5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว ตอนที่ 2 by หมอแอมป์ [Dr. Amp Guide👨‍⚕️ & Dr.Amp Podcast]

5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว ตอนที่ 2 by หมอแอมป์ [Dr. Amp Guide👨‍⚕️ & Dr.Amp Podcast]


5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว ตอนที่ 2 by หมอแอมป์ [Dr. Amp Guide👨‍⚕️ & Dr.Amp Podcast]

รายการ Dr.Amp Podcast เรื่องเล่าสุขภาพดี กับ หมอแอมป์
ตอน “5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว ตอนที่ 2” โดย นพ. ตนุพล วิรุฬหการุญ
-ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และ ผู้อำนวยการ BDMS Welness Clinic
-ผู้อำนวยการ RoyalLife โรงพยาบาลกรุงเทพ
-นายกสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน กรุงเทพ (BARSO)
ตอนที่ 2

0:00 5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว ตอนที่ 2
00:54 3. วิตามินดี
10:10 อาหารที่มีวิตามินดี
12:55 4. กรดอัลฟาไลโปอีก
19:09 5. แอสตาแซนธิน
19:20 อาหารที่มีแอสตาแซนธิน

🌐http://www.dramp.com
➡️Instagram: DrAmp Team
➡️Spotify: Dr.Amp Team
© drampCopyright 2020

- เทปนี้มีลิขสิทธิ์ ห้ามนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต มีผลในทางกฎหมาย -

ปล.เป็นคลิปให้คำแนะนำแก่ผู้รักสุขภาพที่ยังไม่ป่วยและต้องการป้องกันโรคให้ตัวเอง สำหรับผู้ที่มีโรคแล้วยังไม่ควรทำตามและควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจาก หมอแอมป์

--------------------
Reference:
1.Chaiyodsilp S, Pureekul T, Srisuk Y, Euathanikkanon C. A cross section study of Vitamin D levels in Thai office workers. The Bangkok Medical Journal. 2015 Feb 20;9:8-.
2.National Institutes of Health (NIH) The Office of Dietary Supplements, ODS. Vitamin D Fact Sheet for Health Professionals. [Internet]. 2020. (accessed on June 24, 2020) Available from: https://ods.od.nih.gov/factsheets/Vit
3.Gold LF. Calcitriol ointment: optimizing psoriasis therapy. Journal of Drugs in Dermatology: JDD. 2009 Aug 1;8(8 Suppl):s23-7.
4.Linus Pauling Institute » Micronutrient Information Center. Vitamin D. [Internet]. 2020. (accessed on June 24, 2020) Available from: https://lpi.oregonstate.edu/mic/vitam
5.Ghanaati S, Choukroun J, Volz U, Hueber R, Mourão CF, Sader R, Kawase-Koga Y, Mazhari R, Amrein K, Meybohm P, Al-Maawi S. One hundred years after Vitamin D discovery: Is there clinical evidence for supplementation doses?. International Journal of Growth Factors and Stem Cells in Dentistry. 2020 Jan 1;3(1):3.
6.Draelos ZD. An Oral Supplement and the Nutrition-Skin Connection. J Clin Aesthet Dermatol. 2019;12(7):13-6.
7.SEPULVEDA-VILLEGAS, Maricruz; ELIZONDO-MONTEMAYOR, Leticia; TREVINO, Victor. Identification and analysis of 35 genes associated with vitamin D deficiency: A systematic review to identify genetic variants. The Journal of Steroid Biochemistry and Molecular Biology, 2020, 196: 105516.
8.PACKER, Lester; CADENAS, Enrique. Lipoic acid: energy metabolism and redox regulation of transcription and cell signaling. Journal of Clinical Biochemistry and Nutrition, 2010, 48.1: 26-32.
9.Gorąca A, Huk-Kolega H, Piechota A, Kleniewska P, Ciejka E, Skibska B. Lipoic acid-biological activity and therapeutic potential. Pharmacological Reports. 2011;63(4):849-58.
10.KUCUKGONCU, Suat, et al. Alpha‐lipoic acid (ALA) as a supplementation for weight loss: results from a meta‐analysis of randomized controlled trials. Obesity reviews, 2017, 18.5: 594-601.
11.Kim YK, Chyun JH. The effects of astaxanthin supplements on lipid peroxidation and antioxidant status in postmenopausal women. Nutritional Sciences. 2004 Jan 1;7(1):41-6.
12.Choi HD, Youn YK, Shin WG. Positive effects of astaxanthin on lipid profiles and oxidative stress in overweight subjects. Plant foods for human nutrition. 2011 Nov 1;66(4):363-9.
13.Iwabayashi M, Fujioka N, Nomoto K, Miyazaki R, Takahashi H, Hibino S, Takahashi Y, Nishikawa K, Nishida M, Yonei Y. Efficacy and safety of eight-week treatment with astaxanthin in individuals screened for increased oxidative stress burden. Anti-Aging Medicine. 2009;6(4):15-21.
14.Chew W, Mathison BD, Kimble LL, Mixter PF, Chew BP. Astaxanthin decreases inflammatory biomarkers associated with cardiovascular disease in human umbilical vein endothelial cells. Am J Adv Food Sci Technol. 2013;1:1-7.
15.Yoshida H, Yanai H, Ito K, Tomono Y, Koikeda T, Tsukahara H, Tada N. Administration of natural astaxanthin increases serum HDL-cholesterol and adiponectin in subjects with mild hyperlipidemia. Atherosclerosis. 2010 Apr 1;209(2):520-3.
16.Davinelli S, Nielsen ME, Scapagnini G. Astaxanthin in skin health, repair, and disease: A comprehensive review. Nutrients. 2018 Apr;10(4):522.

