ลองขับ AUDI Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition เอสยูวีตัวแรงสุดในไทย ณ ตอนนี้ แถมวิ่งไฟฟ้าได้
Jul 16, 2023
ลองขับ AUDI Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition เอสยูวีตัวแรงสุดในไทย ณ ตอนนี้ แถมวิ่งไฟฟ้าได้
Auto spinn คลิปนี้พามาทดลองขับ Q8 ที่ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดของอาวดี้นับเป็น The Best Plug-in Hybrid Ever หรือเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นล่าสุด โดยในรุ่น Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition นี้ ยังมีราคาที่ถูกลงถึง 1ล้านบาท Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถ ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกแรงม้าที่สูงที่สุดเท่าที่ Audi เคยใช้มา โดยในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปเป็นเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 2,995 ซีซี ผลิตแรงม้าได้ที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังได้ถึง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร เมื่อผสานการทำงานกันจะให้พละกำลังจากระบบขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,799,000 บาท 00:00 Intro 00:58 แนะนำ Audi Q8 05:37 แนะนำโหมดการขับขี่ 08:57 ทดลองขับ 25:04 0-100 25:41 สรุป #Audi #Q8
Content
58.88 -> แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นของใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่รถยนต์แบบน้ำมันในเร็ววันนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคน
65.4 -> ณ ตอนนี้ที่พร้อมใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าวันนี้เราก็เลยมาอยู่กับรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid
70.8 -> ที่เป็นได้ทั้งรถยนต์น้ํามันและรถยนต์ไฟฟ้า
74 -> รวมถึงขับเคลื่อนทั้งสองรูปแบบได้ด้วยเช่นกัน
76.64 -> กับเจ้าคันนี้เลย Q8 60 TFSI e quattro S-Line Black Edition Plug-in Hybrid
82.24 -> คันนี้นะครับ
83.16 -> Q8 คันนี้ถือว่าเป็นรถรุ่นเรือธงที่สุดในตระกูล
87.6 -> suv จาก audi โดยรุ่นที่สูงกว่าคันนี้
90.64 -> ก็จะเป็น RS Q8 ซึ่งจะอยู่ในตระกูล RS Series
93.84 -> ไม่เกี่ยวกันแต่ถ้าเกิดว่ากันด้วยตัวถังของตัวรถ
96.84 -> Q8 คันนี้ถือว่าเป็น Top ที่สุดในตระกูล suv จากทาง audi
101.08 -> จากคลิปที่แล้วที่เราได้ดูรีวิว
104.16 -> ภายนอกและภายในกันไปก่อนหน้านี้เดี๋ยววันนี้เราจะมาลองขับกันว่า
108.28 -> เจ้ารถ Plug-in Hybrid คันนี้เครื่องยนต์ V6
111.6 -> 3.0 ลิตร 462 แรงม้า
114.12 -> แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่เรียกได้ว่า
116.6 -> ทําอัตราเร่งศูนย์ถึงร้อยใน 5.4 วินาทีคันนี้
119.12 -> มันจะขับเป็นยังไงจะแรงสะใจขนาดไหน
122.04 -> แล้วหน้าตาแบบนี้ ขนาดนี้ขับจริงๆแล้วจะเป็นอย่างไร
126.28 -> เดี๋ยวเราไปลองกัน
142.88 -> Audi นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของรถยนต์สันดาปแล้ว
147.08 -> ที่เขามีรูปแบบของรถยนต์สันดาบหลากหลายเลยไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถ sport รถ suv
152.52 -> แล้วก็รถแบบระดับ Supercar ก็มีแต่ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า
156.52 -> เขาก็มีแบรนด์ที่เป็นแบรนด์แยกออก ไปนั่นคือ E-tron นั่นเอง
161 -> E-tron ในเมืองไทยเขาจะมีทั้งหมดสี่รุ่นด้วยกัน
164.44 -> ที่มาวางจําหน่าย ณ ตอนนี้ก็จะมีตัว Audi e-tron , Audi e-tron Sportback
168.4 -> ที่เราเคยรีวิวกันไป Audi e-tron GT แล้วก็ Audi RS e-tron GT
173.88 -> ส่วนคันนี้ที่เราเอามาเป็น Q8 60 TFSI e quattro S-Line Black Edition Plug-in Hybrid
177.32 -> ซึ่งเขาก็ได้ใช้ความเป็น e-tron มาผสมด้วย
180.92 -> นั่นคือแบตเตอรี่ของเขาแล้วก็ตัวมอเตอร์ขับเคลื่อนนั่นเองปกติแล้วรถ Plug-in Hybrid
185.72 -> มักจะให้ขนาดแบตเตอรี่ที่ไม่ค่อยใหญ่มากอาจจะให้มาประมาณ 5-10 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
190.88 -> แต่คันนี้เขาให้ขนาดแบตเตอรี่มาใหญ่มากถึง 17.6 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงเลย
