เปิดประวัติ ด้านมืดฮอลลีวูด | Point of View

เปิดประวัติ ด้านมืดฮอลลีวูด | Point of View


เปิดประวัติ ด้านมืดฮอลลีวูด | Point of View

คลิปที่เกี่ยวข้อง
โทมัส เอดิสัน    • สงครามกระแสไฟฟ้า เทสล่า vs เอดิสัน | …  

อ้างอิง

ใน comment

- - - - - - - - - - - - - -
ติดต่องาน : [email protected] (งานเท่านั้น)

ทางไปซื้อสติกเกอร์ line http://line.me/S/sticker/1193089 และ https://line.me/S/sticker/1530409

ติดตามคลิปอื่นๆ    / pointofview  

ติดตามผลงานอื่นๆได้ที่

https://www.facebook.com/pointoofview/

tiktok @pointoofview

หรือ

IG Point_of_view_th

#PointofView


ด้านมืดฮอลลิวูด
0:00 ทำไมเล่า
1:07 ประวัติฮอลลิวูด
7:26 ด้านมืด 1 เชอร์ลีย์ เทมเปิล
11:33 ด้านมืด 2 บังคับทำแท้ง
16:14 ด้านมืด 3 จูดี้ การ์แลนด์
22:50 การลดอำนาจของระบบสตูดิโอ
28:12 End Credit


