[PODCAST] Food Choice | EP.22 - อาหารพรีไบโอติกส์ และโพรไบโอติกส์ ปรับสมดุลลำไส้

[PODCAST] Food Choice | EP.22 - อาหารพรีไบโอติกส์ และโพรไบโอติกส์ ปรับสมดุลลำไส้


[PODCAST] Food Choice | EP.22 - อาหารพรีไบโอติกส์ และโพรไบโอติกส์ ปรับสมดุลลำไส้

รู้หรือไม่ พรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์อยู่ในอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายเรากว่าที่คิด ช่วยทั้งปรับสมดุลลำไส้ ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น และอีกอย่างที่สาว ๆ อาจไม่รู้คือ ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในช่องคลอด ฟังดูแล้วมีประโยชน์มากมายจนเกิดเป็นคำถามว่าแล้วพรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์อยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง ?

ในวันนี้รายการ Food Choice : กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล จึงจะพามารู้จักแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ที่ดีว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรแบบละเอียด แล้วพรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์อยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง ควรกินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
__________________
#FoodChoice
#MahidolChannelPODCAST
#MahidolChannel
#คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหิดล #MURA
––––––––––––––––––––
📌ช่องทางการฟัง Podcast
Apple Podcasts: https://apple.co/2Oxp5FN
Spotify: https://spoti.fi/31v1Rmx
Anchor: https://anchor.fm/mahidolchannel
––––––––––––––––––––
YouTube:    / mahidolchannel​​  
Facebook: http://www.facebook.com/mahidolchannel​​
Mahidol University มหาวิทยาลัยมหิดล: https://www.mahidol.ac.th/th​​
Website | https://channel.mahidol.ac.th/
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล | https://med.mahidol.ac.th


Content

0.001 -> [เสียงดนตรี]
3.282 -> You're listening to Mahidol Channel Podcast.
6.136 -> Listen for a better life.
8.953 -> ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
11.32 -> และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
14.88 -> โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
16.931 -> [เสียงดนตรี]
20.501 -> วันนี้คุณกินอะไร
22.432 -> อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร
27.096 -> วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย
29.246 -> เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา
33.269 -> กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
37.988 -> แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
40.184 -> คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
44.549 -> [เสียงดนตรี]
48.015 -> สวัสดีค่ะ แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
50.931 -> มาพบกันอีกครั้งหนึ่ง สำหรับรายการ Food Choice
53.681 -> กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋นะคะ
56.452 -> วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ พรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์
61.387 -> แบคทีเรียที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้
64.329 -> เราคงเคยได้ยินกันมาตลอดเลยใช่ไหมคะ สำหรับชื่อพรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์
68.798 -> อะไรหว่า อะไรพรี ๆ อะไรโพร ๆ
71.853 -> เดี๋ยววันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันนะคะ สำหรับชื่อพรีไบโอติกส์ และโพรไบโอติกส์
76.962 -> เราจะมีการเลือกอย่างไร
