![[spin9] รีวิว iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max — เพิ่มขึ้นทุกฟีเจอร์ เพิ่มราคาด้วย](https://img.howtoclicks.com/vi_webp/t6c5GehgbYQ/sddefault.webp)
[spin9] รีวิว iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max — เพิ่มขึ้นทุกฟีเจอร์ เพิ่มราคาด้วย
[spin9] รีวิว iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max — เพิ่มขึ้นทุกฟีเจอร์ เพิ่มราคาด้วย
มาแล้วครับ รีวิวฉบับเต็มของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ไอโฟนใหม่ของปีนี้ ที่จัดเต็มด้วยการอัปเกรดฟีเจอร์ใหม่หลากหลายอย่าง การมาถึงครั้งแรกของ Dynamic Island , หน้าจอแบบ Always-On , กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล , โหมดการถ่ายวิดีโอแบบ Action , ใช้ชิพใหม่ที่เร็วและแรงขึ้น และมากับสีใหม่อย่าง Deep Purple ที่น่าจะถูกใจใครหลายคน
iPhone 14 Pro เปิดราคาเริ่มต้น 41,900 บาท วางจำหน่ายในไทยศุกร์ที่ 16 ก.ย. นี้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสั่งซื้อได้จากเว็บ Apple TH: https://apple.sjv.io/O652Z
สมัครเป็นสมาชิกของช่อง spin9 เพื่อสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ของเราได้ที่นี่:
/ @spin9
Content
16.684 -> สวัสดีครับ อู๋ Spin9 ครับ
17.979 -> คุณผู้ชมครับ เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วนะครับ
20.21 -> ทาง iPhone 14 Pro แล้วก็ iPhone 14 Pro Max นะครับ
23.524 -> แน่นอนว่าทุกครั้งที่ iPhone เปิดตัวนี้เราก็จะอยากได้กันใช่ไหมครับ
28.018 -> อยากจะอัปเกรด iPhone เครื่องเดิมของเรา
29.724 -> หรือแม้กระทั่งย้ายค่ายกันมานะครับ
31.398 -> เพื่อที่จะมาใช้ iPhone รุ่นใหม่ของปีนี้ครับ
33.308 -> คลิปนี้ผมจะรีวิวให้ชมเลยว่าหลังจากที่ผมได้ทดลองใช้แล้ว
37.202 -> ในฟีเจอร์หลากหลายฟีเจอร์เลยที่ในงานเปิดตัวหลายคนว้าวกัน
40.804 -> มันว้าวจริงอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่านะครับ
43.191 -> แล้วก็ iPhone 14 Pro กับ iPhone 14 Pro Max
46.472 -> เราควรที่จะเสียเงินอัปเกรดกันมาใช้กันหรือเปล่า
49.019 -> เราจะได้คำตอบจากคลิปนี้อย่างแน่นอนครับ
52.957 -> ใครหาซื้อเคส iPhone 14 ลองดูที่ร้าน 425 degree ได้ครับ
57.05 -> เขาคัดมาแล้วจากทั่วโลก
58.638 -> มีแบบให้เลือกเยอะมาก
59.874 -> ไม่ว่าจะเป็นเคสใสโชว์สีเครื่องเคสกันกระแทกเท่ๆ
63.337 -> เคสกลิตเตอร์สวยๆ
64.816 -> เขามีรีวิวแนะนำกันชัดๆ ให้เลือกกันง่ายๆ
67.841 -> ลองไปดูกันได้ที่ www.425degree.com
77.743 -> ทีเรื่องแรกเลยก่อนที่จะพูดถึงเรื่องอื่นๆ
80.966 -> ก็ต้องคุยกันเรื่องของดีไซน์กันก่อนนะครับ
83.04 -> iPhone 14 ในรอบนี้ถ้าพูดถึงดีไซน์ผมคิดว่าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
88.305 -> คือ Apple เพิ่งเปลี่ยนดีไซน์ของ iPhone ให้มาเป็นลักษณะของขอบเหลี่ยม
93.181 -> คือเหลี่ยมแบบตัดตรงอย่างนี้เลยนะทุกด้าน
95.707 -> ตอน iPhone 12 ใช่ไหมก็คือเพิ่ง 2 ปีที่แล้วเองนะครับ
99 -> รอบนี้ยังคงเหมือนเดิมใน iPhone 14 ก็คือตัดขอบเหลี่ยมนะครับ
102.74 -> ขนาดเท่าเดิมเลย iPhone 14 Pro คือขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว
106.444 -> แล้วก็ iPhone Pro Max 6.7 นิ้วนะครับ
109.116 -> ดังนั้นถ้าเกิดเราดูจากด้านหลังอ่ะ
110.692 -> การจัดเรียงกล้อง 3 ตัวของรุ่นโปรนะครับ
113.037 -> แล้วก็ตัดขอบเหรียญอะไร
114.629 -> มันจะไม่เห็นความแตกต่างก็คือมองแทบไม่ออกอ่ะ
117.26 -> จริงๆ ชุดกล้องจะใหญ่ขึ้นนิดเดียวเท่านั้น
119.196 -> แต่ถ้าเกิดไม่เทียบกันก็คือแทบจะไม่รับรู้อะไรเลยนะครับ
121.99 -> ด้านหน้าก็จะเป็นหน้าจอเต็มพื้นที่นะครับ
125.132 -> สังเกตได้ในรุ่น iPhone 14 ก็คือมันจะไม่มีติ่งหน้าจอแล้วนะครับ
128.568 -> ก็คือเขาจะปรับมาเป็นการเจาะรูบนหน้าจอแบบนี้แทนนะครับ
132.971 -> ที่เป็นพื้นที่ดำๆ
134.12 -> เขามีชื่อเรียกเท่ๆ ว่า Dynamic Island ที่เดี๋ยวเราเจาะลึกกันในคลิปนี้ต่อไปนะครับ
138.423 -> แต่ว่าสิ่งที่ Apple ชอบทำกับ iPhone ตอนที่เขาเปิดตัวทุกรอบ
142.944 -> ก็คือเขาจะมีสีเฉพาะของรุ่นนั้น
145.221 -> ก็ถ้าเกิดเราย้อนไปดู iPhone 11 ก็จะมีสีเขียวที่เรียกว่า Midnight Green
149.285 -> iPhone 12 ก็จะมีสีฟ้า Pacific Blue
153.318 -> แล้วก็ปีที่แล้วเป็น Sierra Blue นะครับ
155.492 -> ปีนี้เป็น Deep Purple หรือว่าสีม่วงเข้มครับ
160 -> ดูสิ
160.946 -> สีม่วงเข้มของเขาอ่ะมันเป็นม่วงที่มีระดับ
165.402 -> คือมันดูแพงนะครับ
167.239 -> คือมันไม่ได้ม่วงเข้มจนเป็นแบบเปลือกมังคุดนะครับ
170.371 -> แต่ก็ไม่ได้อ่อนมากนะครับ
171.785 -> เป็นโทนที่กำลังดีเหมือนกันนะ
174.645 -> ดูความม่วงของ Deep Purple รอบนี้นะครับ
179.148 -> ก็จะเห็นว่าถ้าเกิดอยู่ Outdoor แบบนี้
181.255 -> มันเห็นความม่วงค่อนข้างชัดเลยเหมือนกันนะครับ
184.018 -> บางจังหวะบางมุมที่สะท้อนเห็นเป็นม่วงอ่อนๆ เลยด้วยซ้ำนะครับ
188.556 -> แต่ว่าโดยส่วนมากเราจะเห็นเป็นสีม่วงเข้มๆ แหละ
191.978 -> แต่ถ้าจะอยู่ Indoor แสงไม่ได้เยอะมาก
194.075 -> บางจังหวะเราจะรู้สึกว่าเป็นสีเทาเลยนะครับ
196.097 -> เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นผมเทียบกับสี Space Black
199.339 -> รอบนี้เปลี่ยนชื่ออีกแล้วนะครับ
201.107 -> ปีที่แล้วสีโทนประมาณนี้สีโทนเทาดำๆ
203.885 -> เขาจะชื่อกราไฟต์ใช่ไหม
205.137 -> รอบนี้ Apple เขาทำเข้มกว่าเดิมคือมืดกว่าเดิมนะครับ
208.409 -> ชื่อสี Space Black
209.59 -> ถ้าเกิดเทียบกันก็จะเห็นว่า Deep Purple ที่เราอาจจะเห็นว่ามันเทา
213.019 -> มันก็ไม่เทานะ
214.026 -> มีความแตกต่างกันนะครับ
215.096 -> ในมุมที่สะท้อนไฟบางมุมก็ใกล้เคียงกันบ้าง
218.127 -> แต่ว่ามีความต่างค่อนข้างชัดครับ
219.997 -> ถ้าเกิดเทียบกัน
220.785 -> อีกเรื่องหนึ่งของดีไซน์ที่คนก็ถามถึงกันมาหลายปีนะครับ
224.525 -> ว่า Apple ยังชาร์จด้วยหัว Lightning อยู่หรอ
227.955 -> ยังไม่เปลี่ยนเป็น Type C หรอ