196.2 -> เรียกได้ว่าใหญ่เกือบเป็นครึ่งหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้าเล็กๆเลย
200.2 -> แล้วก็ระยะทางขับด้วยไฟฟ้าล้วนๆของตัว Q8 Plug-in Hybrid
203.72 -> คันนี้ไปได้ไกลถึง 40 กิโลเมตรตามมาตรฐาน
207 -> WLTP เลยทีเดียว ซึ่งเวลาชาร์จเต็มที่หน้าจอเรือนไมล์ของตัวรถ
211.72 -> เขาโชว์ว่าขับได้ไกลถึง 48 กิโลเมตร เลยทีเดียวเดี๋ยวเรามาดูกันว่าชาร์จยังไง
217.08 -> ช่องชาร์จของเขาจะอยู่ทางฝั่งซ้ายของตัวรถบริเวณด้านซ้ายหลัง
221.08 -> เปิดออกมาแล้วก็จะมีฝาปิดอยู่แบบนี้ฮะ
224.04 -> เปิดออกมาอีกทีก็จะเจอกับช่องชาร์จแบบ AC Type 2 ซึ่งตัวนี้
227.84 -> เขารองรับการได้สูงสุดที่ 7.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
232.12 -> ถ้าใช้เป็นตู้ Wallbox หรือไปชาร์จ
234.16 -> ตามสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่ถ้าเกิดเราชาร์จ
237 -> ไฟฟ้าที่บ้านแล้วก็ไฟฟ้าบ้านเรา
239.56 -> เราไม่ได้ทําระบบรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ก็สามารถ
242.56 -> ชาร์จได้อยู่กําลังสูงสุดอยู่ที่ 3.6 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
246.96 -> ซึ่งเขาก็มีสายชาร์จมาให้ด้วยเป็นสายชาร์จฉุกเฉิน ซึ่งสายชาร์จ
250.76 -> ของเขา สามารถเปลี่ยนหัวได้ไม่ว่าจะเอาไปชาร์จ ไฟบ้าน
254.36 -> ก็จะรับอยู่ที่ 16 แอมป์หรือประมาณ 3.6 กิโลวัตต์
257.56 -> หรือจะใช้เป็นหัวแบบ Powerplug สีแดงตัวนี้
260.96 -> ซึ่งรับไฟได้สูงสุด 7.4 กิโลวัตต์ เลยทีเดียวซึ่งกําลังการชาร์จ
266 -> ก็จะส่งผลต่อเรื่องระยะเวลาในการชาร์จให้แตกต่างกันด้วย ถ้าเราชาร์จ
270.08 -> ไฟบ้านก็จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงไฟถึงจะเต็มแต่ถ้าเกิดเราใช้ Wallbox หรือว่าทําระบบชาร์จ
275.44 -> รถยนต์ไฟฟ้ามาเราใช้เวลาในการชาร์จจนเต็ม
278.28 -> เพียงประมาณ 2 ชั่วโมงเศษเท่านั้นเองและนี่ก็คือตัวชาร์จ ของเขา
283.52 -> ก็เราสามารถเสียบกับตัวปลั๊กไฟบ้านเราได้เลยตัวนี้เราก็เปลี่ยนหัวมาแล้วเรียบร้อย
289 -> สายไฟถือว่าค่อนข้างยาว
291.24 -> ใช้งานง่ายมากๆเปิดหัว
292.96 -> แล้วก็เสียบเข้าไปเลย รอสักครู่หนึ่ง
297.08 -> ไฟสีเขียวขึ้นปุ๊บ เสร็จแล้วเท่านี้ก็ชาร์จไฟได้เรียบร้อย
300.4 -> ส่วนเวลาถอดก็ง่ายนิดเดียวกดปุ่มสีแดงตรงนี้
304.08 -> มันจะขึ้นตรงนี้อยู่เรากดปลดออกมา ปึ๊บ
307.12 -> ก็จะดึงออกได้เลย ง่ายมากๆ
309.44 -> แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาแกล้งดึงออก
312.24 -> เพราะเวลาเรากดล็อกรถ ปุ๊บหัวชาร์จ
314.56 -> จะล็อกติดอยู่กับตัวรถเลย
316.08 -> ในส่วนของการทดสอบขับขี่ AUDI Q8
319 -> ก็จะมาเน้นในเรื่องของ
321.16 -> โหมดการขับขี่ของเขา ซึ่งโหมดการขับขี่เขา
323.4 -> เขาให้มาเยอะมากแล้วจากที่เราดูภายในห้องโดยสาร
327.04 -> ในคลิปที่แล้วที่เราเพิ่งรีวิว AUDI e-tron Sportback ไป ก็เห็นได้ว่า
331.28 -> มันเหมือนกันอย่างกับแกะเลยเรียกได้ว่า ต่างกันแค่
334.04 -> ตรงนี้เลย จาก e-tron ปลี่ยนเป็น quattro นั่นเองโหมดการขับขี่ ก็ปรับที่ Drive select
339.76 -> ที่หน้าจอด้านล่างหน้าจอตัวเดียวกับที่ปรับแอร์
342.44 -> แต่เรากดตรงนี้ นี่เราจะเด้งขึ้นมาข้างบน
346.24 -> โหมดการขับขี่เขาจะมี Offroad, Allroad, efficiency, comfort, auto, dynamic, individual
353.28 -> โหมดการขับขี่ปกติก็จะมี หนึ่ง สองสาม สี่ ห้า หก
357.36 -> แล้วก็อีกหนึ่ง custom เป็นเจ็ด
359.68 -> โหมดการขับขี่
360.72 -> ที่ผมจะแนะนำสําหรับการใช้งานทั่วไปผมจะแนะนำเป็นสองโหมดนี้
365.36 -> ได้แก่โหมด comfort กับโหมด efficiency ถ้าเป็นโหมด comfort
369.32 -> ตัวรถเนี่ยจะปรับระดับช่วงล่าง
372.2 -> อยู่ในระดับที่สอง แล้วก็พวงมาลัยเนี่ยจะเบามาก
375.84 -> แล้วก็การขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าเนี่ย
378.28 -> สามารถขับขี่ได้ถึงประมาณ 50% ของคันเร่งเลยทีเดียวแต่ถ้าเกิดเราเหยียบเกิน 50% ขึ้นไปเข้าสู่
385.36 -> โซนสีเหลืองของตัวมาตรวัดตัวนี้ตัวเครื่องยนต์เขาจะติดขึ้นมาช่วยทํางาน
390.4 -> แต่ถ้าเกิดเราเหยียบอยู่ในระดับสีเขียวของเขา