78.811 -> แล้วเราจะเรียกยังไงว่าอะไรคืออะไร
81.814 -> แล้วมีประโยชน์อย่างไรกับร่างกายค่ะ
83.494 -> [เสียงดนตรี]
86.8 -> เราจะเริ่มต้นกันที่พรีไบโอติกส์ก่อนนะคะ
89.767 -> พรี (Pre) แปลว่า ก่อน
91.36 -> เพราะฉะนั้น ง่าย ๆ เลยถ้าจะจำ พรีไบโอติกส์นี่
94.743 -> ก็คือสารอาหารที่จะช่วยในเรื่องของ
97.564 -> การเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ในลำไส้
101.314 -> ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วนะคะ ว่าในลำไส้ของเราจะมีจุลินทรีย์อยู่มากมาย
106.298 -> จริง ๆ จุลินทรีย์มีหลากหลายชนิดเลยค่ะ
108.572 -> มีทั้งตัวที่มีประโยชน์กับร่างกาย แล้วก็ตัวที่มีโทษกับร่างกาย
112.36 -> ในคนที่สุขภาพดีนี่
114.277 -> จะมีความหลากหลายของจุลินทรีย์อยู่
116.564 -> แล้วก็จะมีตัวที่มีประโยชน์อยู่เป็นปริมาณมาก
119.72 -> ทีนี้ถามว่าจุลินทรีย์เขาก็ต้องอยู่ได้ เขาก็ต้องมีอาหารเนอะ
123.273 -> อาหารที่เข้าไป แล้วช่วยในการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
127.501 -> โดยเฉพาะจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์
129.196 -> อันนี้เราเรียกว่า พรีไบโอติกส์
131.6 -> ถามว่าพรีไบโอติกส์คืออะไรหรือ ฟังดูยากจังเลย
134.736 -> ถ้าใครฟังโฆษณาเคยได้ยินคำว่า อินนูลิน
137.64 -> เคยได้ยิน เอฟโอเอส ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ หรืออะไรอย่างนี้
141.84 -> อันนี้ค่ะ เป็นตัวอย่างหนึ่งของพรีไบโอติกส์
144.681 -> เอาง่าย ๆ เวลาที่เรากินอาหารเข้าไป
146.9 -> ร่างกายเราไม่สามารถที่จะ ดูดซึมสารอาหารได้หมด
149.54 -> โดยเฉพาะจะเป็นกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต หรือกลุ่มที่มีไฟเบอร์นี่
152.939 -> มันก็จะผ่านลงมา แล้วจะไปสู่ลำไส้ใหญ่
156.847 -> จุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ ก็จะมีการ metabolize
160.36 -> หรือว่าเอาอาหารพวกนี้ไปจัดการ
163.368 -> มันก็จะเกิดสารตัวหนึ่งขึ้นมา ซึ่งตัวนั้นจะเป็นพลังงาน
167.8 -> หรือว่าจะเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ ที่อยู่ในลำไส้เรา
171.939 -> สามารถจะเจริญเติบโตอย่างเป็นปกติ
174.84 -> อันนี้เราก็จะเรียกว่าเป็นพรีไบโอติกส์
177.872 -> ทีนี้ประโยชน์ของพรีไบโอติกส์
179.595 -> นอกจากพอกินเข้าไป หรือว่าเข้าไปในร่างกายเราแล้วนี่
183.064 -> จะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต ของตัวจุลินทรีย์ที่ดีแล้วนี่
187.32 -> มันยังทำให้ระบบเรื่องของ ภูมิคุ้มกันในร่างกายดีขึ้นด้วย
191.845 -> เนื่องจากว่าที่ลำไส้เรานี่ ถือว่าเป็นระบบภูมิคุ้มกันระบบใหญ่เลย
195.806 -> ก็จะช่วยทำให้จุลินทรีย์ที่ อาจจะทำอันตรายกับร่างกายเรา ลดน้อยลง
201.141 -> ระบบภูมิคุ้มกันหรือการทำงานในร่างกายดีขึ้น
203.8 -> ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ มากมาย
207.079 -> ถัดมาเราก็จะไม่รู้จักกับคำว่า โพรไบโอติกส์
210.36 -> โพรไบโอติกส์คือจุลินทรีย์ หรือว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในลำไส้เรา
214.6 -> เวลาที่เราจะให้คำจำกัดความ ของคำว่าโพรไบโอติกส์
218.189 -> อันแรกเลยก็คือจะต้องเป็น จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กับร่างกาย
221.76 -> คือว่าเขาจะต้องมีข้อมูลงานวิจัยสนับสนุน ว่าอันนี้มีประโยชน์กับร่างกาย
226.189 -> อันที่ 2 จะต้องมีปริมาณของจุลินทรีย์ ที่มากพอด้วย
230.384 -> เพราะฉะนั้น เวลาที่เราจะขึ้นทะเบียน หรือจะเรียกอะไรสักอย่างหนึ่ง
233.65 -> ว่ามันเป็นโพรไบโอติกส์นี่
235.142 -> เราจะต้องบอกว่ามีจุลินทรีย์ที่ดี และมีปริมาณมากพอ
238.72 -> ซึ่งมากพอในที่นี้คือเกิดประโยชน์กับร่างกาย
241.392 -> อันนี้ถึงจะสามารถเรียกมันว่าเป็น โพรไบโอติกส์ได้
245.04 -> อย่างเช่นบางอย่างนี่ เรากินเข้าไปนี่