#DrAmpGuide #หมอแอมป์ #วิตามิน #บำรุงผิว #สุขภาพดี #เวชศาสตร์ชะลอวัย


Content

12.42 -> สวัสดีครับท่านผู้ฟังทุกท่าน
14.42 -> พบกับรายการ Dr.Amp Podcast เรื่องเล่าสุขภาพดี
18.6 -> กับผม หมอแอมป์ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ
23.04 -> อาทิตย์นี้ครับเรามาต่อกันเลยนะครับ ในชื่อตอนที่ว่า
27.94 -> 5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว ตอนที่ 2
31.5 -> ในอาทิตย์ที่แล้วเราพูดกันไปถึงวิตามินที่มีส่วนช่วยเป็นปุ๋ย
37.78 -> ในการบำรุงผิวพรรณเราให้กระจ่าง สดชื่น อ่อนเยาว์ขึ้น
43.84 -> ไป 2 ตัวละ
45.08 -> อันที่ 1 วิตามินซี
47.56 -> อันดับที่ 2 วิตามินอี
50.6 -> ลำดับที่ 3 อาทิตย์นี้ครับ เราไปต่อกันเลยกับวิตามินดี
55.4 -> เป็นอีก 1 ตัวที่หมอเลือกให้เข้ามาอยู่ในชาร์ตของเราด้วย
59.24 -> วิตามินดี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ถูกต้องครับ
64.32 -> เมื่อไหร่ที่วิตามินละลายในไขมัน
68.36 -> เราต้องคำนึงถึงเวลาเรากินเข้าไป
71.6 -> มากกว่าวิตามินที่ละลายในน้ำนิดหนึ่งนะครับ
74.56 -> เพราะว่าวิตามินที่ละลายในน้ำ ถ้ามากเกินไป
77.84 -> ยังพอขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะได้ง่ายหน่อย
81.48 -> แต่ถ้าเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น เอ ดี อี เค
87.72 -> ถ้าเยอะเกินไป เขาละลายในไขมัน
90.88 -> การขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะก็จะช้ากว่าปกติ
95.16 -> เพราะฉะนั้นถ้าเยอะเกิน แล้วเข้าไปเป็นระดับเป็นพิษ
99.48 -> แบบนี้ก็จะอันตรายพอสมควร
102.28 -> ทำให้ร่างกายตกค้างอยู่เยอะ อยู่นานกว่าปกติ
105.96 -> วิตามินดี มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
110.4 -> และฟอสฟอรัสสู่ร่างกายหรือดึงกลับมา
113.6 -> จึงทำให้วิตามินดีมีประสิทธิภาพในการบำรุงระบบกล้ามเนื้อ
118.4 -> และกระดูก ช่วยป้องกันกระดูกพรุน
121.32 -> วิตามินดี สร้างจากเซลล์ผิวหนัง
124.84 -> เซลล์ผิวหนังจะมีตัวหนึ่ง ชื่อว่า คีราติโนไซต์ (Keratinocytes)
128.8 -> คีราติโนไซต์ จะรับแสงรังสียูวี-บีจากแสงอาทิตย์
133.72 -> แล้วร่างกายเราจะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินดี
137.52 -> เพราะฉะนั้นเวลาที่รับแสงเข้ามา
140.16 -> คีราติโนไซต์ จะเปลี่ยนคอเลสเตอรอล
143.48 -> ชื่อเต็มๆ คือ 7-Dehydrocholesterol หรือ 7-DHC
149.04 -> ไปเป็นวิตามินดี
150.64 -> แสดงว่าคอเลสเตอรอล ถ้าเป็นคอเลสเตอรอลดี
154.08 -> ก็จะมีประโยชน์ บางครั้งก็ไปทำเรื่องผิว
157.56 -> ไม่ได้มีแค่โทษอย่างเดียว
159.72 -> มีการวิจัยไว้ใน The Bangkok Medical Journal ในปี 2015
165.48 -> ทำในพนักงานออฟฟิศประมาณ 211 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
170.52 -> พบว่า 36.5% หรือประมาณ 1 ใน 3 มีภาวะขาดวิตามินดี
177.08 -> ถ้าเราจะไปดูตัวเลขจากทั่วโลกนี่เยอะมากเลยนะครับ
180.92 -> มีการประเมินว่ามีคนประมาณ 1,000 ล้านคนทั่วโลก
185.52 -> หรือประมาณ 15% ที่มีภาวะขาดวิตามินดี
190.64 -> กลุ่มไหนบ้างที่เสี่ยงจะขาดวิตามินดี
194.12 -> 1. กลุ่มคนที่มีสีผิวเข้ม ก็จะมีเม็ดสีมาบล็อกไว้
199.6 -> ทำให้การดูดซึมวิตามินดีไม่ค่อยดี
202.52 -> กลุ่มที่ 2 ผู้สูงอายุ
204.8 -> กลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยโรคอ้วน หรือคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน
209.08 -> วิตามินดีก็จะใช้เยอะแล้วก็ขาดแคลน
212.4 -> กลุ่มผู้ป่วยโรคไต กลุ่มผู้ป่วยโรคตับด้วย
215.76 -> นี่คือ 4-5 กลุ่มที่เสี่ยงมีภาวะขาดวิตามินดี
221.2 -> วิตามินดีมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนนะครับ
224.88 -> การวิจัยในช่วงหลังๆ ไปตั้งชื่อว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่วิตามินนะ
