ล้างความเห็นผิด :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 ธันวาคม 2565
ล้างความเห็นผิด :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 ธันวาคม 2565
ล้างความเห็นผิด :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 ธันวาคม 2565
การที่เราตามรู้ตามเห็น ความเกิดดับของกายของใจ
เรียกว่าวิปัสสนากรรมฐาน
เราเห็นความเป็นไตรลักษณ์ของมัน
เกิดๆ ดับๆ ไปเรื่อย บังคับไม่ได้
พอเราเข้าใจความจริง
จิตจะเบื่อหน่ายคลายความยึดถือ แล้วก็หลุดพ้น
ทำไมจิตไม่รู้จักหลุดพ้นเสียที
เพราะจิตไม่ยอมวาง จิตยึดอยู่นั่นล่ะ
ก็ต้องอบรมฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ
ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา
ถึงจุดที่จิตมันมีปัญญา มันฉลาด
รู้ความจริงของรูปนามกายใจ มันก็วาง
ไม่ใช่ของวิเศษ มีแต่ของเกิดแล้วดับ
มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป
มันเห็นแล้วมันก็วาง
เบื้องต้นตรงที่เราเห็นว่าสิ่งใดเกิด สิ่งนั้นก็ดับ
เราวางความเห็นผิด
ไม่มีอะไรที่เป็นอมตะ ไม่มีตัวตนถาวร
อย่างปุถุชนจะรู้สึกว่า ตัวเรามีอยู่อย่างถาวร
ตัวเราตอนนี้ กับตัวเราตอนเด็กๆ มันก็คนเดิม
ตัวเราตอนนี้กับตอนแก่ มันก็คนเดิม
ตัวเราเดี๋ยวนี้กับตัวเราชาติก่อน มันก็คนเดิม
ตัวเราเดี๋ยวนี้กับตัวเราชาติหน้า มันก็คนเดิม
ปุถุชนมันจะเห็นอย่างนี้ มันเห็นว่าตัวเรามีจริงๆ
เราพาจิตใจให้มาเรียนรู้ความจริง ซ้ำแล้วซ้ำอีกลงไป
มันมีแต่ของที่เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ
ไม่มีหรอกอะไรที่เป็นอมตะถาวร
ในขันธ์ 5 นี้ จะเป็นกายหรือจิตใจ เกิดแล้วก็ดับเหมือนๆ กัน
เพราะฉะนั้นการที่เราล้างความเห็นผิด ว่ามีตัวมีตนได้
เกิดจากเราเห็นความจริง ว่าสิ่งทั้งหลายเกิดแล้วดับทั้งสิ้น
ในขันธ์ 5 นี้ไม่มีอะไรอมตะเลย
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
17 ธันวาคม 2565
Content
2.95 -> ถ้าทุกวันภาวนากันได้อย่างนี้ ก็ใช้ได้
9.437 -> ใจมันอยู่กับเนื้อกับตัว
10.937 -> ไม่ฟุ้งซ่านไป
16.375 -> ธรรมะไม่ต้องเรียนเยอะหรอก
18.935 -> แต่ภาวนาให้มาก
21.335 -> ถ้าเรียน
23.385 -> ก็ได้แต่จำเอาไว้
26.605 -> ธรรมะที่เข้าสมองสู้กิเลสไม่ได้
31.262 -> ธรรมะที่เข้าใจ
33.632 -> เข้าถึงใจจริงๆ ถึงจะล้างกิเลส
38.022 -> กิเลสอยู่ในใจเรานี่เอง
43.23 -> ฉะนั้นต้องค่อยๆ อบรม
45.03 -> สั่งสอนจิตใจของเรา
47.63 -> ทุกวันๆ
50.93 -> เดี๋ยววันหนึ่งมันก็เข้าใจ
56.957 -> ศาสนาพุทธ เราลงมือ
59.097 -> ศึกษาปฏิบัติธรรมกันมากมาย
64.864 -> เราไม่ได้อะไรมา
66.664 -> ไม่ได้เสียอะไรไป
68.534 -> มีอย่างเดียวที่เราได้มา
72.024 -> คือสัมมาทิฏฐิ
74.934 -> ความรู้ถูก ความเข้าใจถูก
79.544 -> สิ่งที่เราเสียไปก็มีอันเดียว
81.694 -> คือมิจฉาทิฏฐิ
84.994 -> ความเข้าใจผิด ความรู้ผิด ความเข้าใจผิด
91.804 -> เราปฏิบัติธรรมไม่ได้มุ่ง
94.973 -> เอาความสุข ความสงบ ความดี
98.674 -> เพราะความสุขเป็นของไม่เที่ยง
101.864 -> ความสงบเป็นของไม่เที่ยง
103.984 -> ความดีก็เป็นของไม่เที่ยง
107.554 -> วันนี้ดี อีกวันอาจจะไม่ดีก็ได้
110.754 -> วันนี้สงบ อีกวันอาจจะฟุ้งก็ได้
114.298 -> เป็นของที่ยังเอาเป็นที่พึ่งที่อาศัย
117.068 -> ที่แท้จริงไม่ได้
121.158 -> แต่ถ้าเราลงมือปฏิบัติธรรมจริงๆ
123.678 -> ค่อยๆ อบรบจิตใจไป
125.738 -> มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา
131.248 -> สิ่งที่ได้มาคือตัวสัมมาทิฏฐิ
133.608 -> เกิดความรู้ถูก ความเข้าใจถูก
138.388 -> ในโลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์
141.258 -> ว่าเราแต่ละคนนั้น
144.618 -> แสวงหาความทุกข์มาใส่ตัวเอง
149.06 -> อย่างเราอยากเกิด
152.04 -> เมื่อเกิดแล้ว
153.5 -> สิ่งที่ตามมา
154.95 -> ก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย
157.92 -> ใครๆ ก็อยากเกิด
161.14 -> เวลาถึงวันเกิดทีก็ฉลองกัน
166.216 -> ที่จริงมันคือจุดตั้งต้น
169.296 -> ของความทุกข์ทั้งหลาย
173.586 -> เราไม่เข้าใจ
175.206 -> เราก็จะไปอยากได้สิ่งนี้
177.816 -> ไม่อยากได้สิ่งนี้
180.826 -> อยากเกิดแต่ไม่อยากตาย
184.421 -> ถ้าเราเข้าใจความจริง
186.671 -> มันเกิดขึ้นมา มันก็ต้องตายไป
190.751 -> สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น
192.491 -> ตั้งอยู่ ชั่วขณะ ชั่วคราว แล้วก็ดับ
196.664 -> ธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น
200.414 -> ถ้าเราไม่เข้าใจความจริง
202.204 -> เราก็จะดิ้นรนแสวงหา
205.094 -> สิ่งที่ชอบใจ
207.064 -> ดิ้นรน
208.484 -> หนีสิ่งที่ไม่ชอบใจ
210.214 -> ก็ดิ้นไปเรื่อยๆ
212.184 -> ไม่รู้จักจบจักสิ้น
215.164 -> ดิ้นเท่าไรก็ยิ่งทุกข์
216.714 -> กระทั่งอยากปฏิบัติยังผิดเลย
220.204 -> อยากปฏิบัติธรรม
222.474 -> อยากดี อยากสุข อยากสงบ
227.898 -> พวกเราพยายามมาอบรบจิตใจ
232.018 -> เรามีศีล
233.688 -> เพื่อเป็นพื้นฐานให้จิตใจมีสมาธิ
238.828 -> เรามีสมาธิเพื่อเป็นพื้นฐาน
241.878 -> ให้เป็นกำลัง
243.818 -> ให้จิตมีความสามารถที่จะเจริญปัญญา
248.681 -> ฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือเรื่องศีล
251.111 -> เรื่องของสมาธิเรื่องของปัญญานั่นเอง
255.599 -> ปัญญาคือความรู้ถูก ความเข้าใจถูก
259.079 -> สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นก็ดับ
264.779 -> ถ้าจิตมันยอมรับตรงนี้ได้
268.209 -> มันจะไม่หลงยินดี
270.97 -> กับความเกิดหรือการได้สิ่งนั้นสิ่งนี้มา
275.229 -> มันจะไม่ยินร้ายกับความตาย
277.149 -> หรือการสูญเสียสิ่งนั้นสิ่งนี้
281.192 -> จิตใจมันจะเป็นกลาง
283.899 -> เพราะฉะนั้นพอรู้ตามความเป็นจริง
286.809 -> ก็จะคลายออกจากโลก
289.909 -> โลกนี้มีแต่ของที่เกิดแล้วก็ดับ
292.089 -> ไม่เห็นจะน่าประทับใจตรงไหนเลย
296.088 -> ดิ้นรนแย่งชิงมาแทบเป็นแทบตาย
299.298 -> สุดท้ายก็สูญเสียไป
301.668 -> มีแล้วก็ไม่มี
305.898 -> พอจิตมันเข้าใจอย่างนี้
307.378 -> มันจะเริ่มเบื่อ
309.338 -> เริ่มคลายความยึดถือ
311.518 -> ในโลก
312.818 -> สิ่งที่เรียกว่าโลกก็คือรูปนาม
314.738 -> กายใจของเรานี้ล่ะ
316.088 -> เป็นตัวหัวโจกของโลกเลย
319.328 -> จะเห็นความจริงซ้ำแล้วซ้ำอีก
323.538 -> กายนี้ไม่ใช่ของดีของวิเศษ
325.948 -> กายนี้มีแต่ทุกข์
328.108 -> ทุกข์มากกับทุกข์น้อย
330.748 -> จิตก็ไม่ใช่ของดีของวิเศษ
332.808 -> มีแต่ทุกข์
334.078 -> มีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อย
337.168 -> ค่อยๆ เห็นไปเรื่อยๆ
341.168 -> ในที่สุดจิตมันก็ฉลาดขึ้นมา
344.258 -> รู้ เบื้องต้นก็มีปัญญารู้
347.588 -> ว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
351.788 -> สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับเป็นธรรมดา”
357.021 -> แล้วปัญญาที่สูงขึ้นไปก็จะรู้เลย
361.471 -> สิ่งที่เกิดที่ดับนั้น
363.911 -> นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
365.991 -> นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่
368.021 -> นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป
371.551 -> อันนี้เป็นปัญญาขั้นสูง
374.087 -> ปัญญาเบื้องต้นเราก็เห็นว่า
375.652 -> ทุกอย่างที่เกิดล้วนแต่ดับทั้งสิ้น
379.012 -> พอเห็นซ้ำๆๆ
381.692 -> มันจะเริ่มรู้ความจริงว่า
383.542 -> จริงๆ แล้ว
384.542 -> สิ่งที่เรียกว่าตัวเราถาวรนั้นไม่มีหรอก
389.342 -> มันเป็นแค่ความรู้สึกว่ามีตัวเรา
393.282 -> ความรู้สึกนี้มีเหตุมีปัจจัยก็เกิดขึ้น
397.012 -> มันเกิดตามหลังความคิดมา
399.962 -> ถ้าเราไม่คิดมันก็ไม่มีเราหรอก
403.932 -> มันคิดเป็นเรา
406.137 -> ที่มันคิดว่าเป็นเรา เพราะมันหมายรู้ผิด
408.737 -> มันมีสัญญาที่ผิด
410.677 -> มันหมายรู้ผิด
412.657 -> เห็นของไม่เที่ยงว่าเที่ยง