229.219 -> iPhone 14 เป็นยังไงนะครับ
230.667 -> ก็ยังชาร์จด้วย Lightning เหมือนเดิมนะครับ
232.824 -> สายที่เป็นหัว Lightning
234.64 -> ถ้าเกิดใครต้องพกอุปกรณ์อย่างอื่นก็อาจจะยังต้องพกต่อไปนะครับ
238.824 -> คือพกคู่กับสาย Type C ของเรานั่นแหละ
240.855 -> เพราะว่ามันยังต้องชาร์จด้วยกันอยู่อ่ะ
243.016 -> คือยังไม่ยอมเปลี่ยนเป็น Type C สักที
245.39 -> ก็ยังไม่เปลี่ยนนะ
247.389 -> ถึงแม้ว่าปีนี้ยังเป็นหัว Lightning อยู่ยังไม่ได้ถอดอะไรออกไปนะครับ
250.772 -> แต่สิ่งที่ถอดออกไปแล้วจริงจังเลยนะครับ
252.782 -> ก็คือถาดซิม
254.007 -> ถ้าเกิดใครดู Keynote จะเห็นว่าใน iPhone 14 อ่ะไม่มีถาดซิมให้ใส่นะครับ
260.084 -> คือบังคับใช้ eSIM ทั้งหมดเลย
262.517 -> แต่ว่าจะเกิดขึ้นในเฉพาะ iPhone ที่ขายในสหรัฐอเมริกาก่อนนะครับ
267.118 -> เครื่องสหรัฐอเมริกาไม่มีถาดซิม
269.654 -> คือเขาลดต้นทุนไง
271.197 -> คือเขาไม่อยากแถมเข็มจิ้มซิมกับเรา
273.148 -> ไม่ใช่นะครับ
273.816 -> คือ Apple เห็นแล้วว่าจริงๆ ทิศทางของโทรศัพท์มือถือในอนาคต
278.146 -> ควรจะต้องใช้ eSIM แหละ
279.548 -> ซิมการ์ดพลาสติกที่เราใช้กันมาอย่างยาวนานควรจะต้องค่อยๆ เลิกใช้กันไป
284.635 -> จริงๆ ในไทยเองทุกค่ายก็มี eSIM ให้เราเปิดใช้งานกันแล้วนะครับ
288.561 -> แต่ว่ารอบนี้ถือว่าใจถึงมากในการตัดถาดซิม
290.943 -> ที่ขายกับ iPhone 14 ทุกรุ่นในสหรัฐอเมริกาออกมานะครับ
295.001 -> รุ่นที่ขายในประเทศไทยยังวางใจได้สำหรับคนที่ยังใช้ซิมพลาสติกอยู่นะครับ
299.033 -> ยังคงมีถาดซิมให้อยู่เหมือนเดิมนะครับ
301.312 -> อันนี้ย้ำอีกทีหนึ่งเพราะว่าถ้าเกิดใครดูจาก Keynote
304.015 -> แล้วบอกว่า iPhone 14 ไม่มีถาดซิมแล้ว
305.944 -> อันนั้นเฉพาะรุ่นที่ขายในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นครับ
313.997 -> ทีนี้มาไฮไลท์เลยของ iPhone 14 Pro และก็ iPhone 14 Pro Max
318.517 -> ก็คือบริเวณติ่งหน้าจอด้านหน้าด้านบนตรงนี้
323.035 -> ที่มันเคยเป็นรอยบากที่เราอาจจะเรียกว่านอตอาจจะเรียกว่ารอยบากอะไรก็ตามมานะครับ
327.544 -> หรือเรียกว่าติ่งหน้าจอก็ได้ใน iPhone ที่เราคุ้นเคยกันมาหลายปีนี้
331.24 -> มันหายไปละ
332.344 -> มันกลายเป็นหน้าจอที่ถูกเจาะรูกล้องหน้า
336.618 -> คล้ายๆ กับโทรศัพท์ Android หลายรุ่นที่ทำมาหลายปีแล้วเช่นเดียวกันนะครับ
341.304 -> ทีนี้ Apple ทำเรื่องนี้ได้ช้ากว่าคนอื่นนะ
344.261 -> ก็ต้องทำให้แตกต่างใช่ไหมครับ
346.157 -> Apple บอกว่าเขาขอเรียกพื้นที่ดำๆ ตรงนี้ที่ถูกเจาะรูไปนี้ว่าเป็น Island นะครับ
351.919 -> หรือว่าเป็นเกาะแล้วก็ไม่เป็นเกาะธรรมดาด้วย
354.486 -> เขาเรียกว่า Dynamic Island
355.93 -> ก็คือเกาะสีดำๆ ตรงนี้มันสามารถที่จะ Dynamic ได้
361.027 -> Dynamic ก็คือมันสามารถที่จะใหญ่ขึ้นเล็กลง
364.584 -> ปรับเปลี่ยนขนาดได้ตามคอนเทนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปนะครับ
368.257 -> มันเป็นเกาะยังไงอ่ะดูก่อน
370.368 -> นี่คือขนาดมาตรฐานที่สุดของเขาก็คือเกาะนี้นะ
373.758 -> ลองดูนะ เกาะนี้มันจะเล็กที่สุดได้แค่นี้แหละ
376.314 -> เพราะว่านี่คือพื้นที่ของกล้องแล้วก็ชุด Face ID มันจะอยู่เท่านี้นะครับ
381.243 -> ทีนี้เกาะตรงนี้มันจะปรับเปลี่ยนขนาดยังไงนะครับ
384.438 -> ลองดูว่าถ้าเกิดสมมุติว่าเราก็ใช้งานโทรศัพท์เราไปนี่แหละ
387.872 -> เล่นโซเชียลมีเดียอะไรต่างๆ อยู่ใช่ไหมครับ
390.514 -> กำลังเบราว์ไปมานะครับ
392.551 -> ทีนี้ถ้าเกิดมีคนโทรเข้ามาเป็นยังไงลองดูนะครับ
396.75 -> เห็นป่ะว่าเกาะมันขยายขนาดตัวเองขึ้นมา
400.93 -> โดยที่พื้นที่มันขยายขึ้นมาเขายังเน้นว่าพื้นหลังมันจะเป็นสีดำอย่างนี้อยู่
406.119 -> แล้วก็รูปร่างของมันก็ยังเป็นรูปร่างวงรีคล้ายๆ เกาะอย่างนี้อยู่นะครับ
410.511 -> เราสามารถที่จะใช้งานหลายอย่างไปพร้อมกันได้
412.925 -> แล้วก็กดรับสายไปพร้อมกันอย่างนี้
416.237 -> พอเรากดรับสายไปนะครับ
417.557 -> เกาะมันก็จะเล็กลงเพราะตอนนี้เรามันไม่มีอะไรให้เราแตะล่ะ
421.885 -> ไม่ต้องกดรับสายหรือปฏิเสธสายแล้วครับ
424.16 -> แต่มันยังโชว์สถานะอยู่
425.86 -> คือมันจะใหญ่กว่าเกาะขนาดมาตรฐานขึ้นมานิดหนึ่งนะครับ
429.309 -> เพื่อที่จะบอกเราว่าตอนนี้เรามีสายโทรคุยอยู่นะ
433.037 -> แล้วก็มี Waveform บอกด้วยนะครับ
434.954 -> เวลาที่เราพูดตามเสียงผมเลยนะ
436.883 -> ไม่ได้พูดก็เงียบใช่ไหม
439.499 -> ถ้าพูดปุ๊บก็มี Waveform ขึ้นอย่างนี้นะครับ
441.73 -> เหมือนกับบอกให้เรารับรู้ว่าตอนนี้ไมโครโฟนของเครื่องอ่ะ
444.961 -> กำลังทำงานอยู่นะครับ
446.52 -> แล้วก็กำลังฟังเสียงเราอยู่ด้วยนะครับ
448.887 -> อยากจะวางสายทำยังไงไม่มีปุ่มให้วางสายนะครับ
451.476 -> ก็มี 2 ตัวเลือกก็คือเราแตะขึ้นมาอย่างนี้เลย
455.246 -> ก็จะเข้าหน้าโทรศัพท์ปกติ
457.299 -> ที่เราเคยใช้งานใน iPhone มาอย่างคุ้นเคยนี่แหละ
460.295 -> หรือทางเลือกที่ 2 ก็คือแตะค้าง
463.866 -> มันจะขยายขนาดเกาะนี้ขึ้นมา
465.695 -> ก็จะกดออกลำโพงก็ได้หรือกดวางสายก็ได้นะครับ
468.235 -> ลองดูว่าวางสายแล้วเกิดอะไรขึ้น
471.389 -> มันก็จะกลับไปเป็นขนาดเกาะปกติอีกครั้งหนึ่งนะครับ
475.14 -> ตอนนี้อาจจะยังมีแอปที่รองรับ Dynamic Island ไม่ได้เยอะมาก
479.833 -> เพราะว่า iPhone 14 นี้เพิ่งเปิดตัวใช่ไหมครับ
482.362 -> ส่วนมากก็จะเป็นแอป ของ Apple เองนะครับ
484.382 -> ยกตัวอย่างสมมุติว่าผมเล่นเพลงเปิดเพลงนะในแอป Music นี้
490 -> ตอนนี้เพลงก็เล่นไปอยู่นะครับ
491.381 -> ถ้าเกิดอยู่ในแอป Music เราควบคุมทุกอย่างได้นะครับ
493.729 -> ขนาดเกาะก็ยังเท่าเดิมนะครับ
495.985 -> ถ้าเกิดเราออกมาที่หน้า Home ครับ
498.973 -> ขนาดเกาะมันขยายใหญ่ขึ้นมันเนียน
501.672 -> คือเรารู้สึกว่าทุกอย่างมันทำได้ลื่นไหลไปหมดเลย
506.29 -> คือรูปร่างมันเป็นรูปร่างเดิม
508.467 -> แต่ว่ามันอาจจะยืดยาวขึ้นนิดหนึ่งนะครับ
510.803 -> อาจจะใหญ่ขึ้นมาทั้งก้อน
512.412 -> ถ้าเกิดเป็นเพลงเราแตะค้างเป็นยังไง