393.4 -> เขาจะขับด้วย ไฟฟ้าล้วนเท่านั้นถัดมา
396.6 -> efficiency ตัวนี้ก็จะคล้ายๆกันแต่เขาจะเบาแอร์
400.2 -> จะเบาลงแล้วก็ความสูง
402.28 -> จะปรับสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ถ้าเกิดทั้งสองโหมด นี้
405.4 -> ถ้าเราไปกดปุ่มยกช่วงล่างหรือปุ่ม Raise นี้ กดปึ๊บ
408.8 -> เขาจะเด้งไปที่ Allroad ทันที
411.12 -> ซึ่งโหมด Allroad ของเขา
412.6 -> เขาจะยกช่วงล่างของตัวรถให้อยู่ในระดับสูงสุดที่ระดับที่ห้าเลยทีเดียวทําให้ทัศนวิสัย
418.68 -> ดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้นส่วนตัวระบบการขับเคลื่อนของเขาก็จะคล้ายๆ กันเลย
423.08 -> ทั้งสามโหมดนี้ นั่นคือใช้ตัวไฟฟ้าล้วนในการขับ
427.48 -> ถึง 50% แล้วก็ถ้าเกิดเราเหยียบคันเร่งเกิน 50%
431.08 -> เขาถึงจะใช้เครื่องยนต์แต่ถ้าเกิดเราชอบความกระชับ
434.12 -> แล้วก็ไปที่ Dynamic ตึ้ม เข้าไป ที่ Dynamic
439.08 -> เครื่องยนต์ทํางานทันทีแล้วก็มาตรวัดความเร็ว
441.84 -> จากปกติจะมีสีเขียวครึ่งหนึ่งกับ
444.36 -> สีเหลืองครึ่งหนึ่งก็จะกลายเป็นว่า
446.08 -> กลายเป็นสีเหลืองหมดเลยเพราะว่าเขาใช้เครื่องยนต์ช่วยทํางานตลอดเวลานั่นเอง
449.84 -> เพราะงั้นเราไป comfort ละกัน แนะนำโหมดนี้
453.12 -> ก็จะใช้โหมดไฟฟ้าล้วนในการขับแล้วก็อีกจุดหนึ่ง
456.2 -> ปุ่มโหมด EV หรือ e-tron โหมดนั่นเอง
459.84 -> สัมผัสฟิวลิ่งแบบรถไฟฟ้าเนี่ยเข้ามาที่โหมดนี้เลย
462.8 -> เขาก็จะมีอีกสี่โหมดย่อยในนี้ก็จะมีโหมด EV
465.8 -> ก็คือโหมดไฟฟ้าล้วน โหมด Auto หรือ Hybrid นั่นเอง ซึ่งตัว Hybrid
470.52 -> เขาก็จะเป็นการคํานวณอัตโนมัติ
473.68 -> ว่าจะใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนผสมกับระบบไฟฟ้าหรือใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนล้วนๆถัดมานั่นคือ Battery hold
480 -> Battery hold ก็คือ เป็นในการช่วยรักษาระดับปริมาณแบตเตอรี่
485.08 -> ให้มีแบบคงที่ตลอดไม่ให้มันลดเร็ว
488.76 -> เพราะว่าถ้าใช้EV กับตัว Hybrid โหมดสอง นี้
492.96 -> เขาจะใช้ไฟฟ้าเป็นหลักแล้วก็ใช้เครื่องยนต์เป็นรอง
495.12 -> ถ้าเกิดใช้ Battery Hold เขาจะผสานการทํางานระหว่างตัวมอเตอร์ไฟฟ้ากับตัวเครื่องยนต์
500.76 -> แล้วก็ตัวมาตรวัดตัวจากปกติ
503.08 -> สีเขียวจะไปถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เขาจะขยับลงมาอยู่ที่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์
506.92 -> หมายความว่าถ้าเกิดเรากดคันเร่งเกินยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ตัวเครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมา
510.72 -> แต่ถ้าเกิดสอง ก่อนหน้าเมื่อกดเข้าไป
512.92 -> จะเห็นได้ว่าเราสามารถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนได้ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
516.6 -> และถ้าเหยียบเกินกว่านั้นถึงจะใช้เครื่องยนต์และอันสุดท้าย นั่นคือ
519.56 -> Battery Charge ก็ตรงรุ่นเลย
521.4 -> เน้นเรื่องของการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปสู่แบตเตอรี่
524.48 -> โหมดนี้ เขาจะใช้เครื่องในการขับขี่เป็นหลักเลย
528.12 -> แล้วก็ใช้ไฟฟ้าที่น้อยมากๆเพราะเขาเน้นการชาร์จ
531.56 -> แบตเตอรี่กลับไปที่ตัวรถนั่นเองอธิบายเบื้องต้นไปแล้ว
535.04 -> เยอะมากๆ สําหรับโหมดการขับขี่ที่ผมจะทดสอบเป็น
539.04 -> โหมดแรกเลยนั่นคือ Ev แล้วก็ Drive Select ผมเป็น Comfort
543.92 -> เดี๋ยวเราไปขับกันสัมผัสแรกเมื่อได้ เหยียบคันเร่ง
547.8 -> Q8 นั่นคือตัวรถ อัตราเร่งเขา
552.04 -> เหลือเฟือเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้ว
554.24 -> ในเรื่องของแรงพละกําลัง
556.48 -> หายห่วงอยู่แล้วเรามาว่ากันด้วยเรื่องของสิ่งที่เราจะต้องเจอกับการขับนั่นคือทัศนวิสัยกันก่อน
563.64 -> ทัศนวิสัยการขับขี่ของ AUDI Q8 คันนี้
567.24 -> ด้วยความที่เขาเป็นรถแบบ SUV อยู่แล้ว แน่นอนเลยว่า
570.64 -> ทัศนวิสัยการมองมันดีมากๆอยู่แล้ว
573.76 -> ตําแหน่งที่นั่งของเราจะค่อนข้างสูงเลย
576 -> ตัวเบาะนั่งทรง Sport ของเขาโอบกระชับกับร่างกายได้ดีมากๆเลย