247.117 -> มันอาจจะมีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต แต่ปริมาณไม่มากพอ
250.61 -> เวลาที่เขาบอกก็คือผลิตภัณฑ์ชนิดนั้น
252.96 -> ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์กับร่างกาย
255.806 -> แต่เขาจะไม่เรียกว่าเป็นโพรไบโอติกส์
257.72 -> ถ้าจะเรียกว่าเป็นโพรไบโอติกส์ จะต้องมีแบคทีเรียที่ดี
261.12 -> และก็มีปริมาณที่เพียงพอนะคะ
263.96 -> ทีนี้ในส่วนของโพรไบโอติกส์นี่ เวลาที่เราพูดกันนี่
266.88 -> เราจะคิดถึงว่ามันมีแบคทีเรีย หรือมีจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้
270.173 -> จริง ๆ แล้วนอกเหนือจากลำไส้ ยังมีอีกที่หนึ่งที่มีโพรไบโอติกส์อยู่
274.555 -> ก็คือในช่องคลอดของผู้หญิง
276.24 -> ตรงนี้ก็จะมีโพรไบโอติกส์อยู่เหมือนกันนะคะ
278.931 -> เพราะฉะนั้น ในแง่ของการทำงาน ของระบบต่าง ๆ นี่
283.133 -> ตรงนี้ก็จะมีความสำคัญเหมือนกัน
285.28 -> ดังนั้นในผู้หญิงบางคน ที่จะมีปัญหาเรื่องของตกขาว
289.82 -> คันบริเวณของช่องคลอด หรือว่ามีเชื้อรานี่
292.743 -> บางครั้งบางทีนี่ การรักษานี่
294.696 -> คุณหมอบางคนก็อาจจะให้ พวกของโพรไบโอติกส์เข้าไป
298.634 -> ในแง่ของการเหน็บช่องคลอดนะคะ
300.65 -> เพื่อจะช่วยปรับสมดุลตรงนั้น
302.203 -> แล้วทำให้เรื่องของอาการผิดปกติ บริเวณช่องคลอดดีขึ้นก็มีนะคะ
307.047 -> เพราะฉะนั้น มีในร่างกาย 2 จุด ที่จะมีโพรไบโอติกส์
309.798 -> อันที่ 1 ก็คือในลำไส้ของเรา
311.623 -> อันที่ 2 ก็คือบริเวณของช่องคลอดค่ะ
313.862 -> สำหรับโรคที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ พรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์
317.821 -> ขอพูดในภาพรวมแล้วกันนะคะ
319.493 -> เพราะพรีไบโอติกส์ก็คืออาหาร ที่จะทำให้จุลินทรีย์ทำงานได้ดีขึ้น
323.765 -> โพรไบโอติกส์ก็คือตัวจุลินทรีย์เองนะคะ
327.003 -> ทีนี้เวลาที่มันทำงานได้สมดุล
329.571 -> สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
330.814 -> การทำงานของระบบของลำไส้เราจะทำงานได้ดี
334.652 -> ก็จะช่วยลดอาการเรื่องของลำไส้อักเสบ ท้องผูก ท้องเสีย ที่เราเคยเห็น
339.407 -> แล้วก็ได้ยินกันมาตลอด
340.835 -> หรือบางคนก็จะไปผูกกับเรื่องของลำไส้แปรปรวน
343.814 -> นอกเหนือจากอาการของระบบทางเดินอาหาร หรือว่าทางระบบลำไส้แล้วนี่
347.937 -> อันที่ 2 ที่เกี่ยวข้องก็คือ เรื่องของระบบภูมิคุ้มกัน
351.025 -> ถ้าการทำงานอันนี้ไม่สมดุล
352.969 -> สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
354.64 -> ลองนึกภาพนะคะ จุลินทรีย์หรือแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้เรานี่
358.28 -> สามารถที่จะรุกล้ำเข้าไปในเซลล์ของเรา แล้วเข้าไปในกระแสเลือด
362.86 -> อันนี้มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อ
364.806 -> หรือทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราทำงานหนักขึ้น
368.173 -> ดังนั้น การที่มีสมดุลของแบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ในลำไส้เรานี่
372.853 -> จะช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรา ทำงานได้ดีขึ้นค่ะ
376.142 -> [เสียงดนตรี]
379.29 -> จริง ๆ ต้องบอกว่าในลำไส้เรานะคะ
381.36 -> ทุกคนก็ทราบว่ามีจุลินทรีย์ หรือว่ามีแบคทีเรียอยู่
384.251 -> ถามว่าแล้วเราอยู่กันอย่างไร
386.08 -> ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว ทุกคนมีแบคทีเรียอยู่กับตัวตลอดเวลาเลย
389.88 -> แต่เราไม่เคยมีการติดเชื้อในกระแสเลือด ตลอดเวลาถูกไหมคะ
393.04 -> เพราะว่าร่างกายเรานี่มีการทำงานที่ดี
396.228 -> มีการแยกกันได้ชัดเจน
398.781 -> ดังนั้น ในลำไส้เรานี่ จะมีระบบภูมิคุ้มกันอันหนึ่ง
402.056 -> ที่ช่วยป้องกันไว้
403.415 -> ด่านแรกก็คือเซลล์ของลำไส้นะคะ
406.385 -> เวลาที่มันมีอาหาร ทำงานได้เต็มที่
