พาขับ Toyota Majesty Grande ตัวท็อปสุด ซื้อดีไหม? กับค่าตัว 2.199 ล้าน

พาขับ Toyota Majesty Grande ตัวท็อปสุด ซื้อดีไหม? กับค่าตัว 2.199 ล้าน


พาขับ Toyota Majesty Grande ตัวท็อปสุด ซื้อดีไหม? กับค่าตัว 2.199 ล้าน

ซื้อดีไหม? Toyota Majesty Grande รถตู้ 11 ที่นั่ง ตัวท็อปสุดในรุ่น ที่ถูกจัดวางมาให้อยู่รองลงมาจากรุ่นพี่อย่าง Toyota Alphard และ Vellfire แต่ก็เหนือกว่ารถตู้ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์อย่าง Toyota Commuter ใหม่

ด้วยการดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกใหม่ แบบตัวด้านหน้าตัวรถที่วางยาวขึ้นมา ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสารคนขับจากการที่เครื่องยนต์ถูกย้ายไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย
ส่วนภายในเองก็เสริมความพรีเมี่ยมมากขึ้นในหลายๆ จุด ทั้งการตกแต่งด้วยชิ้นงานไม้ ผสมชิ้นหนัง

ระบบเสริมความปลอดภัยในการขับขี่ ไปจนถึงระบบอำนวยความสะดวกอีกมากมาย อาทิ ประตูไฟฟ้าทั้งฝั่งซ้ายและขวา เบาะไฟฟ้าพร้อมระบบนวดในแถวโดยสารตอนแรก
ส่วนเบาะแถวอื่นๆ นั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีความสะดวกสบายเท่ากับแถวตอนแรก แต่ก็ให้ความสบายที่ลดหลั่นกันไป

ซึ่งถ้าหากถามถึงความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีในท้องตลาดนั้นต้องบอกว่า Toyota เองก็มีออพชั่นที่ไม่เลว แม้ว่าจะมีราคาที่สูงกว่าคู่แข่งอย่าง Hyundai H-1 และยังมีภาษีที่ดีในเรื่องของจำนวนศูนย์บริการหลังการขาย

ส่วนสนนราคา Toyota Majesty ที่จำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่
Toyota Majesty Standard ราคา 1.709 ล้านบาท
Toyota Majesty Premium ราคา 1.899 ล้านบาท
Toyota Majesty Grande ราคา 2.199 ล้านบาท

อย่าลืมติดตามพวกเราได้ตามช่องทางอื่นๆ
https://www.autostation.com
https://www.facebook.com/AutostationTH

#Toyota #Majesty #Grande


Content

3.5 -> สวัสดีเพื่อน Autostation วันนี้ผมอยู่กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 11 ที่นั่ง
9.3 -> เป็นที่เรียกร้องกันมาสักพักนึงแล้ว สำหรับ Toyota Majesty
13.96 -> หลายคนอาจจะงงว่ารุ่นนี้รุ่นอะไร เมื่อก่อนจะใช้ชื่อว่ารุ่น Ventury ที่หลายคนรู้จัก
19.94 -> Ventury หรือ Majesty ใช้พื้นฐานเดิมจาก All New Toyota Commuter
26.96 -> มิติตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้นในทุกมิติ สามารถนั่งได้สบายมากขึ้น
