
ฟังธรรมก่อนนอน EP.36 อริยทรัพย์ ๗ ประการ ที่ทำให้เราเป็นผู้ไม่ยากจน
ฟังธรรมก่อนนอน EP.36 อริยทรัพย์ ๗ ประการ ที่ทำให้เราเป็นผู้ไม่ยากจน
ฟังธรรมก่อนนอน EP.36 อริยทรัพย์ ๗ ประการ ที่ทำให้เราเป็นผู้ไม่ยากจน
ขอขอบคุณสถานที่ : โบสถ์สเตนเลส วัดหัวสวน แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา
สินค้าและของที่ระลึก PURIFILM Channel https://teespring.com/stores/purifilm…
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่สมัครสมาชิกแบบรายเดือนกับช่องยูทูป PURIFILM Channel ครับ
สมัครสมาชิกแบบรายเดือนคลิกลิงก์นี้เลยครับ / @purifilmch
*****จัดทำ และบรรยายเสียงโดย. ►PURIFILM Channel
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ►โทร.064-945-4441 (ภูริ)
*****ติดตามรับชมได้ที่ :
Youtube : ► / purifilmmv
Facebook : ►https://www.facebook.com/purifilmstudio/
Blogger : ► http://purifilm.blogspot.com/
Instagram : ►https://www.instagram.com/purifilmstu…
twitter : ►https://twitter.com/PurifilmStudio
#ฟังธรรมก่อนนอน #อริยทรัพย์๗ประการ #ทำให้เราเป็นผู้ไม่ยากจน
Content
6.1 -> ฟังธรรมก่อนนอน กับภูริฟิล์ม คลิบนี้เสนอตอน อริยทรัพย์ ๗ ประการ ที่ทำให้เราเป็นผู้ไม่ยากจน
19.04 -> PURIFILM สร้างแรงบันดาลใจ ให้คติธรรม นำพลังสร้างชีวิต
26.88 -> ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า อริยทรัพย์ หมายถึง ทรัพย์ภายใน สมบัติทางใจ ซึ่งจะมีอยู่ในตัวเราทุกคน แต่เราต้องปฏิบัติธรรมจึงจะเกิดมีได้ ดังนั้น การปฏิบัติธรรม จะต้องไม่แสวงหาทรัพย์ในทางทุจริตผิดศีลธรรม พร้อมกันนั้น การปฏิบัติธรรม ก็จะเพิ่มพูนอริยทรัพย์
56.52 -> ซึ่งเป็นนามธรรมในใจให้มีกำลังมากขึ้น หรือที่เรียกว่าทรัพย์ภายใน แต่คนที่ต้องทำผิดทำชั่ว ก็เพราะเงิน เพราะความอยากได้ เพราะความไม่พอ เพราะความโลภ ซึ่งคำว่า พอ จริงๆ แล้วก่อให้เกิดความสงบสุข ความร่มเย็นแก่ชีวิต คำว่าพอจะไม่ก่อให้เกิดความทุกข์
85.48 -> เพราะทุกวันนี้ คนเรามีความทุกข์ ก็เพราะคำว่า ไม่พอ ซึ่งมาจากกิเลส คือโลภะความโลภนั่นเอง ฉะนั้น เราจะต้องทำอริยทรัพย์ ให้เกิดขึ้นกับตัวเราให้ได้ ซึ่งอริยทรัพย์ที่จะเกิดกับคนที่ปฏิบัติธรรมนั้น ท่านว่า มี ๗ ประการ ดังต่อไปนี้
113.72 -> ๑. สัทธาธนัง ทรัพย์คือศรัทธา คำว่าศรัทธา ก็คือ ความเชื่อ ความเลื่อมใส
123.64 -> ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทรัพย์คือ ศรัทธาเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา คือ เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ ของพระตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เอง โดยชอบ ฯลฯ เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม นี้เรียกว่า ทรัพย์คือศรัทธาฯ
164.54 -> ๒. สีลธนัง ทรัพย์คือศีล คำว่า ศีล เป็นเจตนาที่งดเว้น จากการทำความชั่วทางกาย ทางวาจา ศีลในทางพระพุทธศาสนา ท่านกล่าวว่ามีอินทรียสังวรศีล คือ ศีลของผู้ปฏิบัติธรรม
187.36 -> แต่ถ้าผิดศีลเมื่อไหร่ ก็จะต้องไปสู่อบายภูมิ ไม่ว่าจะผิดศีลข้อไหนเราก็เดือดร้อนทั้งสิ้น และถือว่าไม่ปกติ เพราะศีล แปลว่าปกติ ซึ่งคนที่อยู่อย่างปกติ ก็คือคนที่มีศีล แต่ถ้าผิดปกติเมื่อไหร่ เราก็จะเดือดร้อน และโทษของการผิดศีลหนักที่สุด ก็คือตกนรก
220.24 -> ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทรัพย์คือ ศีลเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท นี้เรียกว่า ทรัพย์คือ ศีลฯ
250.18 -> ๓. หิริธนัง ทรัพย์คือหิริ คำว่า หิริ ก็คือความละอายต่อบาป ท่านว่า คนเราจะมีความละอายนั้น ก็ต้องสร้างคุณธรรมให้เกิดจากการปฏิบัติ เพราะถ้าจิตชั่ว ก็เกิดความไม่ละอายบาป จะทำอะไรก็ได้ คิดว่าคนอื่นไม่เห็น
276.56 -> แต่คำโบราณจะสอนว่า คนอื่นไม่เห็น แต่เทวดาเห็น ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ใช่เทวดา แต่เป็นใจของเราเอง ที่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ซึ่งคนที่มีหิริจึงไม่ทำบาป ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