408.407 -> เซลล์ลำไส้เจริญเติบโตเหมือนเป็นรั้วที่ดี
411.095 -> ทำให้แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์อยู่นอกรั้ว ไม่เข้ามาในบ้านเรา
415.08 -> ทีนี้ตัวเม็ดเลือดขาวซึ่งอยู่ในรั้ว
418.367 -> อันนี้จะเป็นอีกตัวหนึ่งที่คอยป้องกัน
421.431 -> ไม่ให้จุลินทรีย์หรือแบคทีเรีย รุกล้ำเข้ามาในบ้านเรา
424.92 -> ในกรณีที่คน ๆ หนึ่งขาดสารอาหาร ไม่รับประทานอาหารเลย
428.556 -> สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
430.377 -> สารอาหารได้รับลดลงเนอะ
431.837 -> ตัวรั้วมันก็จะมีการผุพัง
434.415 -> แบคทีเรียอันนี้ ก็จะสามารถผ่านเข้ามาได้ง่ายขึ้นนะคะ
438.447 -> แล้วยิ่งถ้าทำให้ตัวเม็ดเลือดขาว ทำงานได้น้อยลง
442.712 -> สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
444.302 -> แบคทีเรียหรือว่าตัวจุลินทรีย์ ที่มีอยู่ในลำไส้เรานี่
448.156 -> สามารถจะรุกล้ำเข้ามา แล้วก็เข้าไปสู่กระแสเลือด
451.001 -> อาจจะทำให้เกิดเรื่องของ การติดเชื้อในกระแสเลือดได้
453.72 -> ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้แปลว่าอะไร
456.837 -> แปลว่าจุลินทรีย์ที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดโทษแก่ร่างกาย มันเยอะขึ้น
460.56 -> ถ้ามันเข้าสู่ร่างกาย
462.04 -> อันนี้ก็จะทำให้มีการติดเชื้อ มีการอักเสบ หรืออะไรเกิดขึ้นได้
466.64 -> ถ้าสมมุติว่า ความสมดุลของจุลินทรีย์ดี ใช่ไหมคะ
470.624 -> จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ เขาก็จะไปกดไว้
473.494 -> หรือไปทำให้แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ ที่เป็นโทษลดจำนวนลง
477.649 -> อยู่ควบคุมเขาเอาไว้
479.619 -> ทำให้เขาไม่รุกล้ำเข้ามาในตัวเรา
482.533 -> ทำให้สมดุลของสภาพแวดล้อมในลำไส้เราดีนะคะ
486.955 -> อันนี้ก็จะทำให้เรื่องของการขับถ่าย
489.596 -> ที่บางคนอาจจะมีท้องผูก บางคนอาจจะมีท้องเสีย หรือทำให้เกิดลำไส้อักเสบ
493.501 -> พวกนี้ก็จะดีขึ้น
494.94 -> นอกเหนือจากลำไส้เมื่อกี้ ช่องคลอดก็เช่นเดียวกัน
497.724 -> เพราะว่าจะมีเรื่องของตัวโพรไบโอติกส์ หรือว่าตัวจุลินทรีย์อยู่
501.49 -> นอกจากนี้ที่สำคัญเลยก็คือ
503.675 -> เป็นตัวที่จะช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรา ทำงานได้ดีขึ้น
508.222 -> อันนี้คือข้อดีของพรีไบโอติกส์และ โพรไบโอติกส์ที่มีอยู่ที่มีอยู่ในร่างกายเรา
512.372 -> ทีนี้ถ้าสมมุติว่าเราพูดว่า โอเค เราให้อันแรก
515.419 -> เราให้เป็นพรีไบโอติกส์ ก็คือเป็นอาหารของจุลินทรีย์นะคะ
519.28 -> อันที่ 2 เราให้เป็นลักษณะของโพรไบโอติกส์
521.874 -> ก็คือเป็นลักษณะของตัวจุลินทรีย์
524.093 -> เวลาที่เราจะเรียกว่าเป็นโพรไบโอติกส์
525.999 -> ก็คือเป็นจุลินทรีย์ที่ดีและปริมาณที่เหมาะสม
528.774 -> สมมุติว่าถ้ามันมีอาหารบางอย่าง ให้ทั้ง พรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์ไปร่วมกันเลย
533.452 -> เราจะเรียกว่าเป็นซินไบโอติกส์
535.147 -> ซึ่งอันนี้เวลาที่เราเห็นในหนังสือ หรือว่าเราเห็นในอินเทอร์เน็ต
538.272 -> หรือว่าเห็นในสื่อทั้งหลายว่า เอ๊ะ อันนี้คืออะไร
541.358 -> พรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ แล้วก็สุดท้ายคือซินไบโอติกส์ค่ะ
545.989 -> [เสียงดนตรี]
549.1 -> ทีนี้มันมีความสำคัญนิดนึงเนื่องจากว่า โพรไบโอติกส์คือจุลินทรีย์
554.179 -> เพราะฉะนั้น บางทีเวลาผ่านกระเพาะเราไปนี่
557.054 -> ซึ่งเป็นภาวะที่มีกรดเยอะ ๆ
558.88 -> บางตัวก็จะตายไปใช่ไหมคะ
561.515 -> เขาอาจจะไม่ได้เหมาะที่จะอยู่ได้ ในภาวะที่มันเป็นกรดรุนแรงหรือเป็นด่างรุนแรง
565.929 -> นั่นคือเหตุผลที่บอกว่า
567.624 -> ถ้าเราจะขึ้นทะเบียนหรือเรียกสารตัวหนึ่ง หรืออาหารชนิดหนึ่งว่ามีโพรไบโอติกส์นี่
573.366 -> มันจะต้องมีจุลินทรีย์มากพอ ที่จะลงไปจนถึงลำไส้