414.357 -> เห็นของเป็นทุกข์ว่าเป็นสุข
415.997 -> เห็นของไม่ใช่ตัวเราว่าเป็นตัวเรา
419.227 -> อย่างร่างกายเรานี้
421.477 -> มันไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง
422.937 -> เป็นสมบัติของโลก
425.677 -> เป็นวัตถุธาตุ
428.697 -> ถึงวันหนึ่งก็ต้องคืนให้โลกไป
432.387 -> ดินไปสู่ดิน น้ำไปสู่น้ำ
435.427 -> ลม ไฟ ก็ไปตามสภาพของมัน
438.647 -> ต้องคืนเจ้าของ คืนโลก
443.114 -> เพราะฉะนั้นเราภาวนา
445.114 -> ค่อยๆ สะสม
447.354 -> มีศีลเพื่อให้เกิดสมาธิ
449.324 -> มีสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา
451.994 -> มีปัญญาก็จะเห็นความจริงว่า
456.751 -> สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นก็ดับ
458.571 -> นี่ปัญญาขั้นต้น
461.421 -> แล้วเฝ้ารู้เฝ้าดู
แล้วจะเห็นอย่างนั้นจริงๆ
464.587 -> ไม่ต้องคิดเอา
466.737 -> ไม่ต้องจินตนาการ ไม่ต้องมโนเอา
470.167 -> ว่าสิ่งทั้งหลายนี้เกิดแล้วดับจริงหรือ
473.807 -> ดูความจริง ดูของจริงเข้าไป
476.807 -> ของจริงก็คือกายนี้ ใจนี้
479.017 -> ดูของจริงนี้เข้าไป
480.927 -> แล้ววันหนึ่งก็จะเห็นความจริงว่า
483.587 -> สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นก็ดับ
487.502 -> ร่างกายเกิดแล้ววันหนึ่งร่างกายก็ดับ
491.444 -> ความรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์
493.274 -> เกิดแล้วมันก็ดับ
496.294 -> ความรู้สึกดี รู้สึกชั่วทั้งหลาย
498.354 -> เกิดแล้วก็ดับ
500.854 -> ความรับรู้
502.974 -> เกิดแล้วก็ดับเหมือนกัน
504.694 -> ความรับรู้ทางตาเกิดแล้วก็ดับ
507.684 -> ความรับรู้ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น
509.939 -> ทางกาย ทางใจ เกิดแล้วก็ดับ
513.819 -> การที่เราตามรู้ตามเห็น
516.169 -> ความเกิดดับ
518.329 -> ของกายของใจ
520.089 -> เรียกว่าวิปัสสนากรรมฐาน
523.539 -> เราเห็นความเป็นไตรลักษณ์ของมัน
525.913 -> เกิดๆ ดับๆ ไปเรื่อย บังคับไม่ได้
531.443 -> พอเราเข้าใจความจริง
532.993 -> จิตจะเบื่อหน่ายคลายความยึดถือ
536.083 -> แล้วก็หลุดพ้น
538.343 -> ทำไมจิตไม่รู้จักหลุดพ้นเสียที
540.893 -> เพราะจิตไม่ยอมวาง จิตยึดอยู่นั่นล่ะ
544.523 -> ก็ต้องอบรมฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ
549.223 -> ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา
553.943 -> ถึงจุดที่จิตมันมีปัญญา มันฉลาด
557.203 -> รู้ความจริงของรูปนามกายใจ มันก็วาง
561.193 -> ไม่ใช่ของวิเศษ
563.273 -> มีแต่ของเกิดแล้วดับ
566.293 -> มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น
ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป
569.823 -> มันเห็นแล้วมันก็วาง
573.453 -> เบื้องต้นตรงที่เรา
575.193 -> เห็นว่าสิ่งใดเกิด สิ่งนั้นก็ดับ
578.253 -> เราวางความเห็นผิด
580.933 -> ไม่มีอะไรที่เป็นอมตะ
582.883 -> ไม่มีตัวตนถาวร
585.553 -> อย่างปุถุชนจะรู้สึกว่า
587.803 -> ตัวเรามีอยู่อย่างถาวร
590.993 -> ตัวเราตอนนี้ กับตัวเราตอนเด็กๆ
593.398 -> มันก็คนเดิม
596.001 -> ตัวเราตอนนี้กับตอนแก่ มันก็คนเดิม
599.39 -> ตัวเราเดี๋ยวนี้กับตัวเราชาติก่อน
601.282 -> มันก็คนเดิม
602.802 -> ตัวเราเดี๋ยวนี้กับตัวเราชาติหน้า
604.722 -> มันก็คนเดิม
606.802 -> ปุถุชนมันจะเห็นอย่างนี้
609.322 -> มันเห็นว่าตัวเรามีจริงๆ
613.825 -> เราพา
615.858 -> จิตใจให้มาเรียนรู้ความจริง
617.815 -> ซ้ำแล้วซ้ำอีกลงไป
620.535 -> มันมีแต่ของที่เกิดแล้วก็ดับ
622.215 -> เกิดแล้วก็ดับ
624.145 -> ไม่มีหรอกอะไรที่เป็นอมตะถาวร
628.495 -> ในขันธ์ 5 นี้
629.555 -> จะเป็นกายหรือจิตใจ
631.505 -> เกิดแล้วก็ดับเหมือนๆ กัน
634.645 -> เพราะฉะนั้นการที่เราล้างความเห็นผิด
638.515 -> ว่ามีตัวมีตนได้
641.385 -> เกิดจากเราเห็นความจริง
644.395 -> ว่าสิ่งทั้งหลายเกิดแล้วดับทั้งสิ้น
646.174 -> ไม่มีอะไรอมตะ
648.474 -> ในขันธ์ 5 นี้ไม่มีอะไรอมตะเลย
651.534 -> ในขณะที่ปุถุชนนี้หลงผิด
653.96 -> ว่ามีสิ่งหนึ่งอมตะอยู่
657.129 -> สิ่งนี้กระทั่งเวียนว่ายตายเกิดไป
660.829 -> ก็ยังเป็นตัวเดิมอยู่ จิตดวงเดิม
665.038 -> จิตเราเมื่อ 100 ชาติก่อน
667.948 -> กับจิตเราตอนนี้เป็นดวงเดียวกัน
671.207 -> มันรู้สึกอย่างนี้
673.147 -> หรือบางคนมันก็คิดไปอีกแบบหนึ่ง
677.319 -> พวกหนึ่งมันเห็นว่า
679.689 -> ทุกภพทุกชาติมันจิตดวงเดียวกันหมด
682.272 -> เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบ
685.002 -> อันนี้เป็นของพราหมณ์ฮินดู
688.492 -> มีเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
691.642 -> แบบที่ว่า
692.672 -> จิตออกจากร่างแล้วก็ไปเกิดในร่างใหม่
695.492 -> อันนั้นไม่ใช่พุทธ
697.222 -> แยกแยะให้ออก
699.142 -> ของพุทธเราไม่มี
700.792 -> จิตที่ออกจากร่างแล้วไปเกิดใหม่
703.462 -> มีแต่จิตที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
705.772 -> แล้วก็เกิดจิตอีกดวงหนึ่ง
707.982 -> เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
709.722 -> สืบต่อกันไปเหมือนลูกโซ่
712.632 -> เหมือนโซ่ที่เกี่ยวๆๆ กันไปเรื่อยๆ
716.502 -> มันจะไม่มีอะไรที่เป็นอมตะถาวร
720.752 -> การที่เรามาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
724.332 -> หรือเจริญปัญญานั้น
725.948 -> จะให้เราเห็นสิ่งนี้
728.138 -> เราจะเริ่มเห็นว่าทุกอย่าง
เกิดแล้วดับเกิดแล้วดับไป
732.648 -> นี้มิจฉาทิฏฐิบางพวกนั้นก็คิดว่า
735.008 -> เดี๋ยวนี้ตัวเรามี
737.628 -> ในอดีตตัวเราไม่มีหรอก
739.818 -> มีขึ้นมาตอนนี้เพราะมันมีร่างกายขึ้นมา
742.418 -> มันก็เลยมีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมา
745.988 -> พอร่างกายนี้ตายไป
748.113 -> จิตก็หายไปเลย
750.288 -> จิตก็สูญไปเลย
751.908 -> อันนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิอีกแบบหนึ่ง
754.798 -> มิจฉาทิฏฐิพวกหนึ่ง
756.338 -> คิดว่าจิตเป็นอมตะ
760.328 -> ไม่ตาย
762.798 -> แค่ย้ายบ้าน
764.548 -> ย้ายจากร่างนี้ไปร่างนี้
767.288 -> นี่ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิอีกชนิดหนึ่ง
770.428 -> ส่วนมิจฉาทิฏฐิอีกพวกหนึ่ง
773.408 -> เห็นว่าตอนนี้มีตัวเราอยู่
776.588 -> แต่พอตายแล้วไม่มีตัวเรา
778.848 -> จบชีวิต จบสิ้นตรงนั้น
782.468 -> พวกที่เห็นว่าเวียนว่ายตายเกิดได้
786.028 -> ยังไม่ค่อยทำชั่วหรอก
787.398 -> เพราะกลัวจะไปเกิดที่ไม่ดี
789.988 -> แต่พวกที่คิดว่าตายแล้วสูญ
791.738 -> ทำชั่วได้เต็มที่เลย
793.728 -> คิดว่าต้องเสพสุขให้เต็มที่เลย
795.443 -> เพราะชีวิตนี้มีแค่นี้
797.113 -> ตายแล้วไม่มีอะไรอีกแล้ว
800.613 -> มิจฉาทิฏฐิพวกนี้มันเกิดจาก
802.253 -> การที่มันไม่ได้เห็นความจริง
805.023 -> ถ้าเราภาวนาเราจะเห็น
806.843 -> ชีวิตเราเกิดดับเป็นขณะๆ ไป
809.823 -> ตราบใดที่ยังมีพลังงานสืบต่อไปเรื่อยๆ
813.683 -> ชีวิตก็ยังเกิดดับไปเรื่อยๆ
816.42 -> มันมีพลังงาน
818.409 -> จะผลักดัน
820.539 -> ให้กระแสของจิตมันทำงานไป
824.079 -> จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป
826.349 -> ทั้งวันทั้งคืน
827.929 -> สืบเนื่องกันไป
830.649 -> แล้วเราต้องเห็นด้วยตัวเอง
832.419 -> เราถึงจะเข้าใจ
835.689 -> การทำวิปัสสนากรรมฐาน
838.019 -> จะเห็นว่า
840.314 -> รูปนี้เกิดดับอยู่เสมอ
843.489 -> ส่วนจิตใจนั้นเกิดดับอยู่ทุกขณะเลย
847.809 -> เฝ้ารู้อย่างนี้ก็จะล้างความเห็นผิดไป
850.639 -> แล้วเราจะพบว่า
853.679 -> ถ้าจิตใจดวงนี้ทำความไม่ดีไว้
856.269 -> จิตใจดวงถัดๆ ไป
859.39 -> มันต้องรับผล
861.455 -> มันจะรับผล มันเห็นอย่างนี้เลย
864.165 -> ไม่จำเป็นต้องรอชาติหน้าหรอก
เอาชาตินี้ล่ะ
868.484 -> อย่างถ้าจิตใจเราฟุ้งซ่านมากตอนนี้
