บทสวดมนต์ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร  - Dhammacakkappavattana Sutta  - 转法轮经 17 นาที l Sub TH + Eng + Ch

บทสวดมนต์ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร - Dhammacakkappavattana Sutta - 转法轮经 17 นาที l Sub TH + Eng + Ch


บทสวดมนต์ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร - Dhammacakkappavattana Sutta - 转法轮经 17 นาที l Sub TH + Eng + Ch

Dhammacakkappavattana Sutta (leader)
Following his Enlightenment, the Buddha went on to proclaim the Dhamma he had discovered, which is superior to all the knowledge in the world. He advised all to steer clear from the paths of two extremes, namely sensual indulgence and self-mortification. He declared the Middle Way as the path towards the irreversible end of suffering and rebirth. He pointed out the Four Noble Truths and
the Noble Eightfold Path that lead to Enlightenment. In homage of the Buddha, let us chant Dhammacakkappa vattana Sutta, which was composed in Pali language by learned monks of ancient times, to recall the first teaching of the Blessed One.

佛陀证悟后,开始宣讲所证悟之无上法。佛陀教导众生 远离感官享乐与苦行二边,修习“中道”,以彻底解脱、 离苦得乐。佛陀开示了四圣谛与八正道。念诵高僧大德们 以巴利文记录的《转法轮经》,回想佛陀初转法轮时的不 可思议,以报佛恩。

บทสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร Dhammacakkappavattana Sutta 转法轮经
[3 ภาษา : ไทย อังกฤษ จีน]
ปฐมเทศนาในวันอาสาฬหบูชา : ปฐมบทแรกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน หลังจากที่พระบรมศาสดาทรงแสดงปฐมเทศนา ทำให้เกิดปฐมสาวก จึงเป็นวันแรกที่เกิดมีพระสงฆ์ขึ้นในโลก และเป็นวันแรกที่บังเกิดพระรัตนตรัยครบ คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ

ส่งยอดจำนวนสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
https://www.forbrighterworld.com/

หรือกดลิงก์นี้
http://line.me/ti/p/%40kawga24nor

#ธรรมจักร #ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร #DhammacakkappavattanaSutta #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
ขอบคุณทุกๆ การรับชม อย่าลืมกด Subscribe