577.8 -> ไม่งั้นถ้ามันมีน้อย เป็นไงคะ มันก็จะตายหมด
580.28 -> อันที่ 2 ถ้าสังเกตเนอะ
582.36 -> อะไรก็ตามที่มันจะเป็นพวกของโพรไบโอติกส์
585.843 -> มักจะอยู่ในตู้เย็นหรืออุณหภูมิที่ไม่ร้อน
589.225 -> ถ้าเราไปทำให้มันสุก
590.765 -> ส่วนใหญ่แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์พวกนี้จะตาย
593.194 -> เพราะฉะนั้นมันก็จะไม่ได้ประโยชน์แล้ว
595.32 -> เพราะว่าเรากินของที่มันตายแล้ว
597.48 -> แต่สิ่งที่เราอยากได้ คือเราอยากได้จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่
600.843 -> เพราะฉะนั้น เราอาจจะต้องเลือกนิดนึงนะคะ ปริมาณที่กินนะคะ
604.663 -> แล้วก็ในขณะที่กินนี่ กินตอนท้องว่าง กินระหว่างมื้อ
608.186 -> เพื่อลดเรื่องของการหลั่งน้ำย่อย หลังจากที่กินอาหาร
611.186 -> จะได้ทำให้ปริมาณของจุลินทรีย์ เหลือมากพอที่จะไปถึงลำไส้ใหญ่ของเราค่ะ
616.428 -> ทีนี้ถ้าเราถามว่า แล้วเราจะต้องกินโพรไบโอติกส์เท่าไร
619.764 -> ถึงจะได้ประโยชน์
621.146 -> จริง ๆ ต้องบอกว่าเวลาที่เราจะขึ้นทะเบียน กับ อย. ว่า
624.818 -> ช่วงระยะเวลาของการเก็บรักษา
626.64 -> จะต้องมีตัวของจุลินทรีย์ ตามชนิดที่เขากำหนดไว้
630.233 -> เขาจะมีกำหนดไว้ค่ะ
631.257 -> ตอนนี้น่าจะสักประมาณ 23 ตัว
633.827 -> ว่าถ้าเป็นหนึ่งใน 23 ตัวนี้
635.944 -> เก็บรักษาเอาไว้แล้ว ปริมาณของจุลินทรีย์ยังมีมากพอ
639.46 -> มากพอในที่นี้คือ 10 กำลัง 6 ต่อ 1 กรัมของอาหาร
643.569 -> อันนี้ค่ะเขาถึงจะยอม
645.116 -> ไม่ใช่หมายความว่าเรากิน 10 กำลัง 6 นะ
647.4 -> แต่หมายความว่า ถ้าเรากินอาหารชนิดนั้นเข้าไป 1 กรัม
650.554 -> แล้วมีจุลินทรีย์อันนี้มากกว่า 10 กำลัง 6
653.013 -> เราจะขึ้นทะเบียน หรือเราจะเรียกมันว่าเป็นโพรไบโอติกส์ได้
656.007 -> ทีนี้ถามว่า แล้วโพรไบโอติกส์นี่จะมีปัญหาไหม
659.155 -> เมื่อกี้เราบอกว่า เรากินพรีไบโอติกส์มากเกินไป
661.28 -> ก็อาจจะทำให้มีท้องอืด มีท้องเสีย มีแก๊สในกระเพาะใช่ไหมคะ
665.37 -> ทีนี้ถ้าโพรไบโอติกส์ มันคือจุลินทรีย์เนอะ
668.077 -> ถามว่ากินมากเกินไปจะมีปัญหาไหม
670.903 -> ส่วนใหญ่ต้องบอกว่า ข้อแรกก่อน
673.08 -> เรามักจะเลือกจุลินทรีย์ที่เราคิดว่า เขาได้ประโยชน์กับร่างกายเรานะคะ
677.873 -> คนกลุ่มหนึ่งที่อาจจะ
680.28 -> ใช้คำว่าอาจจะนะคะ มีปัญหากับการกินพวกของโพรไบโอติกส์
684.249 -> ก็คือคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ยกตัวอย่างเช่น
687.087 -> คนไข้อาจจะได้รับเคมีบำบัด
690.336 -> แล้วได้รับยากดภูมิ
692.115 -> แล้วปรากฏว่าภูมิคุ้มกันต่ำมากตอนนี้ ภูมิคุ้มกันต่ำมากเลย
695.874 -> เพราะฉะนั้นนี่ ภูมิคุ้มกันเขาต่ำ
698.077 -> แค่แบคทีเรียในลำไส้ของเขา
700.038 -> ก็มีโอกาสที่จะลุกลามเข้ามาได้อยู่แล้ว นึกออกไหมคะ
703.116 -> แล้วเราไปเติมแบคทีเรียเข้าไปอีก
705.48 -> อันนี้ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้
708.36 -> ดังนั้น โดยทั่วไปนะคะ เวลาที่คนไข้ได้รับยาเคมีบำบัดในระดับสูง ๆ
713.75 -> หรือมีการกดไขกระดูก มีการกดภูมิคุ้มกันเยอะ ๆ
717.648 -> อันนี้เราไม่แนะนำ ที่จะให้รับประทานกลุ่มที่เป็นโพรไบโอติกส์
722.008 -> แต่ถ้าหลังจากนั้น แล้วกลับมาเป็นปกติ ภูมิคุ้มกันโอเคแล้ว
727.015 -> อยากจะกิน อันนี้ก็ยังโอเคนะคะ ไม่ได้มีปัญหา
730.024 -> [เสียงดนตรี]
733.329 -> สำหรับอาหารนะคะ
734.658 -> เราจะมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในอาหาร กลุ่มไหนบ้าง
737.76 -> อันแรกเลยที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ โยเกิร์ตปกติก็ได้หรือกรีกโยเกิร์ตก็ได้
743.935 -> ก็จะมีจุลินทรีย์อยู่
745.182 -> อันที่สอง ถ้าเป็นกรณีของนมเปรี้ยว
747.436 -> นมเปรี้ยวนี่ หลาย ๆ ชนิดต้องไปดูนิดนึง