Content

0 -> นี่ทุกคน วันนี้เราจะมาคุยกัน
1.771 -> ว่าด้วยเรื่องด้านมืดของฮอลลิวูดกันค่ะ
4.222 -> สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
5.653 -> เชื่อว่าหลาย ๆ คนในทุกวันนี้เนี่ยนะคะ
7.521 -> เวลาพูดถึงฮอลลิวูดเนี่ย
8.788 -> น่าจะนึกถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์
10.97 -> นึกถึงดินแดนแห่งความฝัน
12.891 -> แบบ Hollywood Dream
14.036 -> La La Land อะไรอย่างนี้ใช่ไหม
15.701 -> แต่ทุกคนรู้กันไหม
16.828 -> ว่ากว่าจะมาเป็นฮอลลิวูดทุกวันนี้
18.904 -> แบบที่เราเห็น ๆ กันเนี่ย
20.377 -> จริง ๆ แล้วมันมีด้านมืดเกิดขึ้นเยอะมาก
23.059 -> มีเหตุการณ์อะไรต่าง ๆ
24.09 -> กว่าที่ฮอลลิวูดจะพัฒนาขึ้นมาแบบทุกวันนี้ค่ะ
26.969 -> ซึ่งวันนี้วิวเก็บรวบรวมมาเล่าให้ฟังละ
28.894 -> ถ้าพร้อมจะฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก
30.545 -> และได้สาระกันแล้ว ก็ไปฟังกันเลยค่ะ
35.949 -> ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องกันเนี่ยนะคะ
37.262 -> วิวต้องออกตัวบอกทุกคนก่อนค่ะ ว่า
39.129 -> เนื่องจากประวัติศาสตร์ของฮอลลิวูดเนี่ย
40.95 -> มันยาวนานมาก ๆ แล้วนะ
42.204 -> จนถึงทุกวันนี้ก็หลักร้อยปีละ
44.143 -> ดังนั้นวันนี้ค่ะ
44.848 -> วิวคงไม่ได้เล่าเรื่องดาร์กทุกเรื่อง
47.02 -> ที่เกิดขึ้นในฮอลลิวูดให้ทุกคนฟังนะ
48.918 -> เพราะว่าไม่อย่างนั้นมันจะเยอะเกินไป
50.584 -> วันนี้เราจะมาคุยกัน
51.757 -> เป็นประวัติศาสตร์ของฮอลลิวูดสั้น ๆ ก่อน
53.902 -> แล้วก็จะมาคุยเรื่องดาร์กที่เคยเกิดขึ้น
56.069 -> ในประวัติศาสตร์ของฮอลลิวูด
57.27 -> สักประมาณ 3-4 เรื่องนะคะ
58.936 -> ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเกิดขึ้น
60.171 -> ในช่วงยุคปี 1915-1960 ค่ะ
63.555 -> เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว
64.452 -> เราไปดูประวัติฮอลลิวูดกันก่อนดีกว่า
66.688 -> ต้องบอกว่าฮอลลิวูดเนี่ยนะคะ
68.071 -> ในสมัยก่อนเนี่ย มันไม่ใช่ฮอลลิวูดที่แบบ
70.121 -> เป็นศูนย์รวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์
72.371 -> เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแบบทุกวันนี้นะคะ
75.037 -> แต่ว่าฮอลลิวูดเนี่ยนะคะ
76.187 -> ถือว่าเป็นย่านเกษตรกรรมเล็ก ๆ
78.155 -> ที่อยู่ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย
80.739 -> สหรัฐอเมริกาค่ะ
81.961 -> ซึ่งฮอลลิวูดเนี่ย
82.81 -> ก็เป็นแบบนี้มาเรื่อย ๆ นะคะ
84.116 -> จนกระทั่งในปี 1902 เนี่ย มีนายธนาคาร
86.977 -> แล้วก็เป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์คนหนึ่ง
89.341 -> ชื่อว่า เอช.เจ. วิทลีย์ เนี่ย
91.061 -> เขาอะ ตัดสินใจมาเปิดโรงแรม
92.646 -> ชื่อว่า Hollywood Hotel นะคะ
94.741 -> ที่บริเวณฮอลลิวูดค่ะ
96.177 -> แล้วมันก็ทำให้เมืองแห่งนี้
98.216 -> ที่แต่ก่อนเคยไม่ค่อยมีอะไร
99.648 -> พอมีโรงแรมมาเปิดปุ๊บ
101.107 -> มันก็กลายเป็นว่าเมืองก็ค่อย ๆ เจริญขึ้น ๆ
103.899 -> คนนั้นคนนี้ก็ค่อย ๆ
104.946 -> ย้ายเข้ามาอยู่ในฮอลลิวูดมากขึ้นนะคะ
106.843 -> สถาบันทางการเงิน
107.93 -> ก็เริ่มเข้ามาเปิดที่ฮอลลิวูด
109.441 -> ไฟฟ้าก็เริ่มเข้าฮอลลิวูด อะไรอย่างนี้ ทุกคน
111.992 -> ซึ่งต้องบอกว่าโรงแรมนี้
113.441 -> ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น
114.881 -> ของการที่ทำให้ฮอลลิวูดเนี่ย
116.583 -> เจริญรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้ค่ะ
118.318 -> ดังนั้นคุณเอช.เจ. วิทลีย์เนี่ยนะคะ
120.574 -> ก็เลยได้ชื่อว่าเป็น Father of Hollywood
122.755 -> มาจนถึงทุกวันนี้แหละ
123.962 -> และบริเวณ Hollywood Hotel ของเขาเนี่ยนะคะ
125.974 -> ก็คือสถานที่เดียวกับ Dolby Theatre
128.154 -> ที่เป็นที่ประกาศรางวัลออสการ์
130.29 -> ในทุกวันนี้นี่แหละค่ะ
131.322 -> แต่ก็อย่างที่เล่านะคะ ว่าในยุคแรก ๆ เนี่ย
133.071 -> ฮอลลิวูดยังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร
134.674 -> กับวงการภาพยนตร์เลยค่ะ
135.866 -> เพราะว่าก็เป็นแค่เมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง
137.57 -> ที่บังเอิญเจริญขึ้นมา
138.719 -> เพราะว่ามีคนนำความเจริญเข้ามานั่นแหละ
140.543 -> กว่าฮอลลิวูดเนี่ยนะคะ
141.539 -> จะเริ่มกลายมาเป็นศูนย์กลางของวงการภาพยนตร์
144.019 -> ก็ปาเข้าไปปี 1915 แล้วค่ะ
146.954 -> เมื่อสตูดิโอภาพยนตร์ใหญ่ ๆ หลายที่เนี่ยนะ
149.511 -> ที่มันเกิดขึ้นมาแล้วบนสหรัฐอเมริกาเนี่ย
151.592 -> เริ่มย้ายตัวเองมาอยู่ในฮอลลิวูดค่ะ
154.17 -> สาเหตุก็เนื่องจาก อะ หนึ่งเลย
155.713 -> คือฮอลลิวูดมันเริ่มทันสมัยแล้วใช่ปะ
157.692 -> กับสองเลยเนี่ยนะคะ
158.841 -> ที่เดิมที่พวกสตูดิโอภาพยนตร์พวกนี้ตั้งอยู่
161.36 -> มันคือบริเวณที่เรียกว่า
163.074 -> ฟอร์ทลี นิวเจอร์ซีค่ะ
164.456 -> เดาว่าแถวนั้นอะ อากาศมันคงไม่ได้ดีเท่าไร
166.626 -> พอมาดูที่อากาศฮอลลิวูดอะ
168.239 -> อากาศมันแจ่มใส ทุกคน
169.684 -> มันเหมาะกับการถ่ายทำภาพยนตร์นะคะ
172.021 -> ที่ไม่อยากให้มีฟ้า ไม่อยากให้มีฝน
174.18 -> อะไรอย่างนี้
174.825 -> และอีกสาเหตุหนึ่งเนี่ยนะคะ
176.208 -> ที่หลายคนฟังแล้วจะแบบ
177.273 -> ห๊ะ มันเกี่ยวกันเหรอ
178.738 -> ก็คือพวกสตูดิโอภาพยนตร์พวกนี้
181.008 -> เขาย้ายหนีโธมัส อัลวา เอดิสันค่ะ
184.301 -> คนที่เราเข้าใจว่า
185.395 -> เป็นคนประดิษฐ์หลอดไฟนั่นแหละ
186.71 -> แต่เขาไม่ได้ประดิษฐ์หลอดไฟอะนะ
187.871 -> ใดใดก็ตาม ใครที่ติดตามช่องวิวจะเห็นว่า
190.167 -> เอดิสันเนี่ย เป็นนักประดิษฐ์
191.583 -> ที่ถือสิทธิบัตรของหลายสิ่งหลายอย่างมากค่ะ
194.512 -> เขาจะเป็นคนประดิษฐ์
195.378 -> อุ้ย อันนี้ก็อันแรก อันนั้นก็อันแรก
197.08 -> ฉันถือสิทธิบัตรนี้
198.183 -> ฉันจดลิขสิทธิ์เอาไว้แล้วนะ
199.791 -> ซึ่ง 2 สิ่งที่เขาถือสิทธิบัตรเอาไว้นะคะ
201.705 -> ก็คือ Kinetograph กับ Kinetoscope ค่ะ
204.19 -> เครื่องถ่ายหนังยุคแรก
205.522 -> แล้วก็เครื่องฉายหนังยุคแรกนั่นเอง
207.539 -> คือเขาแบบ
208.073 -> เหมือนบริษัทเขาเป็นคนประดิษฐ์ขึ้นมา
209.674 -> ทีนี้ประเด็นก็คือ
210.62 -> พอบริษัทของเขาประดิษฐ์สิ่งพวกนี้ขึ้นมา
212.627 -> มันก็ทำให้เกิดอุตสาหกรรม
213.93 -> วงการภาพยนตร์อะไร เกิดขึ้นใช่ไหม
215.674 -> และมันก็ไป Inspire ให้บริษัทอื่น ๆ เนี่ย
218.243 -> เหมือนกับประดิษฐ์เครื่องฉายหนัง
219.914 -> หรือว่าเครื่องถ่ายหนังแบบของตัวเองบ้างค่ะ
221.994 -> แล้วพอพวกคนในวงการภาพยนตร์เนี่ย
223.862 -> ไปใช้ไอ้ของพวกอย่างนี้
225.045 -> มันก็ทำให้เอดิสัน
226.164 -> ซึ่งเป็นสายหวงของอยู่แล้วอะ ไม่ปลื้มนะคะ
228.932 -> แล้วก็ไปไล่แบบ ถือสิทธิบัตรไปไล่
230.615 -> พยายามจะฟ้องเขาค่ะ
231.846 -> ถึงจะฟ้องศาลแล้วแพ้ เพราะศาลบอกว่า
233.747 -> คุณแค่ถือวิธีการทำให้ Kinetoscope ทำงาน
236.733 -> คุณไม่ได้ถือคอนเซปต์
237.946 -> ของการเกิดภาพยนตร์ทั้งหมดนะ
239.607 -> แต่กว่าศาลจะตัดสินหรืออะไรเนี่ย
241.563 -> มันก็ทำให้เหล่าคนทำหนังอะ
242.891 -> รำคาญเอดิสันกันไปหมดแล้วค่ะ
