[spin9] รีวิว Apple Watch Ultra — ซื้อมาหล่อ ไม่ได้ซื้อมาลุย

[spin9] รีวิว Apple Watch Ultra — ซื้อมาหล่อ ไม่ได้ซื้อมาลุย


[spin9] รีวิว Apple Watch Ultra — ซื้อมาหล่อ ไม่ได้ซื้อมาลุย

รีวิวใหม่วันนี้ พบกับ Apple Watch Ultra ครับ นาฬิกาตัวโหดของ Apple Watch ที่ออกมาพร้อมรับทุกสถานการณ์ มีฟีเจอร์พื้นฐานของ Apple Watch ครบถ้วน เสริมความแกร่ง ให้พร้อมลุย เดินป่า ปีนเขา ดำน้ำได้ตามสเปคที่ว่าไว้ … แต่ใครเค้าจะซื้อ Apple Watch มาเพื่อลุยกันล่ะ?? มีคำตอบในรีวิวนี้ครับ

สั่งซื้อ Apple Watch Ultra จาก Apple Store TH: https://apple.sjv.io/O652Z

สมัครเป็นสมาชิกของช่อง spin9 เพื่อสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ของเราได้ที่นี่:
   / @spin9  


Content

18.985 -> สวัสดีครับ อู๋ Spin9 ครับ
20.096 -> คุณผู้ชมครับ นาฬิกา Apple Watch เปิดตัวมานานหลายปีแล้วนะครับ
23.38 -> ถ้าถามผมนะให้เปรียบเทียบ Apple Watch ว่าเป็นรถอะไรสักคันหนึ่งอ่ะ
27.417 -> ผมคิดว่าตอนนี้เป็นรถได้หลากหลายรุ่นในตลาดเลยนะครับ
30.487 -> วิ่งกันอยู่ทั่วๆ ไปรูปทรงแตกต่างกันไปบ้าง
33.325 -> มีความอเนกประสงค์แตกต่างกันไปบ้างนะครับ
35.636 -> ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของคนที่เอาไปใช้ครับ
37.78 -> แต่ว่ากับ Apple Watch Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวมาใหม่ตัวนี้
41.272 -> ถ้าถามผมว่า Apple Watch Ultra เป็นรถคันหนึ่งอ่ะมันน่าจะเป็นรถอะไรนะครับ
45.361 -> ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นรถคันนี้ครับ
46.924 -> Apple Watch Ultra น่าจะเป็น BMW X7 นะครับ
50.042 -> นี่เป็นรถไซส์ใหญ่ที่สุดที่ BMW เคยทำมา
53.309 -> อเนกประสงค์ที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา
55.476 -> เป็นตัวท็อปที่สุดของแบรนด์นะครับ
57.299 -> ใส่เทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่เขามีเข้ามาอยู่ในรถคันนี้
60.623 -> โดยที่ไม่ได้สนใจหรอกว่ารถมันจะมีขนาดใหญ่โตขึ้นมากมายขนาดไหนนะครับ
65.572 -> พอเขาใส่ของอเนกประสงค์เข้ามามากขนาดนี้
68.378 -> BMW บอกว่าคันนี้ยังคงใช้งานในชีวิตประจำวันได้ใช้ได้ทุกวันครับ
73.454 -> แม้ว่ามันจะเทอะทะขึ้นมาหน่อยนะครับ
75.085 -> นอกจากใช้บนถนนปกติได้แล้วมันยังใช้ออฟโรดได้ด้วยนะครับ
79.648 -> เพราะว่าใส่เทคโนโลยีที่เรียกว่า xDrive ที่ดีที่สุดเท่าที่ BMW เคยทำมา
84.852 -> ใส่มากับรถคันนี้ครับ
86.295 -> ไปได้ทุกสภาพถนน ไปได้ทุกสภาพอากาศนะครับ
89.651 -> แต่คำถามก็คือจะมีลูกค้า BMW X7 กี่คนครับ
93.448 -> ที่เอารถคันนี้ไปลุยออฟโรดจริงๆ นะครับ
96.218 -> คำตอบก็คือน่าจะน้อยมากๆ
98.326 -> เพราะว่ากลัวรถเป็นรอยครับ
100.075 -> นาฬิกา Apple Watch Ultra ล่ะครับ
102.027 -> นี่เป็น Apple Watch ที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ Apple เคยทำมานะครับ
106.145 -> ใส่เทคโนโลยีพื้นฐานทั้งหมดของ Apple Watch เข้ามาอยู่ในนี้
