ฟังธรรมก่อนนอน EP.31 นรกภูมิ มหานรกทั้ง ๘ ขุม สถานที่จองจำของคนบาปหนัก

ฟังธรรมก่อนนอน EP.31 นรกภูมิ มหานรกทั้ง ๘ ขุม สถานที่จองจำของคนบาปหนัก


ฟังธรรมก่อนนอน EP.31 นรกภูมิ มหานรกทั้ง ๘ ขุม สถานที่จองจำของคนบาปหนัก

ฟังธรรมก่อนนอน EP.31 นรกภูมิ มหานรกทั้ง ๘ ขุม สถานที่จองจำของคนบาปหนัก
ขอขอบคุณสถานที่ : วัดแสนสุข เมืองสวรรค์ แดนนรก บางแสน จ.ชลบุรี

สินค้าและของที่ระลึก PURIFILM Channel https://teespring.com/stores/purifilm

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่สมัครสมาชิกแบบรายเดือนกับช่องยูทูป PURIFILM Channel ครับ
สมัครสมาชิกแบบรายเดือนคลิกลิงก์นี้เลยครับ    / @purifilmch  

*****จัดทำ และบรรยายเสียงโดย. ►PURIFILM Channel
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ►โทร.064-945-4441 (ภูริ)

*****ติดตามรับชมได้ที่ :
Youtube : ►   / purifilmmv  
Facebook : ►https://www.facebook.com/purifilmstudio/
Blogger : ► http://purifilm.blogspot.com/
Instagram : ►https://www.instagram.com/purifilmstu
twitter : ►https://twitter.com/PurifilmStudio