872.044 -> เราดูไปเรื่อยๆ พอความฟุ้งซ่านดับ
875.414 -> จิตมันจะซึม จะซึมๆ ไป
879.294 -> หรือช่วงไหนจิตเรามีราคะมาก
882.624 -> จิตดวงต่อไป บางทีโทสะเกิดง่าย
886.754 -> ถัดจากราคะ บางทีโทสะมันเกิดง่ายๆ เลย
891.29 -> เรานึกว่าสนองราคะไปแล้ว
894.746 -> จะสบาย
896.22 -> จิตยังจะหงุดหงิดง่ายขึ้น
898.65 -> เราจะเห็น
900.8 -> การที่จิตมันทำงานสืบเนื่องกันไป
905.08 -> จิตดวงหนึ่งทำเหตุ
908.71 -> แล้วก็ส่งผลไปที่จิตอีกดวงหนึ่ง
911.12 -> รับผลไป
913.2 -> หรือจิตของเรา
914.69 -> ทุกวันๆ เราตั้งอกตั้งใจภาวนา
918.4 -> มีเครื่องอยู่ให้จิตอยู่
920.474 -> แล้วก็คอยรู้ทันจิตไป
922.004 -> เช่น พุทโธๆ
923.774 -> จิตไหลไปแล้วรู้อย่างนี้
925.754 -> พอเราทำไปนานๆ เราจะเห็น
928.103 -> ผลของการกระทำนั้น
930.899 -> ผลของกรรม
932.579 -> ที่จิตขยันภาวนา
935.229 -> มันทำให้จิตตั้งมั่นเด่นดวงขึ้นมา
938.159 -> จิตดวงหลังๆ
939.639 -> มันจะค่อยเข้มแข็งเด่นดวงขึ้นมา
942.739 -> รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่เจตนา
944.989 -> มันไม่ใช่จิตดวงเดิม
948.199 -> จิตมันเกิดดับสืบเนื่องกันมา
951.519 -> เฝ้ารู้เฝ้าดูของจริงซ้ำแล้วซ้ำอีก
955.719 -> เบื้องต้นก็จะรู้ว่า
957.989 -> ทุกอย่างเกิดแล้วดับทั้งสิ้น
959.669 -> ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตัวเราถาวร
962.929 -> ความเป็นตัวเรานั้น
964.939 -> เกิดจากการหมายรู้ผิดๆ
966.999 -> อย่างเราหมายรู้ว่าร่างกายนี้คือตัวเรา
969.788 -> นี้คิดเอาเอง หมายรู้เอาเอง
972.388 -> จิตใจนี้คือตัวเรา
973.528 -> แล้วก็เป็นอมตะด้วย เที่ยงด้วย
976.708 -> พอหมายรู้ผิดมันก็เกิดความคิดผิด
980.148 -> พอคิดผิดแล้วมันก็เลยเชื่อผิด
982.958 -> เรียกว่าสัญญาวิปลาส หมายรู้ผิด
986.238 -> เกิดจิตตวิปลาส คิดผิดๆ
989.498 -> เกิดทิฏฐิวิปลาส
992.159 -> คือเชื่อผิดๆ
994.399 -> ที่เราเชื่อผิดๆ เพราะเราเห็นผิด
997.529 -> พอเราคิดผิด เราเห็นผิด
999.679 -> เพราะฉะนั้นถ้าเรา
1001.739 -> คิดให้ถูก เห็นให้ถูก
1005.189 -> มันก็เกิด
1006.649 -> ความรู้ถูก ความเข้าใจถูกขึ้นมา
1010.289 -> ทำอย่างไรจะเห็นถูก
1013.406 -> ทำอย่างไรจะคิดถูก
1015.666 -> ค่อยๆ เรียนเอา
1019.186 -> เริ่มต้นก็หมายรู้
1021.556 -> หัดหมายรู้ให้ถูกเสียก่อน
1024.476 -> เวลารู้สึกอยู่ที่ร่างกาย
1026.046 -> รู้สึกอยู่ที่จิตใจ
1028.276 -> อย่าไปหมายรู้ว่านี้เป็นตัวเรา
1031.376 -> แค่รู้สึกลงไปว่า
1032.436 -> มันเป็นสภาวะอันหนึ่ง เป็นสมบัติของโลก
1036.166 -> เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
1037.957 -> ไม่มีตัวตนถาวร
1039.277 -> ค่อยๆ หมายรู้ความไม่เที่ยง
1042.837 -> หมายรู้ความเป็นทุกข์
1044.437 -> คือการถูกบีบคั้นให้แตกสลาย
1047.737 -> หมายรู้ความไม่ใช่เรา
1050.007 -> หัดหมายรู้อย่างนี้ไปก่อน
1052.337 -> อย่างที่หลวงพ่อสอนพวกเรา
1054.787 -> นั่งอยู่นี่หายใจไป
1057.047 -> เห็นร่างกายมันนั่ง
1058.417 -> เห็นร่างกายมันหายใจ
1060.162 -> ไม่ใช่เรานั่ง ไม่ใช่เราหายใจ
1062.742 -> ทำความรู้สึกขึ้นมา หมายรู้ขึ้นมา
1066.052 -> หมายรู้ลงไป ร่างกายนี้
1068.392 -> มันเป็นของถูกรู้ถูกดู
1070.357 -> เป็นวัตถุอันหนึ่งเท่านั้นเอง
1072.907 -> จิตเป็นคนไปรู้ไปดูเข้า
1075.953 -> หัดหมายรู้ไปเรื่อยๆ
1078.493 -> แล้วความรู้สึกสุขทุกข์เกิดขึ้น
1080.657 -> เราก็หัดหมายรู้ให้ถูก
1082.937 -> ความสุข ความทุกข์
1085.207 -> มันก็ไม่ใช่ของยั่งยืน
1089.307 -> ความสุขความทุกข์เป็นอนัตตา
1091.703 -> เราสั่งไม่ได้ เราเลือกไม่ได้
1095.113 -> กุศล อกุศลทั้งหลายที่เกิดขึ้นในจิตใจ
1099.263 -> ก็เป็นของไม่ยั่งยืน
1101.713 -> บางทีอยากฟังธรรม
1102.953 -> บางทีก็ขี้เกียจฟังธรรม
1105.483 -> บางทีอยากทำทาน
1106.823 -> บางทีก็ตระหนี่
1108.273 -> ไม่อยากทำขึ้นมาแล้ว
1110.193 -> ตั้งใจจะทำแล้วก็เปลี่ยนใจ
1113.423 -> ความรู้สึกจะสุข จะทุกข์
1115.748 -> จะดี จะชั่ว ก็ไม่ยั่งยืน
1119.023 -> ค่อยๆ ดูลงไปให้เห็น
1122.633 -> มันเป็นของไม่ยั่งยืน
1123.983 -> ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
1127.413 -> หัดรู้สึกอย่างนี้
1129.203 -> หัดสร้างสัญญาที่ถูกต้องขึ้นมาบ้าง
1133.943 -> ถ้าเราคอยมีความรู้สึกลงไปเรื่อยๆ
1137.123 -> ร่างกายนี้ถูกรู้ไม่ใช่ของเรา
1139.853 -> ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
1142.463 -> เป็นของไม่เที่ยง
1144.403 -> มันมีความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา
1148.133 -> สั่งอะไรมันก็ไม่ได้
1150.167 -> สั่งว่าอย่าแก่ อย่าเจ็บ อย่าตาย
1152.177 -> สั่งไม่ได้
1153.887 -> คอยหมายรู้อย่างนี้
1155.307 -> เรียกว่าเราหมายรู้ถูก
1157.947 -> หรือเห็นจิตใจ
1159.357 -> ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งดี ทั้งชั่ว
1162.417 -> หรือตัวจิตเอง
1163.897 -> เดี๋ยวเกิดที่ตา ที่หู ที่จมูก
1165.997 -> ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ
เกิดแล้วก็ดับไปเรื่อยๆ
1169.143 -> เราก็หมายรู้ให้ถูก
1171.423 -> ความสุข ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง
1173.863 -> บังคับไม่ได้ ไม่ใช่ตัวเรา
1176.773 -> กุศล อกุศล ก็ไม่เที่ยง
1178.673 -> บังคับไม่ได้ ไม่ใช่ตัวเรา
1181.133 -> จิตใจก็ไม่เที่ยง
1183.473 -> บังคับไม่ได้ ไม่ใช่เราเหมือนกัน
1185.933 -> ขั้นแรกหัดหมายรู้ไปก่อน
1189.723 -> ถ้าไม่มีการหมายรู้ที่ถูก
1193.773 -> ทำวิปัสสนาไม่ได้จริง
1197.183 -> พระสารีบุตรท่านสอนไว้อันหนึ่งว่า
1201.473 -> “ถ้าตราบใดที่ยังเป็นสัญญาสมาบัติอยู่
1205.143 -> สามารถทำวิปัสสนาได้”
1207.593 -> ถ้าไม่มีสัญญาทำไม่ได้ วิปัสสนา
1211.673 -> นี้เรามักจะได้ยิน
1213.813 -> บางท่าน ท่านจะสอน
1215.363 -> “สัญญากับปัญญา เป็นศัตรูกัน”
1218.933 -> พอสัญญามันหลอกลวง
1221.203 -> ปัญญานั้น
1222.913 -> ฉลาดพ้นจากการหลอกลวง
1225.854 -> ที่จริงปัญญา
1226.974 -> มันอาศัยสัญญาที่ถูกต้องเกิดขึ้น
1230.594 -> สัญญามี 2 อย่าง
1231.954 -> สัญญาที่ผิด ที่เรียกสัญญาวิปลาส
1235.274 -> มี 4 ชนิด
1237.234 -> ของไม่สวยไม่งาม หมายรู้ว่าสวยว่างาม
1239.954 -> อย่างร่างกายเรานี้
1241.984 -> ไม่สวยไม่งาม
1244.074 -> เรารู้สึกมันสวยมันงาม
1247.184 -> ของไม่เที่ยงหมายรู้ว่าเที่ยง
1249.014 -> ของเป็นทุกข์หมายรู้ว่าเป็นสุข
1251.984 -> ของไม่ใช่ตัวเรา
1253.034 -> หมายรู้ว่าเป็นเราอย่างนี้
1254.484 -> รู้สึกนี่คือเราๆ
1256.909 -> นึกทีไรมันก็คือเรา
1258.683 -> มองไปที่มือนี่ก็เรา
1260.704 -> มองไปที่แขน ที่นิ้ว ก็เป็นเราไปหมดเลย
1264.957 -> ถ้าเราหัดหมายรู้ให้ถูก
1267.087 -> เราจะรู้สึก
1269.457 -> ลองสัมผัสดูก็ได้
1272.083 -> สัมผัสดู
1273.913 -> มันบอกไหม มือมันบอกไหมว่าเป็นเรา
1278.794 -> ลองดู มือมันพูดไหมว่ามันคือตัวเรา
1284.536 -> ลองสัมผัสดู ถาม
1287.416 -> มันไม่เคยพูดเลย
1288.836 -> ว่ามันเป็นตัวเรา
1292.706 -> จิตต่างหากหมายรู้ผิด
1294.706 -> ว่านี่คือมือของเรา นี่คือตัวของเรา
1298.307 -> เพราะฉะนั้นหัดหมายรู้ให้ถูก
1302.487 -> อย่าปล่อยใจให้มันเคยชิน
1304.987 -> ไปตามความเคยชินที่จะหมายรู้ผิดๆ
1308.425 -> โน่นก็เรา นี่ก็เรา
1310.935 -> นี่ตัวเรา นี่ของเรา
1313.605 -> หมายรู้อย่างนี้เรื่อยๆ
1314.895 -> เวลาคิดทีไรมันก็มีเราทุกที
1318.145 -> คิดไปคิดมาก็เลยเชื่อว่ามีเรา
1320.695 -> เกิดเป็นทิฏฐิคือความเชื่อ
1323.385 -> ความเห็นผิดเรียกมิจฉาทิฏฐิ
1327.025 -> เพราะฉะนั้นจะทำลายมิจฉาทิฏฐิ
1329.195 -> หัดหมายรู้ให้ถูกเสียก่อน
1332.995 -> นั่งอยู่อย่างนี้รู้สึกลงไป
1334.625 -> ร่างกายมันนั่ง
1336.985 -> จิตมันเป็นคนรู้คนดูอยู่
1339.945 -> ร่างกายมันเป็นวัตถุ