580.64 -> แล้วก็ตรงหัวหมอนก็เรียกได้ว่าซัพพอร์ต
583 -> กับศีรษะของเราได้เป็นอย่างดีแต่
584.92 -> ก็ไม่สามารถถอดมันออกได้มันจะเป็นชิ้นเดียวกับตัวเบาะนั่งเลย
589.72 -> ก็ได้อย่างเสียอีกอย่างมันก็จะดูสวยงาม ดูซิ่ง
592.88 -> แต่ก็อาจจะมีความอเนกประสงค์น้อยหน่อยแต่เขาก็แน่นอนแหละ
596.56 -> เน้นการขับมากกว่าในส่วนของกระจกบังลมด้านหน้า
600.12 -> ดูขนาดเหมือนจะเล็กแต่พอนั่งขับจริงๆ
602.68 -> มันก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานน่ะ
604.96 -> ตัวเสาเอมีขนาดค่อนข้างใหญ่
608.2 -> แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการขับเท่าไรอันนี้
612.4 -> ถือว่าไม่มีผลกระทบผมก็ตัวกระจกมองข้าง
615.52 -> กระจกมองหลังเป็นระบบตัดแสงอัตโนมัติมาด้วย
618.56 -> ดีมากๆ พวงมาลัยถือว่า เบาสบาย
622.56 -> พวงมาลัยเบามากๆแล้วก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่
625.6 -> เนื้อสัมผัสของเขาเป็นหนังที่พรีเมียม มาก
629.28 -> แล้วก็ปุ่มกดต่างๆถือว่าออกแบบมา เข้าใจง่าย
632.8 -> ปุ่มค่อนข้างน้อย แล้วก็มี Paddle Shift มาให้ด้วย
636.44 -> แล้วก็ตัว cruise control ของเขาจะอยู่ตรงนี้ก็ใช้งานง่าย
639.68 -> โดยทั่วๆไปการมองเข้าโค้ง
642.24 -> ต่างๆก็อันนี้ติดนิดหนึ่ง
645 -> ตัวกระจกมองข้างเขาจะติดชิดกับเสาเอหน่อย
648.52 -> เวลาเรามองเข้าไปในโค้งถ้าฝั่งขวาจะไม่เท่าไร
651.4 -> ฝั่งขวามันจะมีช่องพอให้เราสามารถมองเข้าไปในโค้งได้อย่างสะดวกอยู่แต่พอไปด้านซ้ายปุ๊บ อืมหืม
657.76 -> กระจกมันติดกับเสาเอทําให้เราจะมองไม่ค่อยชัดสักเท่าไร
661.92 -> อันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายนิดหนึ่งแต่ถามว่าใช้งานได้ไหม
665.72 -> ใช้งานได้ไม่มีปัญหาแน่นอน
668.12 -> แล้วก็ตัวเบาะนั่งสัมผัสของหนัง ผมบอกเลย
671.44 -> นี่เป็นหนึ่งในรถที่จุดสัมผัสต่างๆ พรีเมียม
675.96 -> สุดๆไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย เบาะนั่ง
679.08 -> ที่พักแขน ฝั่งประตูฝั่งตรงกลาง
682.96 -> ตรงกลางนี้ก็คือปรับเลื่อนได้
685 -> ปรับเลื่อนมาด้านหน้า นี่เห็นไหมปรับเลื่อนมาด้านหน้า
687.48 -> แล้วก็พักแขนแบบนี้ได้เลยสบายๆ
689.64 -> อันถือว่าดี ออกแบบมาค่อนข้างใส่ใจ
692.92 -> แล้วก็ตัวนี้นุ่มด้วยเอาข้อศอกลง นี่ฮะ นุ่ม
696.52 -> ไม่ต้องกลัวข้อศอกด้านแน่นอนทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
699.6 -> ดีมากๆเลยตรงนี้ก็เป็นบุด้วยหนัง พรีเมียมสุดๆ
703.6 -> ถัดมาในส่วนของเรื่องโหมดการขับขี่กันบ้าง
706.4 -> โหมดการขับขี่ด้วยความที่เขาเป็นรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid
709.56 -> และทาง Audi ก็ได้เคลมว่านี่คือรถ Plug-in Hybrid
712.76 -> ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แหมอันนี้ก็ ต้องลองกันหน่อย
716.12 -> audi เขาขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของรถยนต์สันดาป
720.08 -> แล้วก็เขามีรถยนต์ไฟฟ้าที่เจ๋งมากๆของเขาด้วยในแบรนด์ e-tron พอเอามา
724.84 -> รวมกัน ออกมาเป็นรถ Q8 60 TFSI e quattro S-Line Black Edition Plug-in Hybrid
728.84 -> คันนี้เขาก็เลยให้มาทั้งเครื่องยนต์ที่มีกําลัง
732.52 -> มากถึง 462 แรงม้าแล้วก็ให้ระบบ Hybrid ที่มีชื่อว่า e-tron mode
738.12 -> มาให้ด้วย นี่ซึ่งวิธีการทํางานก็ง่ายมากๆเลย
741.52 -> เราไปที่หน้าจอตรงกลางกดตรงปุ่ม อีวี เขาก็จะมีโหมด
744.84 -> ให้เลือก เยอะแยะเลยอ่าเดี๋ยวผมลอง electric driving
748.48 -> หรือ อีวี โหมดอีวี เขาก็คือ อีตรอนโหมด
751.92 -> แบบที่หนึ่งขับด้วยไฟฟ้า
755.88 -> ล้วนๆเลย ตอนนี้กดปุ๊บ
757.96 -> ยังไงก็ใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวนี่ ไฟฟ้าล้วนๆ
761.6 -> เราสามารถใช้กําลังไฟฟ้ากดคันเร่งได้ถึง 50% เลยที่หน้าจอเรือนไมล์เขาก็จะมีบอกอยู่น่ะ
767.92 -> ว่าเออตอนคุณใช้เป็น e-tron mode อยู่น่ะ แล้วก็กดด้วยไฟฟ้าล้วน
772.76 -> แต่ถ้าเกิดเราอยากจะใช้เครื่องยนต์ก็สามารถทําได้เพียงกดคันเร่งไปมากกว่า 50% จากมาตรวัดของเขา
779.8 -> ตัวเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตรของเขาก็จะออกมาช่วยในการปั่นความเร็วออกมาให้ได้แรงสะใจมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