#ฟังธรรมก่อนนอน #นรกภูมิ #มหานรกทั้ง๘ขุม


Content

5.9 -> ฟังธรรมก่อนนอน กับภูริฟิล์ม คลิบนี้เสนอตอน นรกภูมิ มหานรกทั้ง ๘ ขุม สถานที่จองจำของคนบาปหนัก
19.32 -> PURIFILM สร้างแรงบันดาลใจ ให้คติธรรม นำพลังสร้างชีวิต
26.48 -> ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า นรกภูมินั้น คือ สถานที่จองจำของคนที่กระทำบาปหนัก โดยอาศัยร่าง ที่เป็นกายหยาบรับโทษ อย่างเช่น ถูกเลื่อยกาย ถูกหั่นร่างเป็นชิ้นๆ ถูกไฟครอก ถูกตำด้วยสาก ถูกโยนใส่กระทะเดือด หรือปีนต้นงิ้ว เป็นต้น
52.58 -> ท่านว่า คนเราในโลกนี้ อาจจะมีนิสัยจิตใจ และความประพฤติที่ดีเลวแตกต่างกันไป และเมื่อจิตใจมนุษย์แตกต่างกันเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาตายไป ความเป็นไปก็ย่อมแตกต่างกันด้วย ซึ่งท่านว่า พอจะแบ่งออกได้ ๔ ประเภท ดังนี้
77.34 -> ๑. พวกที่ชอบใจ ในการบำเพ็ญกุศลเป็นอย่างมาก ท่านว่า พวกนี้ ขณะใกล้ตาย ก็ย่อมระลึกถึง เรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศล ที่ตนเองเคยได้ทำเอาไว้ และเมื่อตายไปแล้ว ก็ย่อมไปสู่สุคติภูมิ
98.96 -> ๒. พวกที่ชอบทำทั้งกุศล และอกุศล ท่านว่า พวกนี้ เมื่อใกล้ตาย หากระลึกถึงบุญกุศลไม่ได้ จิตใจมีแต่ความกลุ้ม ความเสียใจ ห่วงใยในทรัพย์สมบัติ หรือห่วงกังวลในเรื่องอื่นๆ เมื่อตายไปแล้ว ก็ย่อมไปสู่อบายภูมิ
124.18 -> ๓. พวกที่ชอบสร้างอกุศล มากกว่าการสร้างกุศล ท่านว่า พวกนี้ มีอกุศลอาจิณกรรม คือ บาปที่กระทำสั่งสมอยู่เป็นนิจ มากกว่าการทำกุศล ดังนั้น เมื่อใกล้ตาย ก็ไม่มีทางที่จะนึกถึงกุศลกรรมได้ หนทางที่ไป ก็ย่อมไปสู่อบายภูมิ
152.1 -> ๔. พวกที่ ชอบสร้างอกุศลฝ่ายเดียว พวกนี้เมื่อตายไปแล้ว หนทางที่ไปได้ ก็มีแต่อบายภูมิสถานเดียว
164.14 -> ท่านว่า ตามคติความคิด ของอินเดียเก่าแก่นั้น กล่าวว่า ลึกลงไปใต้แผ่นดิน ของจักรวาลโลกนี้ เป็นที่ตั้งของนรกมากมาย เป็นสถานที่ ทรมานสัตว์ผู้ทำบาปต่างๆ ซึ่งจะไปบังเกิด รับการทรมาน หลังจากที่ตายไปแล้ว
189.78 -> ส่วนคำว่า นรกนั้น แปลว่า เหว แต่ในภาษาบาลีมักเรียกว่า “นิรยะ” ที่แปลว่า สถานที่ ที่ไม่มีความเจริญ คือ ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์ทรมาน
206.18 -> ท่านว่า นรกภูมินั้นมีอยู่มากมาย แต่ที่กล่าวกันมาก ก็คือมหานรกทั้ง ๘ ขุม ซึ่งมีดังต่อไปนี้
217.54 -> ๑. สัญชีวะ หรือสัญชีวนรก คือ (นรกที่ไม่มีวันตาย) ท่านว่า สัญชีวะ แปลว่า คืนชีวิตขึ้นเอง คือ สัตว์นรกในขุมนี้ จะถูกตัดเป็นท่อนเล็กท่อนใหญ่ และถึงแม้จะได้รับความทุกข์ทรมานจนตายไปแล้ว ก็จะกลับคืนชีวิต ขึ้นมาเองอีกครั้ง ซึ่งจะได้รับการทรมานอยู่อย่างนี้ตลอดไป จนกว่าจะสิ้นกรรม
252.42 -> ส่วนในคัมภีร์มหายานของทิเบตแสดงว่า นรกขุมนี้ เป็นที่สำหรับบาปของคน ที่ทำฆาตกรรมตนเอง ทำฆาตกรรมผู้อื่น หรือหมอที่ฆ่าคนไข้ของตนเอง หรือผู้จัดการทรัพย์มรดก ที่คดโกงทรัพย์สิน หรือผู้ปกครองที่โหดร้าย คอยเบียดเบียนประชาชน เป็นต้น
282.7 -> ๒. กาฬสุตตะ หรือกาฬสุตตนรก คือ (นรกเส้นด้ายดำ) ท่าน กาฬสุตตะ แปลว่า เส้นดำ คือ สัตว์นรกในขุมนี้ จะถูกขีดเป็นเส้นดำที่ร่างกาย เหมือนกับตีเส้นที่ต้นซุง เพื่อที่จะเอาไว้เลื่อย
307.18 -> ซึ่งสัตว์ที่มาเกิดในขุมนรกนี้ จะถูกลงโทษโดยการเอาด้ายดำ มาตีเป็นเส้นบนร่างกาย แล้วก็เอาเลื่อยมาเลื่อย หรือบางทีก็เอาขวานมาผ่า หรือเอามีดมาเฉือนกรีด ตามเส้นดำที่ตีไว้
