iOS ใช่ไหม
561.934 -> iPad ก็เป็น iPadOS
563.667 -> Mac ก็ เป็น macOS
564.768 -> Apple TV มี OS เป็นของตัวเองที่เรียกว่า tvOS นะครับ
568.088 -> แต่ว่าหลักการทำงานใกล้เคียงกันมาก
570.642 -> ก็คือมันมี App Store เหมือนกันนะครับ
572.153 -> เราสามารถที่จะกดเข้า App Store แล้วก็ไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
576.259 -> ที่มันรองรับกับ Apple TV ได้หลากหลากหลายมาก
580.072 -> แอปพวกนี้ก็มีการอัปเดตเวอร์ชันใหม่ๆ ของตัวเองอยู่ตลอดเวลานะครับ
584.12 -> ดังนั้นแอป Streaming ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี
587.265 -> โดยเฉพาะ Streaming ยอดนิยมในไทยมีครบทุกตัวแหละ
590.655 -> ใน Apple TV นี้นะครับ
592.17 -> เราจะดู Disney+ Hotstar ดู Netflix ดู HBO GO
595.381 -> Amazon Prime ดู VIU ดู YouTube Premium ต่างๆ นะครับ
599.271 -> ดูผ่านตรงนี้ได้ทั้งหมดเลย WeTV นะครับ
602.771 -> รวมถึง beIN SPORTS นะครับ
604.428 -> ที่ฤดูกาลนี้ใครดู Formula One นะครับ
606.788 -> ก็น่าจะต้องใช้แอปนี้ในการดูนะครับ
608.966 -> เราโหลดมาอยู่ใน Apple TV ได้นะครับ
611.421 -> ดังนั้นเราแทบจะไม่ต้องพึ่ง OS หรือว่าพึ่งแอปพลิเคชันของทีวี
616.301 -> ไม่ว่าเราใช้ทีวี Samsung Sony LG หรืออะไรก็แล้วแต่
619.61 -> ไม่ต้องไปพึ่งพาเลยเพราะว่าเราเสียบตัว Apple TV เราเข้า HDMI ปุ๊บ
623.382 -> เราควบคุมทีวีเรานะครับ
625.057 -> ผมสามารถที่จะควบคุม Apple TV ด้วยรีโมทตัวเดียวกัน
628.644 -> กับที่เราคุมทีวีของเราเดิมอยู่ได้เลยทันทีนะครับ
633.234 -> ไม่ต้องมาพกรีโมทหลายตัวว่าเข้า Apple TV ต้องไปหารีโมทตัวนี้ครับ
637.408 -> ใช้รีโมทเดิมใช้ตัวเดียวกันได้เลยนะครับ
639.92 -> ก็เพิ่มความสะดวกให้กับหลายคนที่ใช้งานปัจจุบันอยู่แล้วนะครับ
644.264 -> จริงๆ แล้ว Siri Remote เองมีปุ่มที่ควบคุมได้เกือบทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้วนะครับ
649.647 -> มีปุ่ม Play Pause มีปุ่มเพิ่มลดเสียงมีปุ่ม Mute เสียงใช่ไหมครับ
652.924 -> มีปุ่มกลับหน้า Home หรือว่าสลับแอปพลิเคชันที่เราสามารถใช้งานอยู่ปัจจุบันอยู่แล้ว
658.85 -> สมมุติว่าผมเปิดแอปไว้หลายตัวนะครับ
660.923 -> เหมือนกับใน iPhone เลยก็คือมันย้อนกลับไปดูได้เลยว่าเราโหลดแอปอะไรทิ้งไว้บ้าง
667.264 -> ดังนั้นมันเหมือนกับเราได้ทีวีเครื่องใหม่เครื่องหนึ่ง
670.267 -> ที่มันมีแอปพลิเคชันพวกนี้ให้เราดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้
673.718 -> แล้วก็แอปพวกนี้ก็อัปเดตใหม่ๆ ได้ด้วยนะครับ
