การสอนสังคมศึกษาด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning
การสอนสังคมศึกษาด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning
ทุกวันนี้การจัดการเรียน การสอนสังคมศึกษา แบบ Active Learning เป็นการเตรียมพร้อมให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อการเรียน สร้างโอกาสให้เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เนื่องจากเด็กทุกคนคิดและวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง ทั้งยังมีสื่อหลายรูปแบบอยู่ในมือที่ค้นหาข้อมูลได้ตลอดเวลา
การเรียนการสอนใน วิชาสังคมศึกษา ครูควรฝึกให้เด็กมีทักษะในการสืบค้นข้อมูล โดยการใช้โจทย์ไปค้นหาข้อมูลก่อนและค่อยมาคุยกันในห้องเรียน ดังนั้น ทักษะที่สำคัญของเด็กรุ่นใหม่คือให้การเป็นบุคคลที่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต โดยครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกแบบ Active Learning ในห้องเรียนเพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมเรียนรู้อย่างสนใจและกระตือรือร้นว่าจะเรียนรู้ได้ตรงไหนบ้าง
ทำไมถึงเลือกสอนแบบ active learning
แต่เดิมครูทำหน้าที่บรรยายหน้าห้อง ให้เด็กตอบคำถามและทำรายงาน เมื่อเห็นว่าการเรียนการสอนไม่ประสบความสำเร็จ เด็กอ่านหนังสือทำข้อสอบได้แต่เด็กไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย การเรียนการสอนไม่ได้พัฒนาความรู้หรือการนำไปปฏิบัติเท่าที่ควร จึงปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนใหม่เพื่อให้เด็กได้สืบค้นข้อมูลแล้วนำมาแชร์กันมากขึ้น อบรมครู ให้สนับสนุนเด็กพูดแสดงความคิดเห็นมากขึ้น ช่วยให้เข้าใจว่าเด็กคิดอย่างไร และไปสืบค้นข้อมูลจากที่ไหนบ้างก่อนนำมาแชร์กัน นับเป็นกลยุทธ์ดึงดูดให้การเรียนรู้น่าสนใจขึ้น พร้อมกับช่วยตกผลึกให้เด็กเห็นความแตกต่างและมองเห็นความหลากหลายมากขึ้น ครูควรพูดคุยกับเด็ก ชี้ประเด็นให้เห็นพร้อมกับตั้งคำถามและวิพากษ์สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้แบบ Active Learning จริง ๆ หมายถึงการที่เด็กได้เปลี่ยนกระบวนการทางความคิด ได้วิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลให้เด็กมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากเดิม
จัดการเรียนรู้อย่างไร
พื้นฐานสำคัญสำหรับ การจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning คือการเน้นให้เด็กๆ แสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามของผู้สอนหรือการอภิปรายในห้องเรียนให้เพื่อนร่วมชั้นฟัง นั่นคือ ในการบรรยายแต่ละครั้งผู้สอนต้องตั้งคำถามว่านักเรียนคิดเห็นกันอย่างไรกับปัญหาสังคมประเด็นนี้ จุดประกายความสนใจก่อนและให้เด็กค้นหาคำตอบเพื่อให้รู้ว่าเด็ก ๆ มีทัศนคติอย่างไรกับสังคม กับเรื่องที่เรียน กับปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมด้วย วิธีการสอน แบบนี้ทำให้เห็นความคิดที่แตกต่างของเด็กในห้องจากประเด็นเดียวกัน เพื่อให้ครูเห็นข้อมูลความรู้และทัศนคติของเด็กแต่ละคนด้วย การให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นของตนเองเป็นการสอนเด็กว่าความคิดเห็นของคนเราแตกต่าง จะคิดเห็นเหมือนกันนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพื่อให้เด็กหาคำตอบว่าเราจะอยู่ด้วยกันท่ามกลางความหลากหลายได้อย่างไร
พฤติกรรมตอบกลับของนักเรียน
การเปิดพื้นที่ในห้องเรียนให้เด็กได้คุย แลกเปลี่ยนความคิด และโต้แย้งกันบ่อย ๆ ส่งผลให้นักเรียนกล้าเสนอแนะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับครูมากขึ้น เวลาเด็กเห็นข่าวหรือประเด็นที่น่าสนใจในโซเชียลจะหยิบยกมาพูดคุยกับครูและเพื่อนมากขึ้น สนใจความคิดเห็นของคนอื่นและค้นหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน เทคนิคการสอน แบบ Active Learning เป็นการกระตุ้นให้เด็กสนใจมีบทบาทในสังคมมากขึ้น เกิดความเป็นห่วงเป็นใย และต้องการหาทางออกร่วมกัน