33.98 -> วันนี้จะพาไปชมรอบคัน และไปลองนั่งภายในดูว่าจะสบายขนาดไหน
43.58 -> มาดูด้านดีไซน์กันก่อน Toyota Majesty รุ่นนี้พื้นฐานพัฒนามาจาก Toyota Commuter
51.02 -> แต่มิติจะเล็กกว่าเล็กน้อย ด้วยความที่เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
55.92 -> แต่ Toyota Commuter จะเป็นรถยนต์ในเชิงพาณิชน์ เรามาดูที่รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อน
59.9 -> Majesty ตัวนี้คือรุ่นท็อปสุดคือรุ่น Grand ราคา 2,199,000 บาท
66.84 -> ดีไซน์ต่างๆจัดเต็มที่สุด เรามาดูที่ดีไซน์ไฟหน้ากัน
71.76 -> จะมีชิ้นโครเมี่ยมอยู่ที่ขอบไฟหน้า และเป็นไฟแบบ Full LED เต็มระบบ
82.4 -> ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟเดย์ไลท์ ไฟเลี้ยว ดูหรูหราตามสไตล์รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 11 ที่นั่ง
90.72 -> กระจังหน้าเหมาะสำหรับคนที่ชอบความบึกบึน มีมีชิ้นโครเมี่ยมขนาดใหญ่ 4 ชิ้น
99.14 -> ส่วนตัวรู้สึกว่ามันมีความโดดเด่นบนท้องถนน
104.64 -> และตัวท็อปจะมีกล้องรอบคัน ชิ้นด้านล่างยังมีโครเมี่ยมมาให้
114.58 -> ตามสไตล์ของรถ Toyota ยุคใหม่ๆ จะมีชิ้นโครเมี่ยมที่เยอะมาก
119.08 -> และไฟตัดหมอกเป็น LED แสงสีขาว และล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยม
127.2 -> ถือว่าดูบึกบึน และแตกต่าง ต้องบอกก่อนว่า Majesty อยู่บนพื้นฐานของ Commuter
134.94 -> ตัวถังขนาดใหญ่ หน้ากว้างประมาณ 2 เมตร ถ้าเข้าห้างอาจจะมีปัญหาได้
144.38 -> เพราะว่าช่องจอดในห้างจะมีขนาดประมาณ 2 เมตร
152.12 -> ห้างใหม่ๆ อาจจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า 2 เมตร และมีความสูงประมาณ 2 เมตร
160.14 -> ล้อของรุ่นนี้เป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ทูโทนไดมอนด์คัท
169.14 -> มาพร้อมยางขนาด 235/60 R17 จากโรงงานเป็นยางดันลอป
180.42 -> มีกระจกมองข้างขนาดใหญ่ รุ่นท็อปจะมีฝาครอบเป็นโครเมี่ยม พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
192.62 -> ทัศนะวิสัยดีมาก กระจกด้านข้างขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
200.14 -> มือจับเปิดประตูเป็นโครเมี่ยมแบบสมาร์ทคีย์
216.26 -> และไฮไลท์เด่นของรุ่นนี้คือประตูไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
234.32 -> ที่นุ่มนวลแม้จะเป็นเด็กก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
241.44 -> มิติตัวถังโดยรวมกว้างขึ้น แต่มีข้อติที่ฝาท้าย
247 -> แม้จะเป็นรุ่นท็อปสุด แต่ไม่ได้เป็นฝาท้ายแบบเปิด-ปิดไฟฟ้า