676.475 -> ไม่ใช่แค่แอปสตรีมหนังอย่างเดียวนะครับ
678.472 -> แต่ว่าแอปหลักๆ ที่เราอาจจะใช้อยู่บนแพลตฟอร์มของ Apple อยู่แล้ว
682.602 -> หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ได้ใช้ iPhone ก็ตามนะครับ
685.412 -> มาใช้ Apple TV เองก็น่าจะแฮปปี้
688.308 -> เพราะว่ามันสามารถที่จะรองรับกับการโหลดเกมต่างๆ ผ่าน App Store ได้นะครับ
693.596 -> มี Apple Arcade ให้เล่นที่เราสามารถเชื่อมต่อกับ Controller
697.584 -> ใครมี Xbox Controller หรือว่ามี PlayStation Controller อยู่ที่บ้านอยู่แล้ว
701.406 -> เอามาเชื่อมต่อกับตัว Apple TV นี้ได้เลยนะครับ
704.418 -> ใช้ Photo Library เดียวกันกับใน iPhone ของเรา
707.873 -> ใช้ Apple Music ที่เราสามารถกดเข้าไปแล้วก็ใช้ Account เดียวกัน
712.276 -> กับที่ใครมี Apple Music อยู่แล้วอยู่ใน iPhone นะครับ
715.003 -> ก็ฟังเพลงต่อเนื่องกันได้เลยนะครับ
717.27 -> ในชุดเครื่องเสียงที่ใหญ่ขึ้น
719.479 -> ที่อาจจะเชื่อมต่อกับระบบความบันเทิงในบ้านของเราอยู่แล้ว
723.067 -> อาจจะมี Soundbar หรืออาจจะมีชุดลำโพงของเราที่เชื่อมต่อไว้นะครับ
727.327 -> เอามาฟังต่อในนี้ได้เลยทันทีนะครับ
729.637 -> ซึ่งอันนี้ผมใช้บ่อยมากนะครับ
731.228 -> ใครมี Podcast อยู่แล้วเอามาฟังต่อในนี้นะครับ
733.911 -> ซึ่งมันไม่ต้องผ่านการสตรีมจากมือถือมา
736.737 -> ถ้าเกิดเราไม่ได้ใช้ตัว Apple TV นี้
739.992 -> แล้วเราคิดว่าทีวีของเราที่บ้านก็รองรับ AirPlay 2 อยู่แล้วหลายๆ รุ่น
744.653 -> ถ้าเกิดใครเพิ่งซื้อมาใหม่ๆ ก็รองรับนะครับ
746.83 -> จะต่อจากมือถือเอามาออกชุดที่เราเชื่อมต่อไว้จอใหญ่แบบนี้
751.73 -> หรือว่าชุดเครื่องเสียงที่ดีขึ้นนี้จะต้องมากดสตรีมใน iPhone ของเราใช่ไหมครับ
756.46 -> แต่ถ้ามีเครื่องนี้ก็จบเลย iPhone เราจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้นะครับ
760.165 -> จะเดินไปห้องไหนจะเล่นเกมจะแยกอะไรหน้าจอกันนะครับ
763.849 -> ก็ไม่ต้องมากดสตรีมหรือว่ากด AirPlay ออกมา
766.362 -> เพราะว่า Apple TV มันต่อ HDMI ตรงเข้ากับตัวทีวีของเราอยู่แล้วนะครับ
770.974 -> อันนี้เป็นประสบการณ์ใหญ่ๆ ภาพรวมของคนที่ใช้ Apple TV แล้วกัน
774.148 -> ที่ผมคิดว่ามันสะดวกมากมันแยกกันชัดเจนเลย
777.074 -> มันเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้เชื่อมต่อออกหน้าจอทีวีที่บ้านนะครับ
780.812 -> แล้วมันก็ครบถ้วนมากๆ สำหรับคนที่ใช้แอปพลิเคชันพื้นฐานต่างๆ เหล่านี้อยู่แล้ว
784.951 -> รวมถึงหลายๆ ตัวก็ไม่ได้มีอยู่ในทีวีดั้งเดิมที่เราซื้อมาตั้งแต่แรกนะครับ