515.125 -> ก็มีให้เราคอนโทรลโดยที่รูปร่างของเขาก็ยังคงเป็นพื้นหลังสีดำอยู่นะครับ
520.873 -> มีความโค้งอยู่นะครับ
522.025 -> ความโค้งทุกอย่างมันเท่ากับความโค้งของตัวโทรศัพท์เลย
525.417 -> คือมันเนียนไปหมดเลยนะครับ
527.083 -> เราสามารถใช้งานทุกอย่างไปได้พร้อมๆ กันนะครับ
530.554 -> ตอนที่เราไม่ได้ควบคุมมันก็จะลดขนาดเล็กลงนะครับ
533.782 -> สมมุติว่าเพลงนี้ผมเลิกละ
535.69 -> ผมไม่เล่นเพลงต่อละ
537.408 -> เลิกเล่นแล้วนะครับ
538.566 -> แล้วก็ออกมา
541.342 -> แป๊บเดียวเท่านั้นน่ะมันก็จะหดพื้นที่กลับไป
544.872 -> เหลือแค่ขนาด Dynamic Island เกาะขนาดมาตรฐานของเขาเหมือนเดิม
548.986 -> รอที่เราจะเปิดแอปอื่นๆ เพื่อให้มันมาแสดงผล
552.589 -> เท่ากับว่าตอนนี้ iPhone 14 Pro มันเหมือนกับเรา Multitasking ได้เบาๆ เลยอ่ะ
558.639 -> คือปกติแล้วใน 1 หน้าจอมันเปิดได้ 1 แอปใช่ไหมครับ
561.762 -> ตอนนี้ถ้าเกิดใครใช้ Android ที่มันเปิดได้ 2 หน้าต่างพร้อมกัน
564.865 -> ก็ทำไม่ได้หรอ
566.94 -> ทีละขั้นทีละตอนแล้วกัน
568.499 -> ตอนนี้ iPhone นอกจากแอปหลักที่เราเปิดไว้
571.243 -> มันยังมีข้อมูลบน Dynamic Island ให้เราได้ดูอยู่ตลอดนะครับ
575.091 -> แล้วก็สามารถแตะข้างขึ้นมาได้ด้วยนะครับ
577.539 -> เก่งไปกว่านั้นอีกนะครับ
579.146 -> เก่งกว่านั้นอีก
579.985 -> ถ้าเกิดเมื่อกี้เปิดเพลงอีก
581.38 -> เปิดเพลงเหมือนเดิมแล้วกันนะ
582.968 -> สมมุติว่าเปิดเพลงนะครับ
584.377 -> ตอนนี้มี 1 ข้อมูลอยู่บนนี้ก็คือเล่นเพลงใช่ไหมครับ
587.547 -> มี Album Artwork ให้เราดูเล็กๆ
589.731 -> เหมือนกับ Waveform ให้เราดูว่าตอนนี้มันกำลังเล่นเพลงอยู่
593.442 -> สมมุติว่าผมมีอีก 1 แอปแล้วกัน
595.397 -> เราเข้าไปจับเวลากันนะครับ
597.775 -> สมมุติว่าใครใช้ Timer ผมจับเวลา 15 นาทีถอยหลัง
601.905 -> กลับมาที่หน้า Home ครับ
602.81 -> Dynamic Island ของเราโชว์ทั้ง 2 แอปนะครับ
605.772 -> ก็คือบอกว่าตอนนี้เพลงกำลังเล่นอยู่ด้วย
608.225 -> แล้วก็ Timer ก็กำลังจับเวลาอยู่ด้วย
611.221 -> แล้วมันก็เวิร์กกับการแตะด้วยนะครับ
613.198 -> สมมุติว่าผมแตะเพลงค้าง
614.951 -> ก็สามารถควบคุมเพลงได้
617.144 -> ผมมาแตะเข้า Timer ค้าง
619.814 -> ก็ยังเป็น Timer 15 นาทีนับถอยหลังของผมอยู่บอกอย่างนี้
623.121 -> ระหว่างนี้เราจะเข้าแอปพลิเคชันอื่น
625.399 -> จะเข้าไปทำอะไรในแอปอื่นๆ ก็สามารถทำไปได้พร้อมๆ กันนะครับ
630.117 -> การแตะบริเวณ Dynamic Island เหมือนกับถ้าเกิดใครรู้เยอะหน่อยรู้เรื่องฮาร์ดแวร์
634.876 -> ก็บอกว่าจริงๆ พื้นที่ที่เจาะไว้ตรงกลางที่มันแสดงผลอะไรไม่ได้
638.899 -> มันเป็นชุดกล้องมันเป็นชุด Face ID
641.081 -> แล้วแตะตรงนั้นมันจะไม่มีผลอะไรหรือเปล่าต้องมาแตะข้างๆ เฉียดๆ หรือเปล่า
644.662 -> ไม่ต้องนะครับ
645.525 -> แตะได้เลยแตะตรงกลางนี่แหละ
646.737 -> ผมดูเลยแตะตรงกลางนี่แหละ
649.14 -> แตะค้างตรงกลางควบคุมได้นะครับ
651.787 -> ดังนั้นเขาทำตรงนี้ให้ค่อนข้างเนียนเลยนะครับ
654.842 -> ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นคอนเซ็ปต์ที่ฉลาดมาก
657.346 -> ในการที่จะประยุกต์เอาการเจาะรูของหน้าจอใส่อุปกรณ์ใส่ Component เข้าไปนะครับ
665.044 -> หลายค่ายของแอนดรอยด์ก่อนหน้านี้พยายามที่จะซ่อนรูหน้าจอตรงนี้
670.198 -> ไม่ว่าจะทำให้มันเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
672.763 -> เอามันไปไว้ที่มุมหรือว่าพยายามหา Wallpaper อะไรมา
676.541 -> ที่เพื่อที่จะโปรโมตว่ามันไม่ได้มีรูอยู่บนหน้าจอ
679.894 -> พยายามจะซ่อนมัน
680.859 -> แต่ว่าคอนเซ็ปต์ของ Dynamic Island จาก Apple จะพยายามที่จะโชว์มันนะครับ
685.648 -> ว่ามันมีรูอยู่หน้าจอแต่มันเท่ได้นะครับ
688.634 -> นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดความฮือฮาขึ้นตอนที่เปิดตัว iPhone 14 Pro กับ iPhone 14 Pro Max นะครับ
694.734 -> ประสบการณ์การใช้งานก็ถือว่ายอดเยี่ยม
698.017 -> การโทรเข้าโทรออกทุกครั้งที่เราเสียบชาร์จนะครับ
701.454 -> Dynamic Island มันจะขยายขนาดพื้นที่มานะครับ
704.131 -> บอกข้อมูลกับเราเร็วๆ ว่าตอนนี้เสียบชาร์จเป็นยังไง
706.972 -> แป๊บหนึ่งก็จะหดพื้นที่กลับไปนะครับ
709.087 -> คืนพื้นที่ให้กับหน้าจอหลักของเราอีกทีหนึ่งนะครับ
712.114 -> หรืออีกอันหนึ่งที่เท่มากเหมือนกันนะครับ
714.151 -> ก็คือลองสังเกตพื้นที่ตรงนี้นะ
716.431 -> ทำให้ดูว่าแอปพลิเคชันอะไรก็ตามที่ต้องการ Face ID
721.051 -> ปกติแล้วโลโก้ Face ID มันก็จะโผล่มาที่บริเวณกลางหน้าจอใช่ไหม
725.471 -> ว่ากำลังสแกนอยู่หรือว่ากำลังมองหาใบหน้าของเราอยู่นะครับ
728.417 -> พอมี Dynamic Island UI ตรงนี้เท่ขึ้นเยอะเลย
731.28 -> อย่างเช่นสมมุติว่าผมมีโน้ตที่ผมล็อกเอาไว้นะครับ
734.175 -> แต่ว่าต้องปลดล็อกด้วย Face ID
736.152 -> ลองดูนะ
737.542 -> จะปลดล็อกด้วย Face ID มันจะขึ้นอย่างนี้
740.425 -> เท่ป่ะ
741.314 -> ก็ปลดล็อกครับ
742.305 -> มันเท่ดีคือผมว่านี่เป็นวิธีการคิดที่ฉลาดมาก
745.415 -> และในอนาคตก็จะมี API ที่แอปพลิเคชันต่างๆ นักพัฒนาแอปอื่นๆ
750.853 -> ที่ไม่ต้องมาจาก Apple เอง
752.57 -> จะสามารถใช้พื้นที่ของ Dynamic Island ตรงนี้ได้อย่างสร้างสรรค์หลากหลายมากๆ
757.26 -> โดยเฉพาะพวกแอปพลิเคชันที่ต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้เราได้เห็นตลอดเวลา
762.564 -> อย่างเช่นการบอกคะแนนการบอกสกอร์ของกีฬาต่างๆ อะไรพวกนี้
767.128 -> ถ้าเกิดสมมุติว่าตอนนี้มีแมตช์ไหนเตะอยู่ มีแมตช์ไหนเล่นอยู่
770.538 -> เราสามารถที่จะเห็นข้อมูลของคะแนนสดๆ ณ เวลานั้นได้ตลอดเวลา
775.16 -> ไม่ว่าเราใช้แอปไหนอยู่ก็ตามนะครับ
776.995 -> หรือยกตัวอย่างเช่นถ้าเราเรียกรถอย่างนี้
778.98 -> สมมุติเรียก Grab มาอีกกี่นาทีจะถึงไม่ต้องคอยแตะเข้าไปในแอปหลายๆ ครั้งนะครับ
783.237 -> มันอาจจะโชว์บอกเราอยู่ตลอดก็ได้ว่าตอนนี้อีกกี่นาทีจะมาถึงเราแล้วนะครับ
786.948 -> ตรงนี้มันเปิดความเป็นไปได้อีกหลายอย่าง
789.898 -> ที่จะทำให้การใช้ iPhone มันสะดวกสบายในชีวิตเรามากขึ้นนั่นเองครับ