253.64 -> ฝาท้ายมีขนาดใหญ่ และขอแนะนำว่าเวลาเปิดให้มีความระวัง
263.06 -> เพราะโช๊คมีแรงดีดที่แรงพอสมควร จะเปิดให้ดูช่วงแรกจะหนักหน่อย
269.96 -> แต่ถ้าดึงโช๊คขึ้นมาจะมีแรงดีดที่แรงมาก และเวลาปิดจะมีเชือกให้ดึงปิด
283.66 -> ฝาท้ายมีน้ำหนักที่เยอะพอสมควร และด้วยความที่เป็นรถตู้ด้านหลังจะมีดีไซน์เป็นแบบสี่เหลี่ยม
295.1 -> ด้านบนมีไฟเบรคดวงที่ 3 และมีใบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ
301.26 -> เมื่อเซ็นเซอร์จับได้ว่ามีปริมาณน้ำมาโดนกระจกหลังถึงปริมาณที่กำหนดจะทำการปัดอัตโนมัติ
307.32 -> ไฟท้ายมีความโดดเด่นมากเมื่อเวลาขับตอนกลางคืน เพราะ LED Guide จะเป็นเส้น
314.88 -> เวลาเปิดไฟหรี่จะสวยงามมาก แต่บางคนมองว่ามันลิเก
323.62 -> ไฟเลี้ยว ไฟเบรคจะอยู่บริเวณนี้ ที่ขาดไม่ได้เลยคือชิ้นโครเมี่ยมขนาดใหญ่
334.66 -> มีกล้องด้านหลัง พร้อมโลโก้ Toyota Majesty
340.28 -> ภายในจะนั่งสบายขนาดไหน เพราะมีแถวที่นั่งให้ถึง 4 แถว มาดูกัน
347.24 -> ในส่วนของภายในของ Majesty ผสมผสานความเป็นรถเก๋งมากขึ้น
355.54 -> รุ่น Ventury จะมีความเป็นรถตู้มากกว่ารุ่นนี้
361.48 -> แผงแดชบอร์ดจะมีเหลี่ยมสันเยอะมาก วัสดุบางชิ้นจะเป็นหนังแท้
367.22 -> เช่นตรงฮูดเป็นหนังแท้เดินตะเข็บจริง ส่วนแดชบอร์ดบริเวณตรงนี้จะไม่ใช่ตะเข็บจริง
374.24 -> แต่เป็นวัสดุกึ่งนุ่ม งานประกอบเนี๊ยบมาก
378.94 -> เพิ่มความหรูหราด้วยชิ้นลายไม้ที่เเก๊ะด้านหน้า และบริเวณพวงมาลัย
387.78 -> ซึ่งการตกแต่งลายไม้จะมีเฉพาะรุ่นกลางและรุ่นท็อปเท่านั้น
393.72 -> ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะไม่มีการตกแต่งด้วยลายไม้ จะเป็นหนังดำทั้งหมด
396.86 -> อินเตอร์เฟสตามสไตล์ของ Toyota จอทัชสกรีนกลางจะเน้นโทนที่เป็นสีฟ้า
408.68 -> รองรับระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น FM/AM CD USB Bluetooth และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้
419.84 -> จออาจจะไม่คมชัดมาก แต่สามารถเปิดกล้อง 360 องศาได้
426.4 -> เพราะตัวถังขนาดใหญ่ บางครั้งทำให้ต้องพึงพากล้อง 360 องศา
430.42 -> อินเตอร์เฟสของแผนที่ตามสไตล์ Toyota
434.5 -> ระบบปรับอากาศมาพร้อม Nanoe เป็นแบบออโต้ แอร์ด้านหลังเป็นแบบแอร์แยก
444.22 -> มาตรวัดเป็นแบบอนาล็อคกึ่ง TFT จอ TFT ตรงกลางจะแสดงผลกราฟฟิครถยนต์
453.52 -> เปิด-ปิดประตู หรือระบบ Lane Keep มาตรวัดจะเรืองแสงสีขาวและสีแดง
462.2 -> บนมาตรวัดแสดงความเร็วสูงสุดที่ 200 กม./ชม.