750.01 -> เขาจะบอกว่ามีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตนะคะ
752.893 -> แต่ว่าถ้าไปดูในตัวของ นมเปรี้ยวหลาย ๆ ยี่ห้อในเมืองไทย
757.795 -> ปรากฏว่าจุลินทรีย์ที่มี
760.789 -> มันไม่ใช่ตัวที่ถูกขึ้นทะเบียน ว่าเป็นโพรไบโอติกส์
764.548 -> เพราะฉะนั้น เวลาที่กินเข้าไปนี่
766.703 -> เขาก็อาจจะไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นโพรไบโอติกส์
769.407 -> อีกอันหนึ่งที่จะมีเรื่องของโพรไบโอติกส์
772.438 -> ก็จะมีนัตโตะ พวกของเทมเป้
775.033 -> แล้วก็จะมีพวกของมิโซะใช่ไหมคะ ที่เราจะได้ยินบ่อย ๆ
778.36 -> ถั่วเน่าด้วยอะไรอย่างนี้นะคะ
780.364 -> แล้วก็จะมีพวกของตัวชีสนะคะ
783.852 -> แอปเปิลไซเดอร์ก็จะมีบ้าง แต่ว่าปริมาณมันอาจจะไม่ได้เยอะมาก
787.461 -> อีกอันหนึ่งก็คือจะเป็นพวกของผักดอง หรือว่าของหมักดอง
791.228 -> จริง ๆ เวลาที่เราหมักของพวกนี้ค่ะ
793.36 -> มันก็จะมีจุลินทรีย์เกิดขึ้น
795.465 -> แต่คำถามคือ
796.873 -> มันไม่ได้ของหมักดองทุกชนิดที่จะเกิด จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ นึกภาพออกใช่ไหมคะ
801.432 -> เพราะฉะนั้นนี่ ถ้าเรารู้ว่า
803.14 -> อันนี้คือของที่จะทำให้เกิด จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์
806.047 -> อันนี้ค่ะ เราถึงจะเรียกมันว่าเป็น เรื่องของโพรไบโอติกส์
809.329 -> เพราะฉะนั้นนี่ ในแง่ของของหมักดอง อาจจะต้องระมัดระวังนิดนึง
813.133 -> ถามว่าเราจะรู้ได้อย่างไร
814.219 -> มันก็ขึ้นกับวัตถุดิบในการที่เราจะเอามาหมัก
817.032 -> ว่ามันจะคืออะไร แล้วมันจะกลายไปเป็นอะไรนะคะ
820.132 -> ซึ่งอันนี้มันจะมีรายละเอียดนิดนึง
822.579 -> ถ้าอย่างนั้นนี่ ถ้าจะกิน ถ้าจะใช้พวกนี้
824.868 -> อาจจะต้องระมัดระวัง แล้วก็ไปศึกษาเพิ่มเติมว่า
828.01 -> เราจะใช้อะไรเป็นตัวเริ่มต้น
830.436 -> แล้วที่สำคัญคือความสะอาดในแง่ของการผลิต
833.781 -> ไม่งั้นนี่มันจะมีการปนเปื้อน
835.461 -> แล้วจะกลายเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่มีประโยชน์ หรือจุลินทรีย์ที่มีโทษเจริญเติบโตมากขึ้น
840.477 -> อันนี้ก็อาจจะทำให้ท้องเสียได้ค่ะ
842.548 -> [เสียงดนตรี]
845.829 -> สำหรับอาหารที่จะไปเพิ่ม ในกลุ่มที่เป็นพรีไบโอติกส์
849.344 -> หลัก ๆ เลยก็จะมาจากพวกของไฟเบอร์นะคะ
852.826 -> หรือว่าพวกที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนะคะ
855.336 -> ฉะนั้น ถ้าในรูปแบบของอาหาร ก็คือเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืชนะคะ
860.243 -> หรือว่ารวมถึงพวกสมุนไพรด้วย
862.299 -> กลุ่มนี้ก็จะให้ในส่วนที่จะเป็น เรื่องของพรีไบโอติกส์นะคะ
867.155 -> หลัก ๆ นะคะ เวลาที่เราจะเลือกรับประทานก่อน
869.883 -> อันที่หนึ่งก่อน พรีไบโอติกส์เนอะ
871.719 -> ในส่วนของพรีไบโอติกส์นะคะ
873.312 -> ก็จะเป็นกลุ่มของอาหารที่มันจะเป็น พวกไฟเบอร์แล้วกันเนอะ
876.64 -> จะเป็นกลุ่มที่มาจากพวกของคาร์โบไฮเดรต ที่เป็นเชิงซ้อน
879.954 -> ร่างกายเราก็จะย่อย แล้วก็ดูดซึม
881.993 -> ทีนี้บางส่วนค่ะ มันดูดซึมไม่หมด
883.868 -> มันก็จะไหลผ่านลงมา
885.327 -> เอามาให้จุลินทรีย์ที่ลำไส้ใหญ่นี่ มีการ metabolize
889.258 -> แล้วหลังจากนั้นนี่ ก็เอามาใช้งาน
891.398 -> แล้วก็เกิดเป็นอาหาร
893.32 -> หรือเป็นพลังงานให้กับแบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ที่บริเวณของลำไส้ใหญ่
897.102 -> ดังนั้น หลัก ๆ ของกลุ่มที่จะเป็น พรีไบโอติกส์นี่
901.227 -> จะได้มาจากอาหารกลุ่มที่เป็น คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
904.706 -> หรือว่ากลุ่มที่มีไฟเบอร์เยอะ
907.091 -> ทีนี้ในบางราย ต้องใช้ในบางรายนะคะ ที่อาจจะมีลำไส้แปรปรวนหรืออะไรก็ตาม
912.086 -> แล้วเราเลือกชนิดของตัวคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรือว่าเราเลือกไฟเบอร์ได้ไม่ได้ดีนัก