244.883 -> ก็เลยตัดสินใจว่า
245.76 -> เฮ้ย ฉันไม่อยากโดนเอดิสันฟ้อง
247.245 -> ฉันไม่อยากมีเรื่องกับเอดิสัน ฉันย้ายดีกว่า
249.343 -> ฉันย้ายไปอยู่ที่ฮอลลิวูด เมืองใหม่ดีกว่า
251.774 -> ที่นี่มันก็ดูทันสมัย แล้วมันก็มีบรรยากาศ
254.176 -> ที่เหมาะกับการถ่ายหนังด้วยนะคะ
255.996 -> ดังนั้นพอหลาย ๆ สตูดิโอเนี่ยนะคะ
257.561 -> เขาย้ายมารวมตัวกันอยู่ที่ฮอลลิวูดแล้วปุ๊บ
259.979 -> ในช่วงทศวรรษที่ 1920
261.828 -> มันก็เลยเหมือนกลายเป็นยุคที่แบบ
263.728 -> ฮอลลิวูดเนี่ย ค่อย ๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาค่ะ
266.517 -> โดยเฉพาะในปี 1927 นะคะ
268.707 -> เพราะว่ามันเกิดภาพยนตร์เรื่องหนึ่งค่ะ
270.829 -> คือ The Jazz Singer นะคะ
272.464 -> ซึ่งเรื่องนี้เป็นหมุดหมายสำคัญมาก ๆ
275.004 -> ของวงการภาพยนตร์โลกค่ะ
276.77 -> เนื่องจากว่านี่คือ
278.017 -> ภาพยนตร์เสียงเรื่องแรกของโลกนะคะ
280.537 -> คือที่ผ่านมา
281.275 -> ต้องบอกว่าตอนภาพยนตร์เกิดขึ้นใหม่ ๆ
282.845 -> โลกเราดูภาพยนตร์เงียบอะนะ
284.358 -> แล้วมันก็จะเหมือนแบบ
285.244 -> เป็นภาพขาวดำเงียบ ๆ
286.243 -> มีตัวหนังสือขึ้นบนจอ
287.711 -> เช่น เวลาตัวละครทำท่าอย่างนี้
290.054 -> ตัวหนังสือก็จะขึ้นว่า Oops อะไรอย่างนี้
291.952 -> คือมันไม่ได้มีเสียงนะ
293.139 -> The Jazz Singer เนี่ย คือเรื่องแรกเลย
295.072 -> ที่ดูภาพไปปุ๊บ แล้วมีเสียงประกอบมาทันทีนะคะ
298.122 -> จนกระทั่งมันเกิดศัพท์
299.188 -> เรียกภาพยนตร์แบบใหม่แบบนี้ว่า Talkie เลยค่ะ
301.89 -> แล้วในที่สุดนะคะ
302.889 -> หลังจากที่ The Jazz Singer เกิดขึ้นเนี่ย
305.122 -> 2 ปีหลังจากนั้นค่ะ
306.374 -> อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งหมดก็เปลี่ยน
308.091 -> แล้วบอกว่า เราเลิกทำหนังเงียบกันเถอะ
309.923 -> เรามาทำหนังที่มีเสียงกันเถอะ นะคะ
312.715 -> The Jazz Singer เนี่ย
313.574 -> ก็เป็นหมุดหมายสำคัญอันหนึ่งเลย
315.01 -> ที่ทำให้แบบ เหมือนวงการภาพยนตร์บูมขึ้นมา
317.866 -> เพราะมันมีอะไรใหม่ ๆ
318.838 -> มันมีอะไรที่สนุก แล้วก็เพลิดเพลิน
320.558 -> ดูไปด้วยฟังไปด้วย
321.541 -> มานำเสนอให้กับผู้ชมค่ะ
323.207 -> ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเนี่ยนะคะ
324.372 -> ที่ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในฮอลลิวูดเนี่ย
326.642 -> บูมขึ้นมา ก็คือ
327.757 -> การเกิดระบบสตูดิโอค่ะ
329.579 -> คือระบบสตูดิโอเนี่ย
330.658 -> มันเป็นระบบที่สมัยก่อนเขาใช้ผลิตภาพยนตร์กัน
333.257 -> แล้วมันจะเป็นระบบที่เหมือนแบบ
334.741 -> ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำเนี่ย
336.494 -> เสร็จในสตูดิโอเดียวเลย
338.148 -> ก็คือเริ่มตั้งแต่ผลิต จัดจำหน่าย
340.426 -> ดูแลนักแสดง มีนักแสดงในสังกัดของตัวเอง
343.575 -> เอาไปฉายโรงหนังก็เป็นของสตูดิโอ
345.976 -> อะไรอย่างนี้
346.56 -> คือตั้งแต่ต้นจนจบเนี่ย
347.893 -> วงการหนังไม่ต้องออกจากแอลเอเลยนะคะ
350.339 -> อยู่ในนี้ ทุกอย่างจบ
351.557 -> เรียกได้ว่าระบบสตูดิโอสมัยนั้นเนี่ยนะคะ
353.524 -> เป็นระบบผูกขาดขนานแท้เลยค่ะ
355.843 -> เพราะว่าคนตัดสินใจทั้งหมด
357.374 -> ตั้งแต่กระบวนการแรกยันกระบวนการสุดท้าย
359.243 -> มันคือคนกลุ่มเดียวกัน หรือคนคนเดียวกันอะ
361.93 -> ซึ่งในยุครุ่งเรืองของฮอลลิวูดสมัยนั้นเนี่ย
363.875 -> ก็จะมีสตูดิโอที่ดัง ๆ
365.757 -> อยู่ทั้งหมด 5 เจ้าด้วยกันค่ะ
367.253 -> เขาจะเรียกว่า The Big Five นะคะ
368.961 -> ได้แก่ MGM, 20th Century Fox
371.361 -> RKO, Paramount แล้วก็ Warner Bros. ค่ะ
374.693 -> ส่วนหลังจาก The Big Five เนี่ยนะคะ
376.069 -> เดี๋ยวมันก็จะมีอีก 3 เจ้าตามมาค่ะ
377.894 -> เป็นเจ้าที่เล็กลงมาหน่อย
379.042 -> แต่มันก็ไม่ได้เล็กแล้วนะสมัยนี้
380.326 -> เขาจะเรียกว่า The Little Three ค่ะ
382.2 -> ก็จะมี Universal Studio, Columbia
384.51 -> แล้วก็ United Artists นะคะ
386.311 -> ทีนี้ประเด็นนี้นี่ละค่ะ
387.477 -> ก็จะนำไปสู่ด้านมืดของฮอลลิวูด
389.462 -> ที่เราบอกว่าเราจะมาคุยกันนะคะ
391.06 -> เพราะว่าระบบสตูดิโอของฮอลลิวูดเนี่ย
393.462 -> มันออกแบบมาเพื่อให้
395.643 -> มีการผลิตหนังเยอะ ๆ มาก ๆ
398.261 -> แบบปั๊ม ๆ ออกมาขายอะ ทุกคน
400.034 -> เพราะว่าก็ผลิตเอง แล้วก็จัดจำหน่ายเอง
402.43 -> ทุกสิ่งอย่าง จบกระบวนการ
403.929 -> ไม่มีใครขัดใคร
404.916 -> ไม่ต้องมี Demand Supply นึกออกปะ
406.429 -> ไม่ต้องมีโรงหนังมาเรียกร้องว่า
408.162 -> เฮ้ย อย่าผลิตหนังมาเยอะเกิน
409.796 -> โรงหนังไม่พอฉายแล้ว
411.011 -> ฉันเป็นเจ้าของโรงหนังเอง
412.095 -> ฉันจะฉายกี่เรื่องก็ได้ ของฉันเอง นะคะ
414.58 -> ดังนั้นในช่วงเวลาที่ระบบสตูดิโอมันแบบ
416.763 -> เจริญรุ่งเรืองมาก ๆ เนี่ย
417.976 -> มันก็เลยเกิดหลายต่อหลายเรื่องที่
420.336 -> โอโห เป็นด้านมืดของฮอลลิวูดแหละ
422.455 -> ที่มันเกิดขึ้นในยุคสมัยนั้น
423.785 -> ก่อนที่มันจะพัฒนามาเป็นปัจจุบันนี้นะคะ
425.905 -> ดังนั้นขอเตือนตรงนี้ก่อนว่าหลังจากนี้
428.191 -> เรื่องที่จะเล่าจะมีความรุนแรงบ้าง
430.159 -> กระทบกระเทือนจิตใจบ้าง
431.854 -> แต่ว่าขอให้เข้าใจว่า
433.305 -> เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีต
434.757 -> แต่ว่ามันก็มีการพยายามจะพัฒนาแล้ว
436.808 -> เพื่อให้มันไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นนะ
439.442 -> ตอนนี้คือการที่เรามาคุยกัน
441.26 -> ว่าด้วยเรื่องในประวัติศาสตร์
442.742 -> เพื่อที่เราจะได้รู้ว่า
443.842 -> เราจะไม่ทำผิดซ้ำแบบนั้นอีกค่ะ
446.076 -> ด้านมืดของฮอลลิวูดเรื่องแรก
447.343 -> ที่เราจะคุยกันเนี่ยนะคะ
448.41 -> เป็นเรื่องของดาราเด็ก
449.736 -> ที่ดังที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งค่ะ
451.927 -> ชื่อว่าเชอร์ลีย์ เทมเปิลนะคะ
453.682 -> เขาอะ โด่งดังอยู่ในช่วงปี 1930-1940 ค่ะ
457.609 -> แล้วเขาก็ดังมาก ๆ นะคะ
458.681 -> ถึงขนาดที่ว่าใครเคยดู The Crown จะจำได้ว่า
461.128 -> มันมีช่วงหนึ่งที่อดีตคิงเอ็ดเวิร์ดที่ 8
465.009 -> เรียกควีนเอลิซาเบธที่ 2
466.562 -> ว่าเชอร์ลีย์ เทมเปิลนะคะ
468.01 -> เป็นฉายาที่เขาตั้งให้ค่ะ
469.595 -> เขาก็ล้อเชอร์ลีย์ เทมเปิล
471.045 -> ที่เป็นดาราดังในยุคนั้นนี่แหละ
472.946 -> เชอร์ลีย์ เทมเปิลเนี่ยนะคะ
474.047 -> ถือว่าเป็นดาราเด็กที่โด่งดังมากค่ะ
475.98 -> แล้วก็แสดงภาพยนตร์ไปหลายต่อหลายเรื่องมาก
478.495 -> คือประมาณ 23 เรื่องด้วยกันนะคะ
480.646 -> แม้ว่าช่วงนั้นจะเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
482.48 -> แต่ทุกคนรู้ไหมว่า
483.816 -> ถ้าเทียบมาเป็นเงินปัจจุบันนี้
485.422 -> เชอร์ลีย์ เทมเปิลคือทำเงินเยอะมาก
486.998 -> น่าจะเป็นล้านล้านเหรียญเลยอะค่ะ
488.73 -> ซึ่งผลงานการแสดงเรื่องแรก
490.399 -> ของเชอร์ลีย์ เทมเปิลเนี่ยนะคะ
491.63 -> เกิดขึ้นตอนที่เชอร์ลีย์ เทมเปิล
492.95 -> อายุแค่แบบ 3 ขวบเท่านั้นอะ ทุกคน
494.841 -> โดยเรื่องนั้นเนี่ยนะคะ
495.997 -> ก็คือเรื่องที่ชื่อว่า Baby Burlesque ค่ะ