109.64 -> แล้วเติมให้มันเก่งขึ้นโดยที่ไม่ได้สนใจว่ามันจะมีขนาดเทอะทะมากมายขึ้นขนาดไหน
116.117 -> ไปได้ทุกที่เช่นเดียวกันนะครับ
118.152 -> จะไปวิ่ง Marathon วิ่ง Ultra ปีนเขา Everest หรือว่าจะดำน้ำลึก 40 เมตรก็ตาม
124.365 -> คำถามก็คือจะมีลูกค้า Apple Watch Ultra กี่คนที่เอาไปลุยขนาดนั้น
130.147 -> กลัวนาฬิกาเป็นรอย
141.68 -> เหตุผลที่ผมพูดแบบนั้น
143.28 -> ไม่ได้แปลว่าเราไม่ควรที่จะเอา Apple Watch Ultra
146.639 -> ไปวิ่งมาราธอน ไปปีนเขาหรือว่าไปดำน้ำนะครับ
149.597 -> แต่ว่าอยากให้ทำความเข้าใจตลาดนิดหนึ่ง
152.161 -> ว่าคนที่อยากได้รถ SUV ที่อเนกประสงค์มากขนาดนี้
156.874 -> ได้เทคโนโลยีการขับขี่ครบถ้วนแบบนี้
159.797 -> ได้ความรู้สึกในการขับดีแบบนี้
162.082 -> ได้ความรู้สึกในการนั่งสบายขนาดนี้
164.253 -> เขาไม่ได้ต้องการแค่รถอะไรก็ได้ที่ออฟโรดได้หรือว่ามีไซส์ใหญ่เท่านี้นะครับ
168.909 -> แต่เขาต้องการซื้อความเป็น BMW ครับ
171.459 -> เขาเลยอยากได้ BMW X7 ไปครอบครองกันนะครับ
174.545 -> Apple Watch Ultra ก็เช่นเดียวกันนะครับ
177.031 -> เขาไม่ได้ต้องการนาฬิกาอะไรก็ได้ที่สามารถวิ่งมาราธอนเก็บค่าต่างๆ ได้
181.648 -> โดยที่แบตเตอรี่ไม่หมด
182.963 -> ปีนเขาได้หรือว่ามี GPS ที่แม่นยำหรือว่าดำน้ำได้เท่านั้นนะครับ
186.965 -> แต่ว่าเขาต้องการความเป็น Apple Watch ครับ
189.258 -> ที่มันสามารถทำฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้ได้
191.913 -> ในขณะเดียวกันทุกวันที่เขาใส่ไปใช้งาน
195.063 -> ยังได้ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Apple Watch อย่างควรอยู่
198.225 -> นั่นคือลูกค้า Apple Watch Ultra ที่ผมมองเห็นครับ
215.512 -> Apple Watch Ultra เขาทำมาขายเพียงแค่รุ่นเดียวเท่านั้นเลยนะครับ
218.937 -> ก็คือขนาดหน้าปัดอยู่ที่ 49 mm. ครับ
222.363 -> ถ้าเกิดใครคุ้นเคยกับ Apple Watch ก่อนหน้านี้
224.803 -> เขาขายอยู่ 2 ขนาดนั้นก็คือ 41 mm. นะครับ
227.615 -> สำหรับข้อมือโดยส่วนมากของผู้หญิง
229.428 -> แล้วก็ 45 mm. สำหรับขนาดข้อมือโดยส่วนมากของผู้ชายนะครับ
233.728 -> ดังนั้น 49 mm. ใน Apple Watch Ultra ถือว่าใหญ่มากๆ
238.042 -> มากๆ เลยนะครับ
239.045 -> ก็คือคนข้อมือเล็กใส่แล้วก็จะดูใหญ่นะครับ
241.773 -> คนข้อมือใหญ่ใส่แล้วก็จะดูใหญ่อยู่ดี
244.259 -> เพราะว่าตัวเรือนมันค่อนข้างใหญ่ครับ
245.739 -> คือผมคิดว่านี่เป็นนาฬิกาที่อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกขนาดข้อมือนะครับ
250.742 -> คือแนะนำให้ลองก่อนจริงๆ
252.129 -> เพราะว่าบางขนาดข้อมือใส่แล้วก็จะรู้สึกว่า Oversize ไปเลยนะครับ
255.738 -> ใกล้เคียงกับรถไซส์ใหญ่ๆ แบบนี้แหละ
258 -> เวลาที่เราขับไปไหนอ่ะมันก็จะใหญ่เต็มเลนไปหมดเลยนะครับ
261.713 -> ถ้าเกิดใครมีบ้านอยู่ซอยแคบๆ หรือว่าจำเป็นที่ต้องจอดเข้าซองจอดรถแคบๆ อยู่บ่อยๆ
267.3 -> SUV ไซส์นี้ก็อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์มากนะครับ