230.12 -> เพราะว่ามีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศเนี่ย
232.6 -> ต้องเป็นฮอร์โมนดี ไม่ใช่วิตามินดี
235.08 -> เพราะมีสรรพคุณเยอะมากกว่าวิตามินปกติ
238.2 -> บทบาทสำคัญในการวิจัยว่าวิตามินดี
241.88 -> ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องบำรุงผิวอย่างเดียว
243.96 -> เขาช่วยหลายระบบมาก
245.52 -> ไม่ว่าจะเป็นระบบภูมิต้านทาน
248.04 -> ช่วยในการต่อสู้กับเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส
252.44 -> การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
254.64 -> ช่วยบำรุงระบบทางเดินอาหาร
257.96 -> ระบบหลอดเลือด ระบบเส้นเลือด
260.12 -> มีการวิจัยเลยนะครับ ว่าวิตามินดีเนี่ย
262.48 -> เกี่ยวพันและมีส่วนช่วยกับการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
267.6 -> มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก
269.84 -> หรือลดอัตราการเป็น ลดอัตราความเสี่ยงของมะเร็งต่างๆ ได้
273.96 -> วิตามินดีช่วยให้สมองหลั่งสารซีโรโทนิน
277.92 -> หรือว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขนี่แหละครับ
280.72 -> ช่วยลดความเครียดครับ
282.44 -> ด้านผิวพรรณ เรามาคุยกันหน่อย วันนี้หัวข้อเราผิวพรรณใช่ไหม
286.16 -> วิตามินดี มีส่วนช่วยในการแบ่งเซลล์
289.72 -> หรือว่า Cell Proliferation
291.6 -> ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว Delay Skin Aging
295.52 -> รอยย่นมาช้า รอยเหี่ยวมาช้า
297.96 -> หน้าชุ่มชื้น หน้าตึง
300.28 -> บำรุงผิวพรรณให้สดชื่นอ่อนเยาว์
302.76 -> ปกป้องคุ้มครองเซลล์ผิวหนังจากศัตรู
305.52 -> ถ้ามีการอักเสบ วิตามินดีก็ช่วยได้ดีทีเดียว
309.24 -> วิตามินดีมีประโยชน์อันต่อไปคือ
312.44 -> เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
315.48 -> โดยเฉพาะในกีฬาที่ต้องใช้ความอึด ความอดทน
319.88 -> เช่น วิ่งมาราธอน ปั่นจักรยาน ไตรกีฬาแบบนี้
324.04 -> วิตามินดีก็เลยมีส่วนในการเพิ่ม Endurance
327.12 -> หรือว่าความอึดของร่างกาย
329.16 -> มีการวิจัยไว้ใน
331.16 -> Journal of Drugs in Dermatology ในปี 2009
335.44 -> การทาครีมแคลซิไตรออล (Calcitriol)
337.76 -> แคลซิไตรออล เป็นวิตามินดีที่มนุษย์สร้างขึ้น
341.12 -> ครีมที่ใส่แคลซิไตรออลหรือวิตามินดีเนี่ย
344.24 -> ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองในผู้ป่วย
347.04 -> ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินหรือโรคผิวหนังนั่นเอง
349.84 -> แสดงว่าวิตามินดีรักษาบำรุงผิว ไม่ใช่แค่เรื่องของความชุ่มชื้น
354.92 -> ยังรักษาเรื่องการอักเสบเป็นแผล หรือว่าแผลสิวได้ด้วย
359.04 -> มีการวิจัยอีกครับ จากมหาวิทยาลัยออริกอน
363.32 -> Linus Pauling Institute วิจัยไว้ว่า
366.52 -> มนุษย์ควรจะได้รับวิตามินดี ประมาณ 600 IU ต่อวัน
371.52 -> IU คือ International Unit
375 -> เวลาเราไปดูวิตามินดี เวลาเราจะไปซื้อ เราอ่านข้างๆ เนี่ย
379.8 -> วันหนึ่งเราต้องการประมาณ 600-1,000 IU ต่อวันก็น่าจะโอเค
385.68 -> ยกเว้นใน 2 คน ก็คือ
387.36 -> 1. กลุ่มคนท้อง
389.36 -> ต้องการวิตามินดีมากกว่าปกติ
391.92 -> และกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุเกิน 70 ปี
396.56 -> คราวนี้เรามาดูว่า Linus Pauling Institute เขาบอกว่า
400.08 -> เฉลี่ยประมาณนี้ สมาคมอื่นก็บอกว่าวิตามินดีประมาณนั้น
404.32 -> ถ้าถามหมอแอมป์นะครับ ว่าวิตามินดีฟันธงให้หน่อยค่ะ
408.44 -> รับประทานโดสเท่าไหร่ดี
410.2 -> ก็เหมือนเดิมครับ เราต้องรู้ก่อนครับว่า
412.96 -> ในเลือดของเรามีระดับวิตามินดีเยอะพอหรือยัง
417.08 -> ถ้าเราตรวจเลือดแล้ววิตามินดีเราเกิน
419.8 -> แสดงว่าทุกวันที่เรากินอยู่นี่พอเพียงอยู่แล้ว
423.16 -> เราก็ไม่ต้องไปหาเสริมให้เสียสตางค์เปล่าๆ
426.6 -> แต่ถ้าเราตรวจแล้ววิตามินดีเราน้อย