Content

7.08 -> ( ข้าพเจ้า ( คือพระอานนท์เถระ ) ได้ฟังมาแล้วอย่างนี้ ) ( สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า )
17.2 -> ( เสด็จประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันใกล้เมืองพาราณสี )
24.92 -> ( ในกาลนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือนพระปัญญจวัคคีย์อย่างนี้ว่า )
35.16 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ที่สุด ๒ เหล่าอย่างนี้ )
39.96 -> ( อันบรรพชิตไม่ควรเสพ )
45.24 -> ( คือการประกอบตนให้พัวพันด้วยกาม ในกามทั้งหลายนี้ใด )
53.48 -> ( เป็นธรรมอันเลว )( เป็นเหตุให้ตั้งบ้านเรือน )( เป็นของคนผู้มีกิเลสหนา )( ไม่ใช่ของคนไปจากข้าศึกคือกิเลส )
58.72 -> ( ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์ )( คือประกอบความเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเหล่านี้ใด )
68.76 -> ( ให้เกิดทุกข์แก่ผู้ประกอบ )( ไม่ใช่ไปจากข้าศึกคือกิเลส ) ( ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์ อย่างหนึ่ง )
74.76 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติอันเป็นกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั่นนั้น )
85.32 -> ( อันตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง)
89.72 -> ( ทำดวงตา ทำญาณเครื่องรู้ )
94.04 -> ( ย่อมเป็นไปเพื่อเข้าไปสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี เพื่อ ความดับ )
104 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อปฏิบัติอันเป็นกลางนั้นเป็นไฉน )
110.08 -> ( ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง )( กระทำดวงตา ทำญาณเครื่องรู้ )
118.84 -> ( ย่อมเป็นไปเพื่อเข้าไปสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี เพื่อความดับ )
128.6 -> ( ทางมีองค์ ๘ เครื่องไปจากข้าศึก คือกิเลสนี้เอง )
134.08 -> ( ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ )( ปัญญาอันเห็นชอบ )( ความดำริชอบ )( วาจาชอบ )( การงานชอบ ) (เลี้ยงชีวิตชอบ )( ความเพียรชอบ )( การระลึกชอบ )( ความตั้งจิตชอบ )
156.48 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้แลข้อ ปฏิบัติที่เป็นกลางนั้น )
163.08 -> (ที่ตถาคต ได้ตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง ) ( กระทำดวงตา คือ กระทำญาณเครื่องรู้ )
171.08 -> (ย่อมเป็นไปเพื่อความเข้าไปสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี เพื่อความดับ )
180.84 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็นี้แลเป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริง คือ )
187.36 -> ( แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์ ) ( แม้ความแก่ ก็เป็นทุกข์ ) ( แม้ความตาย ก็เป็นทุกข์ )
194.24 -> ( แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์ )
201.8 -> ( ความประสบพบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ )
206.52 -> ( ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ )
210.72 -> ( มีความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น ก็เป็นทุกข์ )
215.6 -> ( ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์ )
222.28 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อนี้แลเป็นเหตุให้ทุกข์อย่างแท้จริง คือ )
229.92 -> ( ความทะยานอยากนี้ใด )( ทำให้มีภพอีก ) ( เป็นไปกับความกำหนัด ด้วยอนาจความเพลิดเพลิน )
237.36 -> ( เพลินยิ่งในอารมณ์นั้น ๆ ) ( ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ )
242.72 -> ( ความทะยานอยากในอารมณ์ที่ใคร่ )( ความทะยานอยากในความมีความเป็น )( ความทะยานอยากในความไม่มี ไม่เป็น )
248.56 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อนี้แลเป็นความดับทุกข์ )
255.92 -> ( ความดับโดยสิ้นกำหนัด โดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละใด )
263.6 -> ( ความสละตัณหานั้น )( ความวางตัณหานั้น )( การปล่อยตัณหานั้น )( ความไม่พัวพันแห่งตัณหานั้น )
269.4 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็นี้แลเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์อย่างแท้จ้ริง คือ )
278.88 -> ( ทางมีองค์ ๘ เครื่องไปจากข้าศึก คือกิเลส นี้เอง ) ( ได้แก่ สิ่งเหล่านี้ คือ )
286.24 -> ( ปัญญาอันเห็นชอบ )( ความดำริชอบ )( วาจาชอบ )( การงานชอบ )( ความระลึกชอบ ) ( ความตั้งจิตชอบ )
308.365 -> ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้ว ในกาลก่อนว่า นี่เป็นทุกข์อริยสัจ )
334 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า ก็ทุกข์อริยสัจนี้นั้นแล ควรกำหนดรู้ )
361.04 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า ก็ทุกข์อริยสัจนี้นั้นแล เราได้กำหนดรู้แล้ว )
387.68 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า นี่ทุกข์สมุทัยอริยสัจ )
412.12 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า นี่ทุกข์สมุทัยอริยสัจนี้แลควรละเสีย )
439.4 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า นี่ทุกข์สมุทัยอริยสัจนี้แล เราละได้แล้ว )
465.92 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า นี่ทุกขนิโรจอริยสัจ )
489.96 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า นี่ทุกขนิโรจอริยสัจนี้นั้นแล ควรทำให้แจ้ง )