269.903 -> ดังนั้นแนะนำให้ลองก่อนเลยนะครับ
272.256 -> ว่ามันมีอยู่ไซส์เดียวจริงๆ
273.576 -> เราไม่สามารถหา Apple Watch ในขนาดที่มีขนาดหน้าจอเล็กกว่านี้ได้นะครับ
278.331 -> เขาทำมาแบบเดียวเท่านั้นครับ
279.838 -> ทำมาขนาดไม่พอนะครับ
281.787 -> วัสดุเดียวด้วยนะครับ
283.083 -> ก็คือจะเป็นวัสดุดีที่สุดที่เขาใช้อยู่ตอนนี้
285.779 -> ก็คือไทเทเนียมนะครับ
286.674 -> กระจกหน้าจอเป็นกระจก Sapphire ที่มีความทนทานสูงนะครับ
290.372 -> แล้วก็ดีไซน์ของเขามีความสมบุกสมบันมากขึ้นนะครับ
294.082 -> นั่นก็คือขอบของหน้าจอขอบของตัวเรือนตรงนี้มีการยกสูงขึ้นมานะครับ
298.901 -> เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวกระจกกระแทกจนเกิดความเสียหายได้
302.798 -> เวลาเราทำนาฬิกานี้ตกพื้นหรือว่าเราไปกระแทกโดนขอบของอะไรบางอย่างนะครับ
306.981 -> ก็ดูสมบุกสมบันมากขึ้น
309.037 -> ขนาดปุ่มใหญ่ขึ้นแล้วก็ดูกดได้ยากขึ้นใช่ไหมครับ
312.452 -> เพราะว่ามีขอบมาล้อมรอบเอาไว้นะครับ
314.491 -> เหตุผลที่ Apple ดีไซน์ให้มันกดได้ยากขึ้น
317.158 -> เพราะว่า Apple ต้องการที่จะให้เราสามารถควบคุมมันได้
320.532 -> แม้เราใส่ถุงมืออยู่นะครับ
322.688 -> อย่างเช่นถุงมือกันหนาวเวลาเราไปที่ที่อุณหภูมิติดลบ
326.53 -> เราใส่ถุงมืออยู่ยังสามารถที่จะควบคุมมันได้นะครับ
329.238 -> ถ้าเกิดเขาใช้ดีไซน์แบบเดิมอาจจะไม่สามารถควบคุมได้ในทุกสถานการณ์แบบนั้น
334.077 -> ดังนั้นนี่คือดีไซน์ของเขาครับ
335.803 -> มันจะดูสมบุกสมบันแล้วก็ดูเทอะทะกว่าปกติสักเล็กน้อยนะครับ
340.148 -> สำหรับ Apple Watch Ultra นอกจากที่จะมีขนาดเดียวมีวัสดุเดียวแล้วนะครับ
345.48 -> ยังมีเฉพาะรุ่น GPS + Cellular ด้วยนะครับ
348.275 -> นั่นก็คือเราสามารถที่จะใส่ eSIM เข้ามาอยู่ใน Apple Watch Ultra ของเราได้
351.929 -> แม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้ก็ไม่มีรุ่นที่ถูกกว่านี้ให้ใช้นะครับ
355.621 -> เพราะว่าเขาทำมารุ่นเดียวเท่านั้นเลยครับ
357.488 -> เห็นภายนอกดีไซน์สมบุกสมบันแบบนี้
359.656 -> จริงๆ แล้วไส้ในของ Apple Watch Ultra เป็นชิป CPU เดียวกัน
364.167 -> กับที่อยู่ใน Apple Watch Series 8 เลยนะครับ
367.627 -> ถ้าให้เปรียบเทียบตรงๆ ก็คือเหมือนกับรถ SUV ไซส์ใหญ่คันหนึ่ง
371.641 -> เครื่องยนต์ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยนต์ที่พิเศษอะไรมากมายไปกว่ารถยนต์ปกติทั่วๆ ไป
377.085 -> แต่เขาก็เลือกเอาชิปที่แรงที่สุดที่เขามีอยู่ในปัจจุบันนี้แหละ
380.836 -> เอามาใส่ใน Apple Watch Ultra
382.853 -> ซึ่งดีมากพอดีเพียงพอที่จะมาขับเคลื่อนทุก Application
387.465 -> ที่เราติดตั้งอยู่ใน Apple Watch Ultra ของเรานะครับ
390.219 -> ประโยชน์ที่ได้มาจากตัวถังที่มันใหญ่ขึ้นเทอะทะขึ้นแบบนี้
394.633 -> จริงๆ แล้วใกล้เคียงมากๆ กับรถที่มีขนาดใหญ่ขึ้นแบบนี้
397.941 -> ก็คือถังน้ำมันของรถอ่ะมันใหญ่ขึ้นครับ
400.862 -> ตัว Apple Watch Ultra ก็ได้ประโยชน์ที่แบตเตอรี่มันใหญ่ขึ้น