794.378 -> อีก 1 ปัจจัยที่ทำให้ Dynamic Island ของ iPhone 14 Pro เนียนตามาก
798.38 -> ก็คือ Apple ได้เคลือบสารกันสะท้อนให้กับเซ็นเซอร์และก็กล้องหน้า
802.415 -> มากเป็นพิเศษนะครับ
803.445 -> ทำให้ตัวเราเองจะมองไม่ค่อยเห็นเลนส์กล้องด้วยตาเปล่าครับ
806.989 -> แต่เห็นเป็นเหมือนจอสีดำธรรมดาทั่วไปเลย
809.913 -> และการที่ Apple ยอมกลืนให้กล้องเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของ Interface หน้าจอ
813.774 -> และให้เราสามารถแตะมันได้บ่อยๆ
816.008 -> ก็ต้องแลกมากับการที่หน้าเลนส์จะมีรอยนิ้วมือได้ง่ายนะครับ
819.476 -> ต้องคอยเช็ดนิดหนึ่งก่อนที่เราจะหยิบมาถ่ายเซลฟี่ครับ
821.943 -> กับอีกเรื่องหนึ่งที่เศร้ามากเลยนะครับ
823.923 -> คือเวลาเราดูคอนเทนต์ดูหนังดูซีรีส์
826.397 -> ตัว Dynamic Island น่ะมันมาบังคอนเทนต์แบบนี้ครับ
829.477 -> คือมันแหว่งแบบสัดส่วนไม่ค่อยสวยเลยนะครับ
832.566 -> ถ้าเปิดเต็มจอแล้วแหว่งไปแค่พื้นที่ของ Dynamic Island ทั้งอัน
835.658 -> ก็เข้าใจได้นะครับ
836.723 -> แต่คลิปสัดส่วน 18:9 อย่างใน Netflix หรือว่า YouTube บางคลิป
840.62 -> จะแหว่งแบบนี้เลยครับ
841.815 -> หรือถ้าเกิดเราดู YouTube แบบแนวตั้ง
844.217 -> ตัว Dynamic Island สีดำจะบังคอนเทนต์เยอะไปหน่อยนะครับ
846.802 -> อันนี้ไม่แน่ใจว่าต้องรอให้ทาง YouTube อัปเดตแอปก่อนหรือเปล่าครับ
850.471 -> ทีนี้ถัดจากความเท่ของเกาะ Dynamic หรือว่า Dynamic Island นะครับ
854.343 -> เรามาดูเรื่องของหน้าจอบ้างนะครับ
856.506 -> ที่มีการปรับปรุงใหม่เช่นเดียวกันนะครับ
858.803 -> ใน iPhone 14 Pro แล้วก็ iPhone 14 Pro Max นะครับ
861.114 -> ถึงแม้ว่าขนาดเท่าเดิมนะ 6.1 นิ้วใน iPhone 14 Pro
864.534 -> แล้วก็ 6.7 นิ้วในรุ่น iPhone 14 Pro Max นะครับ
867.068 -> แล้วก็ความละเอียดเท่าเดิมด้วยนะครับ
869.163 -> แต่ว่ารอบนี้มีการปรับปรุงความสว่างสูงสุดให้มากขึ้นนะครับ
872.429 -> สู้แสงแดดจ้าๆ ได้มากขึ้นนะครับ
875.474 -> จริงๆ แล้วพอ iPhone ไปอยู่กลางแดดได้ไม่นานหรอกครับ
878.732 -> ตัวเครื่องก็จะค่อยๆ ลดความสว่างลงมาให้กับเรานะครับ
882.402 -> ยังคงมีปัญหานี้อยู่
883.329 -> ดังนั้นใครที่เล่นเกมหนักๆ หรือว่าใช้กลางแจ้งกลางแดดบ่อยๆ
887.47 -> ก็จะยังคงเจอปัญหาของการลดแสงหน้าจอลงมาอย่างแน่นอนแหละ
891.139 -> ความสว่างสูงสุดอาจจะเหมาะไว้สำหรับดูคอนเทนต์ HDR แบบเต็มตาแบบสว่าง
896.58 -> อยู่ในห้องแอร์อะไรแบบนี้มากกว่านะครับ
899.264 -> แต่ส่วนหลักๆ เลยที่รอบนี้ปรับปรุงขึ้นมา
902.164 -> ก็คือเรื่องของอัตราการรีเฟรชหน้าจอนะครับ
905.627 -> ก่อนหน้านี้ iPhone รุ่น Pro จะมีสิ่งที่เรียกว่า ProMotion อยู่แล้วนะครับ
909.19 -> ก็คือตัว Refresh Rate ของหน้าจอสามารถดันขึ้นไปได้สูงสุดถึง 120Hz นะครับ
914.805 -> รอบนี้เขาบอกว่า 120Hz ยังเป็นสูงสุดอยู่
917.62 -> แต่ว่าต่ำสุดของเขาสามารถลงมาได้เหลือแค่ 1Hz เท่านั้นนะครับ
921.575 -> ทำให้มีฟีเจอร์หนึ่งเพิ่มเติมขึ้นมา
924.189 -> ก็คือหน้าจอของ iPhone จะติดอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ได้นะครับ
928.472 -> หรือว่า Always-On Display นะครับ
930.255 -> ดูเผินๆ จริงๆ แล้วสว่างนะ
932.298 -> คือดูเผินๆ เหมือนกับเราไม่ได้ปิดโทรศัพท์เหมือนไม่ได้ล็อกนะครับ
936.134 -> แต่นี่คือปิดแล้วนี่คือกดปิดแล้วนะครับ
938.53 -> ถ้าเกิดเรากดเปิดจะเป็นแบบนี้
940.906 -> ถ้าเกิดกดปิด
941.997 -> อันนี้จะเป็นหน้าจอที่ติดอยู่ตลอดเวลานะครับ
944.574 -> หรือว่า Always-On ซึ่งเขาทำ Always-On ได้เก่งมากนะครับ
947.844 -> คือไม่ใช่แค่สักแต่ให้หน้าจอมันติดอ่ะ
950.482 -> แบบเอาแค่รายละเอียดบางอย่างลดลงไปเหลือแค่นี้
953.388 -> แล้วก็ทำให้มันติดอยู่ตลอดเวลานะครับ
955.201 -> แต่ว่ามีการคำนวณเกิดขึ้นด้วยนะครับ
957.337 -> นั่นก็คือสมมุติว่าถ้าเกิดวอลเปเปอร์ของเราเป็นรูปคน
960.571 -> ผมเปลี่ยนเป็นวอลเปเปอร์รูปคนให้ดูนะ
962.636 -> สมมุติว่าวอลเปเปอร์เป็นรูปนี้นะครับ
964.648 -> แล้วเรากดปิดดู
967.345 -> อันนี้คือหน้าจอ Always-On ของเขาครับ
969.456 -> Apple บอกว่าตัว Always-On ที่เป็นรูปคน
973.917 -> เขาจะดรอปลงไปแต่ Skin Tone จะยังถูกต้องอยู่
978.056 -> นั่นก็คือเวลาเราดูหน้าจอ
980.995 -> แม้ว่าเราไม่ได้เปิด iPhone ไม่ได้แตะให้มันติดขึ้นมา
983.782 -> มันจะยังสวยอยู่นะ
985.282 -> คือเราอ่ะใช้รูปคนเป็นวอลเปเปอร์กันเยอะเลยใช่ป่ะ
988.817 -> ดังนั้นสิ่งนี้สำคัญมากนะครับ
990.611 -> อันนี้คือเรื่องแรกที่เขาคำนวณขึ้นมาครับ
992.615 -> เรื่องที่ 2 เขาบอกว่าการที่หน้าจอมันติดอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
996.691 -> คือล็อกหน้าจอนะครับ
998.663 -> การที่หน้าจอมันติดอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
1000.99 -> มันกินแบตเตอรี่แน่นอนทุกคนรู้อยู่แล้วนะครับ
1003.879 -> แล้วทำยังไงให้แบตเตอรี่ของ iPhone มันอยู่ได้ตลอดทั้งวันนะครับ
1007.889 -> ก็ต้องมีการประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นนะครับ
1010.198 -> ตัวนี้จะดรอปหน้าจอลงมาเหลือแค่ 1Hz เท่านั้น
1013.211 -> ก็คือ Refresh น้อยมาก
1014.796 -> ดังนั้นข้อมูลต่างๆ ที่โชว์อยู่ตรงนี้
1017.078 -> ก็จะถูก Refresh ด้วยจำนวนครั้งที่อาจจะไม่ได้เรียลไทม์
1021.029 -> เท่ากับการเปิดหน้าจอขึ้นมาแบบนี้นะครับ
1023.723 -> อันนี้คือเรื่องแรกที่ทำการประหยัดแบตเตอรี่นะครับ
1026.646 -> อย่างที่ 2 ก็คือแม้ว่าชื่อของเขาคือ Always-On ก็จริง
1031.136 -> แต่มันไม่ได้ติดอยู่ตลอดเวลาทุกสถานการณ์ครับ
1035.186 -> เขาจะทำยังไงก็ได้ให้เราอ่ะรู้สึกว่ามันติดอยู่ตลอด
1039.24 -> แต่จริงๆ มันไม่ได้ติดอยู่ตลอด
1040.635 -> อย่างเช่นตอนที่เราใส่โทรศัพท์เครื่องเข้าไปในกระเป่ากางเกงของเรา
1045.016 -> คือมันตรวจจับนะ
1046.616 -> มันรู้ว่าตอนนี้ iPhone อยู่ในกระเป๋ากางเกงไม่มีใครมองเห็นหรอก
1050 -> เขาก็จะแอบปิดไป