326.02 -> ส่วนคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า จะถูกเลื่อยด้วยเลื่อย หรือลงโทษอีกแบบหนึ่ง คือ การลากลิ้นออกมาตอก และไถด้วย ไถเหล็กแหลมเป็นจักๆ ท่านว่าคนที่ถูกกระทำแบบนี้ เป็นเพราะบาป จากการพูดส่อเสียด ยุยงให้เขาแตกกัน หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวขัดขวางกิจการของผู้อื่น และลบหลู่ดูหมิ่นบิดามารดา พระรัตนตรัย หรือพระศาสนา เป็นต้น
364.46 -> ๓. สังฆาฏะ หรือสังฆาฏนรก คือ (นรกบดขยี้สัตว์) ท่านว่า สังฆาฏะ แปลว่า กระทบกัน คือ มีภูเขาเหล็กคราวละ ๒ ลูก จากทิศที่ตรงกันข้าม เลื่อนเข้ามากระทบกันเอง แล้วบดขยี้สัตว์นรก ให้ร่างแหลกละเอียด ซึ่งสัตว์ที่มาเกิดในนรกขุมนี้ จะถูกภูเขาเหล็ก บดขยี้ร่างกาย ให้ได้รับทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา
401.16 -> ส่วนในคัมภีร์มหายานของทิเบตกล่าวว่า ภูเขาที่มีศีรษะเป็นสัตว์ หรือเป็นเหล็กใหญ่ ได้เลื่อนเข้ามา บดขยี้สัตว์เช่นเดียวกัน และกล่าวว่าในนรกขุมนี้ เป็นนรกสำหรับพวกพระ คฤหัสถ์ และคนที่ไม่เชื่อในศาสนา ซึ่งจะลบหลู่ดูหมิ่น หรือทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์ และการทรมานอีกอย่างหนึ่ง
435.9 -> คือ บดตำในครกเหล็ก ตีบนทั่งเหล็ก สำหรับทรมาน คนที่ชอบทำโจรกรรม หรือคนที่มีสันดานร้ายกาจ ชอบแสดงความโกรธ หรือชอบอิจฉาริษยา โลภอยากได้ของคนอื่น หรือพวกที่ใช้เครื่องชั่งตวงวัดโกง และพวกที่ชอบทิ้งขยะมูลฝอย หรือสัตว์ที่ตายแล้ว ลงในถนนหนทาง ในที่สาธารณะ เป็นต้น
470.48 -> ๔. โรรุวะ หรือโรรุวนรก คือ (นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้) ท่านว่า โรรุวะ แปลว่า ร้องครวญคราง คือ มีเปลวไฟ เข้าไปทางทวารทั้ง ๙ เผาไหม้ในสรีระ จึงร้องครวญคราง เพราะเปลวไฟ
493.86 -> และบางพวกก็ถูกหมอกควันด่าง เข้าไปละลายสรีระ จนละเอียดเหมือนแป้ง จึงร้องครวญคราง เพราะหมอกควัน ซึ่งสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ จะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ต้องร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาอยู่ตลอดเวลา
517.72 -> ส่วนในคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า จะถูกจับกรอกน้ำเหล็กแดง อันร้อนแรงทางปาก ผ่านลำคอลงไป ส่วนบาปที่ถูกกระทำเช่นนี้ เป็นบาปจากการ กั้นปิดทางน้ำ เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือแช่งด่า ดิน ฟ้า อากาศ หรือทำลายพืชพันธุ์ให้เสียหาย เป็นต้น
543.84 -> ๕. มหาโรรุวะ หรือมหาโรรุวนรก คือ (นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญคราง) ท่านว่า มหาโรรุวะ แปลว่า ร้องครวญครางอย่างมาก คือ เป็นทุกข์ทรมานยิ่งกว่านรกข้อที่ ๔
565.66 -> ส่วนในคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า เป็นที่สำหรับคนที่มีบาปหนา และสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ ก็จะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ร้องไห้เสียงระงม ไปทั่วทั้งนรก
583.92 -> ๖. ตาปนะ หรือตาปนรก คือ (นรกที่ทำให้สัตว์เร่าร้อน) ท่านว่า ตาปนะ แปลว่า ร้อน อันได้แก่ ให้นั่งเสียบตรึงไว้ด้วยหลาวเหล็ก บนแผ่นดินเหล็กแดงลุกเป็นไฟร้อนแรง หรือถูกต้อนขึ้นไป บนภูเขาเหล็กแดง ที่เป็นไฟลุกโพลง แล้วถูกพัดตกลงมา ถูกเสียบด้วยหลาวเหล็ก ที่โผล่ขึ้นมา จากแผ่นดินเหล็กแดง
617.66 -> ซึ่งสัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนี้ จะได้รับความทุกข์ทรมานเร่าร้อน ที่เต็มไปด้วยเปลวไฟจำนวนมาก และหลาวเหล็กแต่ละอัน จะมีสัตว์นรกเสียบอยู่บนปลายหลาว มีเปลวไฟพุ่งขึ้น เผาผลาญสังหารสัตว์นรกอยู่ตลอดเวลา