789.503 -> ทีนี้ Apple TV รุ่น 3 มันดีขึ้นยังไงบ้างนะครับ
792.605 -> นอกจากที่ว่าขนาดเครื่องเล็กลงราคาถูกลงเล็กน้อยนะครับ
795.525 -> ก็คือมันใช้ Processor ใหม่นะครับ
797.228 -> มันสามารถที่จะโหลดสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมาบนหน้าจอได้เร็วขึ้นกว่าเดิมนะครับ
802.472 -> แล้วก็รองรับ HDR10+ ด้วยสำหรับทีวีรุ่นที่รองรับแล้วก็คอนเทนต์ที่รองรับนะครับ
808.024 -> ก็จะสามารถดูได้ประสบการณ์ที่แบบมันยอดเยี่ยมมากขึ้นกว่าเดิมนะครับ
812.16 -> การสลับแอปพลิเคชันเร็วขึ้นกว่าเดิมมากนะครับ
815.416 -> ซึ่งหลายคนที่ใช้ Apple TV ก็จะชอบฟีเจอร์นี้นะครับ
818.895 -> ก็คือเราที่เราเปิดแอปพลิเคชันที่เราชื่นชอบเอาไว้หลายๆ แอป
822.488 -> แล้วเราก็จะสลับมาดูต่อได้ทันที
826.159 -> มันสามารถที่จะดาวน์โหลดหรือว่าสลับแอปได้อย่างรวดเร็วนะครับ
829.336 -> ผมคิดว่าอันนี้มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากขึ้น
831.664 -> สำหรับคนที่ใช้ Apple TV เดิมมาอย่างยาวนานแล้ว
834.712 -> หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ได้ใช้ Apple TV ก็ตามนะครับ
837.641 -> มาใช้ครั้งแรกผมคิดว่าติดใจเลยแหละ
840.237 -> ทีนี้อีกประโยชน์หนึ่งด้วยความที่มันเป็นอุปกรณ์ Apple
843.12 -> มันก็จะเชื่อมต่อกับ Ecosystem ของคนที่ใช้อุปกรณ์ Apple ได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ
847.883 -> ไม่ว่าสมาชิกคนนั้นในบ้านจะเป็นเจ้าของ Account Apple ID
853.117 -> ที่ Sign in เข้ากับ Apple TV เครื่องนี้หรือเปล่าก็ตามนะครับ
857.339 -> อย่างตอนนี้ผม Sign in Apple ID ผมเข้ากับ Apple TV เครื่องนี้นะครับ
862.372 -> แต่ว่าจริงๆ แล้วแต่ละคนสามารถที่จะ Sign in Apple ID ของตัวเอง
867.417 -> เข้ามาเพื่อที่จะใช้งานทีวีเครื่องนี้ได้ด้วย
870.323 -> เพราะว่าแน่นอนทีวีในบ้านมันก็อาจจะไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง
874.429 -> ของสมาชิกครอบครัวคนใดคนหนึ่งถูกป่ะ
876.802 -> คือคนนี้อยากมีแอปพลิเคชันของตัวเองนะครับ
880.818 -> มารองรับ User มากกว่า 1 User นะครับ
883.296 -> ถ้าเกิดเรากดปุ่มที่เป็นสัญลักษณ์ทีวีแช่ไว้นะครับ
887.189 -> เราจะเห็นว่าด้านขวานี้มันรองรับเยอะเลยนะครับ
890.604 -> รายชื่อตรงนี้ก็อาจจะเป็น Family Member ของเรา
892.949 -> ที่อาจจะอยู่ใน Account Family Sharing
895.82 -> หรือถ้าเป็นคนที่มาบ้านชั่วครั้งชั่วคราว
899.396 -> หรือแม้กระทั่งไม่ได้แชร์ Family กันไว้ก็ตามนะครับ