465.96 -> รุ่นท็อปมีระบบอำนวยความสะดวก และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครัน
473.46 -> ไม่ว่าจะเป็น Blind Spot Rege Cross Traffic Alert หรือ Lane Keep ก็มี
476.96 -> และรุ่นท็อปเป็นรุ่นเดียวที่มี Adaptive Cruise Control มีประโยชน์มากเวลาที่เราขับทางไกล
491.32 -> พวงมาลัยแบบมัลติฟังค์ชั่น ปุ่มบนพวกมาลัยมีเยอะมาก อาจจะงงเล็กน้อย
496.7 -> ด้านขวาจะควบคุมระบบ Adaptive Cruise Control และระบบ Lane Keep
501.44 -> ด้านซ้ายจะควบคุมจอแสดงผล ระบบรับ-วางสาย Bluetooth
506.52 -> และปุ่มด้านล่างฝั่งซ้ายจะควบคุมการเพิ่ม-ลดเสียง ฝั่งขวาจะเป็นเปลี่ยนเพลง
515.9 -> รถทั่วไปปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปลี่ยนเพลงจะอยู่ฝั่งเดียวกัน
521.66 -> ปุ่ม Start-Stop จะอยู่ตรงแผงแดชบอร์ด หัวเกียร์จะคล้ายรถตู้
532.76 -> ใช้งานง่ายเป็นแบบสเตปเดียว และมีโหมดสปอร์ตมาให้ เพียงแค่ตบมาทางด้านขวา
543.22 -> เป็นเกียร์ 6 สปีดอัตโนมัติ การใช้งานถือว่าลื่นไหล
547.96 -> มีช่องวางของขนาดเล็ก มีที่วางแก้วมาให้ 3 ตำแหน่ง
555.74 -> Power Outlet 12V อยู่ด้านบน แต่ช่องเสียบ USB จะอยู่ด้านล่าง
567.36 -> ที่วางของมีความลึกพอประมาณ สามารถวางกระเป๋าสตางค์ได้
576.04 -> เบาะนั่งจะเป็นแบบปรับไฟฟ้าแค่ฝั่งผู้ขับขี่ฝั่งเดียว
580.58 -> ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าจะเป็นแบบปรับมือ และเป็นเบาะแบบคู่ ด้านหน้าสามารถนั่งได้ 2 คน
589.4 -> ความสะดวกสบายถือว่าดูดีกว่าตัว Ventury มีมือจับต่างๆมาให้ครบครัน
595.88 -> และด้านบนมีที่เก็บแว่น ไฟส่องแผนที่เป็นเเบบ LED
602.38 -> ม่านบังแดดมีขนาดยาว และมีกระจกพร้อมไฟส่องสว่างสีเหลืองทั้ง 2 ฝั่ง
613.68 -> สำหรับ Toyota ยุคใหม่จะมีกล้องหน้ารถแบบ Built In มีความละเอียดที่ชัดเจน
627.44 -> ไฮไลท์อีกอย่างของรุ่นนี้คือเบาะแถว 2-4 เดี๋ยวผมจะไปลองนั่งให้ดูว่าเป็นอย่างไร
637.26 -> เป็นประตูไฟฟ้าแล้วสบายขึ้นเยอะเลย ผมจะลองนั่งให้ดู
644.34 -> ประตูไฟฟ้านอกจากเปิด-ปิดที่บานประตูแล้ว
647.94 -> ที่บริเวณของผู้ขับขี่มีสวิทช์เปิด-ปิดมาให้ด้วย ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวก
655.44 -> ในส่วนของเบาะโดยสาร เบาะแถว 2 ถือว่าสบายที่สุด เพราะเป็นเบาะแบบกับตันซี๊ด
664.28 -> การปรับต่างๆเป็นเเบบไฟฟ้าทั้งหมด ยกเว้นการปรับเลื่อนหน้าถอยหลัง
673.68 -> ถือว่ามีประโยชน์เพราะว่าจะเลื่อนได้อย่างรวดเร็ว