405.312 -> กว่า Apple Watch Series 8
406.741 -> ถ้าเกิดไปเทียบไซส์แบตเตอรี่ดูตรงๆ เลยนะครับ
409.355 -> Apple Watch Ultra มีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า Apple Watch Series 8 ถึง 76%
415.093 -> พอแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นมันก็สามารถอยู่ได้นานขึ้นใช่ไหมครับ
419.425 -> โดยที่เราไม่ต้องแวะเติมน้ำมันหรือว่าเราไม่ต้องแวะชาร์จซะก่อนนะครับ
423.286 -> และข้อดีของความที่มันมีแบตเตอรี่อึดแบบนี้
425.919 -> ก็ทำให้เราสามารถทำกิจกรรมได้นานมากขึ้นนะครับ
428.968 -> ไม่ว่าจะไปวิ่งมาราธอนไปปีนเขา
431.788 -> หรือว่าจะไปในที่ที่เราไม่สามารถหาที่ชาร์จนาฬิกาได้
435.18 -> อย่างเช่นจะไปตั้งแคมป์ข้ามคืนต่างๆ เป็นต้นนะครับ
437.826 -> ตัวนี้ก็รองรับได้ดีขึ้น
439.41 -> จากเดิมที่ Apple Watch รุ่นปกติอย่าง Series 8 หรือ Series ก่อนหน้านี้
443.248 -> ไม่สามารถทำได้เลยนะครับ
444.926 -> เพราะว่าแบตเตอรี่ไซส์เล็กขนาดนั้นเราแทบจะต้องชาร์จกันทุกวันอยู่แล้วนะครับ
448.825 -> ตอนนี้มันก็เปิดโอกาสใหม่ๆ นะครับ
450.741 -> ไม่ต้องชาร์จทุกวัน
452.249 -> รถยนต์หรือว่ารถ SUV ที่มีขนาดถังน้ำมันใหญ่ๆ แบบนี้
455.573 -> มันก็คลายความกังวลได้นะครับ
457.67 -> เวลาที่เราไปพื้นที่ที่มันอาจจะทุรกันดารหน่อย
460.851 -> หรือว่าห่างไกลจากปั๊มน้ำมันหน่อยนะครับ
462.842 -> เราไม่ต้องคอยก้มลงมาดูบ่อยๆ ว่าตอนนี้น้ำมันมันน่าจะไปได้อีกแค่ 100 กว่ากิโลเอง
468.928 -> ไปตรงนี้จะไหวหรือเปล่าจะหาที่เติมได้หรือเปล่า
471.255 -> เราคลายความกังวลเรื่องนั้นไปเลยนะครับ
473.649 -> แต่อย่างว่าส่วนมากถ้าเกิดผมเป็นเจ้าของ BMW X7 คันนี้
478.522 -> ผมก็คงไม่ได้ใช้น้ำมันจนหมดเกลี้ยงถังแล้วค่อยเติมนะครับ
482.368 -> เพราะว่าเราอยู่ในที่ที่มันสามารถแวะเติมน้ำมันตรงไหนก็ได้อยู่แล้วนะครับ
486.119 -> เราเหลือสักครึ่งถังบางทีผมก็แวะเติมละ
488.435 -> เราเหลือสัก 40% 30% ก็ต้องแวะเติมกันแล้วนะครับ
492.313 -> น้อยครั้งมากๆ เลยที่ผมจะปล่อยให้มันเหลือสัก 10% หรือว่าไฟน้ำมันโชว์ขึ้นมานะครับ
497.475 -> ผมใช้ Apple Watch เรือนนี้มาเกือบ 2 เดือนนะครับ
499.975 -> ผมก็บอกตรงๆ ว่าผมชาร์จทุกวัน
502.521 -> ทุกครั้งที่เรามีโอกาสที่จะได้ชาร์จมันเราก็ถอดออกมาชาร์จอยู่แล้ว
506.929 -> ไม่ได้ปล่อยจนแบตหมดหรือว่าไม่ได้แบบว่า 3 วันเอามาชาร์จทีขนาดนั้นนะครับ
511.492 -> แม้ว่าตอนแรกๆ เราจะพิสูจน์ดูแล้วก็ตามว่าเห็นแบตใหญ่แบบนี้ลองไม่ชาร์จดูสินะครับ
516.75 -> ก็มันอยู่ได้ 3 วันอยู่นะ
518.482 -> 3 วันผมมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ประมาณเกือบๆ 20% นะครับ
522.083 -> 3 วันจากการใช้งานโดยเฉลี่ยของคนทั่วไปเลยนะครับ
524.88 -> ก็คือตรวจจับการออกกำลังกายทุกวันนะครับ
526.951 -> ตรวจจับการนอนนะครับ
528.352 -> คือใส่นอนทุกคืนด้วยไม่ได้ถอดออกมาวางไว้ข้างหัวเตียงแต่อย่างใดนะครับ
532.45 -> มันแบตเตอรี่อึดมากสำหรับ Apple Watch Ultra