902.343 -> ก็สามารถที่จะเพิ่ม User ใหม่ได้เลย
905.359 -> กดปุ๊บก็สามารถที่จะ Sign in กับ iPhone ใครก็ได้
908.231 -> ใช้ Account ไหนก็ได้เชื่อมต่อเข้ากับ Apple TV เครื่องนี้
911.243 -> สตรีมเพลงหรือว่าสตรีมหนังขึ้นมาอยู่ในตัว Apple TV เครื่องนี้ได้เลย
916.519 -> จะเป็นแบบถาวรเลยก็ได้หรือจะเป็นแบบชั่วคราวก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันนะครับ
921.286 -> หรือที่เจ๋งไปกว่านั้นถ้าเกิดเรามาเชื่อมต่ออยู่ใน WiFi วงเดียวกันแบบนี้
925.708 -> ก็อยากจะทำ AirPlay ใช่ไหมครับ
927.414 -> สมมุติว่าทีวีนี้ก็ดูคอนเทนต์อะไรกันไปเรื่อยอาจจะดูทีวีปกติก็ได้
932.104 -> สมมุติผมดูทีวีปกติผ่าน AIS Play แล้วกันนะ
935.182 -> แล้วผมก็ Browse Internet ดูหรือว่าดูรูปอะไรไปเรื่อยนะครับ
940.082 -> ถ่ายรูปอะไรไปเรื่อยในบ้านมีคนอยู่มากมายนะครับ
943.091 -> นี่มาดูรูปนี้กันดีกว่านะครับ
944.654 -> ผมก็สามารถที่จะทำการ AirPlay จาก iPhone เข้ามาอยู่บนหน้าจอนี้ได้อย่างรวดเร็ว
952.999 -> แบบกดปุ๊บมาปั๊บอย่างนี้เลย
955.452 -> นี่มาดูรูปแมวเพิ่งถ่ายมาเมื่อกี้เลยนะครับ
957.689 -> ก็มาแชร์สิ่งที่เกิดขึ้นเร็วๆ ให้กับทุกคนในครอบครัวได้เห็นผ่านหน้าจอใหญ่
963.623 -> โดยที่แบบไม่ต้อง Set up อะไรวุ่นวาย
965.821 -> คือมันเร็วมากแล้วมันก็เสถียรมาก
967.922 -> ประสบการณ์การใช้ AirPlay 2 ของคนที่สตรีมภาพจากอุปกรณ์ของแบบ iPhone ตัวเอง
975.928 -> iPad ตัวเองเครื่อง Mac ตัวเองมาอยู่บนทีวี
978.852 -> ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือสตรีมเข้ามาผ่าน Apple TV นี่แหละ
982.237 -> เพราะว่าทำได้เร็วมากแล้วก็เสถียรมากกดทุกครั้งคือติดทุกครั้งแน่นอน
986.549 -> ไม่มีว่าแบบกดมาปุ๊บมา Key code
989.123 -> Key code เสร็จมันสตรีมไม่ได้ไม่ออกไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้นแน่ๆ
993.118 -> เพราะว่านี่คือคุยกันในระดับของ OS จริงๆ นะครับ
996.312 -> ที่แบบว่าเขาเชื่อมต่อกันแบบ Seamless มากครับ
998.382 -> อันนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีจริงๆ
999.821 -> เวลาที่เราต้องการจะแชร์อะไรบางอย่างขึ้นจอใหญ่ที่บ้าน
1003.033 -> การทำ AirPlay แบบนี้ไม่ใช่การ Mirror หน้าจอ iPhone ด้วยนะครับ
1007.151 -> เห็นไหมว่า iPhone เองมันมีเมนูบนล่างพวกนี้มันไม่โชว์บนนี้นะ
1011.485 -> อันนี้คือเป็นการ AirPlay จริงๆ คือเอาแต่คอนเทนต์น่ะขึ้นไปจริงๆ นะครับ
1015.269 -> ผมเปลี่ยนรูป
1016.72 -> โอเคมันมาก็จริง
1018.083 -> แต่ว่าสมมุติว่าผมไม่ได้เปลี่ยนรูป
