
Toyota C-HR GR Sport 2022 เพิ่มอะไรมาบ้าง ? ปรับช่วงล่างใหม่เป็นอย่างไร ?
Toyota C-HR GR Sport 2022 เพิ่มอะไรมาบ้าง ? ปรับช่วงล่างใหม่เป็นอย่างไร ?
Autospinn คลิปนี้พาทุกคนมาทดลองขับรถยนต์ Sub-Compact SUV ใหม่ล่าสุด เสริมทัพ GR Series กับ C-HR HEV GR Sport ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร ปรับปรุงการออกแบบทั้งภายนอก และภายใน พร้อมช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ต
ราคา Toyota C-HR HEV
รุ่น HEV GR Sport ราคา 1,189,000 บาท
รุ่น HEV Premium Safety ราคา 1,139,000 บาท
00:00 Intro
00:37 Exterior C-HR GR Sport
05:24 Interior C-HR GR Sport
12:14 Test Drive C-HR GR Sport
20:51 จุดเด่น - จุดด้อย
#Autospinn #ToyotaCHR2022 #GRSport
Content
37.04 -> สวัสดีครับ Autospinn วันนี้พาทุกท่านมาอยู่กับ
39.36 -> Toyota C-HR Hev GR Sport ในรุ่นนี้ก็คือการนําเอารุ่น
43.92 -> Hev Premium Safety มาใส่ชุดแต่งพร้อมกับปรับเซตช่วงล่างเข้าไปใหม่
48.68 -> ซึ่งราคาของในรุ่น GR Sport ก็จะอยู่ที่ 1,189,000 บาท
53.4 -> จะเพิ่มขึ้นจากในรุ่นธรรมดาอยู่ที่ 50,000 บาทด้วยกัน
56.44 -> โดยมีสีตัวถังให้เลือกอยู่ทั้งหมดสามสี ก็คือสีขาวหลังคาดําอย่างคันนี้
61.36 -> แล้วก็สีแดงหลังคาดําแล้วก็สีดําหลังคาสีเงินโดยสีขาวอย่างคันนี้
66.08 -> เพิ่มขึ้นจากราคาปกติอยู่ที่ 7,000 บาท ด้วยกัน
69.88 -> ความน่าสนใจของรุ่นนี้จะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเรามาชมไปพร้อมๆกันเลยครับด้านหน้าของเขาก็จะใส่ชุดสเกิร์ต
76.16 -> มาให้ ถ้าเป็นในรุ่นปกติเขาจะไม่มีชายล่างมาให้
79.12 -> แต่พอเป็นรุ่น GR แล้ว ชายล่างของเขา
81.84 -> จะยื่นออกมาด้านหน้าก็จะมีเฉพาะในรุ่น GR Sport
84.92 -> นี้เท่านั้น ที่จะได้เป็นสเกิร์ตแบบนี้
87.4 -> แล้วก็จะมีสัญลักษณ์คําว่า GR ติดอยู่บริเวณด้านข้างด้วย
90.88 -> ด้านล่างสุดก็จะเป็นไฟตัดหมอก
93.16 -> ซึ่งเป็นแบบ LED ในส่วนของไฟหน้า ไฟแบบ
96.24 -> Full LED ครับเวลาเราเปิดไฟเลี้ยวหรือว่าไฟฉุกเฉิน
99.36 -> จะวิ่งออกทางด้านข้าง ซึ่งสวยงามมากๆ
101.92 -> และถ้าสังเกตที่ LOGO ของเขาจะไม่ได้เป็นสีฟ้าๆแล้ว
105.32 -> ปกติของรุ่น Toyota ถ้าเป็นรุ่นเครื่องยนต์ Hybrid
108.36 -> เขาจะมาเป็น สีฟ้าแต่ในรุ่นนี้ก็จะใช้เป็น
111.32 -> ธรรมดาล่ะ กระจังตัวบนก็จะเป็นสีดํา Piano Black
115.12 -> หลัง LOGO เขาจะมีเป็นเซ็นเซอร์ ในการตรวจจับระยะห่างระหว่างรถเรากับรถคันหน้า
120.92 -> ซึ่งจะทํางานควบคู่กับกล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้า ก็จะอยู่ในระบบ ปลอดภัย
125.64 -> Toyota Safety Sense นั่นเองด้านหน้ารวมๆ
128.16 -> เมื่อเรามองแล้วก็จะเหมือนกับในรุ่นปกติเลย
131.52 -> แต่เพียงแค่ว่ามีชุดด้านล่างเข้ามาตกแต่งด้วย
135.04 -> แล้วก็มี LOGO GR ก็เป็นประมาณนี้
137.56 -> สําหรับด้านหน้าในส่วนของด้านข้าง
140.16 -> สิ่งที่แตกต่างกับในรุ่นปกติก็คือ ล้อแม็กซ์
143.8 -> จะได้มาเป็นล้อสีดําแบบนี้เลย จะเป็นสีดําเงา
147.76 -> และขนาดของตัวล้อจะใหญ่กว่าด้วย
150.48 -> ก็คือได้เป็นล้อขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางของ Michelin Primacy 4
155.68 -> ในรุ่นนี้ขนาดยางของเขา ก็คือ
157.52 -> 225/50R18
160.88 -> เขาจะไม่ได้หนาจนเกินไป
162.72 -> จะตัดด้วยสีดํา
163.92 -> บริเวณซุ้มล้อ ซึ่งตรงนี้จะมีบริเวณ ตรงข้างประตูด้วย
168.2 -> จะลากยาวไปถึงด้านหลังเลยแล้วก็ในรุ่น GR
170.88 -> เขาจะมีเป็นสเกิร์ตด้านข้างที่ยื่นลงมาข้างล่าง
174.08 -> ถ้าเป็นในรุ่นปกติ ทั่วไปจะไม่มี ตรงนี้มาให้
177.44 -> ในส่วนของหลังคาตอนบนตั้งแต่ตรงกระจกมองข้าง