535.801 -> แต่อย่างว่าเราอยู่ในบ้านที่มีไฟฟ้าใช้ใช่ไหมครับ
538.445 -> หัวเตียงเราก็มีที่ชาร์จ Apple Watch อยู่แล้วนะครับ
540.95 -> เราก็ถอดมาชาร์จทุกครั้งที่มีโอกาสอยู่แล้วล่ะครับ
543.313 -> ผมเองได้ใช้ Apple Watch มาตั้งแต่รุ่นแรกเลยนะครับ
546.763 -> แล้วก็ใส่ติดกันเกือบทุกวันมาเป็นระยะเวลาหลายปีนะครับ
550.926 -> 2 เดือนที่ผ่านมาอยู่กับ Apple Watch Ultra นะครับ
553.44 -> ที่ใส่ทั้งทุกวันไม่พอทุกคืนด้วยนะครับ
556.543 -> ก็คือติดตามการนอนของเราด้วยครับ
558.073 -> ก็ต้องเล่าให้ฟังอย่างนี้ว่า Apple Watch Ultra นี้
561.235 -> ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ Apple Watch ทำได้อยู่ในนี้ทั้งหมดเลย
565.759 -> คือใครชื่นชอบความยอดเยี่ยมของ Apple Watch ก่อนหน้านี้
569.03 -> ไม่ว่าจะเป็นความ Response มากๆ พลิกข้อมือนิดเดียวพร้อมใช้งานทันทีนะครับ
572.806 -> หน้าจอ Response ดีพอๆ กับ iPhone
575.233 -> ก็คือแตะแล้วตามมือจริงๆ นะครับ
576.912 -> เซ็นเซอร์ตรวจจับอัจฉริยะหลากหลายอย่าง
579.515 -> ที่อยู่ใน Apple Watch ที่พัฒนาขึ้นมาหลากหลายซีรีส์ของเขานะครับ
583.013 -> ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับการออกกำลังกายค่าต่างๆ ของร่างกายเรานะครับ
587.098 -> การเต้นของหัวใจ Blood Oxygen EKG ต่างๆ นะครับ
590.707 -> มีอยู่อย่างครบถ้วนใน Apple Watch Ultra ตัวนี้นะครับ
594.318 -> ก็คือเรายังได้ฟีเจอร์ทุกอย่างของความเป็น Apple
596.929 -> อยู่ใน Apple Watch Ultra รุ่นล่าสุดนี่แหละนะครับ3แต่ว่าสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากความใหญ่โตของเขาแน่นอนว่ามันจะได้ซอฟต์แวร์เดียวกันทุกอย่างเลยว่าทำงานได้เท่ากันทุกอย่างเลยก็คงจะไม่ใช่ไหมครับเนี่ยมีการเพิ่มฟีเจอร์
599.776 -> แต่ว่าสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากความใหญ่โตเทอะทะของเขา
604.2 -> แน่นอนว่ามันจะได้ซอฟต์แวร์เดียวกันทุกอย่างเลยเป๊ะๆ
607.365 -> ที่ทำงานได้เท่ากันทุกอย่างเลยก็คงจะไม่ใช่ใช่ไหมครับ
610.481 -> Apple มีการเพิ่มฟีเจอร์บางอย่าง เพิ่มฮาร์ดแวร์บางอย่างเข้ามา
614.381 -> ที่อยู่ใน Apple Watch Ultra โดยเฉพาะนะครับ
616.425 -> อย่างแรกก็คือเรื่องของไมโครโฟนครับ
618.715 -> Apple Watch ใช้ไมโครโฟนด้วยหรอ
621.262 -> ผมว่าก่อนหน้านี้คนที่ใช้ Apple Watch กันมานานๆ นะครับ
624.013 -> ก็แทบจะไม่มีโอกาสได้ใช้ไมโครโฟนเลย
626.133 -> มีใช้ได้บ้างแบบยกขึ้นมาสั่งงาน Siri
629.075 -> ตอนที่ยกขึ้นมาใกล้ๆ ปากบ้างนะครับ
631.274 -> หรือว่าใช้ในการสนทนาโทรศัพท์
633.589 -> กรณีที่เรากดรับสายผ่าน Apple Watch โดยที่ไม่ได้ไปแตะ iPhone
637.105 -> มันพอที่จะสื่อสารได้นะครับ
638.874 -> อีกฝั่งหนึ่งก็จะห้ะๆ อะไรนะอยู่บ้างนะครับ
641.225 -> ไมโครโฟน Apple Watch มันไม่ได้เป็นไมโครโฟนคุณภาพดีอะไรมากมายนะครับ
645.128 -> แค่พอใช้งานได้ครับ
646.66 -> ตัวนี้เพิ่มไมโครโฟนมาให้เป็น 3 ตัวเลยนะครับ
