บาปกรรมหนัก จากการคบชู้ นอกใจคนรัก | ธรรมะสอนใจ EP.2

บาปกรรมหนัก จากการคบชู้ นอกใจคนรัก | ธรรมะสอนใจ EP.2


บาปกรรมหนัก จากการคบชู้ นอกใจคนรัก | ธรรมะสอนใจ EP.2

บาปกรรมหนัก จากการคบชู้ นอกใจคนรัก | ธรรมะสอนใจ EP.2

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่สมัครสมาชิกแบบรายเดือนกับช่องยูทูป PURIFILM Channel ครับ
สมัครสมาชิกแบบรายเดือนคลิกลิงก์นี้เลยครับ    / @purifilmch  

*****จัดทำ และบรรยายเสียงโดย. ►PURIFILM Channel
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ►โทร.064-945-4441 (ภูริ)

*****ติดตามรับชมได้ที่ :
Youtube : ►   / purifilmmv  
Facebook : ►https://www.facebook.com/officialpuri
Blogger : ► http://purifilmblog.blogspot.com/
Instagram : ►https://www.instagram.com/purifilmstu
twitter : ►https://twitter.com/PurifilmStudio

สินค้าและของที่ระลึก PURIFILM Channel https://teespring.com/stores/purifilm

#ธรรมะสอนใจ #บาปกรรมหนักจากการคบชู้ #นอกใจคนรัก


Content

9.52 -> ธรรมะสอนใจ คลิบนี้เสนอตอน บาปกรรมหนัก จากการคบชู้ นอกใจคนรัก
19.32 -> PURIFILM สร้างแรงบันดาลใจ ให้คติธรรม นำพลังสร้างชีวิต
26.36 -> ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า บาปกรรมหนัก จากการคบชู้ นอกใจคนรักนี้ เป็นข้อคิดเตือนสติ ให้กับคนที่กำลังคบชู้ นอกใจคนรัก หรือคนที่กำลังคบชู้ นอกใจคนรักอยู่ และคนที่เคยคบชู้ นอกใจคนรักมาแล้ว เพื่อเป็นการพิจารณาในตัวเองจะได้มองเห็นบาปกรรมต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราในวันข้างหน้า
59.52 -> เพราะคนที่มีจิตใจเป็นปกติสุข เขาคงจะไม่คิดที่จะคบชู้ หรือนอกใจคนรัก เพราะการที่จะคบชู้ นอกใจคนรักได้นั้น จะต้องใช้จิตที่เป็นทุกข์เท่านั้น เพราะเราต่างก็รู้กันว่า การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องบาดใจ แม้แต่การแตะเนื้อต้องตัว คนที่มีเจ้าของแล้ว ด้วยความกำหนัด
88.68 -> ก็นับว่าเป็นเรื่อง ที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า จะมากหรือน้อยก็ตาม ก็เป็นการล่วงละเมิด ในสมบัติต้องห้ามของผู้อื่น ท่านว่า ผู้หญิงที่มีรูปเป็นทรัพย์ เมื่อยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ก็นับว่า ทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ ของผู้ปกครองที่เลี้ยงดูแล แต่เมื่อเติบโตขึ้น ชายหญิงต่างเลี้ยงดูแลตนเองได้
120.92 -> และเมื่อมีการหมั้นหมาย ชายหญิงก็ต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน กล่าวคือ นับตั้งแต่การหมั้นหมาย หรือการประกาศจองตัวกัน อย่างเป็นทางการแล้ว ก็ให้นับว่าทั้งสอง มีกรรมสิทธิ์ ในร่างกายของอีกฝ่ายเสมอกัน ห้ามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิดสัญญา ด้วยการไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น
149.04 -> และในขณะเดียวกัน ถ้าคนอื่นมามีเพศสัมพันธ์ด้วย ทั้งที่รู้ว่าหมั้นหมายกันแล้ว ก็นับว่าผิดศีลเช่นเดียวกัน เพราะเนื้อหนังคนเรา เปรียบเสมือนอาหารอันโอชะ ที่น่าแหนหวงสำหรับเจ้าของ ดังนั้น ถ้าต้องลักกินขโมยกิน เพียงเพื่อให้หายอยาก ใจของเราจะอยู่เป็นสุขได้อย่างไร แม้จะอิ่มหมีพีมัน แต่ใจ ก็อดคิดไม่ได้ ว่ากำลังใช้มือสกปรกหยิบจับอาหารมาใส่ปาก