498.698 -> ใครจำหนังเรื่อง Burlesque ได้
500.264 -> จะรู้ว่า Burlesque มันเป็นเหมือนแบบ
501.681 -> นางโชว์ต่างประเทศอะ
502.897 -> มีบทบาทสมมุติบ้าง มีการเต้นบ้างอะไรบ้าง
505.715 -> ซึ่งมันจะค่อนข้างไปทางเพศนิดนึง
507.563 -> แล้ว Baby Burlesque
508.601 -> มันจะแปลว่าอะไรอะทุกคน นึกออกปะ
510.133 -> ดังนั้นหนังเรื่อง Baby Burlesque เนี่ยนะคะ
512.131 -> มันเป็นหนังแบบ ตลกสั้น ๆ ในสมัยนั้นค่ะ
514.835 -> ที่เขาอะ มองว่าการเอาเด็กอะ
516.756 -> มาแต่งตัว มาทำกิจกรรมอะไรที่เหมือนผู้ใหญ่
519.615 -> ที่เด็กมันไม่ทำแน่ ๆ อะ
520.65 -> มันก็ดูเป็นเรื่องตลกดี
521.886 -> แบบ อู้ น่ารักจังเลยหนู น่ารักน่าเอ็นดู
524.63 -> หัวเราะฮ่า ๆๆ อะไรอย่างนี้
526.397 -> แต่ประเด็นก็คือบทบาท
527.549 -> ที่เขาให้เด็กแสดงในตอนนั้นอะ
528.951 -> คนในยุคเราฟังแล้วจะรู้สึกว่าแบบ
530.716 -> เฮ้ย เอาจริงเหรอ
531.666 -> นี่ให้เด็กแสดงบทนี้จริง ๆ เหรอ
533.182 -> ซึ่งเรื่อง Baby Burlesque เนี่ย มันก็คือ
534.947 -> สร้างขึ้นมาโดยมีเนื้อเรื่องล้อ
536.535 -> พวกหนังฮอลลิวูดยุคเก่า ๆ กว่านั้นไปอีกอะ
539.367 -> ดังนั้นมันก็จะมีฉากโสเภณี
541.001 -> ที่กำลังยั่วยวนนักการเมือง
542.7 -> คือผู้ใหญ่แสดง
543.598 -> สมัยนี้เราก็รู้สึกว่า เอ๊ะ ๆ แล้วนะ
545.356 -> แล้วนี่ เอาเด็ก 3 ขวบไปแสดงเป็นโสเภณี
547.688 -> แล้วก็ยั่วยวนนักการเมืองอีกคนหนึ่ง
549.473 -> ซึ่งก็เป็นเด็กอีกคนหนึ่ง
550.607 -> ซึ่งในเรื่องเนี่ย เชอร์ลีย์ เทมเปิลก็จะแบบ
552.541 -> แต่งตัวโป๊ ๆ หน่อย ใส่เสื้อในตัวเล็ก ๆ
554.794 -> โดนบังคับให้เดินแบบมีจริต
556.413 -> เหมือนกับเป็นโสเภณี
557.724 -> แล้วก็ต้องไปจูบปากนักแสดงเด็กอีกคนหนึ่งอะ
560.525 -> ซึ่งตอนที่เชอร์ลีย์ เทมเปิลโตขึ้นมาแล้วเนี่ย
562.457 -> เขาก็มีการให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน
564.56 -> เขาบอกไว้ว่า
565.592 -> ในตอนที่ได้รู้จักฮอลลิวูดครั้งแรกเนี่ย
567.495 -> มันคือการหากินอย่างเห็นแก่ตัว
569.21 -> กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อยเลย
571.033 -> เพราะว่าหลังจากเรื่อง Baby Burlesque เนี่ย
572.843 -> เชอร์ลีย์ เทมเปิลก็น่าจะดัง
574.126 -> แล้วก็น่าจะ โอ้โห คนชอบกันอะ
576.592 -> ดังนั้นมันก็เลยเกิดเรื่องอื่น ๆ ตามมาค่ะ
578.627 -> ยกตัวอย่างเช่น เรื่องหนึ่งเลย
579.793 -> คือ War Babies นะคะ
581.044 -> ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็คือ
582.245 -> หนังเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1อะ
583.938 -> แล้วก็ให้เด็กมาแสดงบทบาท
585.362 -> ในสงครามโลกครั้งที่ 1
586.342 -> ฟังดู คิดว่ามันจะโหดร้าย
587.776 -> เพราะว่าเขาจะส่งเด็กไปรบหรืออะไรใช่ไหม
589.626 -> ไม่ใช่ค่ะ เพราะว่าเชอร์ลีย์ เทมเปิล
591.788 -> ได้เล่นเรื่องนี้ ก็ได้เล่นเป็นโสเภณีอีก
593.763 -> เพราะคนชอบไง
594.714 -> ก็จะเป็นโสเภณีที่ต้องเรียกร้องความสนใจ
596.931 -> จากเหล่าทหารผู้ชาย
598.131 -> ซึ่งก็เป็นเด็ก ๆ ผู้ชายคนอื่น ๆ อะนะ
599.935 -> เชอร์ลีย์ เทมเปิลที่อายุแค่แบบ 3-4 ขวบอะ
602.285 -> ก็จะโดนบังคับให้ใส่เสื้อหลวม ๆ
603.931 -> ให้มันลงมาเห็นไหล่
605.165 -> แล้วก็ต้องไปเต้นยั่ว ๆ ไปจุ๊บกับผู้ชาย
607.801 -> เพื่อแลกเอาลูกอมมานะคะ
609.397 -> เราในยุคนี้ ฟังแค่ว่า
610.867 -> โอ้โห เอาเด็ก 3 ขวบมาเต้นแบบนี้
612.749 -> เราก็รู้สึกแย่กันแล้วนะทุกคน
614.182 -> ซึ่งต้องบอกว่าการที่ได้แสดงเป็นผู้ใหญ่
616.132 -> หรือแสดงบทบาทที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก 3 ขวบเนี่ย
618.699 -> ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุด
620.007 -> ที่เคยเกิดขึ้นกับเชอร์ลีย์ เทมเปิลนะคะ
622.049 -> ประเด็นก็คือในช่วงที่เชอร์ลีย์ เทมเปิลเนี่ย
624.037 -> กำลังเป็นนักแสดงเด็กที่โด่งดังเนี่ยนะคะ
626.067 -> อุตสาหกรรมภาพยนตร์อะ
627.464 -> มันยังไม่มีสิทธินักแสดง
629.673 -> สิทธิอะไรคุ้มครองใดใดทั้งสิ้นเลยค่ะ
631.854 -> และโดยเฉพาะนักแสดงเด็กเนี่ย
633.52 -> อันนี้ยิ่งหนักเลยนะ ทุกคน
634.848 -> ว่ากันว่าชาร์ลส์ ลามอนต์เนี่ยนะคะ
636.515 -> ที่เป็นผู้กำกับของหนัง 2 เรื่อง
638.621 -> ที่เราพูดถึงไปเนี่ย
639.567 -> ใช้วิธีโหดร้ายมาก ๆ ในการบังคับ
642.051 -> ให้เชอร์ลีย์ เทมเปิลและเด็กคนอื่น ๆ เนี่ย
644.522 -> เล่นหนังค่ะ
645.718 -> ก็คือวิธีที่เรียกว่า Black Box นะคะ
647.837 -> หรือว่ากล่องดำนั่นเอง
649.254 -> คือเวลาที่บอกว่าเป็นกล่องดำเนี่ย
651.036 -> มันคือกล่องดำจริง ๆ นะคะ
652.22 -> ขนาดประมาณ 6 ฟุตด้วยกันค่ะ
653.985 -> แล้วด้านในอะ
654.829 -> ก็จะมีน้ำแข็งแท่งหนึ่งตั้งอยู่นะ
657.221 -> ทีนี้เวลาที่นักแสดงเด็กคนไหนนะคะ
659.236 -> ไม่ยอมแสดง งอแง
660.754 -> หรือว่าแสดงไม่ได้ดั่งใจเนี่ย
662.136 -> ก็จะถูกลงโทษค่ะ
663.307 -> โดยการให้เข้าไปอยู่ในกล่องนี้
664.79 -> แล้วก็ปิดประตูนะคะ
665.939 -> ซึ่งเด็กก็จะต้องเลือกค่ะ
667.571 -> ว่าจะยืนอยู่ในที่แคบ ๆ มืด ๆ ไปเรื่อย ๆ
670.403 -> แบบว่า เมื่อย แล้วก็กลัว
672.588 -> หรือว่าจะนั่งลงไปบนแท่งน้ำแข็งอะ ทุกคน
675.31 -> และแน่นอนนะคะ ว่าเชอร์ลีย์ เทมเปิล
676.969 -> ก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยโดนลงโทษ
678.823 -> ให้เข้าไปอยู่ในกล่องดำนี้ละค่ะ
680.639 -> แถมผู้กำกับเนี่ยนะ
681.54 -> ก็จะยังไม่ขู่นักแสดงเด็กอีก บอกว่า
683.654 -> เรื่องพวกนี้ ห้ามไปบอกพ่อแม่เลยนะ
685.805 -> ถ้าบอกพ่อแม่เนี่ย มีเรื่องกันแน่ ๆ
688.175 -> เมื่อกี้นี้ก็คือเรื่องแรกนะคะ
689.839 -> คือเรื่องเกี่ยวกับเชอร์ลีย์ เทมเปิล
691.476 -> เกี่ยวกับนักแสดงเด็กค่ะ
692.889 -> แต่ทีนี้ต้องบอกว่าเรื่องถัดไปเรื่องที่ 2
695.322 -> ที่วิวเก็บมาเล่านะคะ ก็จะหดหู่พอ ๆ กันเลย
697.658 -> เพราะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
699.158 -> สิทธินักแสดงเหมือนกัน
700.388 -> ที่สมัยนั้นสตูดิโอก็คือไม่สน
702.111 -> แล้วก็ทำให้พวกนักแสดงอะ
703.896 -> ไม่มีสิทธิในตัวเองอะไรเลยอะ
705.801 -> คือเรื่องของเรื่องเนี่ยนะคะ
706.863 -> ก่อนหน้านี้ ฮอลลิวูด
707.775 -> เคยมีข่าวใหญ่ระดับช็อกวงการมาก ๆ ค่ะ
710.062 -> เป็นเรื่องของแฟตตี้ อาร์บัคเคิลนะคะ
711.895 -> ในปี 1921 ค่ะ
713.381 -> ที่โดนตั้งข้อหาข่มขืนและฆาตกรรมด้วยนะ
715.869 -> แล้วมันทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์
717.414 -> ก็คือเสียหายหนักมาก
718.611 -> คือถึงเขาจะไม่ได้ทำผิดอะไร แต่นึกออกปะ
720.862 -> กว่ากระบวนการยุติธรรมจะไต่สวนจะนู่นจะนี่
723.529 -> คนก็คือ อะ ไม่ดูหนังไม่อะไรไปช่วงหนึ่งละ
726.128 -> มันก็เลยเสียหายเกิดขึ้นนะคะ
727.716 -> ดังนั้นเหตุการณ์นี้
728.702 -> มันทำให้เหล่าสตูดิโอทั้งหลาย
730.095 -> ที่พยายามทำเงินจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์เนี่ย
732.621 -> เสียวหลังกันค่ะ ว่า
733.957 -> เฮ้ย แก แล้วถ้าสมมุติว่านักแสดงในสังกัดฉัน
737.218 -> นักแสดงที่ฉันใช้อยู่อะ
738.378 -> ไปทำเรื่องเสื่อมเสียอะไรมาเนี่ย
740.169 -> มันจะทำให้ฉันต้องสูญเสียรายได้แบบนี้ไหม