787.84 -> แล้วก็เวลาเบรกเขาก็จะชาร์จไฟกลับให้ด้วยน่ะ
790.36 -> อันนี้เรียกได้นี่มันรถยนต์ไฟฟ้าชัดๆเลย
793.88 -> อารมณ์เหมือนซื้อรถน้ํามันคันหนึ่งแล้วแถมรถไฟฟ้าเอาไว้ขับให้ด้วยอีกคันหนึ่งนั่นเองแต่เป็นรถคันเดียวกัน
798.68 -> เดี๋ยวลองกดให้ดูน่ะ กดปื๊ด ตอนนี้ไฟฟ้า เห็นไหม
801.68 -> พอกวาดเข้า สีเหลืองปุ๊บเครื่องยนต์เขาจะติดขึ้นมาทันที
805 -> แล้วก็อัตราเร่งจะกระชับขึ้น ถัดไป
808.88 -> โหมดที่สอง นั่นคือ ตัว Hybrid นั่นเอง ก็กลับไปกดที่เดิม
813.48 -> แล้วก็กด Hybrid พอกดเป็นปุ๊บ
816.32 -> เขาก็จะผสานการทํางานระหว่างไฟฟ้ากับเครื่องยนต์
819.56 -> หลักการเดิมเหมือน ก็คือถ้ากดคันเร่งไม่เกิน 50% ก็จะใช้ไฟฟ้าล้วนแต่ถ้าเกิดกดเกิน 50% เขาจะใช้เครื่องยนต์ผสมกับมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเองก็จะคล้ายๆกับตัว
829.68 -> EV Mode แต่ตัวนี้พอเป็น Hybrid
832.68 -> มันจะกวาดเร็วขึ้นน่ะอันสัมผัสได้เลยมันกวาดเร็วขึ้นผม
836.12 -> อันที่สามกับ Battery Hold เขาจะเป็น
840.64 -> ที่เน้นการรักษาปริมาณแบตเตอรี่ให้คงที่อยู่เสมอ
845.88 -> ไม่ให้มันลดเร็วแล้วก็เน้นการใช้งานเครื่องยนต์เป็นหลักมากกว่า
849.64 -> โดยที่ตัวมาตรวัดจะเห็นได้ว่าตรงโซนสีเขียว
853.04 -> จะตกมาที่ศูนย์ถึงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์แทนนั่นหมายความว่าถ้าเกิดเรากดคันเร่งเกิน 25 เปอร์เซ็นต์
857.44 -> เครื่องยนต์จะติดเลย นี่มันจะเป็นแบบนี้ แต่ก็แน่นอน
860.96 -> มันก็จะช่วยรักษาปริมาณแบตเตอรี่ให้คงที่ไว้ ทําให้เรา
864.68 -> ใช้แบตเตอรี่ ได้ไกลมากยิ่งขึ้น เพราะว่า ตัวแบตเตอรี่
868.16 -> ของเขา เขาเคลมว่า สามารถขับได้อยู่ที่ 40 กิโลเมตร
871.04 -> ตามมาตรฐาน ดับเบิลยู WLTP นั่นเอง แต่ถ้าเกิดเราใช้
873.56 -> Battery Hold หมายความว่าตัวไฟฟ้า ของเรา ก็จะสามารถ
876.88 -> ใช้งานไปได้ในระยะทางที่ไกลมากยิ่งขึ้น
879.32 -> แต่ถ้าเกิด เหลือน้อยอยากปั่นไฟเพิ่ม
882 -> ก็เข้าไปที่นี่เลยที่เดิมแล้วก็กด Battery Charge
885 -> พอเข้า Battery Charge ปุ๊บสีเขียวจะหายไปแล้ว
887.96 -> จะเหลือแค่ ตรงฝั่ง Charge เท่านั้นส่วนในโซนขับเคลื่อน
891.44 -> จะกลายเป็นสีเหลืองทั้งหมด นั่นหมายความว่า
893.76 -> เขาจะใช้เครื่องยนต์ ล้วนๆในการขับเลย
896.04 -> แต่ทุกครั้งที่เรายกคันเร่ง หรือกดเบรก
899 -> เขาก็จะปั่นไฟกลับเข้าแบตเตอรี่นี่ เห็นไหม ยกคันเร่งปุ๊บ
902.28 -> เขาปั่นไฟกลับเลยพอกดเบรกแตะนิดหนึ่ง
904.64 -> เขาจะปั่นไฟกลับ กดแรงๆปั่นไฟกลับเยอะ ประมาณนี้
908.44 -> ในส่วนของ e-teon mode หรือโหมด EV ของเขานั่นเอง ถัดมา
913.56 -> เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของโหมดการขับขี่พื้นฐานแล้วกัน
916.92 -> ตอนนี้ผมใช้โหมด comfort อยู่ ซึ่งโหมดการขับขี่หลักเลย
920.92 -> ที่ผมอยากจะแนะนำให้ใช้งานนั่นคือโหมด comfort จะเป็น
924.96 -> ที่ขับขี่ได้สบายมากที่สุดแล้วพวงมาลัยถือว่านุ่มมากๆ
928.96 -> เบาสบาย หายห่วง ขับเร็วก็หนึบขับช้าก็เบา รถใหญ่
933.52 -> น้ําหนักขนาดสองตันกว่าๆใหญ่เบิ้มๆแบบนี้
936.84 -> โอ้โห แต่แบบมันขับเบากว่า รถ Eco car อันนี้บอกเลย
941.32 -> เพราะด้วยความที่เขาเป็นพวงมาลัยไฟฟ้าแล้วระบบต่างๆของตัวรถ
944.2 -> เขาเป็นไฟฟ้าทําให้มันขับขี่ได้ค่อนข้างสบายนั่นเอง
946.88 -> อันนี้คือโหมด comfort ส่วน โหมด efficiency ก็จะคล้ายๆกับโหมด comfort
952 -> แต่เขาจะเบาแอร์ ลงนอกนั้น
954.12 -> คล้ายกันมากๆถัดมา เราจะไปดูกันที่ โหมด Allroad
958.64 -> พอกดไปที่ โหมด Allroad ตัวรถ
960.64 -> จะยกความสูงขึ้น ถ้าเราใช้ comfort กับตัว โหมด efficiency
965.2 -> ความสูงของตัวรถ จะอยู่ที่สองกับ สาม แต่พอเป็น โหมด Allroad
969.84 -> ความสูงของตัวรถจะขึ้นมาที่สี่กับ ห้าเลย
973.04 -> ตัวช่วงล่างของเขาจะถูกยกสูงขึ้นมาทําให้ทัศนวิสัย
976.6 -> เราดีมากยิ่งขึ้นถัดมา มาใช้งานกันที่ โหมด Allroad
979.44 -> กันโหมด Allroad ของเขาจะปรับความสูงมาที่ระดับสี่
982.88 -> เดี๋ยวเราจะกดเพิ่มขึ้นให้เป็นระดับห้า