650.115 -> ไมโครโฟน 3 ตัวใน Apple Watch Ultra นี้ไม่ได้ทำงานพร้อมกัน
653.823 -> แต่ว่าเขาจะเลือกอัตโนมัติเลยเลือกตัวที่มันได้ยินเสียงเราชัดเจนที่สุด
658.599 -> ก็คือไปเลี่ยงไมโครโฟนตัวที่อาจจะมีเสียงลมปะทะเวลาที่เราคุยสนทนาอยู่ในที่ที่ลมแรง
664.987 -> หรือว่าเราอาจจะไม่ได้เอา iPhone ไปด้วย
666.909 -> ใช้งาน eSIM ล้วนๆ เลยก็อาจจะอยู่ในบางสถานการณ์ที่เราสามารถใช้งานมันได้ดีขึ้น
673.022 -> อย่างที่ 2 เพิ่ม GPS ครับ
675.017 -> เพิ่มเสา GPS ที่ปกติแล้วจะมีแค่เสาสัญญาณเดียว
678.543 -> ก็คือมีแบรนด์เดียวคลื่นความถี่เดียวนะครับ
680.791 -> ตัวนี้ถือว่าเป็นนาฬิกาอัจฉริยะในตลาดเพียงไม่กี่รุ่นเลยนะครับ
684.959 -> น้อยรุ่นมากๆ ที่สามารถจับสัญญาณ GPS ได้ถึง 2 Band
688.043 -> คือ L1 กับ L5 นะครับ
689.642 -> การที่มันสามารถจับเสา GPS ได้ถึง 2 Band แบบนี้
692.977 -> เพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับพิกัดของเรามากขึ้นนะครับ
696.64 -> ก็คือมันจะแปลงลงไปในแผนที่ได้โคตรแม่น
699.648 -> คือไม่มีนาฬิกา Smart Watch ตัวไหนเลยที่สามารถจับ Band เดียว
703.332 -> แล้วจะได้แม่นเท่ากับที่มันจับได้ 2 Band แบบนี้แน่ๆ นะครับ
706.686 -> ดังนั้นคนที่ทำงานกับความถูกต้องแม่นยำ
709.577 -> กับการแปลงแผนที่ GPS ของเราว่าเราอยู่ตำแหน่งไหนแน่ๆ
713.57 -> มันสามารถทำงานได้ดีขึ้นแน่ๆ กับทุก Application
716.37 -> เพราะว่าจับ GPS ได้แม่นยำมากขึ้น
718.207 -> บวกกับโอกาสในการที่เราจะตรวจจับ GPS ได้ในพื้นที่ที่มันหนาแน่น
723.281 -> อย่างเช่นพื้นที่ที่มีตึกสูงเยอะๆ นะครับ
725.547 -> หรือว่ามีต้นไม้บังเยอะๆ มันมีโอกาสที่จะตรวจจับ GPS ได้ก่อนนาฬิกาปกติ
730.387 -> ที่สามารถตรวจจับได้แค่ Band เดียวนะครับ
732.362 -> อันนี้เป็นประโยชน์ที่ 2 ที่ตามมา
733.943 -> ประโยชน์ที่ 3 ก็คือมันมีลำโพงเพิ่มเติมมาเป็นลำโพง 2 ตัว
737.983 -> แล้วก็เป็นลำโพงคุณภาพดีด้วยนะครับ
740.016 -> ลำโพงคุณภาพดีที่ว่าคือดีในแง่ของความดังครับ
743.456 -> จริงๆ แล้วลำโพงของ Apple Watch มันก็จะได้ยินอยู่บ้าง
747.328 -> เวลาที่มันติ๊งๆ บอกเรานะครับ
749.23 -> มีแจ้งแตือนเข้าบ้างนะครับ
750.771 -> ตัวนี้เขาบอกว่าพัฒนาลำโพง 2 ตัวขึ้นมาเพื่อช่วยในกรณีฉุกเฉินโดยเฉพาะเลย
756.912 -> มันสามารถที่จะส่งสัญญาณไซเรนหรือว่าสัญญาณขอความช่วยเหลือ
760.85 -> ในกรณีที่เราไม่มีใครผ่านไปผ่านมาในพื้นที่นี้เลย
765.052 -> รถชนอยู่ข้างทางอย่างนี้นะครับ
767.019 -> กลัวว่าจะไม่มีใครมองเห็นนะครับ
768.645 -> ก็ปล่อยเสียงไซเรนออกมานะครับ
770.596 -> เผื่อว่าจะมีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มเติมได้บ้าง
773.496 -> คนผ่านไปผ่านมาได้ยินเสียงอาจจะตามหาเสียงนี้นะครับ
776.727 -> หลงป่าอยู่บ้างขอความช่วยเหลือบ้างนะครับ
779.028 -> อันนี้สามารถทำได้เพิ่มเติม
780.86 -> ซึ่ง Apple Watch รุ่นปกติจะไม่สามารถส่งเสียงไซเรนนี้ได้
784.38 -> ดังขนาดไหนเสียงเป็นยังไงนะครับ