1341.735 -> มันเป็นสมบัติของโลก
1344.295 -> ไม่ใช่ตัวเราตรงไหนเลย
ร่างกายเคยบอกไหมว่าเป็นเรา
1347.085 -> มันไม่เคยบอกเลย
1349.385 -> ว่ามันเป็นเรา
1353.305 -> มันไปหมายรู้ผิดเอาเอง
1355.875 -> รู้สึกลงไปอย่างนี้ รู้สึกไป
1358.475 -> แต่อย่าไปนั่งเพ่ง
1360.625 -> นั่งเพ่งจะเป็นกสิณ
1363.31 -> เพ่งร่างกายเป็นกสิณดิน
1366.31 -> เพ่งก้อนดินลงไป
1368.8 -> เพ่งลมก็ได้กสิณลม
1371.64 -> เพ่งความร้อนความเย็นก็เป็นกสิณไฟ
1376.495 -> ไม่ได้ปัญญา ได้ความสงบ
1379.395 -> ฉะนั้นเราแค่หมายรู้ ไม่เพ่ง
1382.745 -> แค่หมายรู้ร่างกายมันกำลังนั่งอยู่
1384.795 -> รู้สึกไหม
1387.385 -> ทุกคนลองยิ้มหวาน
1390.155 -> ยิ้มอยู่ในหน้ากากนั่นล่ะ
1392.075 -> ยิ้ม
1394.155 -> เห็นไหมร่างกายมันยิ้ม
1396.965 -> ร่างกายมันไม่เคยบอกเลยว่ามันคือตัวเรา
1401.625 -> แต่มันหมายรู้ผิดว่ามันเป็นตัวเรา
1404.795 -> เพราะฉะนั้นเราก็ฝึก
1406.835 -> ที่จะหมายรู้ให้ถูกเสีย
1409.125 -> ถ้าหมายรู้ถูก
1410.275 -> เวลาต่อไป เวลาคิดมันก็จะคิดถูก
1413.685 -> อะไรเคลื่อนไหว
1415.525 -> รูปมันเคลื่อนไหว
1416.985 -> มันไม่ใช่เราเคลื่อนไหวแล้ว
1419.665 -> นี่เริ่มคิดถูกแล้ว
1421.465 -> ต่อไปมันก็เห็นถูก
1423.805 -> มันรู้ความจริง
1426.144 -> นี่ไม่ใช่เรา
1428.304 -> กายนี้ไม่ใช่เรา สุขทุกข์ไม่ใช่เรา
1430.724 -> ดีชั่วไม่ใช่เรา จิตใจก็ไม่ใช่เรา
1435.484 -> ฉะนั้นนี้คือเส้นทางที่เราจะภาวนา
1439.792 -> พอเราเห็นว่าตัวเราไม่มี
1442.092 -> อันนี้เราจะพ้นจากทุกข์แล้ว
1443.672 -> เพราะจิตมันจะวาง
1446.592 -> จิตมันทุกข์เพราะมันเข้าไปยึดถือ
1449.582 -> รูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย
1451.972 -> ว่าเป็นตัวเราบ้าง เป็นของเราบ้าง
1455.972 -> ถ้ามันไม่ยึดถือก็ไม่ทุกข์
1458.912 -> อย่างเราเห็นคนอื่นตาย
1460.87 -> เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย
1462.89 -> เราทุกข์ไหม ก็เฉยๆ
1465.85 -> แต่ถ้าคนที่เรารักตาย
1467.98 -> นี่ของเราแล้ว
1469.96 -> นี่พ่อเรา แม่เรา
1472.06 -> สามีภรรยาเรา นี่ลูกเรา
1475.11 -> มันก็เริ่มทุกข์แล้ว ทุกข์เยอะ
1477.81 -> แล้วตัวเอง
1479.96 -> แก่ ตัวเองเจ็บ
1481.35 -> ก็ทุกข์อีกแล้ว
1482.75 -> เราแก่ เราเจ็บ
1485.19 -> ฉะนั้นถ้าถอดถอน
1486.5 -> ความเห็นผิดว่าเป็นเราได้
1488.86 -> ความทุกข์ก็จะหายไปครึ่งหนึ่ง
1491.89 -> แล้วต่อไปถอดถอนความยึดถือได้
1494.19 -> ก็จะไม่ทุกข์กับมันอีกแล้ว
1496.15 -> ขันธ์ 5 เป็นทุกข์
1498.55 -> แต่เราไม่ทุกข์
1500.527 -> พระอริยเจ้าทั้งหลาย
1502.337 -> ท่านก็เห็นขันธ์ 5 เป็นทุกข์
1504.817 -> แล้วท่านก็วางมันลงไป
1506.786 -> แล้วก็ไม่หยิบฉวยมันขึ้นมาอีก
1509.786 -> พวกเราค่อยๆ ภาวนา
1511.439 -> แล้ววันหนึ่งเราก็จะเห็น
1513.469 -> จิตมันสามารถวางขันธ์ได้
1517.579 -> จิตวางขันธ์ไม่ใช่ถอดจิตออกจากร่าง
1521.369 -> อันนั้นเป็นเรื่องของสมาธิ
1524.229 -> จิตวางขันธ์ได้มันเห็น
1526.469 -> ร่างกายนี้มันไม่ใช่ตัวเรา
1528.729 -> นี้มันวางกายได้
1531.329 -> มันเป็นแต่ตัวทุกข์
1532.539 -> มันก็ไม่เอาแล้วกายนี้
1535.099 -> กายจะแก่
1536.709 -> ก็คือตัวทุกข์มันแก่
1538.879 -> กายจะเจ็บก็คือตัวทุกข์มันเจ็บ
1541.469 -> กายจะตายก็คือตัวทุกข์มันตาย
1543.369 -> ตัวทุกข์ตายเสียใจไหม
1546.379 -> ไม่เสียใจหรอก
1547.689 -> แต่ถ้าเป็นตัวเราจะตายนี้เสียใจ
1550.608 -> เพราะฉะนั้นเราค่อยๆ เรียน
1552.608 -> แล้วจะถอดถอนความเห็นผิด
1555.143 -> จากมีตัวเรากลายเป็นมีแต่ตัวทุกข์
1559.283 -> ถ้าเห็นตรงนั้นก็ไม่ยึดถือ
1562.158 -> ทีแรกมันจะไม่ยึดถือกายก่อน
1564.208 -> แล้วต่อไปมันจะไม่ยึดถือจิต
1565.988 -> มันจะวางจิตได้
1568.818 -> นี้หัดภาวนา
1569.978 -> ถ้ามันยังไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจ 4
1573.658 -> มันวางจิตได้เหมือนกัน
1575.678 -> แล้วก็เดี๋ยวเดียวก็หยิบขึ้นมาอีกแล้ว
1578.288 -> หยิบฉวยขึ้นมาอีก
1580.518 -> สั่งอย่างไรมันก็ไม่ยอมวาง
1582.988 -> ภาวนาไปเรื่อยๆๆๆๆ
1584.528 -> อ้าว วางลงไปอีกแล้ว วางแล้วก็หยิบอีก
1589.595 -> ในบทสวดมนต์ก็มี
1592.945 -> บอกว่า “ขันธ์ทั้ง 5 เป็นภาระ
1596.245 -> บุคคลแบกภาระไว้ก็ไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวง
1600.815 -> พระอริยเจ้าคือพระอรหันต์
1603.365 -> วางภาระลงแล้ว
แล้วก็ไม่หยิบฉวยขึ้นมาอีก”
1606.747 -> เพราะฉะนั้นการวาง ยังมีวางแบบ
1609.347 -> วางแล้วหยิบ วางแล้วหยิบได้อีก
1612.721 -> ต่อเมื่อเป็นพระอรหันต์เท่านั้น
1614.371 -> ที่จะวางลงไปแล้วไม่หยิบขึ้นมาอีก
1617.371 -> ก็จะพ้นจากทุกข์
1619.881 -> ที่วางได้เพราะเห็นความจริง
1623.173 -> เห็นทุกข์
1625.473 -> กายนี้ไม่มีอะไร
1628.523 -> กายนี้มีแต่ของเกิดแล้วก็ดับ
1631.653 -> สิ่งที่มีอยู่ก็คือทุกข์
1633.554 -> ทุกข์มากกับทุกข์น้อย
เห็นอย่างนี้ถึงจะวาง
1637.975 -> อย่างทีแรกพอเห็นกายมันเกิดดับๆ
1641.525 -> มันวางความเห็นผิดว่ากายเที่ยง
1643.645 -> กายเป็นตัวเรา
1645.105 -> วางได้แต่ยังยึดถืออยู่
1647.855 -> ทั้งๆ ที่เห็นว่ากายนี้จิตนี้ไม่ใช่ตัวเรา
1652.105 -> ก็ยังยึดถืออยู่
1653.935 -> เพราะฉะนั้นความเห็นผิดมันมีอยู่เรียกว่า
1656.923 -> อยู่ในขั้นของทิฏฐิ
1658.365 -> เรียกสักกายทิฏฐิ
1661.025 -> ส่วนความยึดถือนั้น
1662.435 -> อยู่ในขั้นระดับของอุปาทาน
1666.425 -> เวลาจะล้างก็ต้อง มันคนละระดับกัน
1670.345 -> แต่ว่าวิธีปฏิบัติก็เหมือนกัน
1672.355 -> ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นล่ะ
1675.335 -> ปัญญาจะเกิดต้องหมายรู้ให้ถูก
1679.355 -> หัดนะ
1681.982 -> เห็นไหมตัวอะไรนั่งอยู่
1686.195 -> ถ้าบอกว่าร่างกายนั่ง
1688.405 -> ก็ถามต่อไปเลย
1689.565 -> ร่างกายมันบอกหรือว่ามันนั่ง
1693.885 -> เราคิดเอาเองต่างหาก
1696.165 -> ว่านี่ตัวเรา
1699.435 -> เมื่อก่อนเคยขึ้นไปกราบหลวงปู่สิม
1702.435 -> พาเพื่อนไปกลุ่มหนึ่ง
1704.505 -> ท่านก็ให้นั่งขัดสมาธิเพชร
1706.325 -> ภาวนาไป แล้วท่านก็เทศน์ไปเรื่อยๆ
1709.175 -> เกือบชั่วโมง
1711.215 -> บางคนนั่ง 5 นาทีไม่เอาแล้ว
1713.885 -> ถอยออกมานั่งพับเพียบแทน
1717.315 -> มีพี่คนหนึ่งแกอดทน
1719.495 -> ภาวนามานานแล้ว
1721.445 -> แกนั่งได้ตลอด
1722.775 -> นั่งขัดเพชร 2 คนกับหลวงพ่อนั่งอยู่ตลอด
1727.67 -> เสร็จแล้วหลวงปู่สิมก็บอกว่า
1729.38 -> “เป็นอย่างไร”
1732.2 -> พี่คนนี้แกก็ตอบหลวงปู่ “
1734.23 -> โห เมื่อยมากเลยครับ แต่ผมทนเอา
1737.48 -> ปวดมากเลย
1739.439 -> ขานี้ปวดมาก”
1741.459 -> หลวงปู่ก็ถาม
1743.696 -> “ขามันบอกหรือว่ามันปวด”
1746.965 -> หลวงพ่อฟังหลวงพ่อเข้าใจ
1749.785 -> ขามันไม่เคยบอกว่ามันปวด
เหมือนที่หลวงพ่อบอกพวกเรา
1753.34 -> ที่นั่งอยู่นี่
1754.625 -> ร่างกายมันไม่เคยบอกเลยว่า
1756.285 -> นี่มันคือตัวเรา
1758.465 -> ร่างกายไม่เคยบอกเลยว่า
1760.505 -> มันเจ็บ มันปวด
1762.445 -> จิตมันเป็นคนพูดทั้งนั้น
1765.135 -> หรือร่างกายไม่เคยบอกว่ามันคือตัวเรา
1767.955 -> จิตต่างหากมันคิดว่าเป็นตัวเรา
1771.445 -> หลวงปู่ท่านก็ถาม
1773.603 -> “ว่าอย่างไร
1775.403 -> ปวดไหม”
1777.233 -> แกก็บอกว่า “ปวดครับ”
1778.723 -> หลวงปู่ก็พูดต่อ
1780.857 -> “ขามันบอกว่าปวดหรือ”
1784.233 -> ท่านสอนธรรมะ
1786.413 -> แต่พี่นั้นแกยังไม่เข้าใจ
1788.473 -> แกก็ไปบอกหลวงปู่ “ปวดจริงๆ ครับ
1790.829 -> ผมไม่หลอกหลวงปู่หรอก ขามันปวดจริงๆ”
1794.575 -> หลวงปู่ก็ยิ้มหวาน
1796.475 -> ไปกันหลายคน
1797.935 -> มีหลวงพ่อฟังท่านรู้เรื่อง
1802.185 -> นอกนั้นส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เรื่อง
1805.085 -> เห็นว่าขานี้เป็นตัวเรา
1808.703 -> ขามันเป็นตัวเรา
1810.965 -> พวกเราลองภาวนา