743.146 -> เขาก็เลยมีการตั้งตำแหน่งขึ้นมาตำแหน่งหนึ่ง
745.165 -> ชื่อว่า Fixer นะคะ
746.68 -> เป็นตำแหน่งที่คอยดูแลภาพลักษณ์นักแสดงค่ะ
749.834 -> แล้วก็จับให้นักแสดงเซ็นสัญญาด้วยว่า
752.214 -> ต้องอนุญาตให้ Fixer
753.298 -> คอยดูแลภาพลักษณ์นะอะไรนะ
755.128 -> คือถ้ามีปัญหาอะไร
756.034 -> Fixer ก็จะเข้ามาปิดข่าวนะคะ
757.797 -> ซึ่งกฎอย่างเป็นทางการเนี่ย
758.998 -> มันก็เกิดขึ้นในปี 1922 ค่ะ
761.42 -> เขาจะเรียกว่า Morality Clauses อะนะ
763.346 -> เป็นการเซ็นสัญญา อยู่ในสัญญานักแสดงเลยว่า
766.067 -> คุณ ถ้าเกิดคุณทำอะไรเสียหายเนี่ย
767.832 -> สตูดิโอสามารถยกเลิกสัญญาคุณได้ทุกวินาทีเลย
771.182 -> แต่ประเด็นก็คือไอ้กฎ Morality Clauses
773.261 -> ที่เพิ่มเข้ามาเนี่ยนะคะ
774.235 -> เป็นเป็นกฎที่คลุมเครือมาก ๆ
775.697 -> แล้วก็ไม่รู้ว่าการที่ทำให้สตูดิโอไม่เสียหาย
778.513 -> ไม่เสียภาพลักษณ์เนี่ย มันคืออะไร
780.09 -> อะไรคือภาพลักษณ์ของสตูดิโอ
781.426 -> สมัยนั้นสตูดิโอก็ใช้คำคร่าว ๆ มาก ๆ
783.83 -> ว่าสิ่งที่ห้ามทำก็คือ
785.195 -> พฤติกรรมที่ทำให้เราดูด้อยค่าในสังคม
788.096 -> ทำให้คนในสังคมเกลียดเรา ไม่พอใจเรา
790.727 -> ดูถูกเหยียดหยาม ถากถาง ทำให้ช็อก
792.86 -> หรือขัดต่อคุณธรรมความดีงามของคนในสังคม
795.528 -> ซึ่งอะไร ทำให้คนตกใจ ทำให้ช็อก
797.907 -> ทำให้นู่นทำให้นี่
798.83 -> อะไรมันก็ทำให้คนในสังคมตกใจได้ทั้งนั้น
801.227 -> ดังนั้นสิ่งนี้ก็เลยทำให้สตูดิโอ
802.832 -> ค่อนข้างจะมีอำนาจตัดสินใจ
804.531 -> แล้วก็ชี้ชะตาชีวิตของเหล่านักแสดงเลย
806.853 -> รวมไปถึงควบคุมสิทธิส่วนตัว
808.52 -> สิทธิในร่างกาย แล้วก็อื่น ๆ
810.102 -> อีกมากมายเลยนะคะ
811.299 -> ยกตัวอย่างเช่น เรื่องหนึ่งเลย
812.74 -> ก็คือเรื่องของการทำแท้งนั่นเองค่ะ
814.95 -> จนถึงปัจจุบันนะคะ ในศตวรรษที่ 21 เนี่ย
817.114 -> เราก็ยังเถียงกันอยู่นะ ว่า
818.483 -> เรื่องการทำแท้งเนี่ย
819.318 -> มันเป็นเรื่องที่ถูกศีลธรรมหรือเปล่า
821.399 -> หรือไม่ถูกศีลธรรมหรือเปล่า
822.783 -> ในกรณีที่ผู้หญิงคนนั้น
824.231 -> อยากจะทำแท้งด้วยตัวเองนะคะ
825.737 -> แต่ในกรณีของฮอลลิวูด
827.02 -> ที่วิวกำลังจะเล่าด้านมืดเนี่ย
828.364 -> มันคือการทำแท้งที่เจ้าตัวเอง
830.404 -> ก็อาจจะไม่ได้เต็มใจที่จะทำแท้งไง
832.667 -> คือดาราในยุคนั้นเนี่ยนะคะ
833.852 -> มันจะมีภาพลักษณ์ค่ะ
834.988 -> ที่สตูดิโอเขาพยายามจะปั้น
836.669 -> แล้วเขาก็จะวางคาแรกเตอร์ไว้ตั้งแต่แรกเลยว่า
838.736 -> คนนี้ เธอจะต้องเป็นสาวเซ็กซี่
840.603 -> เธอจะต้องเป็นสาวแซ่บนะ
841.6 -> อะไรที่มันทำแล้วดูเรียบร้อย เธอทำไม่ได้
843.788 -> ส่วนคนนี้ เธอจะต้องเป็นเพื่อนสาวข้างบ้าน
846.102 -> เธอจะต้องเรียบร้อย เธอจะต้องหน้าจืด
847.945 -> เธอจะไปทำอะไรแซ่บ ๆ ไม่ได้
849.442 -> แล้วทีนี้เขาก็มีความเชื่อกันนะคะ
851.373 -> ว่าถ้าสมมุติดาราผู้หญิงเกิดตั้งท้องขึ้นมา
853.722 -> มันอาจจะขัดกับภาพลักษณ์
855.106 -> ที่เขาพยายามจะสร้างไว้
856.392 -> แล้วทำให้หมดความนิยม
858.476 -> ขายไม่ได้อะไรไม่ได้อีกค่ะ
860.324 -> ดังนั้นยิ่งดาราคนไหนในยุคนั้นเนี่ยนะคะ
862.38 -> ยิ่งมีชื่อเสียงเนี่ย
863.207 -> ก็จะยิ่งโดนกดดันค่ะ บอกว่า
864.751 -> ไม่ได้ ปล่อยท้องไม่ได้ ต้องไปทำแท้งนะคะ
867.125 -> ในกรณีหนึ่งเนี่ยนะคะ
868.163 -> ก็คือกรณีของจีน ฮาร์โลว์ค่ะ
870.082 -> ซึ่งจีน ฮาร์โลว์เนี่ย
871.208 -> เป็นตัวร้ายสายเซ็กซี่นะคะ
873.195 -> ถึงขนาดที่ได้รับฉายาว่า
874.511 -> Blonde Bimbshell เลยทีเดียวนะคะ
876.161 -> ประเด็นก็คือจีน ฮาร์โลว์เนี่ยนะคะ
877.779 -> ดันไปรักกับนักแสดงขายอีกคนหนึ่ง
879.46 -> ที่ชื่อว่าวิลเลียม พาวเวลล์ค่ะ
881.012 -> แล้วเขาก็คิดว่า โอ้ ฉันรักกันมาก
882.661 -> ความรักในฝันก็คือได้แต่งงานใช่ไหม
884.996 -> แต่สตูดิโอนะคะ บอกมา บอกว่าไม่ได้
887.36 -> ตามสัญญาที่จะต้องรักษาภาพลักษณ์
889.229 -> ที่เราเซ็นเอาไว้เนี่ย
890.142 -> เธอจะแต่งงานกันไม่ได้
891.711 -> เพราะว่าภาพลักษณ์ของเธอ
893.009 -> มันคือสาวแบบ สาวตัวร้าย สาวเซ็กซี่
895.164 -> จะมาแต่งงานเป็นแม่บ้าน มันไม่ได้ไง
897.529 -> ดังนั้นสตูฯ ก็บอกเลยนะคะ บอกว่า
899.412 -> ห้ามแต่งงานค่ะ
900.28 -> ก็เลยทำให้ 2 คนนี้นะคะ
901.491 -> ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปโดยไม่ได้แต่งงานค่ะ
903.895 -> แต่ว่าต่อให้ไม่ได้แต่งงาน
905.178 -> มันก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่าจะไม่ท้องไง
907.461 -> ดังนั้นสุดท้ายเธอก็ท้องขึ้นมานะคะ
909.225 -> พอท้องขึ้นมาเท่านั้นแหละ
910.381 -> โอ้โห คราวนี้สตูดิโอคือดิ้นเลยว่า
912.619 -> ท้องนี่หนักกว่าแต่งงานอีกค่ะ
914.067 -> เขาก็เลยต้องให้ Fixer อะ
915.451 -> พาคนนี้ไปทำแท้งนะคะ
917.435 -> ซึ่งทางสตูดิโอเนี่ยนะคะ
918.557 -> ก็จะมีการไปตกลงกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
920.752 -> แล้วก็ตั้งชื่อปลอมขึ้นมา
922.167 -> ชื่อว่ามิสซิสจีน คาร์เพนเตอร์ค่ะ
924.122 -> แล้วก็พาเธอเข้าไป แล้วก็บอกว่า
925.712 -> อันนี้จะเป็นการผ่าตัดส่วนตัวนะ
927.471 -> เป็นการผ่าตัดไส้ติ่ง
928.472 -> แต่จริง ๆ ก็คือพาไปทำแท้งนั่นแหละ
930.286 -> นอกจากจีน ฮาร์โลว์แล้วเนี่ยนะคะ
931.601 -> ในยุคสมัยเดียวกันเนี่ย
932.737 -> ก็จะมีดาราผู้หญิงอีกหลายต่อหลายคนเลยค่ะ
935.153 -> ที่โดนบังคับให้ทำแท้งนะคะ
936.593 -> ไม่ว่าจะเป็น โจน ครอว์ฟอร์ด
938.368 -> ลาน่า เทิร์นเนอร์
939.786 -> จูดี้ การ์แลนด์
941.053 -> ซึ่ง Fixer ก็คือจะเป็นคนจัดการให้หมดเลย
943.488 -> แล้วก็จะอ้างนู่นอ้างนี่ไป ประมาณว่า
945.418 -> เอ้ย เป็นการไปป่วยนู่นป่วยนี่
947.858 -> ไม่ได้ไปทำแท้ง ไม่ได้อะไรหรอก
949.387 -> อันนี้คือกรณีที่แบบ ท้องไปแล้ว
951.154 -> แล้วก็ต้องไปทำแท้งอะนะ
952.438 -> แต่มันก็จะมีอีกหลาย ๆ กรณี
953.804 -> ที่นักแสดงหญิงอะ อยากมีลูก อยากท้อง
956.209 -> แต่ว่าไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มท้องนะคะ
958.456 -> เพราะว่ากฎของสตูดิโออะ
959.899 -> มันถึงขนาดที่มีนักแสดงหญิงคนหนึ่งอะ
961.856 -> ให้สัมภาษณ์เอาไว้เลย บอกว่า
963.138 -> ถ้าสมมุติฉันท้อง ฉันมีลูก ฉันก็โดนหักเงิน
965.64 -> แล้วฉันจะเอาอาชีพที่ไหนไปหาเงินเลี้ยงลูก
968.759 -> นึกออกปะ
969.442 -> ดังนั้นดาราหญิงหลาย ๆ คน
970.556 -> ก็เลยไม่มีโอกาสแม้แต่จะมีลูกค่ะ
972.69 -> และแล้วมันก็เลยนำไปสู่
974.057 -> เรื่องดาร์กของฮอลลิวูดเรื่องที่ 3
975.587 -> ที่เราจะคุยกันค่ะ
976.481 -> ก็จะเกี่ยวข้องกับจูดี้ การ์แลนด์
978.507 -> ที่วิวพูกถึงไปเมื่อกี้นี่แหละ
979.926 -> ว่าโดนบังคับให้ทำแท้งนะคะ
981.296 -> หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินประเด็นนี้แหละ
983.026 -> เพราะว่าจูดี้ การ์แลนด์เนี่ยนะคะ
984.374 -> ก็คือนักแสดงนำในเรื่อง Wizard of Oz
987.521 -> เวอร์ชั่นที่เราคุ้นเคยกันนั่นล่ะค่ะ
989.221 -> คือ The Wizard of Oz ในเวอร์ชั่นปี 1939
992.225 -> ถือว่าเป็นหนังที่ขึ้นหิ้งอะ ทุกคน
994.259 -> ได้รับการยกย่องว่า