786.209 -> เดี๋ยวผมทดสอบให้ดูต่อไปครับ
787.749 -> พูดถึงระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ของ Apple Watch
791.325 -> ผมอยากเล่าฟีเจอร์หนึ่งของรถคันนี้ให้ฟังมากเลยนะครับ
794.041 -> รถคันนี้จริงๆ มีระบบ SOS เหมือนกันนะครับ
796.774 -> ที่หลายคนไม่รู้แล้วก็จริงๆ แล้วเราก็คาดหวังว่าจะไม่มีใครได้ใช้งานมันเลยก็ตาม
802.338 -> แต่ว่ามันติดมากับตัวรถนะครับ
804.306 -> นั่นก็คือสมมุติว่าผมขับรถคันนี้ไปเกิดอุบัติเหตุนะครับ
807.615 -> ไม่ว่าจะหลับใน ชนถุงลมนิรภัยทำงานขึ้นมาหรือว่าพลิกคว่ำอยู่ข้างทางนะครับ
813.657 -> ตัวรถตรวจจับได้ว่ารถคันนี้เกิดอุบัติเหตุเรียบร้อยแล้วนะครับ
817.481 -> เพราะว่ามันก็คงมีเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ตรวจจับได้ว่ารถไม่ได้วิ่งอยู่ในท่าทางปกติ
822.239 -> มีการพลิกคว่ำขึ้นนะครับ
823.788 -> มีแรงกระแทกเกิดขึ้นหรือว่า Airbag เกิดการทำงานขึ้นนะครับ
827.661 -> ตัวรถแทนที่จะอยู่เฉยๆ นะครับ
830.346 -> เขาเองก็มีซิมการ์ดฝังอยู่ในรถเหมือนกันครับ
833.352 -> แล้วก็เขาจะทำการโทรออกไปยังศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินของ BMW โดยอัตโนมัติครับ
839.437 -> นั่นก็คือผมเองอ่ะอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บจากการชนทั้งนั้น
844.553 -> จนไม่สามารถที่จะขยับมือขยับร่างกายได้
847.222 -> ไม่สามารถเอื้อมมากดปุ่มไม่สามารถคว้าโทรศัพท์มือถือของเราได้นะครับ
850.921 -> ไม่เป็นไร ตัวรถโทรออกให้นะครับ
853.319 -> ลำโพงของตัวรถไมโครโฟนของตัวรถพร้อมที่จะให้เราสนทนาได้นะครับ
857.854 -> พอโทรออกไปก็จะมีเจ้าหน้าที่คุยกับเราทันที
860.86 -> เราไม่ต้องกดรับสายด้วยนะครับ
862.361 -> บอกว่ารถเราเกิดอุบัติเหตุใช่ไหม
864.403 -> อาการของเราเป็นยังไงบ้าง
866.151 -> เราต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินอะไรบ้างนะครับ
868.707 -> ก็ทำการสื่อสารกับเขา
870.602 -> เขาก็จะส่งรถพยาบาลมา
872.034 -> ถ้าเป็นต่างประเทศอาจจะมีบางกรณีที่เฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือฉุกเฉิน
876.071 -> มายังตำแหน่งที่รถคันนี้อยู่
877.702 -> เพราะว่าเขาทำการส่งพิกัด GPS
879.953 -> ซึ่งตัวรถก็รู้ไปยังศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินด้วยนะครับ
883.345 -> นั่นคือวิธีการที่ BMW สามารถช่วยชีวิตให้กับคนขับรถที่เกิดอุบัติเหตุได้ครับ
888.89 -> แนวคิดเดียวกันกับ Apple Watch เลยใช่ไหมครับ
891.62 -> Apple Watch มีระบบช่วยเหลือฉุกเฉินมีระบบตรวจจับ
894.987 -> ที่สามารถบอกเราแล้วก็บอกคนที่เป็น Contact ฉุกเฉินของเราที่เราตั้งค่าเอาไว้ได้
900.027 -> มาสักพักใหญ่ๆ แล้วนะครับ
901.64 -> ฟีเจอร์แรกที่เขาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องการช่วยเหลือฉุกเฉิน
905.336 -> คือตัวมันเองสามารถตรวจจับได้ว่าคนที่ใส่อยู่อ่ะเกิดอาการล้มหรือเปล่า
909.593 -> หรือว่า Fall Detection นะครับ