430.56 -> เราก็ค่อยไปเสริมเข้าไปจากอาหารการกิน หรือวิตามิน
433.88 -> อันนี้ก็สุดแล้วแต่ชอบ
435.12 -> เช่นเดียวกันกับทุกเรื่องแหละครับ
436.72 -> บางคนได้ฟังมาว่า ทุเรียนดีมากมีประโยชน์
441.4 -> อีกคนได้ฟังมาว่าทุเรียนนี้มีโทษเยอะ
445 -> เอ๊ไม่รู้ใครถูกใครผิด
446.72 -> ก็ต้องขึ้นอยู่กับระดับในเลือด
448.6 -> ถ้าระดับเลือดของคนๆ นั้น น้ำตาลดี ไขมันไม่เกิน
452.36 -> รับประทานทุเรียนเข้าไป ก็คงไม่มีปัญหา
455.4 -> แต่ถ้าคนๆ นั้นน้ำตาลเกินมากอยู่แล้ว ได้ 120, 150
459.8 -> แล้วไปอ่านมาว่าทุเรียนดี ก็เลยเผลอไปกินเยอะ
463.24 -> คราวนี้น้ำตาลก็ไป 200 สิครับ
465.4 -> สรุปแล้วก็คือต้องดูในผลเลือดก่อนครับ
467.36 -> ว่าผลเลือดเรามีน้ำตาลเท่าไหร่
469.32 -> ฉันใดฉันนั้นครับ
470.92 -> ระดับวิตามินดีในเลือดก็มีมาตรฐานของเขาเองอยู่
475.4 -> ปัจจุบันการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับวิตามินดี
478.92 -> ก็จะวัดออกมาเป็น Total 25(OH) Vitamin D3
483.76 -> แล้วก็มีการเจาะ 25(OH) Vitamin D2 ด้วย
487.88 -> รวมๆ ทั้งหมดครับ ควรจะมีเกิน 30 ไมโครกรัมต่อลิตร
492.96 -> ถ้าเรามีไม่เกิน 30 แสดงว่าเราขาดวิตามินดี
496.88 -> ถ้าเรามีเกิน 30 แสดงว่าระดับในเลือดเราใช้ได้
501.24 -> ระดับมาตรฐานควรจะอยู่ที่ 40-80 ไมโครกรัมต่อลิตร
506.2 -> แต่ไม่ควรเกินนะครับ
508.24 -> วิตามินดี ละลายในไขมันใช่ไหมครับ
510.28 -> ก็ต้องมีเพดานไว้หน่อยว่าเกินไปเนี่ยเป็นพิษ
512.68 -> ไม่ควรเกิน 150 ไมโครกรัมต่อลิตรนั่นเอง
517.16 -> มีการวิจัยไว้ในวารสาร Nutrients ในปี 2012 ว่า
521.76 -> ผู้หญิง 83 คนที่มีระดับวิตามินดีในเลือดน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ
526.56 -> จะมีผิวพรรณที่ขาดความชุ่มชื้น
528.92 -> มีผิวพรรณที่เหี่ยวง่าย และเกิดรอยย่นได้มากกว่าคนปกติ
533.72 -> อีกการวิจัยหนึ่งครับ ใน
535.6 -> The Journal of Clinical and Aesthetic Dermatology, 2019
540 -> คณะของ Dr. Charlotte จาก North Carolina
543.72 -> วิจัยไว้ในผู้หญิง 50 คน
546.32 -> ที่รับประทานวิตามินดีเสริมวันละ 600 IU
550.12 -> เป็นเวลาติดต่อกัน 12 อาทิตย์
552.56 -> มีผลในการบำรุงผิว เพิ่มน้ำในเซลล์ ทำให้ผิวอ่อนเยาว์
557.72 -> อย่างมีนัยสำคัญ หรือ Significant
560.76 -> แสดงว่า การวิจัยบอกว่า วิตามินดีมีส่วนบำรุงผิวนั่นเอง
566.76 -> การโดนแดด อยากได้วิตามินดี
570.04 -> โดนแสงแดดวันละประมาณ 15 นาที
573 -> แดดอ่อนๆ ช่วงเช้า แดดอ่อนๆ ช่วงเย็น
576.24 -> ช่วยให้ร่างกายผลิตวิตามินดีได้
578.68 -> แต่ก็ต้องระวังเรื่องยูวีด้วย
580.84 -> บางคนมีปัญหาฝ้ากระอยู่ วิตามินดีก็อยากได้
584.48 -> พอไปตากแดดก็ได้อย่าง เสียอย่าง
586.64 -> แสดงว่าเราก็โดนแดดแต่อย่าแรงนะครับ
589.16 -> แล้วก็ดูสิว่าเราขาดหรือเราเกิน
591.44 -> ถ้าเราขาดเราก็หาอาหารเสริมเติมนิดหน่อยก็น่าจะพอไหว
595.44 -> แต่ให้เริ่มจากอาหารก่อนดีไหมครับ จะได้ง่ายหน่อย
598.76 -> อาหารที่มีวิตามินดีเยอะเป็นส่วนประกอบก็คือ
603.44 -> 1. พวกที่มี D3 เยอะๆ
605.72 -> วิตามินดี เขามี 2 ตัว
606.92 -> มี D2 กับ D3
609 -> อาหารที่ D3 เยอะๆ ก็คือ
612.64 -> ปลาที่มีไขมันมากๆ เช่น ปลาเทราซ์ ปลาแซลมอน
617.4 -> ปลาซาดีน ปลาทู ปลาทูน่า ปลาดุก
621.96 -> ปลาแซลมอน 1 ขีด มีวิตามินดีประมาณ 526 IU
628.68 -> การวิจัยเขาบอกวันหนึ่งประมาณ 600-1,000
631.48 -> ทานปลาแซลมอนขีดหนึ่ง นี่ก็ได้เกือบครบ
634.32 -> ในเห็ด จะมีวิตามิน D2 อยู่เยอะ
637.4 -> ในเห็ด 1 ขีด มีวิตามิน D สูงถึง 1,000 IU เลยนะครับ
642.08 -> ถือว่าสูงมากเลยนะครับเห็ดเนี่ย
643.84 -> เห็ดพอร์โทเบลโล เห็ดใบใหญ่ๆ นะครับ
646.68 -> เห็ดหอมนี่ก็มี เห็ดฟาง เห็ดชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ
650.48 -> เห็ดกระดุม เห็ดมันปูนี่มีเยอะ
653.12 -> เห็ดที่ขึ้นในธรรมชาติ โดนแสงแดด