679.62 -> การปรับต่างๆจะมากกว่าเบาะอื่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพนักพิงศีรษะ
684.92 -> และเป็นเบาะแถวเดียวที่มีที่รองต้นขาทำให้นั่งสบายขึ้น ถือว่าเป็นแบบ VIP
692.02 -> และที่สำคัญรุ่นนี้มีระบบเบาะนวดมาให้ มีปุ่มอยู่ตรงนี้
699.18 -> คุณไม่ต้องไปหยอดเหรียญตามห้าง เพียงแค่มานั่งในรถคันนี้ คุณก็จะสามารถนั่งนวดได้อย่างสบาย
708.02 -> ที่วางแก้วมีให้ 4 จุด พร้อมที่วางของแบบลายไม้ สามารถพับเก็บได้
715.9 -> และตรงที่เท้าแขนมีที่วางแก้วซ่อนเอาไว้
721.4 -> ระบบปรับอากาศสามารถเองได้บริเวณด้านบนเพดาน ไม่ว่าจะเป็นแรงลมต่างๆ
726.86 -> มีนาฬิกาบอกเวลามาให้ และแอร์ตอนหลังมีระบบ Nanoe และมีระบบออโต้
737.5 -> ม่านบังแดดตอนหลังยังเป็นแบบปรับมืออยู่แม้จะเป็นตัวท็อป
744.1 -> มีไฟส่องสว่างให้ทุกตำแหน่ง ลักษณะคล้ายไฟที่อยู่บนเครื่องบิน
751.88 -> และที่สำคัญมีช่อง USB ให้ทุกเบาะที่นั่ง ด้านหน้ามีมาให้ 2 จุดอยู่บริเวณตรงนี้
761.58 -> และเบาะแถว 3-4 มีมาให้ทุกจุดเรียกได้ว่าครบครัน
768.72 -> เบาะแถว 2 นั่งสบายมาก พื้นที่ Leg room และ Head room โปร่งมาก เพราะขนาดตัวถังที่ใหญ่
777.58 -> เราไปดูเบาะแถว 3 กันต่อว่าจะสบายขนาดไหน
783.02 -> ก่อนจะเดินไปแถว 3 คุณต้องพับตรงนี้ลงก่อนจะได้เดินได้สะดวก
790.12 -> จะลดทอนความสบายลงมาเล็กน้อย เพราะความสบายจะอยู่ที่เบาะแถว 2 มากที่สุด
796.94 -> เบาะแถว 3 จะเหมือนกับเบาะนั่งรถยนต์ปกติทั่วไป
802.28 -> ไม่ใช่เบาะแบบกับตันซี๊ด มีที่เท้าแขนที่สามารถพับขึ้น-ลงได้ และมี 2 ฝั่งซ้าย-ขวา
810.36 -> ปกติรถครอบครัวส่วนใหญ่จะมีแค่ฝั่งเดียว แต่รถรุ่นนี้มีมาให้ถึง 2 ฝั่ง
818.02 -> การปรับเบาะต่างๆเป็นการปรับด้วยมือทั้งหมด มีการปรับเอนที่เยอะมาก
829.96 -> ที่รองต้นขาสั้นไปเล็กน้อย สำหรับคนที่ตัวสูงอาจจะลำบากเล็กน้อย
838.28 -> อย่างที่บอก USB มีทั้ง 2 ฝั่งๆล่ะ 2 ช่องครบครัน มีการตกแต่งขอบประตูด้วยลายไม้
848.74 -> มีที่วางแก้วมาให้ ประเด็นสำคัญคือเบาะแถวที่ 4 จะนั่งเป็นอย่างไร
856.96 -> สำหรับเบาะแถวที่ 4 ของรุ่นนี้ถูกยกสูงขึ้นมา เมื่อเทียบกับ H1 หรือ Kia Canival
865.12 -> คล้ายกันไม่ได้สบายกว่ากันเท่าไหร่ ที่เด่นเลยมีกระจกขนาดใหญ่
872.02 -> ช่วยให้คนที่มีอาการเมารถลดการเมารถได้
878.08 -> และที่สำคัญคือมีม่านบังแดดให้ทุกตำแหน่ง จะได้ความเป็นส่วนตัว
887.7 -> ช่องแอร์ ไฟส่องสว่างมีมาให้ทุกที่นั่ง และมีตะขอเกี่ยวของมาให้
897.88 -> ผมจะไปลองพับเบาะให้ดูว่าเป็นอย่างไร