298.08 -> ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทรัพย์คือหิริเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความละอาย คือ ละอายต่อกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ละอายต่อการถูกต้องอกุศลธรรมอันลามก นี้เรียกว่า ทรัพย์คือหิริฯ
329.7 -> ๔. โอตตัปปธนัง ทรัพย์คือโอตตัปปะ คำว่า โอตตัปปะ ก็คือ สะดุ้งกลัวต่อบาป ท่านว่า คนที่สะดุ้งกลัวต่อบาป เมื่อรู้ก็จะไม่ทำบาป หิริโอตตัปปะนี้ เป็นคุณธรรม เป็นเทวธรรม ถ้าคนรักษาศีล ตัวเป็นมนุษย์ ใจก็จะเป็นเทวดา
357.22 -> ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทรัพย์คือ โอตตัปปะเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความสะดุ้งกลัว คือ สะดุ้งกลัวต่อกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต สะดุ้งกลัวต่อการถูกต้องอกุศลธรรมอันลามก นี้เรียกว่า ทรัพย์คือ โอตตัปปะฯ
389.58 -> ๕. สุตธนัง ทรัพย์คือสุตะ คำว่า สุตะ ก็คือ การได้ยินได้ฟังมามาก ท่านว่า สุตะนี้ เป็นอริยทรัพย์ เพราะคนที่ได้ยินได้ฟังมามาก ก็จะเปิดหู เปิดตา เปิดโลกกว้างไกล
410.46 -> โดยเฉพาะการฟังธรรม จะทำให้เรารู้จักบาป บุญ คุณ โทษ รู้ประโยชน์รู้ว่าสิ่งใดเป็นสาระ หรือมิใช่สาระ ซึ่งเป็นบันไดขั้นต้น ของการปฏิบัติธรรม และทำความดี
430.12 -> ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทรัพย์คือ สุตะเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงไว้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง นี้เรียกว่า ทรัพย์คือสุตะฯ
478.26 -> ๖. จาคธนัง ทรัพย์คือจาคะ คำว่า จาคะ ก็คือ การเสียสละออกไป คือ การให้ การบริจาคสิ่งของ ท่านว่า การบริจาคทำให้ผู้บริจาค รู้สึกเป็นสุขใจ สบายใจที่ได้บริจาค ซึ่งการบริจาค กับการให้ทาน ก็อยู่ในลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ในเรื่องของทานนั้น จะมีการเจาะจงผู้รับ กับการไม่เจาะจงผู้รับ
514.88 -> คือการให้เจาะจงผู้รับนั้นเรียกว่า ปุคลิคทาน คือการเจาะจงผู้รับ จะมีผลได้บุญน้อยกว่า ส่วน สังฆทาน คือการไม่เจาะจงผู้รับ จะได้บุญมีอานิสงส์มากกว่า
533.88 -> ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทรัพย์คือ จาคะเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีใจอันปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่ อยู่ครองเรือน มีจาคะอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในทาน และการจำแนกทาน นี้เรียกว่า ทรัพย์คือจาคะฯ
573.58 -> ๗. ปัญญาธนัง ทรัพย์คือปัญญา คำว่า ปัญญา พระพุทธเจ้าตรัสว่า “นัตถิ ปัญญา สมา อาภา ความสว่างอื่นใดยิ่งกว่าปัญญาไม่มี” ดังเช่น แสงตะวันจะส่องกลางวัน แสงจันทร์จะส่องกลางคืน นอกนั้นก็หมดอานุภาพ แต่ปัญญานี้ จะส่องสว่างในใจของเราทุกคน ทุกขณะ และจะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ
608.8 -> ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทรัพย์คือ ปัญญาเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบด้วยปัญญา ที่กำหนดความเกิด และความดับ เป็นอริยะ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ นี้เรียกว่า ทรัพย์คือปัญญา
641.92 -> เพราะฉะนั้นปัญญา จึงถือว่าสูงสุดในพุทธศาสนา เราทั้งหลายที่ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม ถือว่าเราทุกคนเกิดภูมิปัญญา คุ้มครองตนเองได้มาก เรียกว่า อริยทรัพย์ ซึ่งจะเกิดกับเรา และอยู่กับเราตลอดไป
665.4 -> ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทรัพย์ ๗ ประการนี้แล ทรัพย์ คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ จาคะ และปัญญา เป็นที่ ๗
683.8 -> ทรัพย์เหล่านี้มีแก่ผู้ใด เป็นหญิงหรือชายก็ตาม บัณฑิตเรียกผู้นั้นว่า เป็นผู้ไม่ยากจน ชีวิตของผู้นั้น ไม่เปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น ท่านผู้มีปัญญา เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงประกอบศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และการเห็นธรรมฯ
720.74 -> ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=7ZGKaFl4nME