655.8 -> เกิดขึ้นมาเองเนี่ยจะมีเยอะกว่า
658.28 -> เขาเรียก Wild Mushroom ก็คือเห็ดป่า
660.84 -> ถ้าเห็ดปลูกบางทีเจอแสง เป็นแสงนีออน หรือแสงยูวีก็จะมีน้อย
667.48 -> เพิ่มเติมสักหน่อยแล้วกันนะ
668.96 -> ผลข้างเคียง ถ้าวิตามินดีในเลือดมากเกินไป
673.6 -> ผลข้างเคียงก็คือ คลื่นไส้อาเจียน
676.44 -> เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย
681 -> สูญเสียมวลกระดูกไป
682.96 -> กระทบกระเทือนกับการทำงานของไต
685.04 -> หรืออาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเกิน
687.96 -> หรือ Hypercalcemia ก็เป็นได้
690.2 -> สรุปก็คือหลักการคือต้องทานอย่างเหมาะสมครับ
693.92 -> แล้วในเรื่องวิตามินดีกับรหัสพันธุกรรม ปัจจุบันก็มีการวิจัยว่า
698.76 -> รหัสพันธุกรรมที่มี Gene Mutation หรือมีการกลายพันธุ์
702.92 -> ทำให้บางคนต้องการวิตามินดีมากกว่าคนปกติ
706.44 -> บางคนต้องการน้อยกว่าคนปกติ
708.88 -> Genetic หรือรหัสพันธุกรรมที่มีการวิจัยว่าเกี่ยวเนื่อง
713.2 -> กับเรื่องของการต้องการวิตามินดีในแต่ละวันก็คือยีนที่ชื่อว่า
718.08 -> NADSYN1
721.04 -> หรือยีนตัวที่ 2 ครับ VDR
724.52 -> ตัวที่ 3 ครับ ยีน GC
727.6 -> ตัวที่ 4 ยีน WNT16
731.36 -> ตัวที่ 5 CYP2R1
735.4 -> และตัวสุดท้าย CYP24A1
739.92 -> นี่คือรหัสพันธุกรรมที่ปัจจุบันมีการวิจัยว่า
743.12 -> มีส่วนช่วยในการบอกให้แพทย์รักษาคนไข้ได้อย่างแม่นยำขึ้น
748.96 -> หรือ Precision Medicine มากขึ้น
750.68 -> ก็คือมีการรู้ว่าคนไข้คนนี้ต้องการวิตามินตัวนั้นเยอะ
755.04 -> คนไข้คนนี้ต้องการน้อยกว่าปกติ
757.24 -> ถึงว่าล่ะ บางคนให้เยอะไป ตัวเหลือง ตาเหลือง มือเหลือง
760.6 -> บางคนให้น้อยไป ไม่ค่อยได้ผล ไม่ค่อยออกฤทธิ์
763.48 -> บางคนให้น้อยแต่กลับได้ผลเยอะ
765.48 -> ทั้งหมดขึ้นอยู่กับรหัสตัวเรา
767.56 -> เพราะพันธุกรรมก็คือลายมือเรานั่นแหละครับ
770.4 -> ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด
772 -> นั่นก็คือสรรพคุณคร่าวๆ ของวิตามินดี
775.56 -> ไปกันต่อลำดับที่ 4 กรดอัลฟา-ไลโปอิก (Alpha-Lipoic Acid)
780.52 -> คุ้นชื่อไหมครับ บางคนคุ้น บางคนไม่คุ้น
783.36 -> หรือมีชื่อเล่นว่า ALA
786.44 -> ที่หมอเลือกเข้ามาเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนซี้
789.8 -> วิตามินซี วิตามินอี กรดอัลฟา-ไลโปอิก
793.92 -> นี่คือ 3 ประสานที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงมาก
799.84 -> กรดอัลฟา-ไลโปอิก เป็นกรดไขมันที่สร้างได้ในร่างกายเรา
804.76 -> ภายในเซลล์ที่ชื่อว่าไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)
807.52 -> ไมโทคอนเดรีย เรียกว่า Powerhouse of Cell
810.16 -> หรือว่าโรงงานผลิตพลังงานหรือผลิตไฟฟ้าประจำร่างกายเรา
815.68 -> กรดอัลฟา-ไลโปอิก เป็นตัวสำคัญทำให้โรงงานนี้ขับเคลื่อนได้
821.56 -> ก็คือเป็นเหมือน Energy Booster หรือตัวเพิ่มพลังของเซลล์
826.24 -> มีบทบาทสำคัญมากครับ ALA
828.76 -> ในกระบวนการเผาผลาญ หรือ Metabolism
831.68 -> แล้วมีบทบาทในการผลิตพลังงานของร่างกายเรา
835.84 -> ที่เรียกว่า Energy Production นะครับ
838.36 -> ถ้ามีเยอะเราก็พลังเยอะครับ
840.64 -> เซลล์ดี เซลล์หนุ่ม ร่างกายแข็งแรง
843.96 -> ถ้ามีน้อยก็แก่ชรา หมดแรง ไม่ไหว
847.76 -> ALA มีฤทธิ์ในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระสูงมาก
853.8 -> จึงช่วยปกป้องเซลล์ทั้งหลายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
858.56 -> จากแสงแดด จาก PM2.5 จากบุหรี่
862.12 -> จากการนอนดึก จากความเครียดของเรา
865.16 -> แต่แน่นอนครับ ถ้าเราไม่แก้ต้นเหตุเหล่านั้น
868.08 -> เราจะกินวิตามินเหล่านี้อีกเยอะแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีประโยชน์
873.4 -> กินวิตามินซีเยอะๆ กินวิตามินอีเยอะๆ