1051.907 -> คือเราจะไม่รู้ว่ามันแอบปิดไป
1054.887 -> แต่ว่าเพราะทุกครั้งที่เราเห็นมันเราจะเห็นว่ามันติดอยู่อย่างนี้นะครับ
1058.244 -> แต่จริงๆ แล้วหน้าจอมันจะปิดไปนะครับ
1060.424 -> หรือตอนที่เราคว่ำ iPhone อยู่กับพื้นโต๊ะแบบนี้
1064.04 -> มันก็จะแอบปิดไปเหมือนกันเพราะว่ามันรู้แหละว่าไม่มีใครเห็นหรอก
1067.659 -> ขอแอบงีบแล้วกันขอแอบปิดไปนะครับ
1070.059 -> แต่พอเราหยิบออกมา
1071.829 -> มันก็จะเหมือนกับติดอยู่ตลอดเวลาแบบนี้นะครับ
1074.499 -> ผมลองดูละผมลองแนบดูกับโต๊ะนะครับ
1077.976 -> แล้วก็ลองแง้มๆ ดู
1079.491 -> เอากล้องถ่ายให้คุณผู้ชมดูนะครับ
1081.276 -> มันแอบหลับไปจริงๆ เห็นป่ะว่ามันไม่ติด
1083.502 -> แต่พอทันทีที่เราหยิบออกมาปุ๊บ
1085.779 -> มันติดขึ้นมานะครับ
1087.303 -> ดังนั้นเขาแอบหลอกเรานิดหนึ่งว่า Always-On
1090.958 -> แต่จริงๆ แล้วมันจะแอบหลับไปบ้าง
1093.199 -> เพื่อที่จะประหยัดแบตเตอรี่ในหลายสถานการณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ
1097.432 -> มีอีกหลายสถานการณ์เลยก็คืออย่างต่อ Apple CarPlay อย่างนี้
1101.063 -> คือเราไม่ควรที่จะมาดูหน้าจอโทรศัพท์อยู่แล้วนะครับ
1104.482 -> พอตรวจจับว่ามันต่อกับ Apple CarPlay
1106.762 -> หน้าจอตัวนี้ก็จะดับไปแม้ว่าจะเปิด Always-On Display อยู่ก็ตามนะครับ
1110.803 -> มีหลายสถานการณ์ที่เขาคำนวณมาเผื่อเรื่องนี้ครับ
1113.002 -> ผมว่ามันก็เป็นฟีเจอร์ที่เท่ดีนะ
1115.382 -> แต่ถ้าเกิดใครไม่ชอบนะครับ
1116.868 -> ต้องการให้มันปิดสนิททั้งหมดเลยนะครับ
1119.205 -> ก็คือเป็นหน้าจอดำมืดเหมือนปกติ
1121.027 -> ฟีเจอร์นี้สามารถที่จะเข้าไปปิดได้ใน Setting ครับ
1129.356 -> อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับคนที่จะซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่
1133.314 -> ก็คือเรื่องของกล้องใช่ไหมครับ
1134.586 -> รอบนี้ iPhone 14 Pro นี้ถือว่ามีการปรับปรุงกล้องครั้งยิ่งใหญ่เลยนะครับ
1138.948 -> มีการเพิ่มความละเอียดของเซ็นเซอร์กล้องเข้าไป
1141.944 -> มีการขยายขนาดเซ็นเซอร์ของกล้องเข้าไปนะครับ
1144.76 -> ก่อนหน้านี้ใครที่ใช้โทรศัพท์ Android
1147.726 -> ก็จะมองว่า iPhone ยึดติดกับกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลจังเลย
1152.713 -> เรามองสเปกย้อนกลับไปนะครับ
1154.456 -> iPhone นี้ใช้กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลมาอย่างยาวนานนะครับ
1157.964 -> เขาเชื่อถือในความละเอียด
1159.462 -> เขาบอกว่า 12 ล้านพิกเซลมันเยอะพอละ
1162.506 -> ที่เราถ่ายมาแล้วจะได้ความสวยงามได้รายละเอียด
1165.283 -> สามารถเอาไปซูมหรือว่าเอาไปแชร์ต่อนะครับ
1168.043 -> ในโซเชียลมีเดียมันได้ความคมชัดอยู่แล้วนะครับ
1170.651 -> ซึ่งคนที่ใช้ iPhone ก็จะรู้สึกว่าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่หว่ากับ 12 ล้านพิกเซล
1175.861 -> แต่ว่าถ้าเกิดเราไปมองสเปกของโทรศัพท์ Android หลายรุ่นในตลาด
1178.89 -> ในวันนี้บางรุ่นไปถึง 100 ล้านพิกเซลแล้วด้วยซ้ำไปนะครับ
1183.093 -> รอบนี้ Apple มีการขยับตัวใน iPhone 14 Pro แล้วก็ 14 Pro Max
1187.536 -> มีการขยายขนาดเซ็นเซอร์แล้วก็มีความละเอียดของกล้องหลักนะ
1192.448 -> ตัวเดียว 48 ล้านพิกเซลนะครับ
1195.352 -> ตัวอื่นยังเป็น 12 ล้านพิกเซลอยู่ครับ
1197.268 -> 48 ล้านพิกเซลเป็นยังไงนะครับ
1199.678 -> บอกว่าถ้าเกิดเราเปิดเข้าแอปกล้องนะครับ
1202.358 -> แล้วเรากดถ่ายมา
1205.337 -> ภาพที่ได้จะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลอยู่นะครับ
1210.176 -> แต่ว่าเซ็นเซอร์จริงๆ 48 ล้านพิกเซลครับ
1213.037 -> เขาใช้เทคนิคที่เรียกว่า Quad‑pixel นะครับ
1216.025 -> Quad‑pixel ตรงตามชื่อของเขาเลย
1218.226 -> Quad ก็คือ 4
1219.344 -> เป็นการรวม 4 พิกเซลออกมาให้กลายเป็น 1 พิกเซลนะครับ
1223.456 -> เทคนิคนี้ถูกใช้ในสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่น
1226.553 -> ถูกใช้ในกล้องใหญ่ๆ บางตัวเหมือนกันนะครับ
1229.169 -> เพื่อที่จะทำให้การเก็บแสงของภาพเก็บรายละเอียดของภาพ
1233.278 -> มันดียิ่งขึ้นนะครับ
1234.645 -> ก็คือเซ็นเซอร์จริงๆ อ่ะมันเก็บได้เยอะมากมันเก็บได้ 48 ล้านพิกเซล
1237.775 -> แต่ว่าเรารวมเอา 4 พิกเซลเหลือพิกเซลเดียว
1240.576 -> เพราะฉะนั้นภาพที่ถ่ายออกมามันก็เลยเหลือ 12 ล้านพิกเซลนะครับ
1244.905 -> เทคนิคนี้ก็จะช่วยให้ iPhone 14 Pro และก็ iPhone 14 Pro Max
1249.441 -> ถ้าเกิดถ่ายจากกล้องหลักก็คือที่ระยะซูม 10x
1253.117 -> จะได้รายละเอียดที่คมชัดมากๆ นะครับ
1255.685 -> แล้วก็จะดียิ่งขึ้นถ้าเกิดเราถ่ายในที่แสงน้อยนะครับ
1259.248 -> ดังนั้นถามว่าภาพที่ถ่ายมาจาก iPhone 14 Pro และก็ iPhone 14 Pro Max
1264.381 -> มีความละเอียดเยอะขึ้นหรือเปล่า
1265.864 -> ก็อาจจะต้องบอกว่าเราจะได้ภาพ 12 ล้านพิกเซลเท่าเดิมนั่นแหละครับ
1269.766 -> ยกเว้นเราจะถ่ายด้วยโหมด ProRAW หรือว่าถ่ายออกมาเป็นไฟล์ RAW ถึงจะมีตัวเลือก
1274.629 -> ว่าให้มันไม่ต้องใช้เทคนิค Quad‑pixel เลยจะได้ภาพ 48 ล้านพิกเซลออกมา
1278.926 -> แต่สำหรับคนทั่วๆ ไปที่คว้ามือถือขึ้นมาแล้วก็ถ่ายได้ทันทีนะครับ
1282.528 -> เราจะยังได้ตัวภาพความละเอียด 12 ล้านพิกเซลอยู่
1285.843 -> แต่เป็น 12 ล้านพิกเซลที่ดีกว่าเดิมมากๆ นะครับ
1289.234 -> เดี๋ยวผมพาไปดู
1290.222 -> ว่าภาพที่ถ่ายออกมาจาก iPhone 14 Pro และก็ iPhone 14 Pro Max เป็นยังไงกันบ้าง
1295.011 -> ทีนี้มาดูตัวอย่างรูปที่ท้าทายมากขึ้นในที่แสงน้อยครับ
1298.664 -> จริงๆ iPhone มี Night Mode ในรุ่นก่อนหน้านี้อยู่แล้วนะครับ
1301.979 -> หลักการก็คือพอตัวกล้องจับได้ว่าแสงน้อย
1305.585 -> มันก็จะเปิด Speed Shutter นานขึ้นนะครับ
1307.905 -> เราเองก็ต้องคอยถือกล้องให้นิ่งๆ ไว้สัก 1-2 หรือ 3 วินาทีอะไรก็ว่าไปใช่ไหมครับ
1313.193 -> แต่พอมา iPhone 14 Pro ที่เซ็นเซอร์มันใหญ่ขึ้น รูรับแสงกว้างขึ้น