905.74 -> ห้องสัมภาระด้านท้ายเวลาพับเบาะจะสามารถบรรทุกสัมภาระได้เยอะขึ้น
911.24 -> ลองเปิดอีกครั้งนึง ขอยืนยันว่าประตูหลังหนักมากระวังกันด้วย
919.46 -> สำหรับเบาะแถวที่ 4 เวลาที่ไม่ได้มีคนนั่งจะสามารถพับเบาะแล้วแขวนขึ้นมาได้
930.88 -> ผมจะลองพับเบาะให้ดู แต่ขอตินิดนึงคือเวลาจะพับเบาะ
936.02 -> เราจะต้องถอกพนักพิงศีรษะออกก่อน ซึ่งจะถอดออกยากเพราะ
942.16 -> เพราะมันจะติดบริเวณตรงขอบ ต้องดันไปข้างหน้าเล็กน้อย ถึงจะถอดออกมาได้
951.4 -> สเต็ปแรกคือการถอดพนักพิงศีรษะออก และถัดมาพับพนักพิงหลังให้ราบ
960.2 -> และจะเห็นสลักสีแดงดันเข้าไปแล้วยกขึ้น แต่เบาะจะมีน้ำหนักพอสมควร
966.8 -> ถ้าเป็นคุณผู้หญิงไม่แนะนำให้ทำเอง และพับขาลง
973.66 -> และสเต็ปสุดท้ายนำเชือกมาเกี่ยวไว้ ถือเป็นการดีไซน์เบาะตามแบบฉบับของ Toyota
983.52 -> ในส่วนของ Hyundai H1 จะเป็นการพับลงไป
989.52 -> และ Kia Cannival จะเป็นกลไกที่ซ่อนเบาะลงไปใต้พื้นรถ
999.04 -> พื้นราบเรียบสามารถนั่งลงไปได้อย่างสบาย หรือจะทำอะไรก็ได้
1005.84 -> ยังยืนยังว่ารุ่นท็อปควรจะให้ฝาท้ายเปิด-ปิดแบบไฟฟ้า
1012.68 -> ราคา 2,199,000 บาทถ้ามีไฟฟ้ามาให้จะครบครันมากยิ่งขึ้น
1017.42 -> และสามารถลดการเกิดอุบัติเหตุจากการถูกฝาท้ายชนได้
1021.34 -> นี่คือทั้งหมดของ Toyota Majesty เป็นรถ MPV หรือบางคนจะเรียกว่ารถตู้
1028.32 -> หรือรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาด 11 ที่นั่งอีกรุ่นที่น่าสนใจ
1036.8 -> สำหรับเครื่องยนต์ Toyota Majesty ใช้เครื่องยนต์เดียวกับ Fortuner หรือ commuter
1042.1 -> เป็นเครื่องยนต์ GD ขนาด 2.8 ลิตร 163 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร
1048.62 -> เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีแค่ตัวเลือกเดียวเท่านั้น ห้องเครื่องจะเป็นแบบนี้
1053.86 -> เปิดขึ้นมาจะมีฝาค้ำยัน การขับขี่จะเป็นอย่างไร ช่วงล่างเค้าเซตมาเพื่อการนั่งโดยสาร
1062.18 -> เพราะช่วงล่างหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบโฟร์ลิงค์
1065.78 -> หน้าจะนุ่นนวลกว่าตัว Commuter พอสมควรเลย การขับขี่จะเป็นอย่างไรตามมาครับ
1070.44 -> ต้องบอกว่าตัวที่ผมได้มาทดสอบคือตัวท็อปสุดออฟชั่นเยอะมาก
1074.98 -> ไม่ว่าจะเป็นตัว Blind Spot Adaptive Cruise Control
1079.44 -> Rear Cross Traffic Alert Lane Departure ระบบต่างๆมีมาให้แบบจัดเต็ม
1086.08 -> สามารถช่วยเหลือคุณได้ในการขับขี่ท่างไกล ผมจะลองให้ดู