181.32 -> ไปจนถึงหลังคาเลยก็จะได้เป็นสีดําเงา
184.08 -> แล้วก็ไฟเลี้ยวของเขามีอยู่ทางด้านข้างๆตรงนี้ด้วย
187.48 -> ก็เป็นไฟแบบ LED พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุที่เป็นสีเงินโครเมียม
192.16 -> มีบริเวณกระจกแล้วก็ตรงขอบประตูกระจกด้านล่างตรงมีให้รอบคันเลยทีเดียว
197.64 -> และที่ด้านล่างของกระจกข้างเขาจะมีเลเซอร์ด้วยเวลาเราเปิดตอนกลางคืน
201.48 -> เขาก็จะเป็นเลเซอร์ยิงลงพื้นครับว่า Toyota C-HR
204.76 -> ซึ่งก็สวยงามแล้วก็ทําให้ตัวรถดูหรูหราขึ้นมาครับและถ้ากุญแจอยู่ในตัวของเรา
209.44 -> เราสามารถล็อกหรือว่าปลดล็อกได้โดยการใช้นิ้วสัมผัสไปที่ปุ่มตรงนี้
213.76 -> เวลาเราจะเข้าไปนั่งภายในรถก็เปิดเข้าไปนั่งได้เลยโดยที่ไม่ต้องกดกุญแจรีโมทอะไรเลย
218.32 -> ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายที่มีใน Toyota C-HR GR Sport
223.16 -> ในส่วนของด้านท้ายครับ ไฟท้ายก็ยังคงใช้เป็นแบบของเดิมอยู่
227.36 -> เป็นแบบ Full LED เลยแล้วก็ลําแสงของเขา
230.32 -> สีแดงสวยงามมากๆ สปอยเลอร์ด้านบนก็จะเป็นสีดําเงา
234.4 -> มีไฟเบรกดวงที่สาม เส้นไล่ฝ้ามีมาให้ครบ
237.88 -> และมีสัญลักษณ์หกสิบปี ซึ่งในรุ่นนี้เขาแปะมาให้ด้วย
240.4 -> และจะมี LOGO GR Sport อยู่บริเวณด้านท้ายด้วย
243.52 -> ซึ่งของเขาจะมีอยู่สองตําแหน่งด้วยกัน
246.08 -> ก็คือด้านหน้าและก็ด้านท้าย จะมีเท่านี้สําหรับภายนอก
249.4 -> ถัดมาข้างข้างกันก็จะพบกับกล้องมองหลัง
252.4 -> ซึ่งจะมีเฉพาะกล้องด้านหลังเท่านั้น กล้องรอบคันไม่มีมาให้
256 -> ในรุ่นนี้และก็ที่ด้านล่างสุดของเขา
258.32 -> ก็จะพบกับสเกิร์ต ชุดสเกิร์ต จะมีให้รอบคันเลย ด้านหน้า
261.76 -> ด้านหลัง ด้านซ้าย ด้านขวาในรุ่น GR Sport
264.2 -> ก็จะมาแบบเต็มๆแบบนี้ พร้อมกับเซ็นเซอร์ด้านหลัง
267.04 -> มีให้อยู่ สี่จุดด้วยกัน แล้วก็มีระบบ อาร์ซีทีเอ ด้วย
270.68 -> เวลาจะถอยรถแล้วถ้ามีรถวิ่งผ่านมา
272.84 -> ก็จะขึ้นเตือนด้วยเ
274 -> ในส่วนของพื้นที่เก็บสัมภาระทางด้านท้าย ก็จะมีขนาดเท่าของเดิมเลย
279.28 -> ก็คือเอารุ่นปกติมาใส่ชุดแต่งใหม่ แต่ว่าพื้นที่ของเขา
283.36 -> ก็ยังสามารถใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้อยู่หรือว่าเราจะพับเบาะหลัง
287.08 -> ลงไปอีก ก็จะได้พื้นที่ในการเก็บสัมภาระทางด้านท้าย
290.28 -> ที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วยแต่ว่าการพับเบาะของเขา
292.72 -> เขาจะไม่ได้เรียบเป็นซะทีเดียวก็จะเป็นขั้นบันไดอยู่เล็กน้อย
295.92 -> แต่ก็บรรจุของได้เยอะเลยทีเดียวฝาท้ายของเขา
299 -> ก็ยังคงใช้เป็นแบบแมนนวลมือ ยังไม่ใช่แบบไฟฟ้าแต่อย่างใด
302.84 -> เวลาจะปิดก็ดึงลงมา ถ้าเกิดเราสังเกต
305.8 -> ถ้าเป็นในรุ่นแรกของ Toyota C-HR เวลาเราจะปิดฝาท้าย
309.44 -> จะต้องเอามือหันไปทางนี้แต่พอเป็นในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของเขาแล้ว
312.52 -> ก็จะทําแบบนี้ก็คือจากตรงนี้มาอย่างงี้ แค่นั้นเอง
316.64 -> เดี๋ยวเราไปดูภายในรถกันบ้างครับว่าเขาให้อะไรมาบ้าง
324.08 -> ในส่วนของภายใน เรามาเริ่มกันที่เบาะหลังกันก่อน
327 -> โทนสีภายในของเขาก็จะมาเป็นเบาะหนังสีดํา แล้วก็หลังคาดํา
331.64 -> แผงข้างก็เป็นสีดําเหมือนกัน ถ้าเป็นในรุ่นก่อนๆ
335 -> แผงข้างของเขาก็จะเป็นสีน้ําตาลเข้มๆใช่ไหมแต่ว่าในรุ่นนี้ก็จะมาในโทนแบบดุดันสีดําตามสไตล์
341.28 -> GR Sport เลย สิ่งอํานวยความสะดวกของผู้โดยสารตอนหลังก็จะมีให้แค่
346.56 -> กระเป๋าหลังเบาะ แล้วก็ที่วางแก้วซ้ายขวา
349.64 -> นอกนั้นก็ไม่มีอะไรสิ่งที่ยังเหมือนเดิมก็
353.16 -> ไม่มีที่วางแขนตรงกลาง อันนี้ก็ยังไม่มีมาให้