1021.206 -> เรามาเลือกรูปใหม่ที่อยากจะโชว์ขึ้น
1023.243 -> มันไม่ได้ Copy หน้าจอไปให้ทุกคนทั้งบ้านเห็นนะครับ
1027.221 -> เพราะว่ามันก็มีหลายรูปที่บางทีเราก็ไม่ได้อยากโชว์ใช่ไหม
1029.839 -> ผมว่าผมอาจจะอยากข้ามมาโชว์รูปนี้เลย
1033.511 -> กดปุ๊บมันก็รู้เลยว่าต้องการจะโชว์คอนเทนต์เอาคอนเทนต์ใหญ่ๆ ไปอยู่บนนี้นะครับ
1039.064 -> หรือแบบการสตรีมวิดีโออย่างนี้ขึ้นไปบนหน้าจอ
1042.74 -> คือไม่มีกระตุกอ่ะคือประสบการณ์ที่ได้มันแบบมันยอดเยี่ยมมากครับ
1047.04 -> เหลืออีกเรื่องหนึ่งสำหรับเรื่องของ Apple Ecosystem อ่ะ
1050.383 -> ที่ผมชอบมากกับ Apple TV ตัวนี้
1052.298 -> ก็คือมันสามารถที่จะใช้ AirPods ได้นะครับ
1055.529 -> หลายคนก็จะแบบว่าดูทีวีจอใหญ่มีลำโพงใหญ่ทำไมต้องใช้ AirPods ด้วยนะครับ
1059.973 -> ผมใช้กรณีนี้บ่อยมากเลยโดยเฉพาะตอนช่วงที่ดู Formula One
1063.75 -> เพราะว่าสนามที่จะมาดึกๆ ซู่ชิงนอนแล้วใช่ป่ะ
1067.031 -> บางทีเราอยากดูแบบเที่ยงคืนสนามที่มันมาตี 1 อะไรอย่างนี้
1071.14 -> แล้วถ้าเกิดเราเปิดดังๆ ก็จะรบกวนกันนะครับ
1073.929 -> เขานอนแล้วเราก็อยากจะดูจอใหญ่เราไม่อยากดูจอเล็กนะครับ
1077.079 -> เราคว้า AirPods ที่เรามีไม่ว่าจะเป็น AirPods ตัวไหนก็ได้นะครับ
1080.758 -> มาใส่เลย
1082.214 -> อย่างนี้
1087.437 -> พอเรามาใส่ Apple TV มันจะเจอเลยเห็นไหมครับ
1090.387 -> ที่หัวมุมจอบอกว่าถ้าเกิดต้องการจะ Connect ก็กดปุ่มนี้ Connect ครับ
1097.254 -> เรียบร้อย
1098.822 -> เสียงของทีวีมาออกใน AirPods เรียบร้อยแล้วนะครับ
1102.501 -> ก็สามารถที่จะรับชมคอนเทนต์จอใหญ่โดยที่ไม่ได้มีเสียงดังรบกวนออกมา
1107.613 -> แบบมีคนพักผ่อนไปแล้ว
1109.537 -> เราอยากดู Formula One รอบดึกอยากดูหนังรอบดึกๆ หน่อยนะครับ
1113.031 -> ใช้ AirPods ต่อเนื่องได้เลย
1114.584 -> คือประสบการณ์ที่มัน Seamless มาก
1116.168 -> ไม่ต้องเชื่อมต่อใหม่นะครับ
1117.664 -> ถ้าเกิด AirPods ตัวนี้อยู่ในบัญชี Apple ID เดียวกัน
1120.67 -> กับที่เรา Login Apple TV ของเราอยู่แล้ว
1123.101 -> นี่ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
1124.329 -> อีกอันหนึ่งสำหรับคนที่ใช้ HomeKit ด้วยนะครับ
1128.582 -> ก็คือระบบ Smart Home ที่อยู่บนแพลตฟอร์มของ Apple นะครับ
1131.315 -> ถ้าเกิดเราเชื่อมต่อไว้เราก็จะสามารถได้ Notification ต่างๆ
1135.597 -> ผ่านหน้าจอทีวีจอใหญ่ของเราได้นะครับ
1139.007 -> ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ที่เราตั้งค่าไว้