1317.51 -> เก็บแสงได้มากขึ้นก็เลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ครับ
1320.511 -> ก็คือใน iPhone 13 Pro เขาเข้า Night Mode ไปแล้วเห็นไหมครับ
1324.102 -> แต่ว่าใน iPhone 14 Pro ยังเอาอยู่ด้วยกันถ่ายปกติครับ
1327.753 -> ส่วนภาพถ่ายที่ได้จากการถ่ายในที่แสงน้อยก็ดีขึ้นแบบสัมผัสได้นะครับ
1331.87 -> รายละเอียดครบมากขึ้น Dynamic ในที่มืดแสงเงาชัดเจนขึ้น
1335.993 -> อาจจะไม่ได้ถึงกับร้องโอ้โหหรือว่าสวยแบบตะโกนอะไรนะครับ
1339.309 -> แต่ว่าใช้งานจริงโอเคเลยภาพ
1341.19 -> ที่ได้สามารถเอาไปใช้งานได้อยู่ครับ
1343.719 -> ส่วนกล้องหน้าในที่แสงน้อยคือลาก่อนนะครับ
1346.496 -> ยังไม่ไหวเหมือนเดิม
1347.593 -> กล้องหน้าจะดีได้จะต้องแสงเยอะหน่อยแบบนี้ครับ
1351.934 -> อีกประโยชน์หนึ่งของความละเอียด 48 ล้านพิกเซลของกล้องหลักใน iPhone 14 Pro
1357.388 -> ก็คือมันสามารถทำอะไรแบบนี้ได้นะครับ
1359.596 -> ผมขออนุญาตเอา iPhone 13 Pro Max ขึ้นมาให้ดูก่อนนะครับ
1362.721 -> iPhone 13 Pro Max กล้องหลังมันมี 3 ตัวถูกป่ะ
1365.253 -> เวลาเราเข้าโหมดถ่ายรูปอ่ะ
1367.337 -> มันจะมีระยะ Optical ให้เราเลือกทั้งหมด 3 ระยะด้วยกันใช่ไหมครับ
1371.566 -> จากกล้อง 3 ตัวก็คือเลนส์ระยะ 1x กล้องหลักระยะ Tele ก็คือจะซูม 3 เท่าเลยนะครับ
1376.755 -> แล้วก็ระยะ Ultra Wide เป็น 0.5 นี้
1379.256 -> เพราะนี่คือการซูม Optical มันคือการเปลี่ยนกล้องตัวหนึ่งมาอีกตัวหนึ่งจริงๆ เลยใช่ไหมครับ
1383.469 -> ทีนี้มาดู iPhone 14 Pro Max กันบ้างนะครับ
1385.736 -> ด้วยความที่กล้องหลักของเขาความละเอียด 48 ล้านพิกเซลนะครับ
1389.612 -> เขาเลยสามารถเพิ่มอีก 1 ระยะเข้ามา
1391.619 -> ก็คือเพิ่มระยะ 2x มันคือการใช้กล้องหลักที่ระยะ 1x
1396.182 -> มาครอปเอาเฉพาะส่วนตรงกลางมา
1399.213 -> ด้วยความที่กล้องหลักความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล
1402.556 -> ดังนั้นการที่เราครอปเฉพาะตรงกลางมา
1406.033 -> มันยังได้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลอยู่
1408.075 -> อันนี้เป็นอีกหนึ่งประโยชน์จากการที่มันมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 48 พิกเซล
1412.445 -> ดังนั้นใครที่รู้สึกหงุดหงิดกับ iPhone รุ่นก่อนหน้าที่มันมีซูม 1ป แล้วก็ซูมอีกที 3x ไปเลยอ่ะ
1420.333 -> มันไกลเกินไปมันไม่มีอะไรระหว่างทางนะครับ
1422.403 -> อยากได้ระยะ 2 เท่า
1423.657 -> ใน iPhone 14 Pro กับ iPhone 14 Pro Max ระยะ 2 กลับมาแล้วแบบชัดแจ๋วเลยด้วย
1437.573 -> ที่เขาปรับปรุงเรื่องกล้องไม่ได้ปรับปรุงแค่กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซลอย่างเดียวนะครับ
1441.634 -> แต่ว่ากล้อง Ultra Wide ได้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น
1444.474 -> แล้วก็สามารถเก็บแสงได้เยอะขึ้นด้วยนะครับ
1446.701 -> ทำให้เราสามารถถ่ายภาพระยะ Ultra Wide ได้สวยงามคมชัดมากขึ้น
1450.332 -> และอีก 1 อานิสงส์ที่ได้มานะครับ
1451.968 -> ก็คือเราสามารถที่จะถ่ายภาพ Macro ได้คมชัดมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมด้วยครับ
1457.702 -> ดูรูปนี้สิ
1458.716 -> คือมันมีขนๆ อยู่ที่ใบ
1460.476 -> ซูมดูนี่คือเห็นทุกรายละเอียดเลย
1467.914 -> อีก 1 ลูกเล่นใหม่ที่เพิ่งมาเพิ่มเติมก็คือใน Portrait Mode นะครับ
1472.459 -> ก่อนหน้านี้เราอาจจะเรียกชื่อโหมด Portrait เป็นชื่อไทยเล่นๆ
1476.364 -> ว่าหน้าชัดหลังเบลอใช่ป่ะ
1477.936 -> แต่ว่ารอบนี้มีสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือเป็น Foreground blur
1482.734 -> หรือถ้าเกิดแปลไทยก็น่าจะเป็นหน้าเบลอหลังชัดอะไรประมาณนี้นะครับ
1486.866 -> นั่นก็คือเขาสามารถทำให้สิ่งที่บังอยู่ด้านหน้าฉาก
1489.956 -> หรือว่าสิ่งที่ใกล้กล้องมากกว่า
1491.842 -> มันเบลอแล้วก็ตัวแบบของเราชัดเจนก็ได้อีกเอฟเฟกต์หนึ่งที่น่าสนใจนะครับ
1496.045 -> อย่างเช่นรูปนี้ผมถ่ายมาต้นไม้บังอยู่ด้านหน้า
1498.654 -> เห็นไหมว่าต้นไม้เบลอเป็นเอฟเฟกต์เหมือนกับเราใช้กล้องใหญ่
1502.173 -> ที่แบบเป็นเลนส์ F กว้างๆ หรือว่า Depth ตื้นๆ นะครับ
1505.454 -> ถ่ายมาได้เอฟเฟกต์ที่สวยงามแบบนี้เลยนะครับ
1507.981 -> ตอนกลางคืนแสงน้อยหน่อยก็ยังเวิร์กได้เหมือนกันนะครับ
1510.873 -> รูปนี้ผมลองให้ซู่ชิงยื่นมือมาข้างหน้านะครับ
1512.995 -> ก็เห็นเลยว่าส่วนมือก็เบลอละลายไปเหมือนกับเราใช้กล้องใหญ่ถ่ายมาเลยครับ
1517.514 -> ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ Exclusive ให้เฉพาะ iPhone 14 ด้วยนะครับ
1521.013 -> เพราะว่าหลังจากที่เราอัปเดต iOS 16 แล้ว
1523.336 -> ใครที่ถือ iPhone 13 อยู่จะสามารถทำเอฟเฟกต์นี้ได้เช่นเดียวกันครับ
1526.581 -> ทีนี้การที่กล้องมันดีขึ้นน่ะ
1528.31 -> มันไม่ได้ภาพที่ดีขึ้นแค่ภาพนิ่ง
1530.564 -> คุณภาพของไฟล์วิดีโอก็ดีขึ้นตามคุณภาพของกล้องเช่นเดียวกันนะครับ
1535.285 -> การถ่ายวิดีโอด้วย iPhone 14 Pro นี้ก็มีคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างสังเกตได้นะครับ
1540.706 -> แต่อย่างหนึ่งที่อยากพูดถึงมากอยากรีวิวให้ดูมากเลย
1543.357 -> ก็คือมันมีโหมดใหม่
1544.568 -> ที่ Exclusive ให้เฉพาะ iPhone 14 Pro กับ iPhone 14 Pro Max เท่านั้น ณ เวลานี้
1549.905 -> นั่นก็คือถ้าเกิดเรากดเข้าสู่โหมดการถ่ายวิดีโอนะครับ
1553.121 -> มันจะมีปุ่มเพิ่มเติมขึ้นมาแหละ
1555.437 -> ก็คือปุ่มนี้
1556.462 -> เห้นไหมที่เป็นรูปคนวิ่ง
1558.258 -> เราสามารถที่จะแตะเปิดโหมดนี้ได้ครับ
1560.014 -> อันนี้เรียกว่า Action Mode
1561.628 -> Action Mode คำว่า Action มันมาจากกล้อง Action Cam เลยนะครับ
1565.813 -> ก็คือพวกกล้อง GoPro ที่เราอาจจะรู้จักกันนี่แหละ
1568.485 -> ตอนนี้มันมีโหมดที่สามารถทำให้เจ้า iPhone 14 Pro กับ 14 Pro Max
1573.537 -> จำลองการเป็นกล้อง Action ได้นะครับ
1575.695 -> กล้อง Action มันก็คือจะต้องรองรับการสั่นสะเทือน
1579.624 -> เวลาที่เราอาจจะต้องถือถ่าย Handheld วิ่งไปตามของเร็วๆ