355.92 -> แล้วก็แอร์ หลังยังไม่มีมาให้ช่องต่อยูเอสบีสําหรับชาร์จ
358.8 -> โทรศัพท์ก็ยังไม่มีมาให้
360.72 -> สําหรับตอนหลัง และผมสูง 175 เซนติเมตร
364.08 -> เวลานั่งก็ศีรษะไม่ติดเพดาน
366.96 -> แล้วก็หัวเข่าไม่ดันกับเบาะหน้ายังมีพื้นที่ให้ขยับแข้งขยับขาได้บ้าง
370.68 -> หลายท่าน มีความรู้สึกว่าเวลานั่งภายในของ Toyota C-HR
375 -> แล้วรู้สึกว่ามันอึดอัดจริงๆแล้ว
377.04 -> ภายในของเบาะหลังเขาไม่ได้เล็ก เขาก็กว้าง
380.08 -> แล้วก็มีพื้นที่อยู่ สมควร แต่ว่าสิ่งที่ทําให้เราอึดอัดก็คือการออกแบบกระจกด้านข้าง
386.72 -> บริเวณประตูหลังจะเห็นได้ว่ากระจกของเขาจะดูเล็กๆ แล้วก็ตรงนี้เขาจะสโลป
391.12 -> ขึ้นมาด้านบน ทําให้เวลาเรามองไปด้านนอกมันเหมือนว่าวัสดุตรงมันบดบังสายตาของเรา
396.76 -> ประกอบกับเบาะด้านหน้าเป็นเบาะที่ออกข้างค่อนข้างเยอะทําให้เวลาเรามองไปด้านหน้า
401.8 -> ตัวเบาะมันจะบังสายตาทําให้รู้สึกว่า มันดูอึดอัดบ้าง
404.76 -> แต่ความเป็นจริงแล้วพื้นที่ของเขาก็เหลือเยอะพอสมควรแล้วผมสูงด้วย
409.4 -> ก็ยังนั่งได้แบบสบายๆ
410.92 -> และอย่างที่บอกไปครับว่า
412.04 -> เบาะหลังเขาสามารถพับได้เวลาพับก็ ก็จะประมาณนี้
416.32 -> ก็จะไม่เรียบไปซะทีเดียว จะมีขั้นบันไดอยู่เล็กน้อย
419.36 -> เดี๋ยวเราไปดูเบาะหน้าบ้างครับว่าเขาให้ อะไรมาบ้าง
429.68 -> และเมื่อกุญแจอยู่ที่ตัวของเรา เราสามารถกดปุ่ม Start ได้เลย
433.16 -> ซึ่งปุ่ม ของเขาก็จะมีคําว่า GR ด้วย จะเป็น LOGO
437.96 -> ที่มีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น นี่เสียง ก็จะนุ่มนวลแบบนี้
441.2 -> เงียบๆเลยเพราะว่าเป็นเครื่องยนต์ Hybrid นั่นเอง
443.48 -> ตัวเบาะของเขา ก็จะเป็นเบาะ สีดํา
446.48 -> เป็นเบาะหนังแล้วก็เดินด้ายเย็บ
448.4 -> ที่สวยงาม เบาะของเขา จะไม่ได้เป็นแบบ
450.56 -> เบาะ รูรู ก็คือมาเป็น สีดําดุดัน แบบนี้เลย แล้วบริเวณ
454.48 -> พนักพิง ก็จะปั๊มคําว่า GR ด้วย ซึ่งมี ในรุ่น GR
455.48 -> พนักพิง ก็จะปั๊มคําว่า GR ด้วย
457.84 -> แต่ว่าตัวเบาะของเขา
459.08 -> ยังไม่ใช่แบบปรับไฟฟ้า จะเป็นไฟฟ้าก็คือตัวดันหลังเท่านั้น
463.6 -> แล้วก็ดีไซน์ของตัวเบาะผมว่าเป็นเบาะที่ออกแบบมาได้สวย
467.84 -> ดูแล้วเป็นแบบเบาะซิ่งเลย
469.88 -> หากเราดูดีๆเหมือนกับว่าพนักพิงศีรษะมันจะเชื่อมต่อติดกับตัวโครงเบาะใช่ไหม
475.12 -> แต่ว่าพอดึงขึ้นมามันสามารถดึงขึ้นมาได้
478 -> เขาทําเป็นร่องพอดี ทําให้ตัวเบาะดู Sport
481.32 -> แล้วก็สวยงาม ส่วนพวงมาลัย
483.56 -> ก็เป็นแบบสามก้านหุ้มหนัง ด้านบน
486 -> ก็จะเป็นพวงมาลัยที่เป็นแบบรูรูแบบนี้ด้วยเวลาจับ
489.12 -> ก็ถนัดกระชับมือ สัมผัสก็ถือว่าใช้ได้เลย
492.8 -> แล้วก็ที่ด้านล่างของพวงมาลัยจะมีคําว่า GR ด้วย เป็น LOGO GR
497.24 -> ติดมาให้ตรงนี้ มีปุ่ม Multi Function บริเวณพวงมาลัยสําหรับควบคุมจอเครื่องเล่นตรงกลางขนาด 7 นิ้ว
502.8 -> ที่รองรับ AppleCarplay ด้วย
505.52 -> ซึ่งจอตรงนี้คือเราเชื่อมต่อกับ Smartphone
508.16 -> ดึงแผนที่นําทางขึ้นให้ได้เลย แต่สิ่งที่มันดูขัดตาไปหน่อย
512.24 -> ก็คือเวลาเราเชื่อมต่อต้องใช้สาย
515 -> เสียบเข้าไปที่บริเวณตรงหน้าจอ พอเสียบแล้วมันก็จะเห็นสายห้อยอยู่แบบนี้
522.08 -> ถ้าเขาย้ายมาอยู่ด้านล่างผมว่าน่าจะดูดีกว่านี้
524.88 -> แล้วก็จอของเขาเป็นจอขนาด 7 นิ้ว หากย้อนกลับไปตั้งแต่ในช่วงแรกที่เขาเปิดตัว
530.36 -> ก็ถือว่า 7 นิ้ว มันใหญ่แต่พอผ่านมาปี 2022
533.6 -> ผมว่าจอเจ็ดนิ้ว มันดูเล็กไปแล้ว
536.4 -> แต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะว่าเขายังคงใช้เป็นแบบบล็อกเดิม
540.32 -> แพลตฟอร์มเดิมของเขาอยู่ ถ้าเกิดเขาจะเปลี่ยนแปลงให้มันใหญ่