517.92 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า นี่ทุกขนิโรจอริยสัจนี้นั้นแล อันเราได้ทำให้แจ้งแล้ว )
544.6 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า นี่ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ )
570.88 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า ก็ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนั้นแล ควรให้เจริญ )
600.8 -> ( ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย จักขุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้วปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า ก็ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนั้นแล อันเราเจริญแล้ว )
629.52 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปัญญาอันรู้ตามความเป็นจริงอย่างไร ในอริยสัจ ๔ เหล่านี้ของเราซึ่งมีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ ยังไม่หมดจดเพียงใดแล้ว )
649.84 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจะยืนยันตนว่าเป็นผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะปัญญาเครื่องตรัสรู้ชอบไม่มีความตรัสรู้อื่นจะยิ่งกว่าในโลก เป็นไปพร้อมด้วยกับเทวดา มาร พรหม ในหมู่สัตว์ทั้งในสมณพราหมณ์ เทวดา มนุษย์ ไม่ได้เพียงนั้น )
674.04 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ปัญญาอันเห็นตามเป็นจริงอย่างไรในอริยสัจ๔ เหล่านี้ของเรามีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ หมดจดดีแล้ว )
694.16 -> ( ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงได้ยืนยันตนว่า เป็นผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้ชอบไม่มีความตรัสรู้อื่นจะยิ่งกว่าในโลก เป็นไปกับด้วยกับเทวดา มาร พรหม ในหมู่สัตว์ทั้งในสมณพราหมณ์ เทพยดา มนุษย์ )
717.2 -> ( ก็แล ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแก่เราแล้ว )( ว่า การพ้นพิเศษของเราไม่กลับกำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก )
730.92 -> ( พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสธรรมปริยายนี้แล้ว )( พระภิกษุปัจจวัคคีย์ก็มีใจยินดีเพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า )
742.64 -> ( ก็แล เมื่อไวยากรณ์นี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่ )
749.28 -> ( จักษุในธรรม อันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแล้ว แก่พระผู้มีอายุโกณทัญญะ )
758.56 -> ( ว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแล้ว สิ่งนั้นทั้งปวง ก็ต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา" )
766.12 -> ( ก็เมื่อธรรมจักรอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้เป็นไปแล้ว )( เหล่าภูมิเทวดา ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้นว่า )
776.04 -> ( ว่า นั่นจักรคือธรรม ไม่มีจักรอื่นสู้ได้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าให้เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสีอันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม และใคร ๆ ในโลกยังให้เป็นไปไม่ได้ ดังนี้ )
807.32 -> (เทพเจ้าเหล่าชั้นจาตุมหาราช ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าภูมิเทวดาแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น )
824.68 -> ( เทพเจ้าเหล่าชั้นดาวดึงส์ ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น )
841.08 -> ( เทพเจ้าเหล่าชั้นยามา ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นดาวดึงส์แล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น )
854.88 -> ( เทพเจ้าเหล่าชั้นดุสิต ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นยามาแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น )
867.28 -> ( เทพเจ้าเหล่าชั้นนิมมานรดี ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นดุสิตแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น )
881.2 -> ( เทพเจ้าเหล่าชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นนิมมานรดีแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น )
897 -> ( พรหมเจ้าที่เกิดในชั้นพรหม ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นปรนิมมิตวสวัตตีแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่นขึ้นว่า )
912.36 -> ( "นั่นจักรคือธรรม ไม่มีจักรอื่นสู้ได้อันพระผู้มีพระภาคเจ้าให้เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสีอันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม และใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถให้เป็นไปได้ดังนี้ ฯ" )
946.08 -> ( โดยขณะหนึ่งครู่หนึ่งนั้น เสียงขึ้นไปถึงพรหมโลกด้วยประการฉะนี้ ฯ )
959.28 -> ( ทั้งหมื่นโลกธาตุ ได้หวั่นไหวสะเทือนสะท้านลั่นไป )
968.2 -> ( ทั้งแสงสว่างอันใหญ่ยิ่งไม่มีประมาณ ได้ปรากฏแล้วในโลก )( ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลายเสียหมด ฯ )
984.56 -> ( ในลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานขึ้นว่า )( โกณทัญญะผู้เจริญได้รู้แล้วหนอ โกณทัญญะได้รู้แล้วหนอ ผู้เจริญ )
998.96 -> ( เพราะเหตุนั้น นามว่า "อัญญาโกณทัญญะ" นี้นั่นเทียวได้มีแล้วแก่พระโกณทัญญะผู้มีอายุ ด้วยประการฉะนี้ แล ฯ )

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=sSZI1ewkEFc