อย่างน้อยที่สุด การสอนสังคมศึกษา แบบ Active Learning ทำให้เด็กกล้าแชร์และกล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกับครู ทำให้ช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียนลดลง เพื่อให้ครูเป็นผู้ฟังที่ดีและไม่ตัดสินเด็ก ยอมรับฟังความคิดเห็นของเด็กอย่างเต็มที่เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและยอมรับซึ่งกันและกัน
📍รู้จักกับเราเพิ่มเติม 📍
✅สมัครเรียนออนไลน์ฟรี พร้อมรับเกียรติบัตรกับ Starfish Labz: www.starfishlabz.com
✅ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นประเมินทักษะและสมรรถนะด้วย Starfish Class: www.starfishclass.com
✅ ติดต่อรับบริการด้านการศึกษา Starfish Education Social Enterprise: www.starfishedu.org/
✅ กดติดตามข่าวสารอื่นๆ ของ STARFISH EDUCATION ได้ที่
• FACEBOOK: www.facebook.com/starfishlabz
• FACEBOOK: www.facebook.com/StarfishAcademy2019
• YOUTUBE : Starfish Labz Channel
• INSTAGRAM : www.instagram.com/starfishlabz/
Content
31.2 -> ก็สำหรับครูแนนนะคะ
32.924 -> ก็คือเชื่ออยู่แล้วว่าเด็กทุกคน
35.275 -> คือสามารถคิดและวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง
38.079 -> แล้วก็ตัวเขาเองก็มีสื่ออยู่ในมือเยอะแยะมากมาย
41.186 -> ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมือถือที่สามารถค้นหาได้ตลอด
44.259 -> ค้นหาได้ทุกที่ ค้นหาได้ทุกเวลา
46.206 -> ดังนั้นสิ่งที่แนนพยายามทำในห้องเรียน
48.76 -> คือการฝึกให้เด็กมีทักษะในการสืบค้นข้อมูลค่ะ
52.136 -> อาจจะให้โจทย์ไปหนูไปค้นหาข้อมูลก่อน
55.15 -> แล้วก็เดี๋ยวเรามาคุยกันในชั่วโมงเรียนค่ะ
57.23 -> ดังนั้นทักษะที่สำคัญคือทำให้เขาเป็น
59.831 -> เป็นบุลคลที่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิตค่ะ
62.172 -> โดยการที่ครูโค้ชเขาในห้องว่า
64.7 -> เรามาเรียนรู้ร่วมกันเถอะ
66.291 -> แล้วเราเรียนรู้ได้ตรงไหนบ้างค่ะ
72.44 -> อันนี้ต้องขออนุญาติเท้าความก่อนเพราะว่า
74.934 -> ตอนแรกที่มาเป็นครูแรก ๆ
76.975 -> ก็ไม่ได้ Active อะไรขนาดนั้น
78.816 -> ก็คือมีการบรรยายหน้าห้อง
80.94 -> ให้เด็กตอบคำถามนิดหน่อยทำใบงานเหมือนกัน
83.945 -> แล้วที่นี้พอมา Refresh กับตัวเองไม่ประสบความสำเร็จ
87.797 -> เด็กอาจจะทำข้อสอบได้แต่ว่า
90.207 -> ตัวเด็กเองไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
93.145 -> ไม่ได้มีการเรียนรู้เท่าที่ควร
95.57 -> ก็เลยปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนใหม่
97.413 -> ก็คือเน้นให้เด็กได้ไปสืบค้นข้อมูลแล้วก็เอามาแชร์กันมากขึ้น
101.362 -> เน้นให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นเพราะว่าการที่
104.386 -> เด็กได้พูด
105.589 -> ได้ส่งเสียงออกมาทำให้เราได้เรียนรู้ตัวเขาด้วยว่าเขาคิดอย่างไร
109.851 -> เขาไปสืบหาข้อมูลมาจากไหนบ้าง แล้วจากนั้นเอามาแชร์กัน
113.32 -> ซึ่งตรงนี้เองค่ะช่วยตกผลึกให้เขาเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้นค่ะ
118.858 -> คุณครูจึงมีหน้าที่ในการพูดคุยกับเขาแล้วก็ชูประเด็นให้เขาเห็นนะคะ
122.68 -> รวมถึงชวนเขาตั้งคำถามแล้วก็วิพากในสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมค่ะ
126.99 -> ซึ่งตรงนี้ช่วยให้เขาได้คล่องแคล่วจริง ๆ
129.98 -> เพราะว่าในความหมายคล่องแคล่วไม่ใช่การที่เด็กเล่นเกม
133.142 -> สนุกสนานในห้องแล้วก็จบ