541.4 -> แพลตฟอร์มเดิมของเขาอยู่ ถ้าเกิดเขาจะเปลี่ยนแปลงให้มันใหญ่
544.16 -> มันต้องเปลี่ยนแปลงอยู่เยอะพอสมควร ก็เลยใช้เป็นแบบนี้ก่อน
546.56 -> ในส่วนของระบบแอร์ ก็จะเป็นแบบสองโซน
550.12 -> แยกซ้ายขวาแล้วก็มี นาโนอี ทําให้อากาศภายในรถ
554.28 -> มีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น กรอง PM 2.5 ได้ด้วย
557.56 -> คอนโทรลแอร์ของเขาก็จะเป็น สีดำ Piano Black แบบนี้เลยแล้วก็
561.84 -> เล่นวัสดุที่เป็นสีเงินด้านๆเข้ามาตกแต่ง
565.8 -> แล้วก็จอเรือนไมล์ของเขา
567.12 -> ฝั่งซ้าย ก็ดูการทํางานของระบบเครื่องยนต์ Hybrid
571.2 -> หรือว่าพวกรอบเครื่องส่วนทางฝั่งขวาก็จะเป็นความเร็วรถ
575.04 -> ส่วนจอที่อยู่ตรงกลางก็จะดูสถานะว่าตอนเราอยู่ในระบบอะไร
578.8 -> และก็ด้านขวาของตัวพวงมาลัยจะมีก้านสําหรับปรับ Cruise Control
584.04 -> ซึ่งคันนี้เป็น All-Speed Dynamic Radar Cruise Control ด้วยทํางานจนถึงจุดหยุดนิ่งเลย
588.92 -> อันนี้ชอบมากๆแล้วก็ใช้งานแล้ว
591.76 -> ก็ถือว่าใช้งานได้ง่ายและสะดวกอยู่
594.24 -> ไฟหน้าของเขา
595.12 -> เปิดปิดแบบอัตโนมัติ รวมไปถึงไฟสูงของเขา
598.44 -> มีระบบเปิดปิดแบบ ด้วย ซึ่งก็จะอยู่ในระบบ
602.24 -> Toyota Safety Sense สําหรับไฟหน้าของเขา
603.92 -> ที่ปัดน้ําฝนก็มี Auto เวลาฝนตกก็ปัดแบบ Auto
608.28 -> กระจกที่มองไปด้านหลังก็เป็นแบบตัดแสง Auto
611.12 -> ที่บังแดดของเขาเมื่อเปิดมาแล้ว
612.96 -> ก็มีไฟส่องหน้าให้ด้วย ฝั่งซ้ายแล้วก็ฝั่งขวาเลย
615.68 -> มีไฟให้ อันนี้โอเค Airbag รอบคันมีมาให้ บริเวณตรงหัวเข่า ก็มีมา
621.36 -> เหมือนกัน สําหรับแอร์แบ็คแล้วก็การออกแบบภายใน
624.08 -> สําหรับที่นั่งผู้ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็แล้วแต่ของ C-HR
628.36 -> ผมว่าเป็นการออกแบบที่ดูสวยงามแล้วก็มีความเป็นส่วนตัวมากๆ
632.36 -> ฐานเกียร์ของเขาคอนโทรลเกียร์ จะอยู่สูง
634.96 -> ทําให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่านั่งแล้ว
637 -> มันดูเป็นส่วนตัวมีที่วางแขนด้วย
639.16 -> ซึ่งที่วางแขนมันใช้งานได้จริง
641.44 -> เวลาผมขับก็วางแขนตรงอยู่ในระดับที่พอดีเลย
644.6 -> แล้วเมื่อเปิด ก็จะพบกับช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ให้หนึ่งจุด
648.36 -> เราสามารถเอาหัวแปลงมาต่อเป็นช่องยูเอสบีสําหรับโทรศัพท์ให้กับผู้นั่งโดยสารตอนหลังก็ได้
654.88 -> ใส่ของได้แล้วก็มีที่วางแก้วตรงกลางตรงนี้ด้วย หัวเกียร์ของเขายังคงใช้เป็นเหมือนเดิมอยู่
661.44 -> สีเงินแต่ว่าจับถนัดกระชับมือแล้วก็หัวเกียร์ของเขาเป็นที่ดูสวยงามจริงๆ
667.16 -> ก็คือใช้เป็นแบบของเดิมแหละมี Hold brake แล้วก็ ปุ่มปิด Traction Control
671.32 -> มี ให้ EV Mode ซึ่ง EV Mode ของเขาสําหรับขับแบบไฟฟ้า
675.16 -> หนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ แต่ว่า แบตเตอรี่ Hybrid ของเขา
678.08 -> มีขนาดที่ไม่ได้ใหญ่มากนักก็ขับแบบไฟฟ้า
680.68 -> ได้แค่เล็กน้อย ได้ระยะทางแบบสั้นๆ
683.68 -> แล้วก็ใช้ความเร็วได้ไม่มากนักเกียร์ก็ใช้เป็นเหมือนของเดิมเลย
687.04 -> เกียร์พี เกียร์อาร์ เคเอ็นเกียร์ดี เกียร์บี
689.56 -> และก็มีช่องใส่แก้วน้ําด้านหน้าให้ด้วย Wireless Charger ยังไม่มีมาให้ในรุ่นนี้
694.96 -> แต่ว่ามีที่วางโทรศัพท์ที่อยู่ด้านใน
697.16 -> ให้อีกหนึ่งจุดนั่นเองโดยรวมของภายใน
699.8 -> หลักๆแล้วก็ยังคงใช้เป็นแบบของเดิมอยู่
703.28 -> แต่ก็มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงก็คือพวก LOGO GR
706.56 -> รวมไปถึงแผงข้างประตูที่ใช้เป็นวัสดุสีดําเข้ามาตกแต่ง บริเวณตรงเป็นแบบ Soft Touch
711.76 -> หมดเลย ก็ใช้เป็นสีดําด้วยตรงนี้