984.84 -> ก็ยังทําได้ แต่เราจะต้องหยุดรถก่อน ถึงจะปรับได้
988.52 -> อ่า เดี๋ยวผมลองให้ดู น่ะ อ่าเดี๋ยวลองหยุดรถ
991.52 -> เดี๋ยวปรับความสูงขึ้นไประดับห้าเลย นี่ เห็นไหม
995.04 -> เขาจะยกตัวรถให้สูงขึ้นไปในระดับสูงสุดเลย นี่ แล้วตัวรถ
999.16 -> ทัศนวิสัยจะสูงขึ้นอันนี้ เรียกได้ว่า
1001.64 -> ความสูง ถ้าว่ากันตรงๆนี้น้องๆกระบะยกสูงแล้ว
1005.28 -> ตอนนี้ ทัศนวิสัยก็ถือว่าดีขึ้น แล้วก็
1008.28 -> เราจะรู้สึกว่า อืมเหมือนเราตัวใหญ่ขึ้นน่ะ
1011.2 -> รถเราคันใหญ่ขึ้นแต่จริงๆ
1013.2 -> มันเกิดมาจากความสูงของตัวรถที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเองเดี๋ยวลองดูซิว่า
1017.36 -> มันจะเป็นยังไง นี้ อ่าเราปรับสูงแล้วน่ะ
1020.6 -> ดูสิว่าพลังแห่ง quattro จะเป็นยังไง อ่าตัวรถก็ยังหนึบอยู่
1024.32 -> ยังหนึบอยู่ ผม ตอนนี้บนถนนไม่มีรถ
1027.12 -> ขออนุญาต
1030.48 -> ความเร็วตอนนี้ 90 พอปรับความสูงเพิ่มขึ้น
1034.44 -> สิ่งที่เจอเพิ่มขึ้นมานั่นคือรถจะโยนนิดๆ ไม่โยนมาก
1039.84 -> ไม่ค่อยโยนแฮะปรับสูงขนาดนี้ แต่รถไม่ค่อยโยน
1043.68 -> อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับจุดศูนย์ถ่วงของเขาที่ค่อนข้างต่ําแล้วก็เขาขับสี่ด้วย
1048.84 -> ทําให้เขาเกาะถนนได้ดีเยี่ยมมากๆเลยอย่างโค้งเมื่อกี้เป็นโค้ง S
1052.56 -> ต่อกันก็เกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยมเลย
1055.6 -> ประมาณนี้ในส่วนของความสูง
1057.48 -> ส่วนความนุ่มนวลของช่วงล่างจากโหมดทั้งหมดที่ผ่านมา เนี่ย
1061 -> บอกเลย นุ่มแต่ก็ไม่ถึงกับย้วย
1064.88 -> ฟิวของเขา เนี่ย จะออก แนวรถ Sport ที่ทําให้มันนุ่ม
1069.72 -> ประมาณนั้นก็คือเขาไม่ได้มีความย้วยให้เห็นเลยจะเป็นแบบความแน่นๆนุ่มๆ
1074.56 -> อารมณ์แบบพอบั้มเข้าไปปุ๊บก็ค่อยๆคืนตัวกลับขึ้นมา
1078.24 -> แต่ก็ไม่ได้แบบเหมือนกับนั่งบนพรมไม่ถึงขั้นนั้น
1081.52 -> ก็คือเป็นความนุ่มนวลที่แบบมันยังพอสัมผัสฟิลของพื้นถนนที่มีความกระด้างเล็กๆ
1087.2 -> เล็กน้อยมากๆอันนี้คือส่วน ของช่วงล่างจากโหมด
1090.84 -> ทั้งหมดที่ผ่านมาในช่วงแรก
1095.6 -> ในส่วนของโหมดออฟโรดเป็นยังไงเดี๋ยวเรากดดูกัน
1099.4 -> โหมดออฟโรดกดปุ๊บเนี่ยความสูงของตัวรถก็ปรับขึ้นได้
1102.92 -> จะเอาเลเวลสี่หรือเลเวลห้าก็ปรับได้แล้วก็ที่หน้าจอเรือนไมล์ของเขา
1106.4 -> เขาจะบอกว่า เขาปิดโหมดช่วยเหลือการขับขี่ได้แก่
1109.52 -> โหมด traction control นั่นเอง ก็จะปิดไป
1113.24 -> เพราะว่ามันเป็นโหมดที่เหมาะสําหรับการขับลุยขับลุยแบบในเส้นทางแบบทุรกันดาร
1119.12 -> หลุมติดหล่มผม ใช้ตัวจะช่วยให้รถเนี่ย
1122.48 -> ผ่านอุปสรรคได้ง่ายมากยิ่งขึ้นแต่แหม่ รถคันละ
1125.36 -> เกือบหกล้านจะเอาไปลุยก็ใช่เรื่อง
1128.16 -> ส่วนใหญ่รถแนวนี้ก็ขับทางเรียบกันอยู่แล้วเพราะฉะนั้นแล้ว
1131.24 -> เดี๋ยวเรามาลองกันที่โหมด Auto กันหน่อย
1133.88 -> ว่าเป็นอย่างไรระบบความปลอดภัยก็กลับมาเปิดเหมือนเดิม
1137.12 -> ความสูงก็ปรับลงมาที่ระดับสามผมแล้วก็ถ้าเรากดเพิ่มความสูงเข้าไปปุ๊บ
1141.36 -> เด้งกลับไปที่ Allroad เดี๋ยวเราลอง Auto กันว่า
1144.52 -> ต่างกันยังไง เดี๋ยวเราลองกันเลย
1146.92 -> โหมด Auto พวงมาลัยค่อนข้างเบาความรู้สึกผมว่าไม่ค่อยต่างจากโหมด comfort
1151.84 -> ระยะทางขับเคลื่อนที่ ด้วยไฟฟ้าล้วนจะอยู่ใน
1156.04 -> อีวี โหมด แต่ถ้าเกิดไป Hybird ก็จะเป็นไฟฟ้าบวกน้ํามัน
1160.68 -> เขาจะบอกผสมกันเลยว่าถ้าใช้สองอย่าง
1162.76 -> ระยะทางได้เท่าไรมันก็อารมณ์เหมือนกับว่า
1165.28 -> เราใช้รถขับเดินทางไกลถ้าใช้ โหมด Auto คือรถ
1168.48 -> จะประเมินให้เลยว่าด้วยน้ํามันกับไฟฟ้าที่เราเหลืออยู่
1171.4 -> เราขับได้ระยะทางไกลขนาดไหนแต่ถ้าเกิดเราใช้ โหมด comfort กับ efficiency
1175.84 -> เขาจะบอกไฟฟ้าล้วนมาก่อนเลยมันอารมณ์เหมือนกับว่า
1178 -> เราใช้รถเป็น daily use ขับแค่ใกล้ๆ
1181.2 -> เหมือนไปทํางานออฟฟิศจันทร์ถึงศุกร์
1183.04 -> อะไรอย่างงี้ หรือทางในเส้นทางประจําวัน
1185.56 -> ที่เราเดินทางบ่อยๆระยะทางแบบไม่เกินสี่สิบกิโลเมตร
1188.48 -> เขาก็จะบอกเป็นไฟฟ้าล้วนมาก่อน
1191.48 -> ซึ่งพอไฟฟ้าหมดปุ๊บเขาถึงจะสลับมาบอกปริมาณน้ํามันต่อ