1813.925 -> คอยรู้สึกลงในร่างกาย
1816.965 -> ดูสิ ร่างกายไม่เคยบอกว่าเป็นเรา
1819.242 -> จิตคิดเอาเองทั้งนั้น
1821.062 -> มันหมายรู้ผิดมันก็คิดผิด
1824.272 -> เพราะฉะนั้นก็หมายรู้ให้ถูกเสีย
1827.422 -> พยายามมอง
1829.552 -> ร่างกาย มองความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย
1834.102 -> ให้เห็นถึงความเป็นไตรลักษณ์
1837.592 -> หัดมอง
1839.478 -> หัดมองหัดหมายรู้ให้ถูก
1842.208 -> มันเป็นมุมมองของจิต ตัวสัญญานี้
1847.583 -> จิตมันจะไปมองผิดก็ได้
1849.683 -> มองถูกก็ได้ แล้วแต่มุมมอง
1853.053 -> สัญญาที่ถูกต้อง
1854.233 -> ก็เหมือนจิตมีมุมมองที่ถูกต้อง
1856.973 -> แทนที่จะมองว่านี่เป็นตัวเรา
1858.903 -> ก็ให้เห็นว่ามันก็เป็น
วัตถุอันหนึ่งเท่านั้น
1862.343 -> ความรู้สึกนึกคิด
1863.663 -> แทนที่จะไป
1865.535 -> มองให้ผิดในมุมว่านี่คือความ
1867.783 -> รู้สึกสุขทุกข์ของเรา
1870.183 -> ดีชั่วของเรา จิตของเรา
1872.553 -> หัดหมายรู้ไป
1874.623 -> สุขทุกข์มันก็เป็นของถูกรู้ถูกดู
1876.943 -> ไม่ใช่เรา
1878.643 -> กุศลอกุศลมันก็ของถูกรู้ถูกดู ไม่ใช่เรา
1882.603 -> จิตใจนี้เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย
1884.483 -> เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์
1886.263 -> เดี๋ยวก็รู้สึกตัว เดี๋ยวก็หลง
1888.763 -> หลงไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น
1891.193 -> ทางกาย ทางใจ
1892.673 -> มันก็ทำงานของมัน
อยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน
1895.153 -> ดวงหนึ่งเกิดขึ้น
ดวงหนึ่งดับไปทั้งวันทั้งคืน
1898.381 -> ไม่เห็นมันเป็นเราตรงไหนเลย
1900.041 -> ถ้าเป็นเราเราก็สั่งได้
1902.155 -> หัดหมายรู้ให้ถูก
1904.565 -> ถ้าหมายรู้ถูกแล้ว
1907.615 -> ต่อไป
1908.745 -> เวลาเราคิดทีไร มันไม่ใช่เราแล้ว
1912.005 -> ร่างกายมันเดินไม่เห็น
1913.355 -> หรือรูปมันเดิน ไม่ใช่เราเดิน
1916.175 -> จิตใจมันสุขมันทุกข์ มันก็เห็น
1919.815 -> ความสุขความทุกข์มันก็เป็นของถูกรู้ถูกดู
1922.206 -> ไม่ใช่เรา
1923.566 -> กุศลอกุศลก็ถูกรู้ถูกดู ไม่ใช่เรา
1926.776 -> ตัวเราไม่มีตรงไหนเลย
1929.146 -> แล้วต่อไปก็ดูลึกลงไปอีก
1932.476 -> ตัวเราไม่มี
1933.486 -> แล้วสิ่งที่มีมันมีอะไร มีแต่ทุกข์
1936.396 -> ทุกข์มากกับทุกข์น้อย
1937.796 -> กายนี้มีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อย
1939.636 -> จิตนี้มีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อย
1941.737 -> ถ้าเห็นถึงตรงนี้ ถึงจะวาง
1944.867 -> เป็นขั้นที่วาง
1946.017 -> ตรงที่วางได้เพราะเห็นทุกข์
1948.497 -> แต่ตรงที่เห็นความจริงว่ามันไม่ใช่เราๆ
1951.187 -> อันนี้ยังไม่วาง
1952.944 -> แค่ล้างความเห็นผิด
1954.324 -> ล้างมิจฉาทิฏฐิ
1956.034 -> ล้างสักกายทิฏฐิได้
1958.024 -> ความเห็นผิดว่ามีตัวเรา
1960.994 -> ได้ธรรมะเบื้องต้น
1962.634 -> คนที่ล้างความเห็นผิด
1965.115 -> ว่าขันธ์ 5 เป็นตัวเราได้ คือพระโสดาบัน
1968.844 -> เพราะฉะนั้นการที่หลวงพ่อ
สอนพวกเราว่าหัดหมายรู้ให้ถูก
1971.814 -> หัดหมายรู้ให้ถูก
1973.374 -> รูปมันนั่งจิตเป็นคนรู้
1975.604 -> รูปมันยืน รูปมันเดิน รูปมันนอน
1977.494 -> จิตเป็นคนรู้
1979.164 -> รูปหายใจออก รูปหายใจเข้า
1982.124 -> ก็เป็นตัวรูปมันทำงาน จิตเป็นคนรู้
1985.574 -> หัดหมายรู้ไปเรื่อยๆ
1987.814 -> ความสุขความทุกข์เกิดขึ้น
1989.354 -> ก็รู้ว่ามันก็แค่ความรู้สึกเท่านั้น
1991.684 -> ที่เกิดขึ้น
1993.304 -> ไม่ใช่ตัวเรา
1995.044 -> กุศลอกุศลทั้งหลายเกิดขึ้น
1996.794 -> ก็แค่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดี
1998.998 -> ความรู้สึกที่ชั่วที่เกิดขึ้นเท่านั้น
2001.638 -> ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
2003.278 -> หัดหมายรู้ไปเรื่อยๆ
2005.908 -> แต่ไม่ใช่คิด
2009.158 -> คิดเป็นการตรึกเอา เรียกว่าวิตก
2014.008 -> สัญญาเป็นการหมายรู้
2016.278 -> พูดภาษามนุษย์เข้าใจยาก
2019.278 -> มันคือมุมมองของจิต
2022.334 -> แทนที่ไปมองว่ามันคือตัวเรา
2024.568 -> ก็หัดมองอีกมุมหนึ่ง
2026.878 -> เรียกมองต่างมุม
2029.198 -> มองให้เห็นว่าจริงๆ มันเป็นสมบัติของโลก
2032.358 -> ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
2033.838 -> หัดมองอย่างนี้ เป็นความรู้สึก
2036.528 -> หลวงพ่อก็ไม่รู้
2037.718 -> จนปัญญาเหมือนกันที่จะพูดให้เข้าใจ
2040.858 -> มันเป็นความรู้สึก
2042.998 -> การหมายรู้ไม่ใช่เรื่องคิดเอา
2047.048 -> อย่างพวกเรา ถ้าเราคิดเอา
2049.358 -> ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
2050.788 -> ร่างกายไม่ใช่ของเรา
2052.098 -> ร่างกายเป็นปฏิกูล เป็นอสุภะ
2054.418 -> อันนี้คิดเอา
2056.708 -> ถ้าหมายรู้เอา รู้สึกลงไป
2059.708 -> รู้สึกลงไปในร่างกาย
2061.828 -> รู้สึกลงไปในความสุข ความทุกข์
2064.315 -> ความดี ความชั่ว
2065.385 -> รู้สึกลงไปในจิตใจ
2068.395 -> รู้สึกลงไป
2071.245 -> ที่จริงมันไม่เป็นเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
2075.245 -> แต่มันไปหมายรู้ผิดว่าเป็นเรา
2081.105 -> ร่างกายไม่เคยบอกเลยว่าเป็นเรา
2083.925 -> สุขทุกข์ก็ไม่เคยบอกเลยว่าเป็นเรา
2086.935 -> ดีชั่วมันก็ไม่เคยบอกว่าเป็นเรา
2089.915 -> มีแต่การหมายรู้ผิด
2091.487 -> คิดผิด
2092.957 -> เชื่อผิดๆ
2097.737 -> มันยาก เรื่องสัญญา
2100.927 -> ไม่ใช่คิด
2102.787 -> ไม่ใช่คิดเอา แต่รู้สึกเอา
2106.187 -> รู้สึกแล้วมันมีมุมมองของจิตที่จะรู้สึก
2110.327 -> ไม่ใช่รู้สึกถึงความมีอยู่ของร่างกายเฉยๆ
2114.991 -> ตัวที่รู้สึกถึงความมีอยู่
ของร่างกายเรียกว่าสติ
2119.114 -> แต่มันมีสัญญาที่ถูกต้อง
2122.224 -> เป็นมุมมองของจิต
2123.554 -> มันหัดมองเข้าไป
2125.474 -> ในมุมของไตรลักษณ์
2127.622 -> มองกายก็ในมุมของไตรลักษณ์
2130.362 -> ไม่ใช่คิดเรื่องไตรลักษณ์
2132.572 -> มองจิตก็มองในมุมของไตรลักษณ์
2134.572 -> ไม่ใช่คิดเรื่องไตรลักษณ์
2137.852 -> ภาษามนุษย์มันคงสื่อได้แค่นี้
2141.042 -> พวกเราก็ไปหัดดูเอาเอง
2143.962 -> ทำทีแรกมันก็คงคิดเอาบ้าง
2146.922 -> ไม่แปลกหรอก
2148.162 -> แต่ก็ให้รู้ทันว่านี่คิดแล้ว
2152.092 -> มันก็มี
2154.572 -> ครูบาอาจารย์รุ่นก่อนมีอยู่องค์หนึ่ง
2156.872 -> ท่านมรณภาพไปแล้ว
2160.222 -> ลูกศิษย์สายวัดป่าเหมือนกัน
2164.252 -> ท่านก็มีชื่อเสียงมาก
2165.782 -> แต่ท่านสอนลูกศิษย์ให้คิดเอา
2168.822 -> ไม่ทำสมาธิ ไม่มีอะไรเลย
2171.472 -> ให้คิดเรื่องไตรลักษณ์อย่างเดียวคิดถึง
2173.502 -> ร่างกายว่าเป็นไตรลักษณ์อย่างเดียวเลย
2176.132 -> อันนั้นคิด ไม่ใช่หมายรู้
2179.852 -> จะหมายรู้ได้จิตต้องมีพลังพอ
2183.568 -> จิตต้องตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู
2186.518 -> แล้วมันดูลงมาในกาย
2187.858 -> มันจะหมายรู้
2190.478 -> ความเป็นไตรลักษณ์ของกายได้
2192.418 -> ถ้าจิตมันตั้งมั่นอยู่
2193.808 -> มันจะหมายรู้
2195.168 -> ในความเป็นไตรลักษณ์ของจิตใจได้
2198.098 -> เพราะฉะนั้นที่หลวงพ่อจ้ำจี้จ้ำไช
2200.258 -> จิตต้องตั้งมั่น
2202.518 -> พอจิตตั้งมั่นแล้วไม่ตั้งเฉยๆ
2205.388 -> ใช้จิตที่ตั้งมั่น
2207.408 -> หมายรู้ลงไป สติระลึกรู้กาย
2210.538 -> หมายรู้ความเป็นไตรลักษณ์ของกาย
2212.57 -> คือมองกายในมุมของไตรลักษณ์
2216.07 -> จิตตั้งมั่นอยู่
2217.16 -> สติระลึกรู้ สุขทุกข์
2220.806 -> ก็หมายรู้
2222.566 -> ว่าสุขทุกข์นั้นก็เป็นไตรลักษณ์
2225.836 -> จิตตั้งมั่นอยู่
2227.606 -> สติระลึกรู้กุศลอกุศลที่กำลังมี
2231.606 -> ก็หมายรู้ว่ากุศลอกุศลทั้งหลาย
2234.186 -> ก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์
2235.996 -> มันคนละอันกัน