1093.54 -> ตามสไตล์รถดีเซลเสียงเครื่องยนต์จะเข้ามาพอประมาณ
1099.2 -> แต่สำหรับคนที่เคยขับแค่รถขนาดเล็กหรือรถเก๋ง แล้วจะมาลองขับรถตู้หรือจะเปลี่ยนมาใช้รถตู้
1107.18 -> คุณต้องทำความเข้าใจในตัวรถก่อน ไม่ว่าจะเป็นวงเลี้ยวที่กว้างกว่ารถเก๋งทั่วไป
1114.06 -> คุณจะต้องเผื่อระยะเพิ่มขึ้นมาซักเล็กน้อย รวมไปถึงการเซตพวงมาลัยที่มีระยะฟรีเยอะกว่ารถเก๋ง
1121.02 -> เพราะว่าด้วยกับมิติตัวถังที่ยาวและการนั่งขับขี่หรือการนั่งโดยสารจะสูงกว่ารถเก๋ง
1128.76 -> ทัศนวิสัยต่างๆจะดีมาก ช่วงล่างจากที่ลองทดสอบรู้สึกว่ามีความนุ่มนวลจนออกแนวย้วย
1142.12 -> แต่คิดว่าเหมาะสำหรับผู้โดยสารมาก ต้องบอกว่ารถยนต์รุ่นนี้ทำออกมาได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
1153.32 -> ด้วยความที่เป็นรถยนต์ที่เน้นการนั่งโดยสารความนุ่นนวลถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
1158.38 -> (เสียงแจ้งเตือน)
1159.72 -> ถ้าเราไม่เปิดไฟเลี้ยว และรถยนต์จับได้ว่าเราขับออกนอกเลน จะมีเสียงแจ้งเตือน
1168.82 -> การเก็บเสียงทำได้ดีมาก ตอนนี้ขับอยู่ที่ประมาณ 80กม./ชม.
1172.22 -> เสียงจากภายนอกไม่ได้ยินเลย จะได้ยินแค่เสียงเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว
1179.76 -> ถือว่าใช้ได้ดีเลย แม้จะมีมิติตัวถังที่กว้างถึง 2 เมตร แต่สามารถขับขี่ได้อย่างง่ายดาย
1191.6 -> แต่คุณจะต้องทำความเข้าใจนิสัยของตัวรถ มิติตัวถังต่างๆ
1197.82 -> อัตราเร่งถือว่าดีพอสมควร 0-100 สามารถทำได้ที่ 15-16 วินาที
1206.5 -> โดยรวมของการขับขี่ Toyota Majesty จะประมาณนี้
1211.88 -> ถือว่าเป็นรถตู้ที่มีมิติตัวถังที่ใหญ่ แต่การขับขี่ไม่ได้ถือว่ายากมากมายนัก
1219.16 -> ไปลองดูกันได้ เพราะในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 11 ที่นั่งมีแค่ไม่กี่รุ่นเท่านั้น
1226.2 -> 1. Hyundai H1 ราคาอยู่ที่ 1.3-1.7 ล้านบาท
1232.84 -> 2. Toyota Majesty ราคาอยูที่ 1.7-2.2 ล้านบาท
1237.96 -> หรือถ้ามีเงินทุนที่สูงขอแนะนำ Toyota Alphard/Vellfire ราคาอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท
1244.48 -> รุ่นนี้จะเป็นอีกเร้นจ์นึงที่มีความหรูหราที่มากขึ้น
1250.82 -> สำหรับตัวรีวิว Toyota Alphard ทาง Autostation มีรีวิวเอาไว้แล้ว
1256.58 -> สำหรับรีวิวนี้หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับ Toyota Majesty รุ่น Grand ราคา 2,199,000 บาท

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=CHwC-ptfZNQ