1195.56 -> แต่ถ้าเกิดใช้ ปุ๊บเขาจะบอกน้ํามันผสมไฟฟ้าเลย
1198.92 -> ถัดมา เอาใจสายซิ่งนิดหนึ่ง ตัวรถ
1202 -> 462 แรงม้าแรงบิด 700 นิวตันเมตร
1205 -> เป็นการผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์ V6 3.0 Turbo
1208.84 -> กับมอเตอร์ไฟฟ้า ขับสี่ด้วย ต้องใช้ โหมด Dynamic กันสักหน่อย
1213.32 -> ตึบ เข้าไป นี่เครื่องยนต์ติดทันที
1216.52 -> พวงมาลัยหนักขึ้นคันเร่งไวขึ้น กดดึงขึ้น อ่า
1220.12 -> เดี๋ยวลองกันสักหน่อยห้าสี่สามสอง ไปเลย
1226.36 -> โอ้โห ดึงแบบ ดึงขี้แตกขี้แตกเลยฮะ ก็เอนจิ้น
1231.84 -> เบรกหนักขึ้นพวงมาลัย หนักเลย
1234.4 -> อันนี้พวงมาลัยหนักมากช่วงล่างก็นั่งขึ้นชัดเจน
1237.08 -> ทั้งหมดของ โหมด comfort ช่วงล่างนุ่มมาก
1239.68 -> พวงมาลัยหนักมากแล้วก็คมมากๆ
1243.2 -> มี Paddle shift ด้วยแล้วก็ตรงหน้าจอเรือนไมล์ตัวนี้
1246.32 -> ขึ้นเป็น โหมด Dynamic แล้วก็มีมาตรวัด
1249.36 -> เครื่องเด้งขึ้นมาเลยแล้วก็มีบอกตําแหน่งเกียร์ให้ด้วย
1252.52 -> นี่ ไง แต่เราขับเป็น Auto ก็ได้ เป็นเกียร์ Auto
1255.8 -> อยู่ตอนนี้อ่าเดี๋ยวลองโค้งนี้หน่อย
1258.24 -> ความเร็วเก้าสิบ
1263.84 -> ฟิลลิ่งมันจะต่างจากรถไฟฟ้าหน่อยอย่างถ้ารถไฟฟ้า
1268.16 -> เวลาเรากดคันเร่งปุ๊บรถมันจะดึงออกไปเลย
1271.12 -> แต่พอมันเป็นรถ plug-in hybrid ที่ใช้กําลังเครื่องยนต์เป็นหลัก
1274.4 -> ผมแตะคันเร่ง ค่อยดึง จังหวะยก
1278.16 -> อ่า ห้าสี่สามแล้วผมจะแตะคันเร่ง แตะ
1282.72 -> มันจะไม่ได้ดึงออกทันทีเห็นไหมฮะคือมันจะมีระยะเหมือนระยะทําใจน่ะ
1286.36 -> ผมนี่เป็นระยะทําใจสักประมาณหนึ่งวินาที
1288.72 -> แล้วรถก็จะค่อยชูตออกไป แต่ก็ชูตด้วยความแรงที่มหาศาลมากๆ
1293.28 -> อย่างว่าแรงบิดเขา 700 เลยทีเดียว
1295.92 -> อ่า ลองเข้าโค้ง
1301.84 -> ดึง Paddle shift ปุ๊บเขาก็จะขึ้นเป็นตําแหน่งเกียร์ M
1304.44 -> ก็คือเกียร์แบบแมนนวล นั่นเองเกียร์สเต็ปโทนิค แปดสปีดของเขา
1308.56 -> เนี่ย ถือว่าทํางานได้ ลื่นไหลแล้วก็รวดเร็วมากๆ
1312.6 -> ตอบสนองได้ดีเยี่ยมเลย
1317.36 -> เกาะมากๆ โห เกาะไม่ไหว สําหรับเรื่องของ
1324.36 -> พละกําลังของตัวรถถ้าเทียบกับ audi e-tron sportback
1327.76 -> คันที่ผมเพิ่งทดสอบมาล่าสุดเลย
1330.52 -> ถ้าเทียบกันแบบหมัดต่อหมัดเลยชนกันตรงๆเลย
1333.36 -> อันนี้ว่ากันตรงๆเลยถ้าเอาเรื่องของอัตราเร่ง
1336.72 -> กําลังในการดึงออกตัวอีตรอนทําได้ดีกว่า
1340.2 -> อันนี้ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าจุดเด่นของเขาก็คือ
1343.76 -> เขาไม่มีการรอรอบกดปุ๊บเขาร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
1346.56 -> ทําให้รถเขาดึงออกได้ดีกว่าแต่พอเป็นรถสันดาบ
1349.8 -> ถึงแม้ว่าตัวเลขสเปคของเขาจะให้มาสวย
1353.32 -> แต่พอกดจริงๆมันเร็ว
1355.6 -> แต่มันไม่ได้ดึงขนาดนั้น ฮะถ้าเทียบกับรถไฟฟ้า
1359.08 -> แต่ถ้าเทียบกับรถสันดาปแบบปกติที่ไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วย
1362.36 -> อัน โอ้โหดึงยับยับเลย
1364.08 -> แรงสุดสุดในส่วนของพละกําลังของตัวรถ
1367.72 -> AUDI Q8 Plug-in Hybrid ตัวนี้ในเรื่องของการเก็บเสียง
1370.96 -> บอกเลยว่า อืมหืมทําได้ดีมากๆ
1373.68 -> เมื่อกี้ผมทดลองขับด้วยความเร็วหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
1378.12 -> ไม่มีเสียงลมเข้ามาเลยอันถือว่า
1380.72 -> ได้ดีเยี่ยมมากๆผมเรื่องการเก็บเสียง หายห่วง
1383.88 -> แต่สิ่งที่ผมมองว่ารถราคาเกือบหกล้านบาทแต่ไม่ให้มา
1387.88 -> อันนี้น่าเสียดายจริงๆนั่นคือเจ้า
1389.76 -> Adaptive Cruisecontrol
1391.6 -> Adaptive Cruisecontrol จะว่าไปแล้วถ้าเทียบกับยุคปัจจุบันเราอาจจะคุ้นเคยกับ
1396.72 -> คําโฆษณาของรถยนต์ค่าย นึงที่บอกว่าเป็น auto pilot
1400.16 -> แต่จริงจริงก็คือ adaptivecruise control เนี่ย แหละ
1402.24 -> adaptive cruise controlก็คือระบบรักษาความเร็วแบบแปรผัน
1405.4 -> ตามรถคันหน้าผมก็คือถ้าคันหน้าช้าเราก็ช้าตาม
1408.52 -> คันหน้าออกไปปุ๊บวิ่งต่อด้วยความเร็วที่เราเซตไว้เลย