1584.535 -> หรือว่าเล่นกีฬา Extreme ไปติดอยู่กับจักรยานวิบากอะไรพวกนี้นะครับ
1588.214 -> ระบบกันสั่นของกล้องเลนส์ปกติมันเอาไม่อยู่ครับ
1591.687 -> มันจะต้องใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยนะครับ
1593.828 -> ตรงนี้สามารถอนุญาตให้ทำได้นะครับ
1596.089 -> เดี๋ยวผมจะลองทำให้ดูก่อนนะครับ
1597.758 -> แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังว่าหลักการการทำงานเป็นยังไงนะครับ
1600.102 -> ผมจะวิ่งไปตามเส้นทางนี้โดยการเปิดโหมด Action เอาไว้นะครับ
1603.621 -> ถือ iPhone มือเปล่าๆ แบบนี้
1606.102 -> แล้วก็วิ่งแบบไม่ต้องแคร์เลยว่าเราจะต้องถือให้มันนิ่งแค่ไหนนะครับ
1610.143 -> เดี๋ยวลองดูครับ
1613.315 -> เริ่ม
1614.597 -> ไป
1619.357 -> สะเทือนกันเบอร์นี้
1624.062 -> โอเค
1626.777 -> มาดูกันว่าฟุตเทจที่ได้
1628.977 -> มันออกมาเป็นอย่างนี้
1630.208 -> บ้าไปแล้ว
1631.364 -> นี่มันไม่ใช่มือถือถ่ายเปล่าๆ แล้วนะ
1635.377 -> คืออยากกับอยู่บน Gimbal ดูความลื่นไหลสิ
1640 -> ถ้าเกิดปกติเราอยู่ในโหมดการถ่ายวิดีโอ
1642.832 -> อยู่กล้อง 1x ดูนะอยู่ อยู่กล้อง 1x นะ
1645.061 -> ถ้าเกิดเราเข้าสู่โหมด Action ครับ
1647.142 -> มันจะสลับไปที่กล้อง 0.5
1650.089 -> มันจะใช้เลนส์ Ultra Wide ในการที่จะถ่าย
1653.547 -> แต่ได้มุมมองเดียวกันกับกล้อง 1x นะครับ
1656.705 -> นั่นก็คือมันใช้มุมมองกว้างไว้ก่อน
1659.086 -> แล้วก็เวลาที่ภาพเราสะเทือนอ่ะ
1661.936 -> มันเอาเฉพาะตรงกลางมาเอาเฉพาะ 1x มา
1664.521 -> แล้วก็ใช้ซอฟต์แวร์พยายามล็อกให้ภาพตรงกลางมันนิ่งที่สุดนะครับ
1667.649 -> อันนี้คือหลักการของเขาของ Action Mode
1669.929 -> ดังนั้นเวลาที่ถ่ายออกมามันก็จะได้ความนิ่งของซอฟต์แวร์
1674.408 -> คือซอฟต์แวร์จะพยายามล็อกเฟรมให้มันนิ่งๆ ไว้ตรงกลาง
1677.679 -> ให้เรายังเห็นความลื่นไหลอยู่นะครับ
1679.31 -> สิ่งที่เราจะสูญเสียไปนะครับ
1681.367 -> นั่นก็คือเราไม่สามารถที่จะได้มุมมองกว้างไปกว่านี้ล่ะ
1684.42 -> คือกว้างที่สุดในโหมด Action จะประมาณ 1x นะครับ
1687.407 -> แต่ว่ากล้องจะโชว์ว่าเราใช้เลนส์ 0.5 อยู่นะครับ
1690.77 -> กับอย่างที่ 2 คือเราจะไม่ได้ความละเอียดสูงสุดที่เซ็นเซอร์ทำได้
1694.34 -> เพราะว่าเราใช้ Ultra Wide และถูกครอปลงมา
1697.703 -> ดังนั้นความละเอียดสูงสุดของวิดีโอในโหมด Action
1700.207 -> จะไม่ใช่ 4K แต่ว่าจะเป็น 2.8K
1704.241 -> ถ้าเกิดลองมาดู
1705.173 -> นี่คือสูงสุดละที่เราทำได้นะครับ
1708.175 -> มีให้เลือกว่าจะเอา Full HD หรือจะเอา 2.8K จะไม่มี 4K ให้เลือก
1712.63 -> เพราะความละเอียดจะถูกดรอปลงมาเล็กน้อยนะครับ
1714.51 -> ภาพมันถูกครอปเข้ามานะครับ
1715.772 -> อันนี้คือหลักการคร่าวๆ ของเขาเท่านั้นเอง
1718.399 -> แต่ในโหมด Action เราสามารถที่จะเลือกใช้เลนส์ระยะอื่นได้ด้วย
1722.021 -> คืออาจจะไม่ต้องใช้กว้างเท่านี้ก็ได้
1723.96 -> อยากจะใช้แคบลงมาหน่อยก็ยังได้นะครับ
1728.037 -> โดยที่ยังได้ความสามารถของความเป็น Action Mode อยู่นะ
1730.564 -> คือต่อให้ซูมเข้ามาเท่านี้
1732.266 -> มันก็ยังมีความสะเทือนหรือว่าความลื่นไหลต่างๆ
1734.674 -> จะได้ใกล้เคียงกันกับที่ผมทำให้ดูเมื่อกี้นี้ครับ
1743.061 -> นอกจากนี้ก็ยังมีการปรับปรุง
1745.037 -> เหนื่อยนะเว้ยวิ่งกี่รอบ
1747.835 -> ยังมีการปรับปรุงว่าในโหมด Cinematic
1750.073 -> โหมดที่หลายคนชื่นชอบใน iPhone 13 Pro ปีที่แล้ว
1753.888 -> คือแล้วก็บอกว่าทำไมมันถ่ายได้แค่ Full HD นะครับ
1757.036 -> รอบนี้ iPhone 14 Pro สามารถถ่าย Cinematic mode ได้
1760.045 -> ที่ความละเอียด 4K แล้วในที่สุดนะครับ
1762.201 -> จริงๆ ปีที่แล้วเขากั๊กแหละ
1763.306 -> คือน่าจะทำได้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วนะ
1765.309 -> รุ่นนี้ทำได้แล้วนะครับ
1766.706 -> สิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้มากกับกล้อง iPhone 14 Pro รอบนี้
1770.146 -> ก็คือเอฟเฟกต์แสงแฟลร์สีเขียวๆ
1772.512 -> ที่มักจะโผล่เข้ามาในภาพของกล้อง iPhone มาหลากหลายรุ่น
1775.862 -> ถูกแก้ปัญหาแล้วหรือยังนะครับ
1777.681 -> ก็ต้องขอแสดงความเสียใจว่ากล้อง iPhone 14 Pro ในหลายสถานการณ์
1782.102 -> เราก็จะยังเห็นแสงแฟลร์เขียวๆ นี้อยู่นะครับ
1784.871 -> เมื่อไหร่จะแก้ได้สักที Apple
1787.119 -> นอกจากนี้ใน iPhone 14 Apple ยังได้เพิ่มเซ็นเซอร์ใหม่เข้ามาด้วยนะครับ
1790.916 -> ทำให้มันมีฟีเจอร์ Crash Detection เหมือนกับในนาฬิกา Apple Watch series 8 เลย
1795.625 -> นั่นก็คือมันสามารถตรวจสอบได้
1797.393 -> ว่ารถยนต์ที่เราขับอยู่หรือว่านั่งโดยสารอยู่เกิดอุบัติเหตุ
1800.726 -> อย่างเช่นชนหรือว่ารถคว่ำหรือเปล่านะครับ
1803.07 -> เพื่อที่มันจะได้สามารถทำการติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับเราได้
1807.212 -> และนี่จะเป็นฟีเจอร์สุดท้ายที่เราจะไปทดสอบกันครับ
1809.737 -> ผมกดเรียกอูเบอร์มาแล้วเราไปทดสอบกันเลยดีกว่า
1818.093 -> บ้าหรอ มันทดสอบไม่ได้ฟีเจอร์นี้
1820.913 -> Apple บอกใน Keynote เลยว่าเขาไม่คิดว่าจะมีใครได้ใช้ฟีเจอร์นี้เลยนะครับ
1827.147 -> แต่ถ้าเกิดมันสุดวิสัยจริงๆ จะได้ใช้ก็น่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยชีวิตได้นะครับ
1831.936 -> อย่าทดสอบเองนะ
1833.079 -> คือฟีเจอร์นี้มีไว้ใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้นจริงๆ นะครับ
1837.214 -> มันเหมือนกับว่าเอารถมา Test drive
1839.183 -> แล้วบอกว่าเดี๋ยวผมจะไปทดสอบถุงลมนิรภัยกันนะครับ
1842.5 -> ว่าชนแล้ว Airbag มันจะเซฟ
1843.967 -> ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ
1845.085 -> ฟีเจอร์นี้เราทดสอบไม่ได้
1846.506 -> ทีนี้ iPhone 14 Pro, iPhone 14 Pro Max เราควรที่จะเปลี่ยนมาใช้กันหรือเปล่า
1852.198 -> ผมลองใช้แล้วผมชอบไหมแล้วก็เปลี่ยนมาคุ้มหรือเปล่านะครับ
1856.156 -> ต้องเล่าให้เขาอย่างนี้แหละว่าถ้าใครดูมาถึงตรงนี้ก็คืออยากได้ใช่ป่ะ