1141.27 -> หรือถ้าเกิดใครมีกริ๊งหน้าบ้านที่เป็นแบบ Video Doorbell
1144.91 -> ที่อยู่บนแพลตฟอร์มของ HomeKit ด้วย
1147.038 -> จะยิ่งมีประโยชน์มากๆ แล้วก็จะแฮปปี้กับแพลตฟอร์มนี้มากๆ เลยครับ
1150.438 -> อย่างตอนนี้มีคนมากดกริ่งหน้าบ้านเห็นป่ะ
1153.436 -> คุ้นๆ ป่ะ
1155.655 -> เรากดดูได้เลยนะครับ
1157.372 -> กดปุ๊บ
1160.769 -> กดกริ๊งแล้วก็เข้าบ้านมาสิรออะไรอยู่
1164.759 -> และนี่ก็เป็นประสบการณ์รวมๆ นะครับ
1166.496 -> ผมเองใช้ Apple TV มาหลายรุ่นแล้วก็ใช้ต่อเนื่องกันมาหลายปีนะครับ
1171.219 -> ก็บอกได้เลยว่าถ้าเกิดใครพอจะมีอุปกรณ์ Apple อยู่บ้างนะครับ
1175.571 -> แล้วก็ชื่นชอบการรับชม Streaming ผ่านทีวีเครื่องใหญ่ที่บ้านของตัวเองนะครับ
1181.08 -> รวมถึงมีสมาชิกครอบครัวในบ้านนะครับ
1183.418 -> สามารถที่จะมาเพลิดเพลินร่วมกันได้นะครับ
1185.793 -> ผมคิดว่าการซื้อกล่อง Apple TV เครื่องหนึ่งมาต่อกับทีวีเดิมที่บ้าน
1189.8 -> ไม่ต้องซื้อทีวีเครื่องใหม่มันเปิดประสบการณ์ใหม่ได้
1192.995 -> แล้วก็ทำให้ห้องนั่งเล่นของเราหรือว่าบริเวณหน้าทีวีของเรา
1197.388 -> มันใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้นนะครับ
1199.918 -> บวกกับถ้าเกิดใครได้สตรีมคอนเทนต์จากอุปกรณ์ตัวเองนะครับ
1203.777 -> ฉายขึ้นมาผ่านอยู่บนหน้าจอทีวีเครื่องนี้แบบเร็วๆ ผ่าน AirPlay
1208.157 -> ได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
1210.084 -> บวกไปกว่านั้นอีกถ้าเกิดใครใช้ HomeKit ด้วยนะครับ
1212.884 -> ได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นไปกว่าเดิมอีกนะครับ
1215.326 -> อันนี้ก็แนะนำแล้วกันสำหรับคนที่กำลังมองหา Solution นะครับ
1219.441 -> ในการที่จะสตรีมคอนเทนต์ต่างๆ หรือทำให้ทีวีที่บ้านของตัวเองเก่งขึ้นนะครับ
1223.694 -> ตอนนี้รุ่นใหม่ล่าสุดที่สุดเพิ่งจะวางขายเลยนะครับ
1226.469 -> มี 2 สเปกด้วยกันครับ
1227.585 -> เริ่มต้น 64GB ทำงานผ่าน WiFi Only 5,290 บาท
1232.112 -> กับรุ่นท็อปเติมขึ้นมาอีก 700 บาทเท่านั้นนะครับ
1235.011 -> ได้ความจุ 128GB แล้วก็ทำงานได้ทั้งผ่าน WiFi แล้วก็การเสียบสาย LAN
1240.197 -> 5,990 บาทนะครับ
1242.312 -> สามารถที่จะไปหาซื้อได้หรือว่ากดสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์นะครับ
1245.427 -> เว็บไซต์ของทาง Apple Store เองก็ได้เช่นเดียวกันนะครับ
1248.335 -> มีวางขายแล้ววันนี้ครับ
1249.539 -> ผมอู๋ Spin9 ครับ
1250.585 -> พบกันใหม่คลิปหน้า
1251.584 -> สวัสดีครับ
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=6NLavIsS8wo