995.516 -> เป็นหนึ่งในหนังเด็กที่ดีที่สุดตลอดกาลนะคะ
997.823 -> เพราะว่ามันดันเป็นหนังที่อยู่ในช่วงที่
999.532 -> วงการภาพยนตร์ขาวดำเนี่ย
1001.338 -> เขากำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นวงการภาพยนตร์สีค่ะ
1004.184 -> ดังนั้นเรื่องนี้ก็คือแบบ
1005.341 -> คนดูแล้วตื่นตะลึง คนดูแล้วชอบมาก
1007.908 -> แต่ทุกคนรู้ไหมว่าเบื้องหลังการทำงาน
1009.663 -> ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ
1011.04 -> โอ้โห ด้านมืดมาก
1013.044 -> มีตั้งแต่ที่เขาเล่าลือกันว่า
1014.708 -> ของประกอบฉากเนี่ย ที่เป็นหิมะโปรยปราย
1017.34 -> มันเป็นแร่ใยหิน ทำให้นักแสดงเป็นมะเร็งกันไป
1020.491 -> หลายต่อหลายคน อะไรอย่างนี้
1021.991 -> รวมถึงกรณีของจูดี้ การ์แลนด์
1023.592 -> ที่รับบทเป็นโดโรธี
1025.011 -> ตัวเอกของเรื่อง The Wizard of Oz นี่ละค่ะ
1027.111 -> ซึ่งภาพจำของจูดี้ก็คือจะเป็นฉากที่
1028.996 -> จูดี้ร้องเพลง Over the Rainbow ใช่ไหมคะ
1031.463 -> แล้วหนังเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จมาก ๆ อะ
1034.069 -> ถึงขนาดที่ได้รับรางวัลออสการ์
1035.529 -> ไป 2 รางวัลด้วยกันค่ะ
1037.055 -> แต่ถึงจะได้รางวัลไปเนี่ย
1038.427 -> หนังเรื่องนี้ก็ทำให้ชีวิตของจูดี้แทบจะพัง
1041.171 -> ตั้งแต่วันนั้นที่ถ่ายหนังเลยอะ
1042.809 -> เพราะว่าจูดี้ การ์แลนด์เนี่ยนะคะ
1044.191 -> เซ็นสัญญากับสตูดิโอที่ชื่อว่า MGM
1046.44 -> ตั้งแต่อายุได้ 13 ค่ะ แล้วก็ได้สัญญาว่า
1048.756 -> เดี๋ยวจะได้เล่นเรื่อง The Wizard of Oz นะ
1050.722 -> ซึ่งพอเซ็นสัญญาไปเนี่ยนะคะ
1052.108 -> จูดี้ การ์แลนด์ก็โดนสตูดิโอสั่งมาเลย
1054.543 -> ประมาณว่า จูดี้ การ์แลนด์
1055.793 -> เธอกำลังจะเป็นตัวเอกเรื่อง Wizard of Oz
1057.842 -> เธอจะอ้วนไม่ได้
1058.934 -> แล้วก็บังคับให้จูดี้ลดน้ำหนัก
1060.682 -> นึกสภาพเด็กอายุ 13
1061.867 -> ที่โดนบังคับให้ลดน้ำหนักสิ ทุกคน
1063.315 -> และวิธีที่ให้ลดน้ำหนักเนี่ยนะ มันโหดมากค่ะ
1065.95 -> เพราะว่าเขาให้จูดี้กินได้แค่ซุปไก่กับกาแฟนะ
1069.181 -> แล้วถ้ายังผอมไม่พอนะคะ
1070.535 -> ก็ต้องสูบบุหรี่กับกินยาลดน้ำหนักเข้าไปค่ะ
1072.891 -> นึกสภาพว่าเราเป็นผู้ใหญ่อะ
1074.602 -> เราทำแบบนี้ เรายังร่างกายพังเลย
1076.575 -> แล้วเด็กอายุ 13 ที่ต้องทำแบบนี้
1078.153 -> มันจะพังขนาดไหนนะคะ
1079.768 -> แล้วยังไม่พอนะคะ
1080.584 -> อันนี้คือในด้านของร่างกายนะ
1082.105 -> ในเรื่องของจิตใจเนี่ย
1083.05 -> นอกจากบูลลี่ว่าอ้วนแล้วเนี่ยนะคะ
1084.552 -> สตูดิโอดันไปวางคาแรกเตอร์ค่ะ
1086.603 -> ว่าจูดี้ การ์แลนด์อะ ต้องเป็นเหมือนแบบ
1088.148 -> เด็กสาวข้างบ้าน เป็นลูกเป็ดขี้เหร่
1090.332 -> ก็คือเธอไม่สวยหรอก กล่อมหัวไปเรื่อย ๆ
1092.935 -> ว่าเธอไม่สวย เธอเป็นเด็กสาวข้างบ้าน
1094.649 -> เธอไม่สวย เธอเป็นเด็กสาวข้างบ้าน
1096.098 -> ก็เลยทำให้จูดี้ การ์แลนด์
1097.429 -> เหมือนเชื่อฝังหัวไปเลย
1098.818 -> คือด้านจิตใจ Mental พังนะคะ
1100.688 -> ว่าฉันไม่สวย ฉันเป็นแค่เด็กสาวข้างบ้าน
1102.783 -> เซ็กซี่ก็ไม่พอ สวยก็ไม่พอ
1104.397 -> แล้วก็คาแรกเตอร์คือ
1105.699 -> แอบชอบผู้ชายคนไหน ผู้ชายคนนั้นก็จะไม่สนใจ
1108.265 -> มันก็เลยทำให้เหมือนแบบ
1109.699 -> สุขภาพจิตก็พินาศไปด้วยอะค่ะ
1111.534 -> นี่ยังไม่นับพวกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
1113.183 -> ในตารางการถ่ายทำ The Wizard of Oz นะคะ
1115.451 -> ที่ต้องถ่ายทำกัน 6 วันต่อสัปดาห์
1118.165 -> แล้วก็ถ่ายทำวันละ 18 ชั่วโมงอะ ทุกคน
1121.045 -> นึกสภาพเราทำงาน
1122.134 -> ที่ใช้แรงงาน 18 ชั่วโมงต่อวัน
1124.734 -> 6 วันต่อสัปดาห์
1125.831 -> นี่คือหนักมาก ๆ นะคะ
1127.097 -> สำหรับใครที่อาจจะไม่เคยเล่นหนัง
1128.507 -> หรือไม่เคยอยู่ในกองถ่าย
1129.618 -> อาจจะคิดว่า ก็แค่แสดงเฉย ๆ
1131.487 -> ยืนอยู่ในห้องแอร์ ไม่เห็นเป็นไรเลย
1133.063 -> การแสดงเนี่ย มันคืออะไรที่ใช้แรงเยอะมาก
1135.959 -> เหมือนกับที่วิวอัดคลิปอยู่ตรงนี้
1137.266 -> ขนาดแค่ยืนเฉย ๆ ยืนเล่าเนี่ย
1138.718 -> ก็ใช้แรงเยอะแล้วนะ
1139.75 -> แล้วจูดี้ การ์แลนด์อะ
1140.695 -> ต้องเต้นไปด้วย ร้องเพลงไปด้วย แสดงไปด้วย
1143.666 -> แล้วนึกสภาพสตูดิโอสมัยนั้นอะ
1145.717 -> อันนี้คือวิวจินตนาการเองนะ
1147.279 -> มันคงไม่ได้สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้
1148.984 -> เพราะว่าไฟที่ใช้มันก็คงร้อน
1150.629 -> ชุดที่ใส่มันก็คงไม่สบาย
1152.318 -> แล้วเป็นเด็กอะ ทุกคน
1153.966 -> อาหารก็ไม่พอ อะไรก็ไม่พอ
1155.549 -> ดังนั้นนี่คือการทรมานร่างกายหนักมาก ๆ ค่ะ
1158.334 -> ซึ่งถามว่าจูดี้ การ์แลนด์ไหวไหม
1160.431 -> ก็จำเป็นต้องไหวนะคะ
1161.664 -> เพราะสตูดิโอบอกว่า ต้องไหว
1163.498 -> เธอต้องแสดงละครไป 18 ชั่วโมง
1165.431 -> แล้วพักแค่ 4 ชั่วโมงพอ
1166.703 -> ซึ่งวิธีที่ทำให้จูดี้ การ์แลนด์
1168.468 -> ใช้ชีวิตในตารางได้แบบเป๊ะ ๆ แบบนี้
1170.949 -> สตูดิโอเขาใช้วิธีเอายาตัวหนึ่ง
1173.251 -> ให้จูดี้ การ์แลนด์กินค่ะ
1174.602 -> ชื่อว่า Pep pills นะคะ
1175.742 -> เป็นเหมือนสารประกอบที่เขาเอามาใช้ทำยาบ้าอะ
1179.007 -> ดังนั้นพอกินยาตัวนี้เข้าไปอะ
1180.892 -> มันก็จะทำให้ หนึ่งเลย คือผอม
1182.48 -> เพราะไม่ต้องการกินอาหารเยอะ
1183.706 -> แล้วดีด ทุกคน ดีดเหมือนกินยาบ้าอะ
1185.636 -> เขาก็จะดีด ๆ อะ แสดง ๆๆ
1188.494 -> แล้วถึงเวลาแสดงครบ 18 ชั่วโมงปุ๊บ
1190.521 -> สตูดิโออยากให้นอน
1191.541 -> ก็จ่ายยานอนหลับเข้าไปปึ้ง ให้น็อกเลย
1194.173 -> แล้วพอกินยานอนหลับลงไป
1195.672 -> นอนครบ 4 ชั่วโมงปุ๊บ เขาก็จะปลุกขึ้นมา
1198.053 -> ให้กินยาตัวกระตุ้นนั้นอีกรอบหนึ่ง
1200.005 -> ก็จะ Alert กลับขึ้นมาแสดงต่อนะคะ
1202.092 -> ดังนั้นนี่คือการใช้ชีวิตที่แบบ
1203.746 -> แค่นึกก็แย่แล้วอะ
1204.77 -> คือนึกสภาพว่า ไม่ต้องกินยานอนหลับอะ
1206.641 -> ตัววิวอะ วิวกินยาแก้แพ้ ตัวที่ง่วง ๆ
1208.688 -> นี่คือวิวต้องนอน 12 ชั่วโมงแล้วอะ
1210.324 -> แล้วนี่คือนอนไป 4 ชั่วโมง
1211.621 -> โดนปลุกขึ้นมา แล้วโดนบังคับให้มีสติ
1213.742 -> ด้วยการกินยา แล้วก็โดนบังคับให้นอนอีกรอบ
1216.056 -> แล้วก็โดนปลุก วนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
1217.725 -> 6 วันต่อสัปดาห์
1218.663 -> เรียกได้ว่า โอ้โห พังมากอะ
1220.591 -> ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ เรื่องในกองถ่ายเนี่ย
1222.39 -> มันเกิดขึ้นตอนจูดี้อายุ 16 อะทุกคน
1224.618 -> คือไอ้ตอนอายุ 13 นี่ก็
1226.162 -> เซ็นสัญญาลดน้ำหนักมาเรื่อย ๆ นะคะ
1228.133 -> 3 ปีถัดมาก็มาเจอเรื่องแบบนี้อีก
1230.012 -> ดังนั้นเรื่องราวของจูดี้ น่าสงสารมาก ๆ ค่ะ
1232.995 -> แล้วถึงเรื่อง Wizard of Oz เนี่ย
1234.291 -> จะทำให้จูดี้แบบมีชื่อเสียง
1236.201 -> แล้วก็ได้ไปเล่นเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกนะคะ
1238.16 -> แต่ว่ามันก็ทำให้ชีวิตส่วนตัวของจูดี้อะ
1241.026 -> พังพินาศพอสมควรเลย กับชื่อเสียงที่ได้มา