2237.326 -> มันเป็นองค์ธรรมคนละตัวกัน
2240.116 -> ถ้าภาษามนุษย์ เข้าใจยาก พูดยาก
2243.636 -> ไม่ใช่เรื่องคิดเอา
2245.725 -> แต่เรื่องเห็นเอา รู้สึกเอา
2248.505 -> เพราะฉะนั้นค่อยๆ ฝึกเอา
2251.705 -> ทำผิดไม่เป็นไร
2253.385 -> ทำไปก่อน
2255.285 -> แล้วค่อยๆ สังเกตเอา
2256.983 -> นี่คิดเอาหรือรู้สึกเอา
2259.973 -> ถ้าคิดเอา
2261.453 -> จะได้ความสงบ
2264.253 -> ถ้ารู้สึกเอาจะได้ปัญญา
2268.113 -> จะไม่เหมือนกันหรอก
2270.513 -> เอ้า วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้
2273.743 -> ยากไปหรือเปล่า
2275.783 -> ที่จริงมันไม่ยาก
2277.483 -> มันไม่ยากหรอก
2278.633 -> แต่ภาษามนุษย์มันไม่สื่อ
2281.263 -> ถ้าภาษาของจิต
2283.219 -> สอนกันด้วยจิตต่อจิตจริงๆ
2287.099 -> ตัวต่อตัว
2289.375 -> มันก็เข้าใจง่าย
2292.375 -> เช่น อยู่กับครูบาอาจารย์เราไปคิดปุ๊บ
2295.395 -> ครูบาอาจารย์ก็ชี้หน้า “เฮ้ย
หลงไปในโลกของความคิดแล้ว
2299.059 -> ไม่ใช่รู้สึกแล้ว”
2301.089 -> แป๊บเดียวก็จะเข้าใจแล้ว
2302.589 -> รู้สึกมันเป็นอย่างไร
2305.139 -> แต่ไม่ต้องท้อใจ
2308.399 -> ได้ฟังธรรมะอย่างนี้ก็ดีนักหนาแล้ว
2310.999 -> มันจะเป็นทางที่เราจะเดิน
2313.179 -> คลำทางต่อไปได้
2315.999 -> ถ้ามีสติระลึกอยู่ที่กาย สมถะ
2321.525 -> สติระลึกอยู่ที่จิตก็สมถะ
2325.315 -> ถ้าสติระลึกรู้กาย จิตตั้งมั่นอยู่
2329.185 -> แล้วก็มันไปมองกายในมุมของไตรลักษณ์
2334.925 -> อันนั้นล่ะเรียกมันมีสัญญาที่ถูกต้อง
2339.413 -> พอมีสัญญาที่ถูกต้อง ต่อไปคิดถูก
2343.253 -> เรียกว่ามีสัญญาที่ถูก มีความคิดถูก
2346.663 -> ก็มีความเห็นถูกเกิดขึ้น
2348.058 -> มีความเห็นถูกแล้ว
2350.173 -> มันจะไม่ยึดถือ
2352.301 -> จะปล่อยวาง
2355.571 -> อยู่ๆ ไปสั่งจิตให้ปล่อยวางไม่ได้
2360.65 -> พรุ่งนี้หลวงพ่อไม่อยู่วัด
2362.54 -> พรุ่งนี้ไปเทศน์ที่บ้านจิตสบาย
2367.08 -> แล้ววันศุกร์ที่ 23 ไปเทศน์ที่สุรินทร์
2371.88 -> ทุ่มกว่าๆ
2373.9 -> ที่อุทยานธรรมหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
2379.668 -> ที่นี่อุปัชฌาย์หลวงพ่อ
เป็นคนสร้างขึ้นมา
2383.499 -> ใช้เวลาหลายปีอยู่
2387.019 -> ท่านก็เร่ง ท่านอาพาธมากอยู่
2391.159 -> ท่านก็เร่งให้เปิดอย่างเป็นทางการเสียที
2393.859 -> ก็เลยมีงานเปิดอย่างเป็นทางการ
2396.879 -> เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ถึงวันที่ 23
2402.036 -> เขาก็มีบวชเนกขัมมะอะไรกัน
2407.001 -> ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องไปบวช ไปถือศีล
2411.381 -> วันที่ 22
2414.261 -> หลวงปู่สุจินต์ไปเทศน์
2415.941 -> เพราะท่านเป็นลูกศิษย์
หลวงปู่ดูลย์เหมือนกัน
2419.241 -> วันที่ 23 วันสุดท้าย
2422.725 -> 1 ทุ่ม มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์
2426.201 -> เจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้ว
2427.911 -> หลวงพ่อเทศน์
2430.331 -> แล้วก็จบ
2432.801 -> วันเสาร์ตอนเช้ามีใส่บาตร
2436.993 -> เพราะว่าพระ
2438.493 -> ไปอยู่ที่นั่น กลางคืนก็มี
2441.633 -> เช้าขึ้นมาญาติโยมไปใส่บาตรก็จบตรงนั้น
2445.243 -> ที่จริงก็คือจบวันที่ 21-23
2450.774 -> ส่วนเช้านั้นก็คือเลี้ยงอาหารพระ
2453.294 -> แล้วพระจะได้มีแรงกลับวัดเท่านั้น
2462.571 -> วันเสาร์หน้าก็เลยไม่ได้เปิดวัด
2466.041 -> หลวงพ่อเทศน์ที่สุรินทร์กลางคืนวันศุกร์
2470.623 -> กลับมาไม่ทัน
2473.193 -> ขอหยุด 1 วัน
2475.923 -> แล้ววันอาทิตย์
2477.833 -> จะมาเทศน์ให้ฟังต่อ ถ้ามีเสียง
2485.118 -> เอ้า วันนี้เท่านี้
2488.358 -> เบอร์หนึ่ง
2490.63 -> ในรูปแบบสวดมนต์เช้า - เย็น
2493.56 -> แล้วนั่งดูลมหายใจเข้าออก
2496.38 -> รู้สึกร่างกายเหมือนหุ่นยนต์
2498.8 -> มีลมไหลเข้าไหลออก
2501.38 -> ระหว่างวันรู้สึกร่างกายสลับกับรู้ลม
2505.22 -> เห็นจิตหลงไปคิดได้เอง บังคับไม่ได้
2508.5 -> แต่จะหลงนาน
2510.03 -> เห็นจิตทำงานได้เอง บังคับไม่ได้
2513.36 -> บางทีก็เห็นความพอใจ ไม่พอใจ หรือเฉยๆ
2517.95 -> ที่ปฏิบัติอยู่ยังอยู่ในทางหรือไม่ครับ
2521.59 -> อยู่ ภาวนามาใช้ได้อยู่
2526.004 -> แต่จิตยังติดความเคยชิน
2528.114 -> ที่จะไปทำอะไรนิ่งๆ ไว้ตัวหนึ่ง
2536.973 -> ไปทำไว้อย่างนี้ ไม่เอา
2539.733 -> คลายออกมา
2541.473 -> ให้มันเคลื่อนไหวได้
2543.393 -> อย่าไปค้างไว้อย่างนี้ ไม่ดี
2547.223 -> อย่างนั้นไม่ใช่จิตตั้งมั่น
2549.333 -> อันนั้นจิตทุกข์ทรมาน
2552.753 -> จิตตั้งมั่นมันรู้ มันตื่น มันเบิกบาน
2556.603 -> แล้วก็พอเรามีจิตตั้งมั่นแล้ว
2558.216 -> พอสติระลึกรู้กาย
2561.636 -> สัญญาหมายรู้ความเป็นไตรลักษณ์
2565.486 -> ที่ทำอยู่ใช้ได้อยู่
2567.343 -> แต่ที่ยังไม่ถูกคือที่จิตยังไม่ตั้งมั่น
2571.436 -> หมายรู้ใช้ได้อยู่
2574.436 -> เบอร์สอง
2578.576 -> เบอร์สอง
2580.506 -> ปฏิบัติในรูปแบบ
2581.776 -> โดยการนั่งสมาธิหรือนอนรู้สึกตัว
2585.626 -> วันละประมาณ 30 นาที
2588.146 -> ระหว่างวันดูร่างกายหายใจหรือเคลื่อนไหว
2592.005 -> คอยสังเกตสภาวะต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา
2595.945 -> รู้สึกว่าเริ่มมีจิตตั้งมั่น
2598.081 -> และเห็นธาตุขันธ์แยกได้ในบางครั้ง
2601.041 -> ไม่ทราบว่าที่เห็นนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ
2604.171 -> เห็นถูก แต่อย่าน้อมจิตให้ซึม
2607.741 -> ยังมีความเคยชินจะน้อมจิตให้ซึมๆ
2612.431 -> อย่าน้อม
2614.211 -> รู้สึกไหมเราน้อมจิตลงไป
2616.171 -> ให้ซึมลงไปอย่างนี้
2618.361 -> ให้มันตื่นๆ
2621.171 -> เออ
2625.57 -> ปลุกมัน ตื่นได้แล้ว
2628.83 -> มันยังไม่ยอม
2631.78 -> ยังติดอยู่รู้สึกไหม ยังติด
2634.6 -> เราไปน้อมให้มันซึมๆ ค้างๆ ไว้
2638.11 -> ปล่อยมันไปเลย
2640.81 -> รู้สึกเอา
2645.18 -> เบอร์สาม
2649.877 -> เบอร์สาม
2651.387 -> ในชีวิตประจำวัน
2653.297 -> คอยรู้สึกตัว
2654.847 -> คอยเห็นข้อเสียของตัวเอง
2657.327 -> ดูเบื้องหลังตัวเองได้บ่อยขึ้น
2660.347 -> ทำในรูปแบบหายใจเข้าพุทออกโธ
2663.867 -> คอยรู้ทันจิตที่เผลอไป ไหลไป
2667.397 -> ความรู้ที่หลวงพ่อสอน
2669.387 -> เทคนิคต่างๆ จำได้หมด
2671.717 -> แต่เวลาทำจริง จะทำจริงจังตลอด
2674.827 -> อยากให้ดี อยากให้ได้ รู้ทัน
2678.327 -> แต่ก็ยังอยากดีอยู่
2680.557 -> รู้ว่าเป็นอนัตตา
2682.327 -> แต่อัตตาก็ทำงานตลอด
2684.467 -> ขอหลวงพ่อโปรดชี้แนะค่ะ
2686.357 -> ทำถูกแล้ว ค่อยๆ ทำไป
2690.217 -> เราสั่งให้จิตมันเข้าใจ ไม่ได้หรอก
2693.817 -> พามันดูความจริงไปเรื่อยๆ
2695.497 -> เดี๋ยวมันเข้าใจเองล่ะ
2697.746 -> มันเดินอยู่ในเส้นทางที่ใช้ได้แล้ว
2701.496 -> ค่อยรู้สึกๆ ไป
2703.83 -> อย่าไปบังคับ
2705.11 -> ตรงนี้เริ่มบังคับแล้ว
2707.66 -> จะแน่นๆ ขึ้นมา
2709.57 -> ถ้าแน่นๆ แสดงว่าบังคับ
2715.115 -> เบอร์ 2 อย่าไปแต่งจิตให้มันเคลิ้ม
2718.615 -> มันชินกับการแต่งจิตให้เคลิ้มๆ อยู่
2722.505 -> หายใจอย่างสดชื่น
2725.655 -> เฮ้อ สดชื่นๆ อย่างนี้
2728.375 -> ให้มันหลุดออกมา
2732.225 -> เบอร์ 3 จิตหนีไปแล้วทราบไหม
2736.114 -> มันหลงไปคิด
2738.434 -> จิตมันหลงก็รู้
2740.484 -> สงสัยไหม
2743.824 -> สงสัยรู้ว่าสงสัย
2746.324 -> หัดรู้สภาวะทีละช็อตเลย
2748.904 -> เดี๋ยวมันผุดตัวนี้ มันผุดตัวนี้
2750.967 -> รู้ไปเรื่อยๆ
2752.087 -> แล้วเราจะเห็นว่าทุกตัวเกิดเอง
2754.747 -> ถึงเวลาทุกตัวก็ดับไป
2757.327 -> มีแต่เกิดกับดับ บังคับไม่ได้
2760.177 -> เฝ้ารู้เฝ้าดูอย่างนี้เรื่อยๆ
2761.737 -> ใช้ได้อยู่ เบอร์ 3
2765.387 -> เบอร์สี่
2767.114 -> เบอร์สี่
2768.724 -> ทำในรูปแบบด้วยการสวดมนต์
2770.974 -> นั่งสมาธิอยู่กับคำบริกรรม
2774.194 -> และดูจิตที่หลงคิด
2776.304 -> ระหว่างวันสังเกตจิตที่หลงไปคิด