1861.931 -> คือเราก็เลยได้ดูข้อมูลได้แบบหาข้อมูลมาเรื่อยๆ
1865.927 -> จนมาถึงวินาทีนี้นาทีนี้ที่มาดูนะครับ
1869.299 -> ก็ต้องบอกว่าถ้าอยากได้ก็ต้องซื้อแหละครับ
1871.462 -> แต่ว่า iPhone 14 Pro และก็ iPhone 14 Pro Max รอบนี้มันมีความพิเศษนิดหนึ่งครับ
1876.854 -> ในเรื่องของราคานะครับ
1878.055 -> คือเขาไม่ได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ มามากมายอย่างเดียวแล้วก็เพิ่มราคาด้วยนะครับ
1881.797 -> แล้วก็เพิ่มราคาในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่งนะครับ
1885.252 -> เพราะว่าจริงๆ แล้วราคาเปิดตัวที่สหรัฐที่เป็นราคา US Dollar
1888.753 -> เขาเปิดราคาเริ่มต้นเท่าเดิมนะครับ
1890.892 -> แต่ว่าค่าเงินที่เปรียบเทียบกันระหว่างค่าเงิน US กับค่าเงินบาท
1895.451 -> มันต่างจากปีที่แล้วเยอะมากเลย
1897.778 -> ปีที่แล้ว ณ วันนี้เปิดตัว iPhone น่ะอยู่ที่ประมาณดอลลาร์หนึ่งประมาณ 33 บาทกว่าๆ
1903.022 -> วันนี้ที่เราเล่าให้ฟังกันมัน 37 บาทกว่าๆ เข้าไปแล้วนะครับ
1906.858 -> ดังนั้นก็เลยส่งผลให้ iPhone รุ่น Pro มันแพงกว่าปีที่แล้ว
1910.958 -> ในราคาเปิดตัวร่วมประมาณ 3,000 บาทต่อ 1 รุ่นนะครับ
1914.389 -> บางรุ่นอาจจะ 2,000 ก็ตามนะครับ
1915.798 -> แต่ก็แพงขึ้นมาไม่น้อยนะครับ
1917.467 -> แล้วก็ทำให้ราคาเริ่มต้นเอาเป็นว่าแค่รุ่น Pro ไม่ใช่ Pro Max
1921.343 -> รุ่นจอเล็ก 6.1 นิ้ว 128GB เองนะ
1924.969 -> ซึ่งตัวเริ่มต้นเลยอ่ะมันทะลุ 4 หมื่นนะครับ
1927.995 -> 41,900 บาทนะครับ
1929.613 -> ยิ่งใครอยากใช้ Pro Max มันเริ่มต้นเข้าไป 45,000 เข้าไปแล้วนะครับ
1933.282 -> ถ้าเกิดใครอยากได้ความจุ 256GB หรือ 512GB
1936.226 -> อาจจะต้องจ่ายร่วม 50,000 บาทครับ
1938.407 -> นี่เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยแหละ
1940.323 -> แล้วก็บางคนก็เพิ่งจ่ายราคาใกล้เคียงกันไปกับ iPhone 13 Pro Max ปีที่แล้วเองอ่ะนะครับ
1945.946 -> เปลี่ยนเยอะก็จริงแต่ว่าดูการใช้งานของเราด้วยนะครับ
1949.035 -> นี่ไม่ใช่จำนวนเงินที่น้อยๆ สักเท่าไหร่นะครับ
1952.067 -> อาจจะต้องคิดทบทวนเพิ่มเติมนิดหนึ่ง
1953.745 -> รู้แหละว่าดูมาถึงตรงนี้อยากได้แล้วแหละนะครับ
1955.77 -> แต่ว่าต้องไม่ลืมว่าเราจ่ายแพงกว่าประเทศอื่นพอสมควรเหมือนกัน
1960.043 -> ในเรื่องของค่าเงินนะครับ
1961.218 -> ดังนั้นก็อยากให้พิจารณาการใช้งานของเราให้ดีๆ ครับ
1964.461 -> ส่วนว่าผมแนะนำไหมนะครับ
1965.814 -> ผมใช้แล้วผมชอบเอางี้ดีกว่า
1967.377 -> โดยเฉพาะในเรื่องของ Dynamic Island
1968.844 -> ที่มันคิดมาดีอ่ะ
1970.766 -> คือคิดว่าฉลาดนะครับ
1971.915 -> แล้วผมเชื่อว่าจะทำให้คนใช้ iPhone แฮปปี้อย่างมากนะครับ
1975.283 -> ที่เราจะได้ Interface เท่ๆ แบบนี้เพิ่มเติม
1977.186 -> รวมถึงทำให้การใช้งานของเรามันลื่นไหลเพิ่มเติมได้ในอนาคตด้วยนั่นเองครับ
1981.841 -> นอกจากราคาค่าตัวของ iPhone จะแพงขึ้นด้วยค่าเงินแล้วนะครับ
1985.467 -> อุปกรณ์เสริมของ Apple เองก็ตบเท้าขยับราคาแพงขึ้นเช่นเดียวกันครับ
1989.948 -> ทั้ง Adapter สายชาร์จสาย MagSafe เคสแบบต่างๆ
1993.853 -> ขยับราคาสูงขึ้นกันทั้งหมดเลย
1995.919 -> รอบนี้ใครสนใจจะซื้อจริงๆ อาจจะต้องเตรียมเงินมากขึ้นสักเล็กน้อยนะครับ
1999.869 -> ส่วนคำถามว่าเคสรุ่นก่อนหน้าใครมี 12 หรือ 13 Pro จะเอามาใช้กับ 14 Pro ได้ไหม
2005.35 -> ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ได้อย่างแน่นอนนะครับ
2007.464 -> ชุดกล้องมันใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมอยู่พอสมควรครับ
2010.219 -> iPhone 14 iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max
2014.078 -> วางขายในไทยวันศุกร์นี้แล้วนะครับ
2016.171 -> ก็คือวันศุกร์ที่ 16 กันยายนนั่นเองนะครับ
2018.966 -> นี่เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้ขาย iPhone เป็น Tier 1
2022.578 -> หรือว่าพร้อมๆ กันกับประเทศหลายๆ ประเทศทั่วโลกนะครับ
2026.333 -> ก็คือพร้อมสหรัฐอเมริกาพร้อมญี่ปุ่นพร้อมสิงคโปร์
2028.9 -> พร้อมประเทศยุโรปหลายประเทศเลยนะครับ
2030.578 -> นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เรามาอยู่ Tier 1 นะครับ
2033.048 -> ก็ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เป็นเจ้าของ iPhone ได้เร็วมากขึ้น
2037.171 -> โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งพาเครื่องหิ้วจากฮ่องกง
2039.363 -> หรือว่าจากร้านหิ้วที่อาจจะอยู่ตามร้านค้าหรือว่าตามห้างต่างๆ นั่นเองนะครับ
2044.251 -> ก็ถือว่าเป็นข่าวดีของเมืองไทยนะครับ
2046.445 -> ว่า Apple เห็นตลาดประเทศไทยสำคัญมากขึ้น
2049.353 -> และในอนาคตก็น่าจะมี Product ที่เหมือนกับทำมา Service ต่างๆ
2053.447 -> ที่ทำมาเพื่อลูกค้าชาวไทยมากขึ้น
2055.46 -> ยังมีอีกหลาย Product หรือว่าหลาย Service เหมือนกัน
2057.474 -> ที่ยังไม่ได้มาถึงประเทศไทยนะครับ
2059.206 -> HomePod ก็หลายคนรออยู่นะครับ
2060.728 -> Apple Pay ที่มีข่าวลืออยู่เรื่อยๆ เหมือนกันนะครับ
2064.074 -> ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน่าจะเปิดตัว Service ต่างๆ เหล่านี้ในไทยได้เร็วๆ นี้นั่นเอง
2069.57 -> ซื้อ iPhone 14 ดีลดีที่สุดต้องที่ AIS
2072.893 -> โปรโมชั่นดี ราคาดี เครือข่ายดี ครอบคลุมทั่วไทย
2076.387 -> รับสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 40 เดือน
2079.554 -> หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 56% เมื่อผ่อน 0% นาน 10 เดือน
2083.706 -> เพิ่มความอุ่นใจด้วยบริการเสริม AIS Care Plus
2086.391 -> สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ www.ais.th/ iphone
2092.473 -> และทั้งหมดนี้ก็คือรีวิวของ iPhone 14 Pro และก็ iPhone 14 Pro Max นั่นเองครับ
2097.695 -> ผมอู๋ Spin9 ครับ
2098.417 -> พบกันใหม่คลิปหน้า
2099.292 -> สวัสดีครับ
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=t6c5GehgbYQ