189.74 -> ฉะนั้นทุกคำ ย่อมเต็มไปด้วยพิษ หรือเชื้อโรคที่เป็นโทษ ซึ่งให้ผลเป็นความทุกข์ และความทุกข์นี้ จะเริ่มต้น ตั้งแต่อยากมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของ และความทุกข์จะมีมากขึ้น เมื่อตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของ และความทุกข์จะมากขึ้นไปอีก เมื่อพยายามจะมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของ
220.94 -> และความทุกข์จะมีมากขึ้นทวีคูณ จนถึงขีดสุด เมื่อลงมือมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของแล้วและความทุกข์ก็จะไม่จบง่ายๆ แม้จะมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของสำเร็จ เพราะหากสังเกตให้ดีในตนเอง ก็จะเห็นเป็นความรู้สึกไม่ดี น่าดูถูก ผิดที่ผิดทาง หรือกระทั่งชวนให้ขยะแขยง
251.14 -> และที่สำคัญ รู้สึกว่าตัวเอง จะต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลัวว่าคนอื่นจะรู้ โดยเฉพาะผู้เป็นเจ้าของ ห้ามให้รู้เด็ดขาด ท่านว่า การผิดประเวณี การผิดศีลข้อ ๓ นี้ เป็นบาปอย่างมาก เพราะไม่มีการผิดประเวณีครั้งใด ที่จะทำให้จิตใจสว่างขึ้น ซึ่งมีแต่จะหม่นหมอง มีแต่ความทุกข์
280.88 -> และแรงผลักดัน ที่ให้ทำผิดประเวณีได้ ก็คือราคะ และสิ่งที่น่ากลัว ก็คือ บาปกรรมนั้นสามารถสั่งสมตัวได้ ซึ่งหมายความว่า ยิ่งผิดประเวณีมากครั้งเท่าไร ใจก็จะยิ่ง ยับยั้งชั่งใจน้อยลงเท่านั้น และบาปกรรม ก็จะสะสมมากขึ้นท่านว่า คนที่มีความคิดในทางผิดประเวณี จะลดความฉลาด ในการหาคู่แท้ให้กับตัวเอง
317.04 -> หรือแม้จะเจอคู่แท้แล้ว ก็ไม่ฉลาดที่จะรักษาไว้ได้ และบาปกรรมที่พอกพูนขึ้นทุกครั้ง ก็จะทำให้สำคัญไปว่า ชีวิตจะมีสีสัน ก็ต่อเมื่อได้ลิ้มรสเพศสัมพันธ์ที่แปลกใหม่ ฉะนั้น เพียงแค่ไม่ตั้งใจว่า จะเว้นขาดจากการผิดประเวณี ก็นับว่ามีโทษแล้ว ยิ่งเมื่อถูกเร้าใจ ให้เกิดราคะ ความยับยั้งชั่งใจในทางเพศ ก็แทบจะไม่เหลือ
354.42 -> ทำให้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เปิดช่องให้ราคะ เข้ามาครอบงำ จนหลงนึกไปว่าบาปกรรม แห่งการผิดประเวณี เป็นสิ่งที่สมควรกระทำยิ่งกว่าบุญ ท่านว่า เมื่อบาปจากการผิดประเวณี ถูกสั่งสมมากแล้ว ผู้ผิดประเวณี ย่อมเลื่อนฐานะเป็นหญิงร้าย หรือชายโฉด
382.36 -> ซึ่งความด้านชา ของหญิงร้ายและชายโฉดนี้ ก็เกิดจากการหมักหมมคราบสกปรก ทั้งทางกายและวิญญาณ จึงก่อให้เกิดกระแสในตัวที่น่ารังเกียจ เพราะการผิดประเวณี ในแต่ละครั้ง คือการไม่ให้เกียรติผู้อื่น ซึ่งก็มีผลสะท้อน ให้การนับถือตนเองน้อยลงไป
409.9 -> คือ พูดง่ายๆ ได้สมบัติทางเพศของคนอื่นมา เพื่อจะเสียความนับถือของตัวเองไป ดังนั้น จิตของหญิงร้ายและชายโฉด ก็เปรียบเสมือน คนที่จุ่มศีรษะ ลงไปในเมือกลื่นจนชุ่ม ซึ่งก็ย่อมไม่ได้รู้สึก ถึงความแห้งสบาย แม้จมูกจะได้กลิ่นหอม ของสวนดอกไม้ แต่ในใจลึกๆ ก็เหมือนได้กลิ่นเหม็นของกามผิดๆ อยู่เกือบตลอดเวลา
443.96 -> ฉะนั้น จิตที่ชุ่มด้วยเมือกสกปรกนี้ ก็ย่อมจะเหมาะกับภพใหม่ที่สกปรก ต่ำชั้น ที่เต็มไปด้วยความน่ารังเกียจ ขยะแขยงหรือ ถ้ายังมีวาสนา พอที่จะเกิดใหม่ในโลกมนุษย์ ก็ย่อมจะเป็นที่ชิงชังของผู้พบเห็น ซึ่งสภาพเช่นนี้ ก็ยากที่จะผูกมิตร แต่ง่ายที่จะผูกเวร ดึงดูดทั้งคนและสัตว์ให้อยากเข้ามาด่า อยากเข้ามาว่า หรือเข้ามาทำร้าย เป็นต้น