714.68 -> จะแตกต่างกับในรุ่นก่อนก่อนที่จะเป็นสีน้ําตาลแบบเข้มเข้มภายในก็จะประมาณนี้แล้วกัน
719.4 -> เดี๋ยวเราไปลองขับขี่กันครับว่าจะสนุกไหม
721.92 -> ช่วงล่างที่ปรับเซตมาใหม่จะตอบโจทย์การใช้งานหรือเปล่า
724.44 -> เดี๋ยวมาดูกันครับ
748.48 -> สําหรับฟิลลิ่งในการขับขี่ เครื่องยนต์ของ Toyota C-HR GR Sport
752.76 -> ก็ใช้เป็นเครื่องยนต์เหมือนกับ Toyota C-HR
755.56 -> รุ่นปกติเลย ก็คือใช้เป็นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร
758.2 -> แล้วก็เป็นระบบ Hybrid เป็นการทํางานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า
762.28 -> อัตราสิ้นเปลืองน้ํามันเชื้อเพลิงจากที่เขาเคลมไว้ไว้ใน Eco Sticker
765.8 -> จะอยู่ที่ 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร แต่จากการใช้งานจริงที่ผมขับมาอยู่สามสี่วัน
771.2 -> ก็จะอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลลิตรซึ่งถือว่าเยอะ
774.2 -> อันนี้จะเป็นการใช้งานในกรุงเทพรถติดๆเป็นส่วนใหญ่ ถือว่า
777.84 -> ประหยัดมากสําหรับอัตราสิ้นเปลืองน้ํามันเชื้อเพลิงที่ทําได้จริง
781.2 -> แต่ถ้าวิ่งออกต่างจังหวัดก็จะได้ประมาณนี้เหมือนกัน
784.04 -> เพราะว่าการวิ่งต่างจังหวัดก็คือเครื่องยนต์ของเขาจะติดบ่อย
788.4 -> ก็จะเฉลี่ยแล้วพอพอกันกับการขับแบบในเมืองที่รถติดๆส่วนอัตราเร่ง
793.6 -> ก็จริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นรถที่แรงมาก
796.64 -> แต่ว่าอัตราเร่งผมถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน
800.24 -> ใช้งานได้ทั้งในเมืองทางนอกเมือง
802.28 -> รวมไปถึงการวิ่งออกต่างจังหวัดขึ้นเขาลงเขา ไปได้สบาย
806.24 -> ผมเคยใช้รุ่นปี 2018 ก็คือขับไปต่างจังหวัด
809.6 -> ขับไปเชียงราย ขับไปแม่ฮ่องสอนไปบ้านรักไทย
813.24 -> ขับขึ้นเขาลงเขาไปได้แบบสบายๆ ดังนั้นในเรื่องของอัตราเร่ง
818.16 -> ผมมองว่าเป็นรถที่เหมาะสมสําหรับการใช้งานทุกสภาวะถนน แล้วก็ในเรื่องของ
825.44 -> พวงมาลัย อย่างที่บอกไป ว่าเจ้าคันนี้เขาใช้เป็น
829.52 -> TNGA ดังนั้นในเรื่องของมุมมองผู้ขับขี่
833.24 -> พวงมาลัย รวมไปถึงการทรงตัวของระบบช่วงล่าง
837.88 -> ผมถือว่าเป็นรถที่ขับดีมากๆ โดยเฉพาะระบบช่วงล่างในรุ่น GR Sport
842.8 -> ที่เขาได้มีการปรับใหม่นี้ก็เปลี่ยนคอยล์สปริงให้มีค่า K
847.72 -> ที่สูงมากกว่าเดิม รวมถึงการปรับเซตตัวกระบอกโช๊ค
851.44 -> ให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้นขับสนุกมากยิ่งขึ้น
854.96 -> ส่งผลให้เวลาเราขับ Jump สะพานแรงๆ
857.92 -> คือตัวรถเขาไม่ได้โยน คือเขาแบบเฟิร์มขึ้น
860.64 -> ขับสนุกขึ้น แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกับในรุ่นปกติสักเท่าไร
865 -> ก็คือในรุ่นปกติ ขับดีอยู่แล้ว แต่พอเป็นในรุ่น
868.88 -> GR Sport นี้ก็มีความรู้สึกว่ามัน ขึ้น
871.64 -> มันขับสนุกขึ้น และก็อาการโยน ไม่มีเลย
874.44 -> เดี๋ยวผมจะลองสาดโค้งแบบแรงๆให้ดู
877.28 -> เปลี่ยนเลนแบบเร็วๆจะเห็นได้เลย
879.08 -> ว่าตัวรถของเขาไม่มีออกอาการ ลองเข้า
881.24 -> ซ้ายเร็วๆ เห็นปะคือแบบรถไม่เหวี่ยง ไม่โยน
885.36 -> และก็ยังมีระบบความปลอดภัยด้วยเมื่อสักครู่ที่ได้ยินเสียงติ๊ดติ๊ดเมื่อกี้
889.32 -> ก็คือ เป็นระบบ Toyota Safety Sense
892.44 -> มีอยู่ทั้งหมดสี่ระบบด้วย ระบบแรกก็จะเป็นระบบ Adaptive Cruise Control
897.24 -> ที่ทํางานจนถึงจุดหยุดนิ่งเลยส่วนระบบที่สอง
900.48 -> ก็จะเป็นระบบช่วยรักษาตัวรถให้อยู่กึ่งกลางเลนแล้วก็เตือนเมื่อออกนอกเลน
906.4 -> ระบบที่สามก็คือระบบความปลอดภัยก่อนการชน
909.64 -> ก็เขาจะเบรกให้แบบอัตโนมัติเลย ถ้าเกิดระบบเขาคํานวณได้ว่าเราจะชนด้านหน้าแล้ว