2779.694 -> ชอบ ไม่ชอบ
2781.844 -> ที่ทำอยู่เป็นการรู้จิต
2783.264 -> ที่ถูกต้องไหมครับ
2785.314 -> รู้ถูก
2787.424 -> แต่อย่ารู้อย่างเหี้ยมเกรียม
2791.184 -> อย่าจริงจังขนาดนี้
2794.644 -> รู้ไปตามธรรมดา
2796.574 -> รู้เป็นช็อต ทีละช็อตๆ
2798.544 -> มีอะไรเกิดขึ้น
2800.204 -> ในปัจจุบัน แล้วก็รู้ไป
2803.218 -> อย่าไปตั้งใจรู้เยอะ
2804.918 -> ถ้าตั้งใจมากมันจะเครียด มันจะตึงไป
2811.814 -> ตรงที่จะฝึกให้จิตรู้
2814.824 -> ไม่เผลอ ไม่เพ่ง
2817.774 -> ตรงนี้ใช้เวลา
2820.124 -> ค่อยๆ สังเกตตัวเอง
2821.714 -> ตรงนี้ย่อหย่อนไปแล้ว
2823.194 -> จิตเคลิ้มไปแล้ว
2824.984 -> หรือเผลอไปฝันแล้ว รู้ทัน
2828.314 -> ตรงนี้จงใจบังคับจิต จงใจเพ่งแล้ว
2831.024 -> จิตแน่นๆ ขึ้นมาแล้ว รู้ทัน
2834.084 -> ค่อยๆ รู้ รู้ไปเรื่อยๆ
2835.948 -> มันจะปรับสมดุลของมันเอง
2838.476 -> ไม่มีใครมา
2840.466 -> บอกเราได้หรอกว่าจุดไหนถูก
2842.956 -> มันจะรู้ด้วยตัวเอง
2845.316 -> มันจะรู้เลยตรงนี้ตึงไป
2846.806 -> ตรงนี้หย่อนไป
2848.436 -> ของเบอร์ 4 มันจะมีตึงไปเยอะ
2851.156 -> ใจมันจะแน่นๆ ขึ้นมา
2853.996 -> รู้ไปเรื่อยๆ ในที่สุด
2855.736 -> จิตมันก็จะเป็นผู้รู้จริงๆ แล้ว
2858.586 -> จิตที่มันเป็นผู้รู้จริงๆ
2859.906 -> ก็คือจิตที่ทรงสมาธิที่ถูกต้อง
2863.256 -> จิตดวงนั้นเป็นจิตที่เป็นกุศล
2865.136 -> รู้เนื้อรู้ตัวอยู่
2867.316 -> ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง
2869.276 -> อยากปฏิบัติก็โลภ
2871.506 -> ปฏิบัติแล้วไม่สงบ แล้วโมโห แล้วก็โกรธ
2874.83 -> ปฏิบัติแล้วก็ใจลอย หลงไป นั่นก็หลง
2878.52 -> จิตรู้ไม่โกรธไม่โลภ ไม่หลง
2881.67 -> มีสติรู้เนื้อรู้ตัวอยู่
2884.08 -> แล้วก็ไม่ใช่รู้อยู่เฉยๆ
2886.77 -> พร้อมที่จะเจริญปัญญา
2889.45 -> ไม่สงบเฉยๆ
2891.15 -> แต่ว่าพอจิตสงบ จิตตั้งมั่นแล้ว
2893.86 -> น้อมจิตไป
2896.03 -> หมายรู้
2897.88 -> หมายรู้ความเป็นไตรลักษณ์ของกายของใจไป
2902.27 -> แล้วจิตที่เป็นกุศลตรงนี้มีสัมมาสมาธิ
2905.75 -> นอกจากเป็นกุศล
2907.64 -> พร้อมที่จะเดินปัญญาแล้ว
2909.76 -> เกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ได้จงใจ
2913.25 -> ถ้าเราจงใจทำ
2915.08 -> มันจะเป็นอย่างเบอร์ 2
2917.32 -> เบอร์ 2 จะจงใจทำจิตขึ้นมา
2920.35 -> มันจะแข็งๆ ซึมๆ ทื่อๆ แข็งๆ
2923.15 -> เบอร์ 1 ก็จงใจอยู่
2926.21 -> มันไม่ใช่อสังขาริกัง
2927.98 -> ไม่ได้เจตนา ไม่ได้จงใจ
2930.87 -> มันรู้ มันตื่น มันเบิกบานขึ้นมาเอง
2934.05 -> อาศัยการรู้ทันตอนที่มันหลง
2936.86 -> อาศัยการรู้ทันว่ามันถลำลงไปเพ่งแล้ว
2940.12 -> ไปบังคับแล้ว
2941.33 -> แล้วมันจะค่อยๆ ปรับตัวเอง
2943.48 -> ในที่สุดมันจะรู้ตื่นขึ้นมาได้
2946.04 -> พอมันรู้ มันตื่นได้
2947.34 -> สติระลึกรู้กาย หมายรู้ไตรลักษณ์
2950.68 -> สติระลึกรู้เวทนา
2952.588 -> รู้สัญญา สังขาร รู้จิต
2954.868 -> หมายรู้ความเป็นไตรลักษณ์ไป
2957.596 -> ด้วยจิตที่ตั้งมั่น
2962.739 -> เบอร์ 4 จิตหลงไปคิดแล้วทราบไหม
2966.729 -> หัดรู้อย่างนี้ ไม่บังคับ
2968.649 -> เห็นไหมเมื่อกี้นี้
2970.785 -> ตรงที่รู้ว่ามันหลงคิด
2972.075 -> มันมีความเบิกบานผุดขึ้นมา
2973.855 -> รู้สึกไหม
2974.865 -> ดูทันไหมเมื่อกี้นี้ มีแวบหนึ่งขึ้นมา
2978.265 -> นั่นล่ะคือจิตรู้
2980.715 -> เพราะฉะนั้นไม่มีใครทำจิตรู้ให้เกิดได้
2984.435 -> แต่ถ้าเรารู้ทันสภาวะที่กำลังมีกำลังเป็น
2987.415 -> เช่น กำลังหลงคิด
2989.885 -> พอเรารู้ว่าจิตหลง
2991.772 -> ความหลงดับ จิตรู้จะเกิดขึ้นทันทีเลย
2994.522 -> รู้ตื่น แล้วก็เบิกบานขึ้นมาทันทีเลย
2998.716 -> จำได้ไหม แวบเมื่อกี้นี้
3001.366 -> แวบเมื่อกี้นี้สั่งให้เกิดไม่ได้
3004.556 -> แต่มันเกิดได้เพราะหลวงพ่อไปบอกว่า
3007.684 -> นี่จิตมันหลงไปคิดแล้ว
3009.424 -> พอเราเห็นว่าจิตหลงคิดปุ๊บ
3011.574 -> จิตหลงคิดดับ จิตรู้เกิดขึ้นเองเลย
3015.474 -> เพราะฉะนั้นเราทำให้เกิดไม่ได้
3017.454 -> มันเป็นอนัตตา
3019.164 -> แต่เราฝึกมันเรื่อย รู้สภาวะไปเรื่อยๆ
3022.794 -> จิตไหลไปแล้วรู้ จิตหลงไปแล้วรู้
3025.024 -> จิตเพ่งแล้วรู้อะไรอย่างนี้
3027.834 -> จิตรู้มันก็จะค่อยๆ มีกำลังขึ้น
3030.654 -> แล้วต่อไปพอเรามีจิตรู้จริงๆ แล้ว
3032.704 -> สติระลึกรู้กาย
3034.864 -> มันจะหมายรู้ไตรลักษณ์ของกายได้
3037.394 -> สติรู้จิต
3038.504 -> ก็จะหมายรู้ไตรลักษณ์ของจิตได้
3041.414 -> ต่อไปมันก็จะเห็น
3043.354 -> ขั้นสุดท้ายมันก็เห็นไตรลักษณ์
3045.674 -> ถึงขั้นเห็นเป็นวิปัสสนาตัวแท้เลย
3049.473 -> เป็นวิปัสสนาญาณ
3052.618 -> คิดอีกแล้วทราบไหม
3056.278 -> รู้ทันอย่างนี้ จิตหลงไปคิดก็รู้
3058.308 -> เห็นไหม มันเบิกบานขึ้นอีกแวบหนึ่ง
3062.412 -> นี่ล่ะจิตรู้
3064.467 -> จิตรู้ไม่ได้เกิดจากการ
นั่งเพ่ง นั่งจ้อง นั่งเฝ้า
3068.703 -> เกิดจากสติรู้ทันสภาวะ
3070.703 -> ที่กำลังมีกำลังเป็น
3072.693 -> จิตรู้มันก็จะเกิด
3075.033 -> ตอนนี้หลงอีกแล้วรู้ไหม
3078.433 -> หลงไปคิด
3081.193 -> สังเกตไหมจิตแน่น
3084.183 -> ตัวนี้ไม่ใช่จิตรู้แล้ว
3086.223 -> เพราะคราวนี้
3088.463 -> ไปรู้ว่าจิตหลง รู้แบบมีชั้นเชิง
3091.563 -> ไม่ใช่รู้อย่างธรรมดาแล้ว
3093.883 -> เริ่มมีลีลาแล้ว
3095.823 -> เริ่มแต่งมันขึ้นมาจิตจะแน่นๆ
3099.783 -> เบอร์ห้า
3101.974 -> เบอร์ห้า
3103.834 -> ปฏิบัติโดยการดูร่างกายเป็นวิหารธรรม
3107.959 -> เป็นคนมีโมหจริต
3110.034 -> คิดมาก ฟุ้งซ่านเป็นตัวเอกในใจ
3113.354 -> ระหว่างวันตามรู้กายและจิต
3116.544 -> เห็นจิตเผลอไปคิดและเพ่ง
3119.144 -> รู้ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง
3121.684 -> พอมีสติ
3122.824 -> จิตจะกลับมาอยู่ที่ฐาน
3124.924 -> ดูร่างกายหายใจอัตโนมัติ
3127.504 -> บางครั้งเห็นความเกิดดับ
3129.114 -> ของสภาวะที่เกิดขึ้น
3131.344 -> เห็นทุกข์ทางใจมากขึ้นค่ะ
3134.474 -> ดี ทำได้ดีแล้ว
3137.624 -> แต่ตอนนี้จิตไม่เข้าฐาน รู้ไหม
3141.554 -> รู้ใช่ไหม
3142.614 -> ถ้ารู้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
3143.974 -> ที่ทำอยู่ใช้ได้ ทำได้ดีเชียวละ
3148.254 -> ทำต่อ
3149.704 -> แล้วก็
3151.004 -> มันอยู่ที่ตรงที่จิต
ตั้งมั่นเข้าฐานนั่นล่ะ
3153.775 -> มันถึงทำวิปัสสนาได้
3156.375 -> เพราะจิตที่ถึงฐาน
3157.595 -> จิตที่ตั้งมั่นอยู่อย่างนั้น
3159.075 -> คือจิตที่มีสัมมาสมาธิ
3161.665 -> สัมมาสมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา
3165.675 -> ฉะนั้นถ้าจิตเราไม่ตั้งมั่น
เสียอย่างเดียว
3168.545 -> เดินปัญญาไม่ได้จริงหรอก
3170.985 -> ส่วนมากก็ไปเพ่งเอา หรือไม่ก็ไปคิดเอา
3174.635 -> ใช่ไหมเบอร์ 4
3176.859 -> หลงไปในโลกของความคิดอีกแล้ว
3179.699 -> แล้วคราวนี้รู้แล้วไม่ตื่น รู้สึกไหม
3182.409 -> รู้แล้วแน่นๆ
3184.109 -> เพราะจงใจมากเกินไปแล้ว
3187.559 -> มันเริ่มสุดเหวี่ยงมาข้างตั้งใจมากแล้ว
3191.559 -> อย่าตั้งใจ
3193.511 -> รู้ไปตามธรรมดา รู้ก็ได้ เผลอก็ได้
3197.271 -> เราสั่งไม่ได้หรอก
3198.781 -> มันเป็นอย่างไรรู้ว่าเป็นอย่างนั้น
3201.891 -> เบอร์ 5 ดี ใช้ได้เลย
3205.401 -> ตรงนี้ถลำลงไปแล้วรู้ไหม เบอร์ 5
3209.571 -> รู้อย่างนี้นะ
3213.431 -> เบอร์ 6 ก็ดีเหมือนกัน
3216.497 -> การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
3219.137 -> คือรู้สึกร่างกาย จิตไหลไปแล้วรู้
3223.017 -> ในรูปแบบเดินจงกรม
3224.887 -> นั่งสมาธิ
3226.027 -> และท่องพุทโธ 30 นาที - 1 ชั่วโมง
3229.987 -> เห็นจิตไหลไปคิดทั้งวัน
3232.337 -> มันทำงานได้เอง
3234.237 -> จิตไม่มีสมาธิ ฟุ้งซ่าน
3237.037 -> อยากถามว่าที่ทำอยู่นี้ถูกหรือไม่คะ
3239.937 -> ถูก ทำได้ดีเชียวละ