134.784 -> แต่คือคล่องแคล่วการที่เขาได้เปลี่ยนกระบวนการทางความคิด
138.143 -> ได้วิเคราะห์แล้วก็จะส่งผลทำให้
140.718 -> ตัวเขาเองมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากเดิมค่ะ
149.073 -> โดยส่วนใหญ่ในห้องเรียนด้วยธรรมชาติของวิชาสังคมก็คือ
153.434 -> ครูแนนเองจะเน้นให้เขาได้แสดงความคิดเห็นนะคะ
156.605 -> อาจจะผ่านการอภิปรายในห้องเรียน
158.74 -> ก็คือจะพยายามตั้งคำถามจากเนื้อหาที่ชูขึ้นมาว่า
163.252 -> นักเรียนคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้
165.13 -> คิดเห็นอย่างไรกับปัญหาสังคม
166.748 -> แล้วก็จากนั้นก็จะให้เด็กในห้องได้แสดงความคิดเห็น
170.242 -> ซึ่งการที่เด็กได้แสดงความคิดเห็นแล้วว่า
172.761 -> ได้ส่งเสียงออกมาทำให้ครูแนนได้รู้ว่าเขาคิดอย่างไร
177.146 -> เขามีทัศนคติอย่างไรกับสังคมกับเรื่องที่เขาเรียน
180.234 -> แล้วก็กับปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมด้วยนะคะ
183.145 -> ก็ตรงนี้เองทำให้เราได้เห็นความแตกต่าง
185.741 -> ของความคิดของเด็กในห้องด้วยว่าขนาดประเด็นเดียวกัน
189.231 -> เด็กแต่ละคนยังคิดไม่เหมือนกันเลยค่ะ
191.56 -> จุดเด่นคือได้เห็น
192.882 -> ได้เห็นข้อมูลความรู้และทัศนคติของเด็กนะคะ
196.646 -> สามารถชวนให้เด็กเห็นได้ว่าในห้องเรียนเรา
201.427 -> ความคิดมีหลายแบบแล้วเราจะมาบังคับให้
204.549 -> เราคิดเหมือนกันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
207 -> ดังนั้นทางออกร่วมกัน ก็คือเราจะอยู่ร่วมกันท่ามกลาง
210.904 -> ท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายได้อย่างไร ?
212.935 -> นี่คือโจทย์ที่เราจะชวนเด็กคุยตลอดค่ะ
220.44 -> ด้วยความที่พยายามเปิดพื้นที่ในห้องเรียน
222.751 -> ให้เด็กได้คุย ได้แชร์ แล้วก็ดีเบตกันบ่อย ๆ
225.594 -> ก็ส่งผลทำให้นักเรียนเขา
227.78 -> เขากล้าที่จะแชร์กับครูมากขึ้นเวลาที่เขาไปเห็นประเด็นอะไรข้างนอก
232.848 -> เห็นข่าว เห็นในโซเชียล
234.229 -> เขาก็จะหยีบยกประเด็นนั้นมาคุยกับครูแนนบ่อยมากว่า
236.783 -> คุณครู คิดเห็นอย่างไรกับข่าวนี้
239.849 -> แล้วคุณครูคิดว่าเราควรต้องทำอย่างไรดี
242.083 -> คือในเซนส์ของครูแนนที่รู้จักเด็กหลาย ๆ คนมานาน
245.115 -> รู้สึกว่าเขามีความรู้ในการตระหนัก
248.945 -> เขาเป็นเจ้าของสังคมมากขึ้นแล้วเขามีความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยว่า
252.897 -> คุณครูถ้าเกิดแบบนี้ขึ้นแล้วเราจะต้องมีทางออกร่วมกันอย่างไร
257.686 -> ก็เลยคิดว่าผลลัพธ์อย่างน้อยที่สุด
260.158 -> คือ เขากล้าแชร์ กล้าดีเบตกับครู
262.768 -> แล้วทำให้ช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียนลดลง
266.727 -> เพราะว่าอย่างคุณครูเอง คุณครูก็พยายามจะลด
270.308 -> ลดพื้นที่ความสัมพันธ์ไม่ให้เราอยู่สุงกว่านักเรียน
273.78 -> เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราอยู่สูงหรือมีอำนาจเหนือนักเรียน
276.669 -> นักเรียนจะไม่กล้าเข้ามาหาเราเลย
279.295 -> ดังนั้นเวลาที่เข้ามาแชร์เหมือนคุณครูเอง
282.514 -> ก็ต้องทำหน้าที่อย่างหนักมากเลย
284.9 -> คือ การเป็นผู้ฟังที่ดีว่าหนูไปค้นมาหนูคิดเห็นอย่างไร
288.859 -> จะพยายามไม่ไปตัดสินเขาให้เขาได้พูดได้แชร์ออกมาอย่างเต็มที่
292.697 -> แล้วจากนั้นเราก็พูดในมุมมองของเขาบ้าง
294.892 -> เป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
296.402 -> เพราะว่าคุณครูแนนเองก็เชื่อว่านักเรียน
298.947 -> เขาได้เรียนรู้ เขาเป็นผู้
300.871 -> เป็นผู้ที่เรียนรู้
302.307 -> ไม่ต่างอะไรเลยจากครูแนนค่ะ
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=hAxMbf2nvkM