914.52 -> เขาจะเบรกให้เองเลยส่วนระบบที่สี่ก็คือเป็นระบบเปิดไฟสูงต่ำแบบอัตโนมัติ
919.24 -> ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มากๆแต่ก็จะมีเงื่อนไขการใช้งานอยู่
922.68 -> แต่ว่า ใช้งานยากก็ลองไปศึกษาในคู่มือกันอีกครั้งหนึ่ง
926.36 -> ในส่วนของการเก็บเสียง ก็เหมือนกับในรุ่นก่อนหน้านี้เลย
930.04 -> กระจกด้านหน้าที่เขาใช้เป็นแบบ Acoustic Glass
933.04 -> ก็คือการเก็บเสียงของลมที่ปะทะทางด้านหน้าผมว่าก็เก็บเสียงได้ดีในระดับหนึ่ง
937.96 -> จะมีก็คือเสียงที่มันอยู่ทางด้านข้างสมมุติว่ามีรถวิ่งอยู่ทางด้านข้าง
942.44 -> ก็อาจจะมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาให้เราได้ยินบ้างแต่ถือว่าเป็นรถที่เก็บเสียงได้ดี
947.84 -> โดยเฉพาะการออกตัวของเขาก็จะเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าก่อน
951.64 -> พอเวลาเราขับไปคือเสียงของเขาจะนุ่มนวลมากๆ
955.16 -> ขับแล้วรู้สึกว่ามันไม่เหนื่อยเวลาขับไปไกลคือมันดูแบบสบายหู
959.04 -> ตําแหน่งที่นั่งของเขาคือนั่งแล้วรู้สึกว่ามันกระชับแล้วก็มุมมองของผู้ขับขี่จะไม่มีอะไรบดบังสายตาเลย
965.16 -> เพราะว่าอยู่ในแพลตฟอร์ม TNGA ของเขามองไปซ้ายขวาก็รู้สึกว่ามันโล่งโปร่งสบาย
970.16 -> เสาเอไม่ได้ใหญ่ด้วยแล้วก็มีกระจกเล็กๆให้เรามองด้วยเวลาเราเลี้ยวกลับรถอย่างเงี้ยก็มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นและในรุ่น GR Sport
977.24 -> นี้ก็คือช่วงล่างของเขาจะโดดเด่นมากๆ อย่างที่บอกไปว่าเขาได้มีการปรับเซต
982.32 -> ซึ่งทําให้เวลาเราขับแล้ว
984.84 -> ผมรู้สึกว่ามันมั่นใจกว่าปกติก็มั่นใจอยู่แล้ว
987.72 -> แต่ว่ามันขับสนุกขึ้น เดี๋ยวผมจะลองขับ Jump สะพาน
991.24 -> ที่อยู่ข้างหน้าให้ดู ว่า
993.04 -> จังหวะยุบตัว มันยุบยังไง เดี๋ยวผมลอง ไปเลยแล้วกัน แต่ว่า
997.32 -> ใช้ความเร็วประมาณเจ็ดสิบแล้วกันดูว่ามันโยนไหม
1003.16 -> มันนิ่งมากเลยจังหวะยุบเขายุบแค่ทีเดียว
1008.96 -> เขาไม่ได้แบบยุบสองสามทีไม่ใช่อย่างงั้น
1011.32 -> มันไม่ได้ย้วยก็ถ้าเทียบกับในรุ่นธรรมดา
1014.36 -> ผมว่าช่วงล่างของเขาเฟิร์มขึ้น ค่า K สปริงของเขา
1017.44 -> จะแข็งกว่าเดิมนิดหนึ่ง เวลาสาดโค้งแรงๆ
1022.24 -> ตัวรถแบบ เอาอยู่ ไม่มีออกอาการ เดี๋ยวจะมีทางโค้ง
1025.88 -> ข้างหน้าอีกทีหนึ่ง อันนี้โค้งลึก
1028.04 -> ผมใช้ความเร็วประมาณเจ็ดสิบแล้วกันลองสาดโค้งแรง ๆ
1034.72 -> เข้าโค้งมั่นใจ พวงมาลัยเขาดีมากเลย
1038.48 -> เลี้ยวนิดหนึ่งก็คือตัวรถหมุนตาม
1040.72 -> แล้วก็น้ําหนักของพวงมาลัยผมว่า กําลังพอเหมาะเลย ผู้หญิง
1043.84 -> น่าจะชอบ เพราะว่าไม่ได้หนักจนเกินไป
1046.88 -> แล้วเวลาเราใช้ความเร็วสูงคือพวงมาลัยเขาจะหนักตามด้วย
1049.96 -> ทําให้ ความมั่นคงในการยึดเกาะถนน
1053 -> มันรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ช่วงที่เป็นเส้นถนน
1056 -> เดี๋ยวผมจะลองขับเหยียบแล้วกันคือเขาเก็บเสียงได้ดี
1059.08 -> เวลาใช้ All Speed Dynamic Radar Cruise Control ก็คือใช้งานได้ง่ายครับ
1062.72 -> ก้านที่อยู่ทางฝั่งขวา เราสามารถปรับเซตได้เลย
1066.8 -> แล้วเวลาเราขับจะออกนอกเลน
1069.96 -> เขาจะดึงพวงมาลัยกลับ ตอนนี้ผมไม่ได้ควบคุมพวงมาลัย
1073.4 -> คือเขาจะรักษาตัวรถ ให้อยู่กึ่งกลาง
1076.28 -> แต่ถ้าเกิดเราปล่อยมือจากพวงมาลัยนานเกินไประบบเขาจะขึ้นเตือน
1080.68 -> เตือนแล้วว่าให้เราจับพวงมาลัยเหมือนเดิมก็คือเป็นแค่ระบบช่วยเหลือ
1084.52 -> แต่ยังไม่ใช่เป็นแบบ Autopilot แล้วนอกจากนี้ เขายังมี Blind Spot
1087.6 -> ให้ด้วย เมื่อมีรถอยู่ทางด้านข้าง
1090.4 -> จะมีสัญลักษณ์ไฟสีส้ม เตือนที่กระจกด้านข้างด้วย