480.84 -> หรือหากตายเยี่ยงชู้ ผู้ไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ กับการผิดประเวณี แต่หากยังพอมีบุญพยุง ไม่ให้ร่วงหล่นไปถึงนรก ก็อาจจะไปเสวยภพ ของพวกรักความสกปรก ระดับเดรัจฉานภูมิ อย่างเช่น หนอนในส้วม เป็นต้น
504.32 -> แต่หากตายแบบหญิงร้ายและชายโฉด ที่คอยผู้ล่อลวงใครต่อใคร เข้ามาร่วมบาปแห่งการผิดประเวณี โดยไม่เห็นแก่หัวอกหัวใจเจ้าของ ก็จัดว่ามีความเหมาะสม กับสภาพความเป็นอยู่ อันเสียดแทง เจ็บแสบ เร้าร้อนทุกข์ทรมาณ ดังเช่นนรกภูมิสถานเดียว
531.38 -> ท่านว่า ในสมัยพุทธกาล ก็มีเรื่องเตือนสติเกี่ยวกับการผิดประเวณีเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องก็มีอยู่ว่าวันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงช้างเผือกเสด็จเลียบพระนคร ในขณะนั้นได้ทอดพระเนตรเห็น หญิงงามนางหนึ่ง ยืนอยู่ชั้นบนของปราสาท 7 ชั้น ทรงมีพระทัยเสน่หา ในตัวนางเป็นอย่างมาก
563.3 -> พระองค์ได้ทรงพยายามหาวิธีการ ที่จะได้นางมาเป็นบาทบริจาริกา คือ คอยรับใช้ปรนนิบัติ และเมื่อทรงทราบว่า นางเป็นหญิง ที่มีสามีแล้ว ก็ได้มีพระบัญชา ให้นำชายผู้เป็นสามี มาเป็นคนใช้อยู่ในพระราชวัง ต่อมาพระองค์ได้รับสั่งให้สามีของนาง เดินทางไปทำงานอย่างหนึ่ง
595.4 -> อันเป็นงาน ที่ไม่มีทางจะทำสำเร็จได้ โดยรับสั่งให้เดินทาง ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลถึง 12 ไมล์ แล้วให้ไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณจากนาคพิภพ กลับมาถวายพระองค์ ที่กรุงสาวัตถี ในตอนเย็นวันเดียวกัน และให้ทันเวลาสรงสนานของพระองค์
625.58 -> ทั้งนี้พระองค์ มีพระราชประสงค์ จะสังหารผู้ชายคนนี้ หากเขากลับมาไม่ทันเวลา แล้วริบเอาภรรยาของเขาเสีย ชายผู้เป็นสามี ก็รีบนำกล่องอาหารจากภรรยา แล้วออกเดินทาง ไปแสวงหา สิ่งที่พระราชาทรงต้องการ ในระหว่างทางนั้น เขาก็ได้แบ่งอาหาร ให้แก่เพื่อนร่วมเดินทาง
655.76 -> และเขาก็ยังแบ่งข้าวจำนวนหนึ่ง โยนลงไปเลี้ยงปลาในน้ำ แล้วร้องตะโกนขึ้นว่า? ข้าแต่เทพยดา และนาคทั้งหลาย ผู้สถิตอยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ พระราชาปเสนทิโกศล มีพระราชบัญชา ให้ข้าพเจ้าไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณ กลับไปถวายพระองค์ ในวันนี้ข้าพเจ้าได้แบ่งปันอาหาร ให้แก่เพื่อนร่วมทาง
690.34 -> และข้าพเจ้าก็ยังนำอาหาร มาเลี้ยงปลาในแม่น้ำด้วย บัดนี้ข้าพเจ้า ขอแบ่งส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่พวกท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงได้เมตตา ไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณมาให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด? พระยานาค เมื่อได้ยินคำประกาศ ของชายผู้นี้แล้ว ก็แปลงร่างเป็นชายชรา ไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณมาให้
727.46 -> แล้วในเย็นวันนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงเกรงว่าชายหนุ่ม อาจจะกลับมาทันเวลา จึงได้รับสั่งให้ปิดประตูเมืองก่อนกำหนด และเมื่อชายหนุ่มเดินทางมาถึง ก็พบว่าประตูเมืองได้ปิดไปแล้ว ก็ได้โยนดินอรุณ ไว้บนกำแพงเมือง และแขวนดอกโกมุท และดอกอุบลไว้บนธรณีประตู
756.9 -> จากนั้น ก็ได้ตะโกนออกมาดังๆ ว่า? ชาวเมืองผู้เจริญทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงรับทราบเถิดว่า ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติภารกิจ ที่ได้รับมอบหมาย จากพระราชาสำเร็จลุล่วงแล้ว พระราชาทรงมีแผนที่จะฆ่าข้าพเจ้า ด้วยเหตุไม่สมควร?