917.508 -> สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นคือ อาจจะมีปัญหาเรื่องของท้องอืด
920.571 -> หรืออาจจะมีแก๊สในกระเพาะเยอะขึ้น
923.063 -> หรืออาจจะทำให้ถ่ายเยอะขึ้นได้
924.946 -> ถ้าเรารับในปริมาณที่มากเกินไป
927.553 -> ลองนึกภาพว่ามันเป็นอาหารที่โหลดเข้าไปเยอะ ๆ
930.289 -> แล้วแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์เราเต็มไปหมดเลย
932.742 -> ทุกครั้งที่เขาเอาอาหารไปใช้ค่ะ
935.027 -> มันจะเกิดแก๊สขึ้นมา เป็นคาร์บอนไดออกไซด์
937.641 -> จะเกิดน้ำขึ้นมา
938.805 -> เพราะฉะนั้นนี่ มันอาจจะมากเกินไป
941.055 -> เวลาที่เราพูดคำว่าพรีไบโอติกส์
943.032 -> ไม่ได้หมายความว่าทุกคนกินแล้วจะได้ประโยชน์
945.18 -> แต่ละคนจะมีปริมาณที่เหมาะสมกับตัวเอง
948.032 -> จะรู้ได้อย่างไร เป็นคำถามที่ดีเลยค่ะ
950.735 -> เราไม่สามารถจะไปวัดได้ว่า แต่ละคนมีแบคทีเรียอะไร มากแค่ไหน
954.688 -> ให้สังเกตค่ะ
955.796 -> ถ้าสมมุติว่าเรากินเป็นผักเข้าไป หรือว่าเป็นพวกของธัญพืช
959.907 -> หรือว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
961.774 -> พอกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่า มันแบบ... ท้องอืดมากเลย มีแก๊สมากเลย
965.571 -> อันนี้เราต้องลดลง
966.594 -> อีกวิธีหนึ่ง เราก็อาจจะต้องปรับในเรื่องของชนิด
970.165 -> เพื่อจะหวังว่า
971.404 -> โอเค อาจจะให้ได้ตัวนี้น้อยลง ตัวนั้นมากขึ้น อะไรอย่างนี้
974.829 -> เราจะมีการปรับเปลี่ยน แล้วก็เลือกเอา
976.841 -> อันแรกเราอาจจะปรับปริมาณก่อน อย่ากินครั้งนึงเยอะมาก ๆ
980.451 -> แต่ให้กระจายมื้อ กินให้เยอะขึ้น
982.821 -> กินทุก ๆ มื้อ ให้ร่างกายมีการปรับตัว
985.028 -> อันนี้น่าจะดีขึ้นมากกว่าค่ะ
987.077 -> กินในรูปแบบที่เป็นของสดเนอะ
989.299 -> อย่าพยายามต้ม หรือว่าอย่าพยายามผ่านความร้อน
991.517 -> เพื่อจะให้ได้วิตามิน แล้วก็เกลือแร่ครบถ้วนด้วย
994.235 -> เช่น เป็นพวกอะไรได้บ้างเอ่ย
995.918 -> หัวหอมก็ได้นะคะ หรือว่าจะเป็นหน่อไม้ฝรั่ง
998.722 -> เป็นมะเขือเทศนะคะ ต้นหอมญี่ปุ่น พวกผักกาดทั้งหลาย
1002.693 -> อันนี้ก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีพรีไบโอติกส์
1006.329 -> กลุ่มที่สองค่ะ ก็จะเป็นพวกของผลไม้ อันนี้ง่ายเลยเนอะ
1010.409 -> กล้วย แอปเปิล ส้ม
1012.141 -> พวกสตรอว์เบอร์รี เบอร์รีได้หมดนะคะ
1014.34 -> พวกนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่มีเรื่องของไฟเบอร์
1017.362 -> แล้วก็มีเรื่องของพรีไบโอติกส์นะคะ
1019.757 -> อันที่สาม ก็จะเป็นพวกธัญพืชนะคะ
1022.368 -> ยกตัวอย่างเช่น เป็นพวกของกลุ่มข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต หรือว่าข้าวสาลีนะคะ
1028.407 -> ถั่วเมล็ดแห้งด้วยก็ได้นะคะ
1030.141 -> หรือว่าจะเป็นพวกของลูกเดือย หรืออะไรอย่างนี้ก็ได้ค่ะ
1033.14 -> กลุ่มนี้นี่เป็นกลุ่มที่เป็นธัญพืชนี่ ก็จะมีเรื่องของพรีไบโอติกส์ด้วยเช่นกัน
1038.555 -> เพราะฉะนั้น เลือกกินอาหารกลุ่มนี้ ให้มีความหลากหลาย กระจายในทุก ๆ มื้อ
1043.141 -> เพื่อจะช่วยทำให้เป็นประโยชน์
1045.461 -> หรือว่าไปเป็นอาหาร สำหรับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ค่ะ
1048.622 -> แต่อย่างไรก็ตาม เหมือนที่บอกค่ะ ให้สังเกตนิดนึง
1051.437 -> ถ้าสมมุติว่าเรากินของ ที่เราเรียกว่าเป็นพรีไบโอติกส์แล้ว
1054.661 -> มันอาจจะตอบสนองกับร่างกายไม่เหมือนกัน
1057.304 -> เนื่องจากว่าแบคทีเรียในตัวเรา หรือจุลินทรีย์ในตัวเรานี่มีไม่เท่ากัน
1061.267 -> ถ้าเรากินแล้ว แล้วเรารู้สึกว่า มันอาจจะท้องอืดมากขึ้น
1064.194 -> หรือมันท้องเสียมากขึ้น
1065.655 -> ให้เราหยุดหรือลดปริมาณลง
1067.739 -> กระจายการกินพวกของไฟเบอร์ หรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนี้