1243.643 -> แล้วก็การเซ็นสัญญาอยู่ในสตูดิโอนั้นนะคะ
1246.082 -> เพราะว่าพอผ่านไปแค่ 3 ปี
1247.678 -> ตอนจูดี้อายุได้ 19 อะ
1249.05 -> จูดี้ก็ตัดสินใจแต่งงานค่ะ
1250.662 -> แต่ว่าเป็นการแต่งงานที่สตูดิโอไม่ได้ยอมรับ
1253.893 -> ดังนั้นพอท้องปั๊บเนี่ย
1255.281 -> สตูดิโอก็มาละ บอกว่า
1256.683 -> อะ เธอ เธอต้องไปทำแท้ง เธอจะท้องไม่ได้
1258.935 -> ซึ่งเขาว่ากันว่าแม่ของจูดี้
1260.659 -> แล้วก็สามีตอนนั้นน่ะ
1262.021 -> ก็เห็นด้วยกับการให้จูดี้ไปทำแท้ง
1263.884 -> เพื่อที่จะได้ทำงานได้เหมือนเดิมนะคะ
1265.752 -> จูดี้ก็คือ โดนบังคับให้ทำแท้งไปรอบที่ 1 ละ
1268.138 -> ปรากฏผ่านไปไม่กี่ปีเนี่ย
1269.599 -> ก็ท้องอีกรอบนะคะ แต่รอบนี้ท้องกับชู้
1271.785 -> จูดี้ก็โดนสตูดิโอเนี่ย
1273.255 -> บังคับให้ทำแท้งซ้ำอีกรอบค่ะ
1274.967 -> เรียกได้ว่าโดนบังคับให้ทำแท้ง
1276.237 -> ถึง 2 รอบด้วยกันนะ
1277.504 -> เรียกได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เนี่ยนะคะ
1279.104 -> มันก็เลยทำให้จิตใจของจูดี้พังมาก ๆ
1281.653 -> แล้วก็หันเข้าไปหายาเสพติดค่ะ
1283.276 -> แล้วนึกสภาพคนที่สุขภาพจิตพังอยู่แล้ว
1285.819 -> สุขภาพกายก็พังอยู่แล้ว แล้วเสพยาเข้าไปอีก
1288.285 -> มันทำให้ทุกครั้งของการไปสตูดิโอของจูดี้
1290.444 -> เหมือนฝันร้ายอะ
1291.726 -> คือมันหลอนไปหมด มันนู่นมันนี่
1294.032 -> คือแบบ โอ้โห เรียกได้ว่าจูดี้คือเหม่อลอย
1296.663 -> บางทีก็หลุด บางทีก็อะไรไปนะคะ
1298.761 -> ทำให้จูดี้อะ เหมือนกับต้องไปหาหมอ
1300.87 -> แล้วทุกครั้งที่จูดี้จำเป็นจะต้องไปหาหมอ
1303.227 -> MGM ก็คือ หักเงินจูดี้แบบโหดมาก
1305.903 -> จนสุดท้ายเนี่ยนะคะ
1306.956 -> จูดี้ทำงานไปเนี่ย ไม่ได้เงินนะทุกคน
1308.891 -> แต่กลายเป็นว่าโดนหักเงินจนมันติดลบ
1310.977 -> แล้วก็ติดเงินสตูดิโออยู่เป็นแสนเหรียญเลยค่ะ
1313.706 -> ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์พวกนี้
1315.108 -> จูดี้ก็คือต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลนะ
1317.09 -> แล้วก็ไปเรียนรู้การกินอาหาร 3 มื้อแบบคนปกติ
1320.546 -> เรียนรู้การนอนแบบคนปกติ กินแบบคนปกติ
1323.337 -> แล้วก็ทำให้จูดี้อาการดีขึ้น
1325.196 -> เสร็จปุ๊บ พอออกจากโรงพยาบาลมา
1326.578 -> เข้าไปที่สตูดิโอ
1327.513 -> สตูดิโอก็ทำใส่จูดี้เหมือนเดิม
1329.078 -> จูดี้ก็กลับไปป่วยอีกรอบนะคะ
1330.813 -> จนกระทั่งในที่สุดนะคะ ในปี 1969 เนี่ย
1333.644 -> จูดี้ การ์แลนด์ก็จากพวกเราไปค่ะ
1335.575 -> ด้วยอาการเสพยานอนหลับเกินโดสนะคะ
1337.883 -> แล้วก็เป็นยานอนหลับ
1338.802 -> ตัวเดียวกับที่สตูดิโอบังคับให้กิน
1340.749 -> มาตั้งแต่เด็กนั่นละค่ะ
1341.785 -> ซึ่งจูดี้ก็เสียชีวิตไปโดยที่แบบ
1343.935 -> อายุไม่ได้เยอะเลยอะทุกคน
1345.033 -> คืออายุแค่แบบ 47 เท่านั้นนะคะ
1346.69 -> ก็เรียกได้ว่า
1347.501 -> เป็นหนึ่งในชีวิตที่น่าสงสารมาก ๆ
1349.802 -> ที่เกิดจากการกระทำของฮอลลิวูดค่ะ
1351.904 -> แล้วทีนี้ถามว่า เรื่องน่าเศร้าทั้งหมดนี้
1353.702 -> มันไปจบลงตรงไหนนะคะ
1354.803 -> ก็ต้องบอกว่าแรก ๆ เนี่ย
1356.166 -> มันก็ไม่จบหรอกทุกคน
1357.232 -> เพราะว่าทุกอย่างที่ทุกคนทำลงไป
1359.235 -> มันมีการเซ็นสัญญาเอาไว้แล้วไง
1361.251 -> ว่าฉันจะยอมให้สตูดิโอเข้ามายุ่งกับชีวิตฉัน
1364.068 -> ฉันนู่นฉันนี่
1364.789 -> ถึงมันจะเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
1366.051 -> แต่ว่าในยุคสมัยนั้นเขาก็ถือว่า
1368.005 -> ก็มีสัญญาแล้วไง แล้วจะทำอะไรได้นะคะ
1370.101 -> แต่ว่าในที่สุดค่ะ
1371.037 -> ระบบสตูดิโอของฮอลลิวูดเนี่ย
1373.038 -> ค่อย ๆ หายไป ๆ เรื่อย ๆ ค่ะ
1374.918 -> เหตุผลนี่ก็จะมีหลายอย่างเลยนะคะ
1376.789 -> ยกตัวอย่างเช่น อย่างแรกเนี่ย
1378.223 -> ศาลเป็นคนสั่งค่ะ บอกว่า
1379.52 -> ระบอบของสตูดิโอนะ ที่ตั้งแต่ผลิต
1382.215 -> ตั้งแต่ต้นน้ำมาจนถึงฉายหนังปลายน้ำเนี่ย
1384.887 -> มันเป็นการผูกขาดมากเกินไป
1387.089 -> ศาลบอกว่ามันไม่โอเคแล้วนะ
1388.937 -> นี่มันเป็นการขายหนังแบบเหมาเข่ง
1390.829 -> เธอจะต้องไม่มีโรงหนังของตัวเองอะไรของตัวเอง
1393.877 -> สุดท้ายมันก็เลยทำให้
1394.833 -> สตูดิโอใหญ่ 5 สตูดิโอเนี่ยนะคะ
1396.599 -> ที่มีโรงหนังของตัวเองเนี่ย
1398.049 -> จำเป็นจะต้องขายโรงหนังออกไปค่ะ
1400.215 -> แล้วก็ทำให้การผลิตภาพยนตร์เดิมเนี่ย
1402.727 -> จำเป็นจะต้องลดลง
1403.717 -> คือไม่เน้นปริมาณแล้ว
1404.921 -> แต่ว่าหันมาเน้นคุณภาพแทนค่ะ
1406.668 -> เพราะว่าแต่เดิมเนี่ย
1407.734 -> ผลิตขึ้นมาเยอะแค่ไหน
1408.984 -> โรงหนังก็ต้องรับฉายใช่ปะ
1410.452 -> เพราะว่ามันเป็นโรงหนังของตัวเอง
1411.554 -> แต่ว่าในยุคนี้
1412.499 -> โรงหนังมันเป็นโรงหนังอื่น ๆ แล้วไง
1414.548 -> ดังนั้นถ้าหนังไม่ได้คุณภาพ
1416.049 -> ฝั่งโรงหนังก็มีสิทธิบอกว่า
1417.585 -> เฮ้ย เรื่องนี้นี่เอาแต่ปริมาณไม่ใช่คุณภาพนี่
1420.117 -> เราไม่ฉาย เราไม่อะไรอย่างนี้
1421.603 -> ทางฝั่งสตูดิโอเขาก็เลยต้อง
1423.035 -> ผลิตงานที่มีคุณภาพมากขึ้นนะคะ
1424.984 -> ส่วนสาเหตุที่ 2 เนี่ยนะคะ
1426.286 -> ก็เพราะว่าคนดูเนี่ย
1427.601 -> เริ่มเบื่อหนังสไตล์ฮอลลิวูดค่ะ
1430.052 -> เพราะว่าช่วงนั้นมันมีการเซ็นเซอร์เยอะ
1431.92 -> แล้วเหมือนเทคโนโลยีมันพัฒนา
1433.57 -> มันก็เริ่มมีหนังอินดี้
1434.953 -> เริ่มมีหนังจากฝั่งยุโรป จากอะไรเข้ามานะคะ
1437.559 -> คนก็บอกว่า เออ งั้นฉันไม่ดูฮอลลิวูดก็ได้
1439.426 -> ฉันไปดูอย่างอื่นดีกว่า
1440.526 -> มันก็ทำให้ความยิ่งใหญ่ของพวกสตูดิโอ
1442.98 -> มันลดลงค่ะ
1443.825 -> และอย่างที่ 3 นะคะ
1444.779 -> ที่กระทบกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์หนัก ๆ เลย
1447.131 -> ก็คือการเข้ามาของโทรทัศน์ค่ะ
1449.429 -> ที่คนเนี่ย เวลาจะดูภาพเคลื่อนไหว
1451.295 -> ก็คือไม่จำเป็นต้องไปดูในโรงหนังแล้ว
1453.029 -> ไม่จำเป็นต้องไปดูหนังใหญ่แล้ว
1454.668 -> แต่ว่าสามารถดูโทรทัศน์ ดูละคร
1456.83 -> ดูอะไรที่มันเล็กลง แล้วก็อยู่ที่บ้านได้นะคะ
1459.395 -> 3 สิ่งนี้ทำให้อำนาจของสตูดิโอ
1461.746 -> เหมือนลดลง กำไรน้อยลง
1463.582 -> ก็คือไม่ยิ่งใหญ่เท่าเดิมแล้วค่ะ
1465.596 -> แล้วสุดท้ายเลยเนี่ยนะคะ
1466.495 -> สิ่งที่ทำให้เหล่าสตูดิโอทั้งหลายเนี่ย
1468.71 -> จำเป็นจะต้องฟังเสียงของนักแสดงมากขึ้น
1470.908 -> ก็คือเหล่านักแสดงที่ดังไปก่อนหน้านี้นี่ละ
1473.909 -> คือแต่ก่อนอะ
1474.729 -> สตูดิโอใหญ่กว่านักแสดง นึกออกปะ
1476.408 -> แต่หลังจากที่สตูดิโอสร้างนักแสดงขึ้นมา
1478.661 -> หลายต่อหลายรุ่นเนี่ยนะคะ
1479.81 -> มันก็เริ่มมีนักแสดงที่มีชื่อเสียง
1481.611 -> แล้วก็มีปากมีเสียงจริง ๆ
1483.241 -> ลุกขึ้นมาพูดถึงสิทธิของตัวเองค่ะ
1485.205 -> ยกตัวอย่างเช่น เบ็ตตี้ เดวิสนะคะ
1486.828 -> ที่เป็นคนแรกเลย ที่ลุกขึ้นมาในปี 1930 นะ
1489.978 -> แล้วบอกว่า ฉันขอฟ้องสตูดิโอกลับ
1491.577 -> ฉันจะไม่ทนอีกต่อไป
1493.093 -> คือเบ็ตตี้ เดวิสเนี่ย
1494.147 -> อยากจะฉีดสัญญาของตัวเองค่ะ