3243.067 -> ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ
3245.377 -> ทำทุกวันๆ สม่ำเสมอ
3248.127 -> แต่ทุกวันก็ไหว้พระ สวดมนต์
3250.387 -> ทำในรูปแบบด้วย จิตจะได้มีแรง
3254.537 -> เช่นนั่งหายใจเข้าพุทออกโธ
3257.247 -> ทำทุกวันๆ
3259.737 -> ส่วนการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
3261.857 -> เบอร์ 6 ทำได้ดีมากๆ เลย
3264.577 -> ทำได้ดีอยู่แล้ว
3266.037 -> เพราะว่าใจเราจะเป็นอะไรขึ้นมา
3267.937 -> เราก็รู้ก็เห็นได้
3270.557 -> เก่ง ไปทำเอา
3274.627 -> ดี ทำถูกแล้วก็ทำไปเรื่อยๆ
3278.537 -> แต่ไม่ใช่ใช้งานจิตเดินปัญญาจนมันเหนื่อย
3282.317 -> ก็ต้องให้มันได้พักบ้างเป็นระยะๆ ไป
3286.137 -> เบอร์ 5 ถลำลงไปแล้ว
3289.29 -> เบอร์เจ็ด
3291.31 -> เบอร์เจ็ด
3293.05 -> มีปัญหาครอบครัว และปัญหาของตัวเอง
3296.92 -> ทำให้จิตมีแต่โทสะและอกุศล
3300.59 -> ในชีวิตประจำวันจึงดูกายและพุทโธ
3304.4 -> ร่วมกับคิด
3305.793 -> สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นเป็นคำพูดในใจ
3308.813 -> เช่น ฉันยอมรับในตัวฉัน
3311.91 -> การดูกายไม่เคยเห็นว่าไม่เที่ยง
3315.4 -> เวลาโกรธบางครั้งเมื่อดูมัน
3318.485 -> ก็พอเห็นได้ว่ามันจางไป
3320.925 -> ขอหลวงพ่อแนะว่าควรทำอย่างไรต่อไป
3324.105 -> ทั้งในรูปแบบและในชีวิตประจำวันครับ
3327.871 -> เราอย่าไปแทรกแซงมัน
3332.271 -> จิตเศร้าใจรู้ว่าเศร้าใจ
3334.599 -> จิตโกรธรู้ว่าโกรธ
3337.399 -> จิตอยากหายเศร้า รู้ว่าอยาก
3340.279 -> จิตอยากหายโกรธ รู้ว่าอยาก
3343.329 -> รู้เข้ามาให้ถึงตัวอยาก
3346.549 -> แล้วมันจะคลายออกเอง
3350.859 -> อย่างเวลาชีวิตมีปัญหา
3353.169 -> เราอยากให้มันหาย
3355.989 -> ปัญหาของชีวิตมันอยู่ข้างนอก
3359.069 -> แต่พอเราอยากให้มันไม่มีปัญหา
3362.219 -> มันเป็นปัญหาของเราเองแล้ว
3364.269 -> จิตมันจะทุกข์
3366.489 -> สมมติในบ้านเราตีกัน ทะเลาะกัน
3370.039 -> นั่นมันอยู่ข้างนอก
3372.019 -> แต่จิตเราอยากให้บ้านเราสงบสุข
3375.099 -> จิตเราจะทุกข์
3377.349 -> คนอื่นไม่เคยสร้างความทุกข์ให้เราได้
3380.349 -> ทุกข์ทางจิต
3382.307 -> ทุกข์ทางจิตเป็นสิ่งที่เรา
สร้างขึ้นด้วยตัวของเราเอง
3385.977 -> เพราะเรามีความอยากเกิดขึ้น
3388.477 -> อย่างบ้านเราวุ่นวาย
3389.837 -> บ้านเรามีปัญหา เราอยากให้มันสงบ
3392.047 -> อยากให้มันไม่มีปัญหา
3394.357 -> เราก็เลยทุกข์
3396.347 -> ให้รู้ทัน
3398.077 -> รู้ทันไป จิตมันทุกข์
3399.607 -> รู้ แล้วมันไม่หาย
3401.257 -> ทำไมมันไม่หาย
3402.847 -> เพราะเราเติมความอยากลงไปเรื่อยๆ
3405.787 -> ทั้งๆ ที่เรานั่งดู
3407.307 -> เราก็อยากให้ปัญหานี้หมดไป สิ้นไป
3410.327 -> ความอยากมันมีอยู่
3412.187 -> มันก็ไปหล่อเลี้ยงความทุกข์เอาไว้ยาวนาน
3415.397 -> ฉะนั้นถ้าเราดูเข้ามาถึงต้นตอได้
3417.487 -> เราเห็น
3418.797 -> จิตมันอยากให้บ้านเราร่มเย็นเป็นสุข
3421.777 -> อยากให้บ้านเราสามัคคีกัน
3424.747 -> มันเห็นตรงที่อยาก ความอยากดับ
3428.41 -> ปัญหาข้างนอกไม่เกี่ยวกับจิตเราแล้ว
3431.87 -> ในบ้านจะฆ่ากันตาย
3433.45 -> มันยังไม่ถึงจิตเราเลย
3438.904 -> ดูเข้ามาให้ถึงจิตที่มันอยาก
3445.181 -> อยากได้อย่างนี้
3447.021 -> อยากไม่ให้ได้อย่างนี้ ไม่เจออย่างนี้
3451.771 -> คอยรู้ทันตัวนี้ไว้
3455.034 -> แล้วไม่ว่าปัญหาในชีวิตจะร้ายแรงแค่ไหน
3457.934 -> เราก็จะผ่านได้
3460.824 -> ผ่านได้ก็คือจิตใจเราไม่ไปทุกข์กับมัน
3465.084 -> ส่วนปัญหาทางโลก
3468.269 -> ก็แก้ไป ตามเหตุ ตามปัจจัย
3471.049 -> เท่าที่ทำได้
3473.049 -> ไม่ใช่แก้ได้ทุกปัญหาหรอก
3474.799 -> ไม่มีใครแก้ปัญหาได้ทุกชนิดหรอก
3478.119 -> ปัญหาไหนแก้ได้ก็แก้
3479.959 -> ปัญหาไหนเหลือวิสัย
3482.169 -> แก้ไม่ได้
3483.829 -> ก็รู้ไว้
3485.509 -> มันเป็นอย่างนี้ล่ะ
3486.865 -> สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
3489.192 -> เราไปแก้แทนใครไม่ได้ทั้งสิ้น
3492.612 -> เราก็แค่รักษาใจของเรา
3494.982 -> ใจของเราเป็นทุกข์ขึ้นมา
ก็เพราะความอยากของเราเอง
3499.879 -> อยากให้บ้านเราสงบ อยากให้บ้านมันดี
3503.059 -> เรารู้อย่างนี้
3505.659 -> แล้วใจเราจะค่อยสงบ ใจเราค่อยเป็นกลาง
3509.379 -> พอใจสงบแล้วสติปัญญามันจะเกิด
3512.809 -> เราก็ไปดู
3514.389 -> ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเรา
3516.929 -> อันไหนแก้ได้ก็แก้
3519.012 -> อันไหนแก้ยังไม่ได้ก็ปล่อยไว้ก่อน
3522.472 -> ไม่สามารถแก้ได้ทุกเรื่องหรอก
3527.052 -> เบอร์แปด
3529.152 -> เบอร์แปด
3530.842 -> ทุกวันเดินจงกรมนั่งสมาธิ
3534.344 -> สงบบ้างไม่สงบบ้าง
3536.664 -> ในความสงบยังมีความคิด
3539.574 -> ชีวิตประจำวันดูกายเคลื่อนไหว
3542.774 -> กิเลสบางครั้งเกิดและดับเอง
3545.539 -> บางครั้งดับโดยดูลมหายใจ
3548.409 -> บางครั้งไม่ดับเหมือนสู้กัน
3551.469 -> หลายครั้งไม่รู้
3553.289 -> หลงคิดบ่อยๆ
3554.879 -> อยู่กับผู้คนจะหลงยาว
3557.44 -> เห็นทุกข์เกิดจากการยึด
3559.69 -> โดยรวมทุกข์น้อยลง
3561.51 -> ขอหลวงพ่อเมตตาชี้แนะค่ะ
3564.45 -> ก็ดีแล้ว ค่อยๆ ฝึกไป
3567.73 -> มันคือการเรียนรู้ตัวเอง
3570.72 -> เรียนรู้ไปจนกระทั่งวันหนึ่งฉลาด
3573.09 -> รู้เลยว่า
3575.43 -> เรามีความอยากขึ้นเมื่อไร
เราก็สร้างความทุกข์
3577.94 -> เข้ามาในใจของเราเมื่อนั้น
3581.125 -> ค่อยรู้อย่างนี้เรียกว่าเรารู้อริยสัจ
3585.066 -> ไม่มีใครทำให้เราทุกข์
3587.746 -> เราทำของเราเอง เราอยาก
3590.151 -> ใจเราก็ทุกข์
3592.435 -> แล้วเราภาวนา
3594.795 -> ไม่ใช่เพื่อละกิเลส
3598.942 -> กิเลสอยู่ในกองทุกข์
3600.312 -> อยู่ในสังขารขันธ์ อยู่ในกลุ่มทุกข์
3604.882 -> ทุกข์ให้รู้ ไม่ใช่ให้ละ
3608.442 -> กิเลสเกิดแล้วเราอยากให้ไม่มีกิเลส
3612.092 -> ตัวนี้คือตัณหา
3614.349 -> สิ่งที่ต้องละคือตัวตัณหา
3616.529 -> ไม่ใช่ตัวกิเลส
3619.289 -> เพราะฉะนั้นจิตจะไม่ดีมีอกุศล
3622.709 -> ก็แค่รู้ว่ามันเป็นอกุศล
3625.729 -> อยากให้มันหาย
3627.959 -> รู้ทันว่ามันอยาก
3630.959 -> ถ้าจิตมันจะเข้าสู่ความเป็นกลางแล้ว
3634.129 -> ความทุกข์มันเกิดขึ้นที่จิตไม่ได้หรอก
3637.509 -> ความทุกข์มันจะอยู่ข้างนอก
3642.863 -> เอ้าวันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้
3646.805 -> หมู่นี้เทคโนโลยีมันเยอะ
3649.995 -> นี่มีกล้องตั้ง 6 กล้อง
3656.428 -> กล้องนี้ก็มีหลายตา
3658.648 -> ยังกับมนุษย์ต่างดาว
3661.258 -> รูปร่างพิลึก มีหัวกลมๆ
3668.702 -> ทีมงานก็พยายาม
3671.716 -> ตามเทคโนโลยี
3674.242 -> สร้างสื่อธรรมะ
3677.272 -> พวกเรา
3679.402 -> อย่ามัวแต่ว่า
3681.962 -> ดูแล้วหันทางนี้ก็เห็น หันทางนี้ก็เห็น
3686.191 -> ไม่เห็นจิตตัวเอง อย่างนั้นใช้ไม่ได้
3690.997 -> อย่างไรก็ต้องย้อน
3692.347 -> เข้ามาเรียนที่ตัวเองให้ได้
3694.087 -> ธรรมะเรียน
3695.827 -> เพื่อจะเรียนรู้ตัวเอง
3698.407 -> ไม่ใช่เรียนเพื่อจะไปรู้อะไรต่ออะไร
3700.467 -> วุ่นวายข้างนอก
3703.111 -> พระพุทธเจ้าเป็นโลกวิทู
3705.591 -> โลกวิทู ผู้รู้แจ้งโลก
3708.791 -> เราต้องรู้จักคำว่าโลกก่อน
3710.721 -> นิยามคำว่า “โลก”
3713.931 -> ที่สำคัญที่สุดก็คือ
3715.731 -> รูปนาม
3717.621 -> คือโลก
3719.571 -> หมู่สัตว์ก็คือโลก
3722.971 -> ส่วนโลก พระอาทิตย์
พระจันทร์อะไรอย่างนี้
3725.631 -> มันเป็นแค่วัตถุ
3728.301 -> โลกที่สำคัญมันก็มีรูปธรรม มีนามธรรม
3733.581 -> ก็เป็นพวกหมู่สัตว์ทั้งหลาย
บางทีเรียกว่าโลก
3737.461 -> ถ้าลึกซึ้งขึ้นมาในขั้นวิปัสสนา
3740.701 -> ไม่มีสัตว์ ไม่มีคน ไม่มีเรา ไม่มีเขา
3744.031 -> ก็มีแต่รูปกับนาม
3745.421 -> รูปกับนามนั่นล่ะคือตัวโลก
3749.961 -> ค่อยๆ ฝึกเอา
3752.631 -> เอ้า วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=hHNcZgHe4OU