876.52 -> กินทั้งหมดที่หมอแอมป์เล่ามา
878.28 -> แล้วยังนอนเที่ยงคืนอยู่ แล้วยังสูบบุหรี่อยู่
882.32 -> ยังดื่มสุราเยอะ ยังทานอาหารขยะ ทานชาไข่มุกมากๆ
886.48 -> น้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง ข้อต่อไม่ดี
890.92 -> ลุกไม่ไหว ก็เลยขี้เกียจ เลยไม่อยากออกกำลังกาย
894.72 -> แล้วก็เริ่มวัฏจักรที่ทำให้ร่างกายเสื่อมลง
898.6 -> ตราบใดที่เราไม่แก้พฤติกรรมเหล่านั้น ผิวไม่กลับมาดีแน่ครับ
902.8 -> เพราะหมอบอกแล้วไงครับว่าคนเราเนี่ย ต้อง Inside Out
906.4 -> หรือดีจากข้างในออกมาข้างนอก
909 -> ถ้าเรานอนดี เราออกกำลังกายดี เรากินดี
915.44 -> ไขมันหรือห่วงยางรอบเอวเราเล็กๆ หรือไม่มี
918.96 -> ไม่เครียด ไม่กังวล ไม่คิดร้าย
922.4 -> จิตใจดี ชอบทำทาน ชอบการให้
925.84 -> เกิดความสุขขึ้นในใจ ทั้งใจก็สุข ร่างกายก็สุข
929.88 -> ผิวเนี่ยตึงขึ้นมาแน่นอนนะครับ
932.56 -> เนื่องด้วยมีเรื่องฮอร์โมนใช่ไหม หมอบอกแล้ว
934.6 -> ไม่ใช่เรื่องเวทมนตร์นะ
935.68 -> ถ้าเราไม่เครียด เราไม่อ้วน เรานอนหลับดี เรานอนหลับลึก
939.76 -> กลางคืนเมื่อผ่านมาโกรทฮอร์โมนไปซ่อมกันเยอะ
942.64 -> ตื่นมาตอนเช้าฮอร์โมนดีๆ เยอะ
944.8 -> ร่างกายกับผิวพรรณก็เปล่งปลั่งขึ้นมานั่นเอง
948.08 -> คราวนี้พอเราทำให้ข้างในสดชื่น เราค่อยมาใส่ปุ๋ยถูกไหมครับ
952.36 -> นี่คือหลักการทำไมหมอไปเปรียบเทียบผิวกับต้นไม้
955.08 -> เราต้องให้ต้นไม้พันธุ์เนี่ยดีๆ ก่อน
958.64 -> แล้วพอเราทำทุกอย่างครบ เรามาใส่ปุ๋ยกันเนี่ย
961.16 -> ก็จะยิ่งเสริมฤทธิ์กันให้ดีกว่าเดิม
963.72 -> วิตามินอี บวกวิตามินซี บวกกรดอัลฟา-ไลโปอิก
968.56 -> เพิ่มประสิทธิภาพ
969.68 -> เพราะวิตามินอี ละลายในไขมัน
972.12 -> วิตามินซี ละลายในน้ำ
974.16 -> ALA ละลายได้ทั้งในไขมันและในน้ำเลยนะ
978.36 -> ก็คือจับทั้ง 2 คนได้
980.16 -> พอรวมพลังเสร็จเขาก็เรียก Super Antioxidant
983.8 -> มีส่วนสำคัญในการบำรุงสุขภาพ ไม่ใช่ผิวหนังอย่างเดียวนะ
988.16 -> เซลล์ต่างๆ ร่างกายต่างๆ
990.12 -> เอาเป็นว่าเป็น 1 ใน 3 องค์ประกอบบำรุงอายุวัฒนะได้เลย
995.48 -> ALA มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของร่างกาย
999.64 -> หรือ Inflammation
1001.16 -> มีการวิจัยไว้เยอะครับว่าช่วยลดการอักเสบจากเบาหวาน
1005.36 -> ใครที่เป็นเบาหวาน ALA ช่วยลดน้ำตาล
1008.32 -> แล้วก็รักษาปลายประสาทจากการทำลายของเบาหวานนานๆ
1013.48 -> มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของโรคมะเร็ง
1017.64 -> โรคหัวใจ แล้วก็โรคตับ
1019.8 -> นี่คือ ALA นี่แหละครับ
1022.04 -> ไปลดการอักเสบผ่านกระบวนการไหน รู้ไว้หน่อยก็ดี
1025.64 -> ผ่านกระบวนการลด Interleukin 6, ICAM-1
1031.4 -> ทั้ง 2 ตัวนี้เป็นตัวสร้างการอักเสบ
1033.84 -> ตัว ALA เราก็ไปต่อสู้นี่แหละครับ
1036.16 -> มีการวิจัยไว้ใน Journal of the World Obesity Federation
1040.92 -> ในปี 2017
1042 -> วิจัยไว้ครับ เขาเอา 12 งานวิจัยย่อยมาวิจัยรีวิวอีกทีหนึ่งครับ
1047.24 -> ในนิตยสาร Obesity Review ครับว่า
1050.4 -> คนที่ทาน ALA หรือ กรดอัลฟา-ไลโปอิก ติดต่อกัน 23 อาทิตย์
1056.36 -> สามารถลดน้ำหนักตัวได้ประมาณ 1.27 กิโลกรัม
1060.52 -> แสดงว่าเจ้า ALA สามารถช่วยร่างกายในการลดการอักเสบ
1064.68 -> เซลล์ไขมันคนเราคือตัวปล่อยการอักเสบออกมาเลย
1068.2 -> คนยิ่งน้ำหนักเกิน ยิ่งเป็นโรคอ้วน
1071.08 -> ร่างกายยิ่งไม่ดี การอักเสบยิ่งเยอะ
1073.4 -> ไปเตะโต๊ะปุ๊บเป็นรอยช้ำ ปวดข้อ
1076.16 -> อักเสบเข่าปวดเข่า อักเสบหัวปวดไมเกรน
1079.6 -> กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ
1082.2 -> โอ้โห อักเสบไปหมด
1084 -> ยิ่งไขมันเยอะ ยิ่งอักเสบเยอะ
1086.48 -> เราต้องระมัดระวังเรื่องโรคอ้วนนะครับ
1088.92 -> ALA นี่แหละครับเขามีบทบาทในการช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา
1093.36 -> พอฟังประสิทธิภาพแล้วก็เริ่มที่จะสนใจขึ้นมาเลยใช่ไหมครับ
1097.52 -> ไปดูกันหน่อยครับว่าอาหารชนิดไหน
1100.08 -> ที่มี ALA เป็นส่วนประกอบเยอะนะครับ
1102.78 -> 1. บร็อคโคลี่ นี่มีเยอะครับ
1105.36 -> ผักโขม คะน้า มะเขือเทศ
1108.36 -> แขนงกะหล่ำบ้านเรานี่ก็มีเยอะ
1110.48 -> ก็จะมีอีกนิดนึงอยู่ในตับแล้วก็เนื้อแดง
1113.32 -> ซึ่งหมอไม่ค่อยแนะนำให้ทานเยอะนะครับ
1115.46 -> เดี๋ยวจะอ้วนนะครับ เพราะว่าไขมันสูง
1118.14 -> มีการวิจัยว่าปริมาณแนะนำต่อวันของ ALA สำหรับมนุษย์คนนึง
1123.64 -> อยู่ที่ประมาณ 300-600 มิลลิกรัมต่อวัน
1127.46 -> ก็ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสักนิดหนึ่งนะครับ
1130.14 -> ว่าแนะนำอย่างไรแล้วก็ร่ากายเราขาดแค่ไหน
1133.92 -> กรดอัลฟา-ไลโปอิก ถ้าทานเยอะเกินไป มีผลข้างเคียงก็คือ
1139.76 -> การปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน
1144.18 -> หรือมีผื่นขึ้นที่ผิวหนังได้
1146.96 -> อันดับที่ 5 ที่เลือกเข้ามาก็คือ แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)
1152.22 -> A-S-T-A-X-A-N-T-H-I-N
1157.26 -> แอสตาแซนธินนี่เป็นสารธรรมชาติ
1161.18 -> กลุ่มที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์
1163.8 -> แคโรทีนอยด์นี่จะเป็นกลุ่มพี่น้องกับพวกฟักทอง พวกแครอท
1168.4 -> พวกจุดเหลืองๆ ที่มีสารเหลืองๆ เช่น มะเขือเทศ พริกหวาน
1173.34 -> แคโรทีนอยด์เป็นสารที่เจอในธรรมชาติ
1176.44 -> ทำให้สัตว์หรือพืช มีสีชมพู หรือสีแดง
1180.18 -> เช่น สีส้มของปลาแซลมอน สีส้มของกุ้ง ของล็อบสเตอร์
1186.12 -> มีอยู่เยอะในสาหร่ายที่ชื่อฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส
1190.96 -> ก็จะมีแอสตาแซนธินอยู่เยอะทีเดียว
1194.44 -> แอสตาแซนธิน โด่งดังมาได้อย่างไร
1197.26 -> ก็มีการวิจัยไปเจอว่าเจ้าตัวนี้มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ
1203.08 -> หรือสิ่งที่เรียกว่า Antioxidant ได้สูงมากๆ
1207.16 -> บางการวิจัยเขาบอกไว้ว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี
1211.34 -> ถึง 65 เท่า
1212.98 -> แต่ตัวเลขก็จะไม่เท่ากัน ต้องไปอ่านหลายอันหน่อย
1215.68 -> หรือมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
1218.98 -> มากกว่าวิตามินอี ถึง 12 เท่า
1221.78 -> เลยไม่น่าแปลกใจนะครับว่า
1223.62 -> ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นครีม วิตามิน ยาสีฟัน
1227.98 -> มีการพูดถึงหรือใส่แอสตาแซนธินเข้าไปเยอะทีเดียว
1232.7 -> มีการวิจัยในวารสารการแพทย์
1235.8 -> The Journal of the Polish Biochemical Society ABP
1239.58 -> ของโปแลนด์ ในปี 2012 ว่า
1242.2 -> การใช้แอสตาแซนธินแบบทาผิว
1245.22 -> ร่วมกับการรับประทานแอสตาแซนธินแบบเม็ดเข้าไปด้วย
1248.98 -> มีส่วนช่วยในการลดรอยเหี่ยวย่น ลดรอยตีนกา
1252.9 -> ลดจุดด่างดำของผิวพรรณ
1254.84 -> และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของการบำรุงผิว
1258.1 -> อันนี้ก็มีงานวิจัยมาบอกไว้
1259.94 -> เพราะฉะนั้นแล้วประสิทธิภาพของแอสตาแซนธินเนี่ย
1263.5 -> ก็เลยเด่นในเรื่องของการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ
1267.52 -> มีส่วนช่วยอื่นอีกนะครับในการบำรุงร่างกาย
1271.06 -> เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เรามีของมีประสิทธิภาพ
1274.54 -> เข้าไปต่อต้านสารอนุมูลอิสะเนี่ย
1276.6 -> ร่างกายอวัยวะอื่นเขาก็กำลังเจอปัญหาเหมือนกัน
1279.94 -> เวลาเจ้าตัวนี้มีประสิทธิภาพเยอะๆ นะครับ
1282.46 -> ก็สามารถเข้าไปบำรุงสมอง บำรุงความจำ
1287.24 -> บำรุงสายตา จากการใช้งานหนัก
1289.92 -> แอสตาแซนธินบำรุงจอประสาทตาได้ดี
1292.86 -> บำรุงภูมิต้านทานของร่างกาย
1295.36 -> เพิ่ม NK Cell Activity