1495.661 -> เพราะว่าในสัญญา สตูดิโอระบุว่า
1497.829 -> เธอ เธอจะไปร่วมงานกับคนอื่นไม่ได้นะ
1500.013 -> จะต้องร่วมงานกับสตูดิโอเราอย่างเดียว
1501.694 -> แล้วมันก็ทำให้เบ็ตตี้เสียโอกาสไปเยอะมากนะคะ
1504.337 -> ดังนั้นก็เลยลุกขึ้นมาฟ้องร้องกัน
1506.061 -> แต่ว่าประเด็นนี้
1506.944 -> มันอาจจะเป็นประเด็นที่อ่อนไปนิดนึง
1508.456 -> ดังนั้นในครั้งนี้ศาลก็ตัดสินให้สตูดิโอชนะนะ
1511.865 -> แต่อย่างไรก็ตาม
1512.796 -> มันก็เป็นหมุดหมายค่ะ ที่ทำให้คนรู้ว่า
1515.051 -> เฮ้ย ฉันไม่จำเป็นต้องยอมนี่หว่า
1516.801 -> ฉันฟ้องสตูดิโอได้นะ
1517.948 -> จนกระทั่งในช่วง 1950 นะคะ
1520.195 -> เราก็จะเห็นเลยค่ะว่า
1521.232 -> จะมีนักแสดงหลายต่อหลายคนเนี่ย
1522.979 -> ลุกขึ้นมา แล้วก็มาสู้กับสตูดิโอจริง ๆ จัง ๆ
1525.664 -> ในประเด็นที่
1526.434 -> เฮ้ย อันนี้สตูดิโอไม่โอเคจริง ๆ นะคะ
1528.501 -> ไม่ว่าจะเป็นโอลิเวีย เดอ ฮาร์วิลแลนด์
1530.291 -> เจน เกียร์ มาริลิน มอนโรเองนะคะ
1532.439 -> ก็มีการลุกขึ้นมาฟ้องสตูดิโอ
1534.432 -> ลุกขึ้นมาเรียกร้องอะไรอย่างนี้ค่ะ
1535.947 -> หลายคนก็เริ่มมีการปฏิเสธนะคะ
1537.55 -> ว่าบทที่เธอให้ฉันเล่นเนี่ย
1538.93 -> ฉันไม่เอานะ บทนี้ไม่ดี
1540.282 -> บทนี้ทำให้ฉันรู้สึกแย่
1541.699 -> จากเดิมที่ไม่มีปากไม่มีเสียง
1543.247 -> สตูดิโอบอกให้เล่นก็ต้องเล่นเนี่ย
1544.849 -> ก็เริ่มมีการตัดสินใจแบบนี้มากขึ้นค่ะ
1547.035 -> หรือบางคนก็ลุกขึ้นมาฟ้องเพื่อฉีกสัญญาทาส
1549.645 -> เฮ้ย สัญญาที่เธอให้ฉันเซ็นมันไม่โอเค
1551.865 -> มันเป็นทาสเกินไป
1552.948 -> และแล้วนะคะ
1553.765 -> หมุดหมายสำคัญของวงการฮอลลิวูดเนี่ย
1555.617 -> ก็เกิดขึ้นในปี 1959 ค่ะ
1557.865 -> เมื่อมีนักแสดงคนหนึ่งนะคะ
1559.197 -> ชื่อว่าเชอร์ลีย์ แม็กเคลนค่ะ
1560.651 -> เขาลุกขึ้นมา
1561.516 -> แล้วก็ไปฟ้องโปรดิวเซอร์ของตัวเองนะ ว่า
1563.277 -> เธอ เธอทำให้ฉันเซ็นสัญญาทาสแบบนี้ไม่ได้
1565.282 -> ฉันต้องการจะฉีกสัญญานี้
1566.669 -> แล้วจุดนี้เองที่เขาชนะเนี่ย
1568.564 -> มันก็กลายเป็นหมุดหมายสำคัญนะคะ
1570.201 -> ที่บอกว่า ระบบสตูดิโอเนี่ย จบลงแล้วค่ะ
1572.969 -> พวกเธอจะควบคุมชีวิตฉันไม่ได้อีกต่อไปนะ
1575.451 -> ทีนี้พอมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเนี่ยนะคะ
1577.432 -> มันก็ทำให้เหล่าดารารุ่นใหม่ ๆ เนี่ย
1579.35 -> ที่จะเข้ามาเซ็นสัญญาหรืออะไร
1581.051 -> ก็เริ่มรู้กันมากขึ้นว่า
1582.35 -> เฮ้ย เธอต้องอ่านสัญญาดี ๆ
1583.9 -> สัญญาทาสแบบนี้อย่าไปเซ็น อะไรอย่างนี้
1585.978 -> ดังนั้นมันก็เหมือนว่า
1587.049 -> ทุกคนก็ระวังตัวเอง
1588.584 -> แล้วก็ทำให้ระบบสัญญาทาสอะไรเนี่ย
1590.837 -> ค่อย ๆ จางหายไปค่ะ
1592.201 -> ซึ่งถ้าเรามาพูดถึงฮอลลิวูดในยุคปัจจุบันเนี่ย
1594.48 -> เราจะเห็นว่าเรื่องของภาพลักษณ์ดารา
1596.521 -> เรื่องของการบังคับชีวิตดารานู่นนี่นั่นเนี่ย
1599.076 -> มันจางลงไปมาก ๆ แล้ว
1600.42 -> แล้วมันก็ดีขึ้นแบบ โอ้โห
1601.834 -> เรียกได้ว่าเป็นคนละเรื่องเลยกับสมัยก่อนนะคะ
1604.116 -> นักแสดงก็มีปากมีเสียงมากขึ้น
1606.133 -> ต่อรองได้มาขึ้นว่า
1607.321 -> เรื่องนี้รับ เรื่องนี้ไม่รับ
1608.688 -> รับมาแล้ว ฉันจะดูแลร่างกายของตัวเองยังไง
1611.484 -> จะให้ฉันมาลดน้ำหนักแบบนี้ไม่ได้นะ
1613.401 -> ฉันจะต้องสุขภาพดีอยู่
1614.734 -> ก็คือไม่ได้โดนบงการชีวิต
1616.354 -> เท่ากับสมัยก่อนแล้วค่ะ
1617.624 -> อย่างไรก็ตามนะคะ
1618.62 -> ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะสะอาดหมดจดทั้งหมด
1621.203 -> ฮอลลิวูดตอนนี้เป็นดินแดนในฝันนะ
1623.619 -> เพราะว่ามันก็ยังมีอิทธิพลมีอะไร
1625.768 -> ในวงการฮอลลิวูดเป็นปกติค่ะ
1627.387 -> ไม่งั้นเราจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบ
1628.936 -> ฮาร์วีย์ ไวน์สไตน์
1629.771 -> ที่มีการล่วงละเมิดทางเพศ
1631.526 -> จนทำให้เกิดกระแส Me too อะไรอย่างนี้
1633.639 -> เกิดขึ้นในฮอลลิวูดนะคะ
1635.004 -> แต่เราก็จะเห็นไง ว่าในปัจจุบัน
1636.57 -> คนก็ไม่ได้เงียบแบบแต่ก่อนแล้ว
1638.341 -> คือต่อให้เขาจะล่วงละเมิดทางเพศมา 30 ปี
1640.788 -> แต่ว่าทุกวันนี้นักแสดงหญิงก็ไม่ยอมแล้ว
1643.088 -> ก็ลุกขึ้นมาต่อต้านกัน ฟ้องร้องนู่นนี่นั่น
1646.004 -> จนกระทั่งกลายเป็นกระแส Me too
1647.684 -> แบบที่เราเห็นกันก่อนหน้านี้นี่แหละ
1649.538 -> อย่างไรก็ตามนะคะ
1650.418 -> ฮอลลิวูดนี่เป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างดีเลย
1652.258 -> ที่เราจะเห็นว่า
1653.045 -> ถึงสมัยนั้นจะดูว่า
1654.574 -> เธอเซ็นสัญญาไปแล้ว เธอไม่มีโอกาส
1656.423 -> เธอเรียกร้องอะไรไม่ได้
1657.824 -> แต่สุดท้ายมันก็มีคนที่เรียกร้องได้นะ
1660.048 -> แล้วมันก็ทำให้ทุกอย่างค่อย ๆ พัฒนาไปดีขึ้น
1662.778 -> แม้ว่ามันจะใช้เวลาสักหน่อยค่ะ
1664.378 -> ดังนั้นมันก็เป็นเหมือนตัวอย่าง
1665.74 -> ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์
1667.004 -> หรืออุตสาหกรรมบันเทิงในที่อื่น ๆ แหละ
1668.695 -> แต่ใดใดก็ตามนะคะ ทั้งหมดนี้
1669.967 -> ก็คือเรื่องราวด้านมืดของฮอลลิวูด
1671.664 -> ที่วิวเก็บมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
1673.13 -> ก็หวังว่าจะทำให้ทุกคนเข้าใจได้แหละว่า
1675.519 -> อืม กว่าจะมาเป็นหนัง
1676.765 -> มาเป็นภาพยนตร์ที่สวยงาม
1678.303 -> ให้เราเห็นได้ในจอแบบทุกวันนี้นะคะ
1680.652 -> นักแสดงแต่ละคนแต่ละยุคแต่ละสมัย
1682.49 -> เขาจะต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต่อสู้อะไรมาบ้างค่ะ
1685.071 -> ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะ
1686.253 -> อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
1687.555 -> แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาดูด้วยกันค่ะ
1689.415 -> แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ ทุกคน
1690.856 -> บ๊ายบาย
1691.687 -> สวัสดีค่ะ
1692.438 -> จริง ๆ แล้วที่วิวหยิบมาเล่าให้ทุกคนฟังเนี่ย
1694.105 -> มันก็เป็นแค่เสี้ยวเล็กมาก ๆ
1695.707 -> เกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์
1697.192 -> ที่มันก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรม
1698.771 -> ที่มีประวัติศาสตร์
1699.622 -> มีอะไรน่าสนใจเยอะมาก ๆ เลยนะคะ
1701.639 -> ถ้าใครอยากฟัง
1702.454 -> ก็ลองคอมเมนต์มาด้านล่างได้แล้วกันค่ะ
1704.389 -> เผื่อว่าวิวจะหยิบมาเล่าให้ฟังนะคะ
1706.199 -> แต่สำหรับวันนี้เรื่องอาจจะเศร้านิดนึง
1707.972 -> แต่วิวคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่
1709.955 -> เราไม่ควรดูแต่ฉากหน้านะ
1711.441 -> เราก็น่าจะเห็นฉากหลังด้วยว่า
1713.36 -> กว่าจะเห็นฉากหน้าสวย ๆ แบบนี้
1715.059 -> ฉากหลังมันเป็นอะไรบ้าง
1716.208 -> ก็เลยหยิบมาเล่าให้ฟังค่ะ
1717.193 -> เอาเป็นว่าวันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะ ทุกคน
1718.987 -> บ๊ายบาย
1719.827 -> สวัสดีค่ะ

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=8ZqJYHjQdng