1093.44 -> เวลาลมยางมันอ่อน ก็จะขึ้นเตือน ก็มีเตือนแรงดันลมยาง
1098.84 -> ผมว่าออฟชั่นต่างๆที่เขามีให้ ครอบคลุมการใช้งานแล้วก็ให้แบบจัดเต็มในระดับหนึ่ง
1105.36 -> เหมาะสมกับรถราคาล้านกว่าๆที่มันควรจะได้อยู่แล้ว
1108.96 -> ก็ถือว่าอันนี้เขาก็ไม่ได้กั๊กมาก
1112.04 -> จังหวะที่เป็นทางขรุขระผมว่าซับแรงได้ดีครับ
1115.28 -> แต่จะไม่ถึงกับนิ่มนวลมากนักจะได้ความรู้สึก Sport หน่อย แล้วก็
1119.76 -> ขับสนุก ทางขรุขระคือมันไม่ได้ตึงตัง เลย
1124 -> ข้างหน้าเป็นสะพานเดี๋ยวชูตขึ้นมาเลย เห็นปะ
1128.24 -> เขาไม่ได้โยนเดี๋ยวทางโค้งอีกทีหนึ่ง
1131.28 -> เดี๋ยวลองสาดโค้งอีกทีหนึ่งใช้ความเร็วมา 90
1135.72 -> เอาอยู่ ขับดีขับดี พวงมาลัยใช้ได้
1140.8 -> ขับนุ่มนวลมากๆแต่เวลาเราเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ
1145.24 -> อย่างตอนผมเปิดแผนที่นําทางไปด้วย
1147.28 -> เห็นไหม ก็คือแผนที่นําทางก็ถือว่า ภาพของเขา
1150.2 -> ไม่ได้ชัดมาก แต่ ถ้ามี AppleCarplay ให้สําหรับผม
1153 -> ผมก็ถือว่าพอใจแหละแต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ
1156.16 -> มันจะต้องแลกกับสายที่มันต้องเสียบถ้าเกิดเราดึง
1160.4 -> ก็คือมันก็จะตัดออกไปเลย ยังไม่ใช่เป็นแบบ Wireless
1163.76 -> มีให้ก็ Ok แล้ว โดยรวมถือว่าการขับขี่ใน Toyota C-HR GR Sport
1169.76 -> โอเคมากๆดีมากๆ ก็ถ้า
1171.8 -> อยากทดลองขับ ไปลองที่ศูนย์บริการใกล้บ้านคุณได้เลยนะ
1176.24 -> ผมว่าคุณน่าจะชอบ ถ้าคุณกําลังมองรุ่นนี้อยู่ครับ
1179.56 -> เดี๋ยวเราจะมาทดสอบระบบ All Speed Dynamic Radar Cruise Control
1181.96 -> ในรถคันนี้กัน ซึ่งเขาทํางานจนถึงจุดหยุดนิ่งเลย
1185.28 -> เดี๋ยวผมจะปรับเซตไปที่ความเร็วสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
1189.4 -> โดยมีรถทีมงานอยู่ข้างหน้าเดี๋ยวผมจะให้รถทีมงานเบรกครับ
1194.8 -> นี่ผมไม่ได้เหยียบคันเร่งนะพอรถคันหน้าเบรก
1200.04 -> รถเราก็เบรก เคลื่อนที่ครับ
1204.76 -> รถคันหน้าเคลื่อนที่รถเราก็เคลื่อนที่ตาม
1207.56 -> โดยที่ผมไม่ได้เหยียบคันเร่งด้วย
1210.8 -> เดี๋ยวรถทีมงานเบรกอีกครั้งหนึ่งครับ
1216 -> ครั้งนี้เดี๋ยวผมจะให้เขาจอดแช่เลย
1220 -> การจอดแช่ก็เหมือนกับว่าเป็นการติดไฟแดงก็ถ้ามันผ่านไปประมาณสามสี่วิ
1225.92 -> มันก็จะตัดเข้าเป็น Hold Brake เลย อ่าอย่างตอนเขาตัดแหละ
1229.48 -> รถคันหน้าเคลื่อนที่ครับตอนรถเราจะไม่เคลื่อนที่ตามล่ะ
1232.6 -> เพราะว่าถ้ามันเบรกนานเกินไปเขาจะเข้าสู่ ของ Hold Brake
1237.64 -> ถ้าอยากขับเหมือนเดิมก็ต้องเหยียบคันเร่งเองแล้วตอนนี้
1240.28 -> ถือว่าเป็นจุดเด่นของในรุ่นนี้ ในขณะที่ Toyota Corolla Cross
1244.4 -> ไม่มี Hold Brake ก็คือจะต้องเบรกเอง
1247.84 -> อันนี้คือจุดเด่นของ C-HR ครับผมสรุปโดยรวมแล้ว Toyota C-HR Hev GR Sport
1250.4 -> สรุปโดยรวมแล้ว Toyota C-HR Hev GR Sport
1253.84 -> ก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกันไป
1257.08 -> ในมุมมองของผมข้อดีของเขามีอะไรบ้าง
1259.56 -> ในเรื่องของการดีไซน์ตั้งแต่โฉมแรกและกัน
1262.6 -> พูดถึงรวมรวมของ C-HR ก็คือเป็นรถ Cross Over ที่มีดีไซน์
1266.68 -> ที่โดดเด่นมากมาก โดยเฉพาะบั้นท้ายของเขา
1270.08 -> แตกต่างกับในรุ่นอื่นๆจากคู่แข่ง ต้องบอกว่าเป็นดีไซน์
1273.56 -> ที่ดู Sport แล้วก็เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
1277.28 -> และถ้าเป็นในรุ่น GR Sport นี้ ก็ ได้ชุดแต่ง
1281.04 -> ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่ได้ชุดแต่งรอบคัน
1284.44 -> ดูแล้วมันสวยลงตัวมากๆ อย่างสีขาวหลังคาดํา
1287.92 -> ผมว่ามันดูลงตัวมากๆแต่ถ้าท่านที่ไม่ชอบชุดแต่งแบบนี้อยู่แล้ว