1412.32 -> แล้วก็เขาจะปรับความเร็วขึ้นลงขึ้นลงอย่างเงี้ยอัตโนมัติทันทีเมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าเราแบบเขาขับเร็วขับช้าเราก็ระบบก็จะขับตามนั้นเลยแล้วก็อีกตัวหนึ่งที่ควรให้มานั่นคือออโต้สเตรีย
1422.76 -> ถ้ามีออโต้สเตรียมาให้กับadaptivecruise control เจอโค้งแบบนี้
1427.6 -> เรายังพอที่จะสามารถปล่อยพวงมาลัยให้รถ พาเราเข้าโค้งได้
1432.04 -> เวลามีรถขับนําหน้าเราเราก็ยังพอจะไปได้ แต่อย่าง
1435.04 -> พอไม่มีเห็นไหม เจอโค้งปุ๊บผมก็ต้องเลี้ยวเอง
1437.4 -> เวลาเจอรถนําหน้าเรามี adaptivecruise control
1440.24 -> ก็จริงแต่เขาก็ไม่ได้มีความเร็วแปรผันน่ะอันนี้ก็ถือว่าค่อนข้างน่าเสียดาย
1444.8 -> รถราคานี้ควรให้มากระทั่งเตือนการออกนอกเลน
1448.16 -> จะออกนอกเลนและไม่มีีอันนี้โอ้โห
1450.56 -> ไม่น่ารักเลยคือผมว่ารถระดับราคา
1454.16 -> ถ้าให้ของเหล่าแล้วราคาลดขึ้นมาสักประมาณสิบถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์
1459.2 -> ผมว่ามันยังน่ารักอยู่น่ะมันเป็นของที่แบบรถสมัย
1462.28 -> มันควรให้มาแหละมันอารมณ์เหมือนรถยุคแรกแรกที่ให้เอบีเอสกับ traction control
1467.48 -> มาพอมายุคมันเป็นยุคที่
1468.88 -> เราคุ้นชินกับพวกชีวิตอัตโนมัติไปและไอของเหล่านี้
1471.72 -> ผมว่าควรให้มาได้แล้วน่ะ เอออันนี้โดยส่วนตัว
1474.56 -> ผมว่าน่าเสียดายไปหน่อยที่เขาไม่ได้ให้มา
1476.96 -> อันนี้อยากฝากนิดหนึ่งถ้าให้มาได้
1479.52 -> แล้วราคารถขยับขึ้นมาหน่อยผมว่าลูกค้ารับได้
1482.64 -> เพราะว่า ตัว AUDI Q8 ภาพลักษณ์เขากินขาดอยู่แล้ว
1486.48 -> โอ้โห ดูมาแบบใหญ่ เบิ้ม เบิ้มดําทะมึน แบบ black edition
1489.84 -> คันนี้มา ใครเห็นก็ว่าโอ้โห รู้อยู่แล้วว่ารถหรู
1492.84 -> แต่แหม่ ขับยังต้องแมนนวลอยู่ถ้ามีระบบอัตโนมัติเหล่านี้
1497.2 -> มาช่วยเหลือผู้ขับขี่ ด้วยผมว่ามันจะทําให้เจ้า AUDI Q8
1500.56 -> คันน่ารักขึ้นเป็นกองเลย
1502.96 -> เดี๋ยวเรามาลองอัตราเร่งสูงถึงร้อยกันว่ามันเร็วขนาดไหน
1507.72 -> ตอนนี้เรานั่งในรถกันอยู่สามคนน้ําหนักรวมประมาณเกือบสองร้อยกิโลกรัม
1512.28 -> พร้อม ห้า สี่ สาม สอง ไป
1519.36 -> เจ็ดสิบ แปดสิบ เก้าสิบ ร้อยถอน
1526.4 -> นี่คือมีแบตเตอรี่แล้ว นี่อัตราเร่งของ AUDI Q8
1531.88 -> ก็ประมาณนี้เลยผมถือว่าแรงสะใจวัยรุ่นอย่างแน่นอน
1537.44 -> แล้วก็เป็นรถพ่อบ้านที่ดีอีกคันหนึ่งเลย
1543.56 -> ก็โดยสรุปแล้ว สําหรับ Q8 60 TFSI e quattro S-Line Black Edition Plug-in Hybrid
1546.56 -> คันนี้ถือว่าเป็นรถคันเดียวจบ
1549 -> ในทุกการใช้งานเลยไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในเมือง
1551.44 -> การเดินทางไกลการใช้งานในการสันทนาการ
1554.2 -> ได้หมดเลยเพราะเขาทําได้ทั้งเรื่องของความประหยัด
1557.68 -> นั่นคือใช้ไฟฟ้าล้วนแบบรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้หรือจะเอาแบบขับแรงแรง
1562.6 -> รถสปอร์ตก็สามารถทําได้แล้วก็มากับภาพลักษณ์ของตัวรถที่ดูหรูหราแล้วก็พื้นที่โดยสารที่แบบเหลือเฟือแบบนี้
1569.12 -> ผมนั่งด้านหลัง โอ้โหนี่ตําแหน่งเบาะที่
1572.36 -> นั่งจริงๆเรียกได้ว่าห่างกันสองคืบเลยทีเดียว
1575.6 -> แล้วก็มีม่านไฟฟ้ามาด้วยพื้นที่ด้านหลังก็เรียกได้ว่าโปร่งโล่งสบาย
1579.2 -> เหมาะสําหรับทุกคนในครอบครัวอย่างแน่นอนกับราคาวางจําหน่ายอยู่ที่ห้าล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นเก้าพันบาท
1584.72 -> แต่คุณจะได้ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์สปอร์ตเอสยูวี แบบนี้ในคันเดียวเลย
1590.96 -> ท่านใดที่สนใจก็สามารถไปชมตัวจริงและก็จับจองเป็นเจ้าของได้
1594.92 -> ที่ตัวแทนจําหน่ายรถยนต์ Audi ทั่วประเทศ
1597.08 -> และสําหรับท่านใดที่ต้องการติดตามข่าวสารทั้งวงการรถยนต์และรถจักรยานยนต์
1601.2 -> สามารถได้ที่เว็บไซต์ Autospinn ของเรา
1603.76 -> รวมถึงทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของทาง Autospinn วันนี้กระผมเน็กขออนุญาตลาไปก่อน
1607.76 -> พบกันใหม่โอกาสหน้าอย่าลืมกดไลก์
1609.84 -> กดติดตาม Autospinn ในทุกช่องทางด้วยสวัสดี
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=ihpbwu7Z0mw