640.5 -> เนื้อหนังมังสาของสัตว์นรกทั้งหลาย จะไหม้สุกพอง ต้องเสวยทุกข์ทรมาน ดิ้นพล่านไปมา ถูกหมานรกฉีกเนื้อกิน แล้วก็กลับเป็น ขึ้นมาตามเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะสิ้นกรรม
659 -> ส่วนในคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า จะถูกขังอยู่ในห้องเหล็กแดง ที่เป็นไฟร้อนแรง สำหรับคนที่ชอบทำบาป ด้วยการจับสัตว์มาปิ้ง มาทอด หรือจับสัตว์มาเสียบ ปิ้งเป็นอาหาร เป็นต้น
677.8 -> ๗. ปตาปนะ หรือมหาตาปนรก คือ (นรกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนสุดที่จะประมาณได้) ท่านว่า ปตาปนะ แปลว่า ร้อนสูงมาก คือ เป็นที่ทุกข์ทรมานมากยิ่งกว่าข้อที่ ๖ ซึ่งสัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนี้ จะได้รับความทุกข์ทรมานเร่าร้อนอย่างเป็นที่สุด
707.08 -> อยู่ภายในกำแพงใหญ่โต ที่มีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟ ตั้งอยู่เป็นลูกๆ ตามพื้นข้างภูเขา จะมีเหล็กแหลมคม ลุกแดงด้วยไฟ ปักเรียงรายอยู่เต็มพื้น แล้วจะมีนายนิรยบาล ถืออาวุธลุกแดงด้วยไฟ ไล่ทิ่มแทงสัตว์นรกทั้งหลาย ให้ขึ้นไปบนภูเขาไฟที่แดงฉาน เมื่อสัตว์นรกทั้งหลายตกใจกลัว ก็จะพากันวิ่งไปบนยอดเขานรก
742.14 -> ต่อจากนั้น ก็มีลมกรดอันร้อนแรง พัดมาด้วยกำลังลมนรก ทำให้สัตว์เหล่านั้น พลัดตกลงมาจากยอดเขา ถูกเหล็กแหลมคมร้อนแรง ที่อยู่เบื้องล่าง เสียบร่างกายทะลุเลือดแดงฉาน ทุกข์ทรมาน ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด และรุ่มร้อนอย่างแสนสาหัส
767.48 -> ส่วนคัมภีร์ทิเบตกล่าวว่า จะถูกทิ่มแทงด้วยหอกสามง่าม ล้มกลิ้งไปบนพื้นเหล็กแดงอันร้อนแรง และคนที่ได้รับบาปเช่นนี้ เป็นคนที่ละทิ้งพระศาสนา (เลิกนับถือ) หรือปฏิเสธความจริง เป็นต้น
787.48 -> ๘. อวีจิ หรืออเวจีนรก คือ (นรกที่ปราศจากความบางเบาแห่งทุกข์) ท่านว่า อวีจิ แปลว่า ไม่มีระหว่าง คือ ไม่เว้นว่าง หรือบางทีก็เรียก มหาอวีจิ แปลว่า อเวจีใหญ่ ส่วนภาษาไทยนั้นมักจะเรียกว่า อเวจี ซึ่งเปลวไฟนรก ในนรกขุมนี้ จะลุกโพลงเต็มทั่วไปหมด ไม่มีระหว่าง หรือเว้นว่าง
821.86 -> และสัตว์นรกในขุมนี้ ก็จะแน่นขนัด ไม่มีระหว่าง หรือเว้นว่าง ต่างก็ถูกไฟไหม้อยู่ที่เฉพาะตน และความทุกข์ทรมานของสัตว์ในนรกขุมนี้ ก็บังเกิดขึ้นสืบเนื่องกันไป ไม่มีระหว่าง หรือเว้นว่าง ฉะนั้น จึงเรียกว่า อวีจิ หรือ อเวจี ซึ่งนรกในขุมนี้เป็นนรกขุมใหญ่ กว่าบรรดานรกทั้งหลาย
851.92 -> และล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็ก ที่มีเปลวไฟโชติช่วง ท่านว่า สัตว์ที่ไปเกิดอยู่ในมหานรกอเวจีนี้จะมีมากกว่านรกขุมอื่น จึงมีความแออัด ยัดเยียดเบียดเสียดกัน ได้รับความทุกข์ทรมาน ด้วยการถูกเปลวไฟนรก ร้อนระอุเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะสิ้นกรรม
879.62 -> ส่วนในคัมภีร์ทางทิเบต กล่าวว่า คนที่ได้รับบาปเช่นนี้ เป็นบาปที่ถือว่าเป็นอุกฤษฎ์ คือโทษตามลัทธิลามะ แต่ฝ่ายเถรวาทแสดงว่า สำหรับบาป ที่เป็นอนันตริยกรรม คือฆ่าบิดา ฆ่ามารดา เป็นต้น
902.2 -> ท่านว่านอกจากนรกขุมใหญ่ทั้ง ๘ ขุมแล้ว ก็ยังมีนรกขุมอื่นๆ อีกมากมาย และก็เป็นธรรมดาของสัตว์นรกทั้งปวง เมื่อถูกทรมานอยู่ในนรก ก็จะไม่มีวันตาย จะได้รับการทรมานอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะสิ้นกรรม ดั่งคำที่ว่า สัญชีวะ คือตายแล้วเป็นขึ้นมาอีก อยู่ในนรกภูมิทุกข์ทรมานอย่างนั้น จนกว่าจะสิ้นกรรม
943.5 -> ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=GjFeeY2JktU