1292.8 -> ก็อาจจะมองว่า เอ้ยมันเลอะเทอะไปเลยเพราะว่าสเกิร์ต
1295.32 -> ด้านหลังพอเขาเสริมมาให้แล้ว
1298.12 -> ก็จะทําให้มันเห็นได้ว่ามันดูเลอะเทอะไปรึเปล่า
1301.32 -> อันนี้ก็อยู่ที่ว่า คุณชอบแบบไหนถ้าคุณชอบแบบเดิมๆ
1305.04 -> คุณก็ควรจะซื้อในรุ่นปกติแต่ถ้าแบบ คุณคิดว่า
1308.4 -> มันสวยงามแล้ว คุณก็จัดในรุ่น GR Sport ไป ข้อดีที่สอง
1312.64 -> ก็คือในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ํามันเชื้อเพลิง เขาเคลม
1315.56 -> เอาไว้อยู่ที่ยี่สิบสี่จุดสี่กิโลเมตรต่อลิตร ตาม Eco Sticker แต่จากการใช้งานจริง
1320.32 -> ได้ยี่สิบ ยี่สิบเอ็ดทําได้ไม่ยาก
1323.24 -> วิ่งในกรุงเทพก็ได้ตัวเลขเท่านี้แล้ว ถือว่าเป็นรถที่ประหยัดน้ํามันมากๆ
1327.76 -> รุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าคุณจะวิ่งต่างจังหวัด
1330.56 -> ก็จะได้ตัวเลขประมาณยี่สิบยี่สิบเอ็ด
1332.68 -> ด้วยรูปทรงของเขาการขับขี่ของเขาก็ถือว่าทําได้ดีและได้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ํามันเชื้อเพลิงที่ประหยัด
1339 -> ผมถือว่าเป็นรถที่น่าสนใจเลยทีเดียวข้อดีที่สามในเรื่องของออฟชั่น
1343.48 -> หลักๆที่เขาให้มาก็มี Toyota Safety Sense
1347.24 -> มาให้แล้ว รวมไปถึงภายในของเขา
1350.16 -> ก็มีมาให้ครอบคลุมการใช้งานในระดับหนึ่งแต่อาจจะยังไม่เท่า
1353.68 -> Toyota Corolla Cross ของ Cross ก็จะได้เป็นกล้องรอบคัน
1358.04 -> ได้หลังคา Sunroof แตกต่างกันไป แต่ว่าราคาของเขา
1361.52 -> ก็ต่างกันด้วย และข้อดีอีกอย่างหนึ่ง
1364.2 -> สําหรับในรุ่น GR Sport นี้เลย ก็คือ ในเรื่องของ
1367.04 -> ระบบช่วงล่าง เขาได้มีการปรับเซตช่วงล่างมาใหม่
1370.84 -> คอยล์สปริง มีค่า K ที่มากขึ้นกว่าเดิม
1374.96 -> ทําให้รถ มีความเฟิร์มขึ้น แต่ว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างกับในรุ่นปกติมากนัก
1380.4 -> แค่ขับแล้ว รู้สึกว่ามันดูมั่นใจขึ้น
1383.64 -> แต่ว่าการขับขี่ก็ใกล้เคียงกับของเดิมแล้วกัน
1386.64 -> อันนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีก็ข้อดี
1388.96 -> เอาเป็นประมาณนี้ ในราคาค่าตัวของเขา
1391.36 -> อยู่ที่ 1,189,000 บาท จ่ายเพิ่มจากในรุ่นปกติ
1395.64 -> อยู่ที่ห้าหมื่นบาท คุณก็จะได้นี้เลย
1398.56 -> และถ้าเป็นตัวถังสีขาวก็เพิ่มอีกเจ็ดพันบาท
1401.36 -> อันเราดูข้อดีกันไปแล้ว เรามาดูข้อด้อยกันบ้างครับ
1404.36 -> ข้อด้อย ต้องบอกว่าจริงๆแล้ว
1407 -> มันก็ไม่ถือว่าเป็นข้อด้อยหรอก ด้วยการออกแบบของเขาที่เป็นแบบนี้
1411.68 -> ทําให้ผู้โดยสารตอนหลังเวลานั่งจะรู้สึกว่ามันอึดอัด
1415.48 -> เพราะว่ามีมุมอับก็คือกระจกด้านหลัง
1418.36 -> มันไม่ได้ใหญ่พออันก็ถือว่าเป็นข้อด้อยที่มันเป็นสไตล์ของรถแบบนี้อยู่แล้ว
1423.76 -> เราก็ต้องทําความเข้าใจกันด้วย จุดที่สองก็คือ จอ
1427.52 -> จอเครื่องเล่นของเขายังคงใช้เป็นจอขนาดเจ็ดนิ้วเหมือนเดิม
1430.4 -> ถึงแม้ว่าจะมี AppleCarplay มาให้
1432.92 -> แต่ว่าความคมชัดของกล้องหลังพอดูได้ แต่ยังไม่ถึงกับชัดมาก
1437 -> เบาะ ยังไม่ใช่เป็นแบบไฟฟ้า
1440.12 -> มีแค่ดันหลังไฟฟ้าให้ หลังคายังไม่ใช่แบบ Sunroof
1443.36 -> ก็ในเรื่องของข้อด้อย เอาเป็นประมาณนี้แล้วกัน
1445.84 -> สําหรับผมผมถือว่ารับได้ สําหรับข้อด้อยของเขา
1448.84 -> ก็ถ้าหากท่านใดสนใจ ผมอยากให้ไปทดลองขับด้วยตัวเอง
1451.96 -> ดีกว่าที่ Showroom ใกล้บ้านสําหรับวันนี้ครับ Autospinn
1455.08 -> ก็ต้องขอตัวลาไปก่อนครับแล้วพบกันใหม่ในคลิปหน้าครับผม
1457.76 -> สวัสดีครับ
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=fCdGUTj1VS8