1070.944 -> ให้มันเป็นหลาย ๆ มื้อ
1072.515 -> แต่ละมื้อ ปริมาณไม่มาก
1074.194 -> อันนี้ก็จะสามารถช่วยในเรื่องของ ระบบทางเดินอาหารที่ผิดปกตินะคะ
1079.128 -> อีกอันหนึ่งค่ะ
1080.241 -> บางคนบอกว่าถ้าเอาไปต้มให้สุกหรือว่าทำให้สุก
1083.116 -> แทนที่จะกินสดนี่
1084.453 -> มันจะช่วยลดอาการของทางเดินอาหารได้
1087.202 -> อันนี้อาจจะถูกต้อง
1088.53 -> ถามว่าพรีไบโอติกส์หายไหม
1090.186 -> พรีไบโอติกส์อาจจะไม่หาย
1091.784 -> แต่สิ่งที่หายก็อาจจะเป็นพวกของวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายน้ำ
1095.828 -> ที่อาจจะลดลงนะคะ
1097.418 -> เพราะฉะนั้น ลองปรับดูนะคะ ในส่วนของพรีไบโอติกส์
1100.022 -> ว่าอันไหนที่เหมาะกับเรา
1101.58 -> แล้วก็พยายามเลือกกินให้หลากหลาย
1103.797 -> แล้วก็ในแต่ละวัน กินกระจายทุก ๆ มื้อค่ะ
1106.835 -> [เสียงดนตรี]
1110.046 -> อันสุดท้าย สำหรับคนที่กำลังจะเลือกรับประทานอาหาร
1114.317 -> หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ถูกขึ้นทะเบียน ว่าเป็นพรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์
1119.888 -> จะมีข้อควรระวังอย่างไร
1121.835 -> อันที่หนึ่ง ถ้ารับประทานจากอาหาร
1123.702 -> อันนี้ไม่ได้มีข้อควรระวังอะไรเยอะมากนะคะ
1126.321 -> ก็คือแค่กินตามปกติ
1127.835 -> โดยทั่วไป มักจะไม่ค่อยทำให้เกิดอันตรายกับสุขภาพ
1131.935 -> เราเอาเข้ามารวมในอาหารปกติที่เรากิน
1135.803 -> แล้วก็ในคนที่มีปัญหา จะเป็นเรื่องของกลุ่มลำไส้แปรปรวน
1139.549 -> อาจจะพิจารณาปริมาณ และชนิดของตัวไฟเบอร์ที่กินนิดนึง
1143.795 -> ในกรณีของการที่คนบางคน จะขอเลือกใช้เป็น Supplement ได้ไหม
1148.028 -> เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ไหม
1149.96 -> อันที่หนึ่งก่อน เราดูก่อนว่าอันนี้มันเหมาะสมไหม
1153.646 -> ก็คือตอนที่เขาขึ้นทะเบียนนะคะ
1156.115 -> เวลาขึ้นทะเบียนนี่ ถ้าเกิด อย. ให้ขึ้นทะเบียน
1158.343 -> แสดงว่าผ่านแล้ว
1159.579 -> อันแรกก็คือชนิดของแบคทีเรียที่ดี
1161.991 -> อันที่สองคือปริมาณของแบคทีเรียมีมากพอ
1164.515 -> อันที่สาม เวลาที่เราจะดู
1166.468 -> ถามตัวเองก่อนว่า เราเป็นกลุ่มที่มี ภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเปล่า
1169.839 -> ถ้าตอนนี้ต้องได้ยากดภูมิเยอะแยะเลยนะคะ
1172.954 -> หรือว่าเป็นคนไข้มะเร็งที่ต้องได้ยาเคมีบำบัด
1176.007 -> หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ ภูมิคุ้มกันในร่างกายเราต่ำมาก ๆ
1179.741 -> อันนี้เลี่ยงก่อนนะคะ อย่าเพิ่งกินในช่วงนี้
1183.033 -> เดี๋ยวรอให้ภูมิคุ้มกันในชีวิตเราดีขึ้น
1185.468 -> แล้วเราถึงจะค่อยพิจารณาว่าเราจะกิน
1187.874 -> ที่สำคัญค่ะ เวลาที่เราจะกิน ถามตัวเองก่อนเนอะ
1190.403 -> จะไปซื้ออะไรพวกนี้มากิน
1192.157 -> เรากินเพราะอะไร กินเพื่ออะไร
1194.204 -> ต้องให้ได้ประโยชน์ก่อน
1195.646 -> แล้วมาดูซิว่ามันมีโทษไหม
1197.5 -> ถ้ามันไม่มีประโยชน์ ต่อให้มันไม่มีโทษ อันนี้ขึ้นกับคุณ
1200.749 -> แต่ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ประโยชน์ แล้วอาจจะมีโทษด้วย
1203.038 -> กรุณาอย่าซื้อมากินนะคะ
1206.096 -> พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้
1210.666 -> ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.
1212.846 -> ที่ Mahidol Channel Podcast
1214.878 -> ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
1217.329 -> YouTube Mahidol Channel
1219.221 -> Apple Podcasts
1220.442 -> Spotify
1221.678 -> Anchor
1222.733 -> Joox
1223.862 -> ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
1229.183 -> [เสียงดนตรี]
1232.998 -> Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=iHg9iXTua6M