1298.5 -> มีการวิจัยไว้ว่าเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย
1301.18 -> ในการออกกำลังกายที่ต้องใช้ความอดทน หรือความอึด
1304.46 -> หรือที่เรียกว่า Endurance นั่นเอง
1307.14 -> การวิจัยต่อมาครับ เขาวิจัยว่า ในเซลล์มนุษย์ 1 เซลล์เนี่ย
1311.42 -> สร้าง ROS Reactive Oxygen Species หรือว่าตัวศัตรูนี่แหละ
1316.5 -> ใน 1 เซลล์มนุษย์ สร้าง ROS ได้ถึง 20 ล้านล้าน ROS ต่อวัน
1323.52 -> พอเวลาเรามีสารพวกนี้เยอะเนี่ย
1325.5 -> ร่างกายก็ต้องสร้างสารต่อต้านขึ้นมาโดยธรรมชาติ
1329.12 -> นั่นก็คือที่มาของวิตามินต่างๆ
1331.26 -> ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินอี แอสตาแซนธิน วิตามินดี
1335.52 -> ทุกอย่างที่เป็นฝั่งพระเอกนี่แหละครับ
1338.38 -> ก็จะมาป้องกัน Oxidative Damage
1341.6 -> หรือว่าการทำลายเซลล์ของร่างกาย
1343.72 -> เพราะฉะนั้นแอสธาแซนธินและหมู่มวลเพื่อนๆ
1346.76 -> ก็เลยมีประสิทธิภาพในการบำรุงหัวใจและหลอดเลือดเยอะ
1351.08 -> เพราะทั้ง 2 อวัยวะนี้มักจะถูกทำลายโดย ROS ได้บ่อยๆ
1355.52 -> มีการวิจัยอีกในวารสาร Nutritional Science ในปี 2014
1361.02 -> ว่าผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว
1363.42 -> แอสตาแซนธินมีส่วนช่วยในการเพิ่มการเผาผลาญ
1366.94 -> ผ่านกระบวนการ ป้องกันกระบวนการ Lipid Oxidation
1370.56 -> มีการวิจัยอีกในวารสาร Atherosclerosis ในปี 2010
1375.62 -> ว่าแอสตาแซนธินมีส่วนช่วยเพิ่มไขมันดี HDL
1380.3 -> ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์
1382.14 -> และฮอร์โมนดี อย่างอะดิโปแนกติน (Adiponectin)
1385.6 -> ก็จะเพิ่มขึ้นในการต่อสู้โรคอ้วน
1388.48 -> อีก 1 งานครับ ใน
1389.96 -> American Journal of Advanced Food Science and Technology ในปี 2013
1396 -> ว่าแอสตาแซนธินมีบทบาทในการลดการอักเสบ
1399.84 -> หรือ Inflammation ในหลอดเลือดหัวใจได้
1401.92 -> นี่คือประสิทธิภาพครับ ฟังดูมีเยอะเลยนะครับ
1405.2 -> น่าทานทีเดียวใช่ไหมครับฟังเสร็จ
1407.12 -> แน่นอนครับ เยอะเกินก็มีปัญหา
1409.44 -> เพราะฉะนั้นเวลาทาน ต้องระมัดระวังนะครับ
1412.3 -> ว่าต้องทานด้วยปริมาณที่เหมาะสม
1415.54 -> แล้วก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอด้วย
1419 -> ไปดูผลข้างเคียงของแอสตาแซนธินถ้าทานเยอะเกินไปครับ
1423.1 -> อาจทำให้ความดันโลหิตต่ำลงนะครับ
1425.8 -> 2. มีผลต่อระดับแคลเซียมในร่างกาย
1428.68 -> เพราะฉะนั้นคนที่มีปัญหาเรื่องกระดูกต้องปรึกษาแพทย์นิดนึง
1433.16 -> 3. สำหรับคนที่แพ้ก็อาจจะผื่นขึ้น
1436.48 -> ปริมาณที่เหมาะสม ก็หมอเฉลี่ยคร่าวๆ เนี่ย
1440.14 -> คำนวณดูแล้วน่าจะอยู่ประมาณ 2-4 มิลลิกรัมต่อวัน
1444.24 -> แต่การวิจัยก็ยังไม่เยอะนะครับสำหรับเรื่องโดสที่แนะนำ
1447.66 -> วันนี้เราได้มาคุยกันครบทั้ง 5 หัวข้อ
1451.62 -> ของสุดยอดวิตามินบำรุงผิวที่หมอแอมป์และทีมงานคัดเลือกมา
1456.2 -> คงจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้ฟังไม่มากก็น้อยนะครับ
1460.24 -> บางท่านทราบอยู่แล้ว บางท่านยังไม่ทราบ
1462.94 -> หมอก็อยากจะแชร์ความรู้เหล่านี้
1466.1 -> เพื่อที่จะให้ทุกท่านได้นำไปใช้ ไปบอกคนที่ตัวเองรัก
1470.9 -> สร้างสังคมสุขภาพดีไปด้วยกัน
1473.1 -> สัปดาห์นี้หมอขออนุญาตลาไปก่อนนะครับ
1476.46 -> แล้วเดี๋ยวเรากลับมาเจอกันใหม่ในตอนหน้าๆ
1479.14 -> ฝากไว้นะครับ
1480.16 -> ใครอยากฟังเรื่องตอนอะไร อยากให้หมอพูดถึงเรื่องอะไร
1483.14 -> ถ้าหมอทำได้เนี่ยหมอก็จะทำมาฝากนะครับ
1485.76 -> ฝากไว้ในคอมเมนท์หรือติดต่อทีมงานได้นะครับ
1488.52 -> ในสัปดาห์นี้ขอลาไปก่อน
1490.14 -> พบกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
1492.14 -> ขอบคุณมากครับ

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=93RgjGPauzs