781.2 -> หลังจากนั้นชายหนุ่ม ก็เดินทางจากประตูวังไปที่วัดพระเชตวัน เพื่อจะขอลี้ภัย และก็พบว่าบรรยากาศภายในวัด มีความสงบร่มรื่นดียิ่งนัก และในขณะเดียวกัน ทางด้านพระเจ้าปเสนทิโกศล ก็มีความกระสันด้วยแรงกามราคะ จนไม่สามารถ จะหลับพระเนตรลงได้
809.5 -> ทรงครุ่นคิดหาวิธี ที่จะสังหารชายหนุ่มในตอนเช้า แล้วยึดภรรยาของเขา มาเป็นบาทบิจาริกาของพระองค์ และเมื่อเที่ยงคืนมาถึง พระองค์ก็ได้สดับ เสียงประหลาดว่า ทุ. ส. น. โส. ซึ่งความจริงแล้ว เป็นเสียงของพวกเปรต 4 ตน ที่เสวยทุกข์ทรมานอยู่ในนรก ชั้นโลหกุมภี เมื่อได้ทรงสดับเสียงประหลาดนี้แล้ว ก็ทรงมีพระทัยหวาดหวั่น
845.9 -> ครั้นเมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่ พระองค์ได้ทรงถามปุโรหิต ถึงเรื่องนี้ ปุโรหิตได้ทูลว่า จะเกิดอันตราย ถึงแก่ชีวิตของพระองค์ จะต้องหาทางแก้ ด้วยการบูชายัญ แต่ต่อมาพระองค์ได้เสด็จ ไปเข้าเฝ้าพระศาสดา โดยคำกราบทูล ของพระนางมัลลิการาชเทวี
873.52 -> เมื่อพระศาสดา สดับเรื่องเสียงประหลาดเหล่านั้นแล้ว ทรงอธิบายแก่พระราชาว่า เป็นเสียงของเปรต 4 ตน ที่เกิดอยู่ในโลหกุมภีนรก เปรต 4 ตนเหล่านี้ เคยเกิดเป็นชายหนุ่มลูกเศรษฐี ในสมัยพระพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ และได้ตกนรกชั้นโลหกุมภี เพราะประกอบกรรมชั่ว เป็นชู้สู่สมกับภรรยาของชายอื่น
907.26 -> พระราชาสดับแล้ว ก็เกิดความสังเวชพระทัย และทรงเกิดความตระหนัก ถึงผลกรรมชั่วร้าย ที่จะบังเกิดจากการเป็นชู้ กับภรรยาของผู้อื่น และตัดสินพระทัยว่า? จำเดิมแต่นี้ไป เราจักไม่ผูกความพอใจ ในภรรยาของชายอื่น? เพราะ? แค่เราได้แต่คิดว่า จะเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่น ก็มีความทุกข์ทรมานใจ จนนอนไม่หลับ ตลอดทั้งคืน?
944.14 -> จากนั้นพระราชา ได้กราบทูลพระศาสดาว่า? ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทราบความที่ราตรียาวนานในวันนี้?
956.58 -> ส่วนชายหนุ่ม ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั้น ได้กราบพระศาสดาว่า? ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระราชาทรงทราบความ ที่ราตรียาวนานในวันนี้ ส่วนข้าพระองค์เองได้ทราบความ ที่หนทางแค่โยชน์เดียว ไกลมากในวันวาน?
979.08 -> พระศาสดาทรงนำถ้อยคำของพระราชา และของชายหนุ่มมาผสมผสานกัน แล้วตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 60 ว่า ทีฆา ชาครโต รตฺติ ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ ทีโฆ พาลาน สํสาโร สทฺธมฺมํ อวิชานตํฯ
1005.8 -> กลางคืนยาวนานมาก สำหรับคนที่นอนไม่หลับ ระยะทางแค่โยชน์เดียวไกลมาก สำหรับผู้ที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว สังสารวัฏ (การเวียนว่ายตายเกิด) เนิ่นนานมาก สำหรับคนพาลที่ไม่รู้สัจธรรม.
1025.8 -> เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนา ชายหนุ่มได้บรรลุพระโสดาปัตติผล ชนเหล่าอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ก็ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น พระสัทธรรมเทศนา มีประโยชน์แก่มหาชนแล้ว.
1055.28 -> ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=S1g7UNVeV6I