911.171 -> ตัวนี้เปิดตัวมาหลายปีแล้วนะครับ
913.128 -> แล้วก็ช่วยชีวิตคนมาทั่วโลกนักต่อนักแล้วด้วยนะครับ
916.609 -> พอเขาตรวจจับได้ว่าเราล้มก็จะทำการโทรออกไปยังศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน
922.25 -> หรือว่า Contact ฉุกเฉินที่เราตั้งค่าเอาไว้ใน iPhone นั่นเองนะครับ
926.129 -> แจ้งลูกหลานว่าตอนนี้คนที่ใส่อยู่ล้มแล้วนะ
930.149 -> แล้วก็อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นะครับ
933.207 -> บอกพิกัดไปด้วยนะครับ
934.332 -> ก็จะได้มาช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีนะครับ
937.175 -> จากนั้นเขาก็พัฒนาหลายฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องความช่วยเหลือฉุกเฉินมานะครับ
940.904 -> ไม่ว่าจะตรวจจับได้ว่าตอนนี้อัตราการเต้นหัวใจของผมผิดปกติอยู่หรือเปล่านะครับ
946.526 -> Regular Heartbeat บอกได้เลยนะครับ
948.737 -> และล่าสุดเขาก็พึ่งเพิ่มฟีเจอร์ Crash Detection
951.623 -> หรือว่าตรวจจับได้ว่าตอนนี้เราอยู่ในอุบัติเหตุรถยนต์หรือเปล่านะครับ
955.715 -> ซึ่งพึ่งมีอยู่ใน Apple Watch Series 8
957.786 -> Apple Watch Ultra แล้วก็ iPhone 14 ทุกรุ่นนั่นเองนะครับ
961.449 -> นั่นหมายความว่าต่อให้ผมไม่ได้ใช้รถ BMW ที่มีระบบช่วยเหลือฉุกเฉินพวกนี้
965.878 -> แต่ว่าผมใช้ Apple Watch รุ่นดังกล่าว
968.276 -> มันก็จะทำการแจ้งเตือนได้แล้วก็ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้นะครับ
972.105 -> ระบบช่วยเหลือฉุกเฉินของ BMW ที่ผมเล่าให้ฟัง
975.005 -> ไม่ได้ต้องทำงานอัตโนมัติเพียงอย่างเดียวนะครับ
977.634 -> เราสามารถที่จะเรียกใช้งานมันแบบ Manual ได้ด้วยนะครับ
981.331 -> เราเงยหน้าขึ้นมาในรถรุ่นที่รองรับเราจะเจอปุ่มที่เขียนว่า SOS แบบนี้เลยนะครับ
986.88 -> ถ้าเกิดเรากดปุ่มนี้นะครับ
989.261 -> มันจะเป็นฝาเด้งออกมาแล้วจะเจอปุ่มจริงที่เป็น SOS แบบนี้นะครับ
993.432 -> กดเข้าไปครับ
994.484 -> มันก็จะทำการเรียกขอความช่วยเหลือฉุกเฉินให้นะครับ
997.656 -> เช่นเดียวกันกับนาฬิกา Apple Watch เลยนะครับ
1000.434 -> Apple Watch Ultra นี้ถ้าเกิดเรากดปุ่ม Power ของเขาค้างไว้
1005.137 -> ก็จะมี SOS Emergency Call ให้เราเรียกใช้งานได้ทันทีเช่นเดียวกันครับ
1010.899 -> หรืออีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมเล่าให้ฟัง
1013.244 -> ก็คือเราสามารถที่จะให้มันน่ะปล่อยเสียงไซเรนดังๆ ก็ได้นะครับ
1017.651 -> เพื่อที่จะเรียกความสนใจจากคนที่อาจจะได้ยินรอบๆ
1021.872 -> ให้วิ่งเข้ามาหาเราหน่อย
1023.222 -> กรณีที่เราไม่สามารถสื่อสารได้จริงๆ
1025.137 -> ผมพูดไม่ได้แล้วตอนนั้นนี่คือเฮือกสุดท้ายแล้วที่เราสามารถกดได้นะครับ
1030.04 -> เราสามารถที่จะกดให้มันเป็นเสียงไซเรนได้นะครับ
1033.593 -> อันนี้คือฟีเจอร์ที่สำคัญที่ผู้ผลิตบางรายตอนนี้ใส่ใจถึงความปลอดภัย
1039.573 -> ความเป็นอยู่ของเราล่ะครับ
1040.992 -> อยากจะให้เรามีชีวิตอยู่ต่อได้นานๆ นะครับ
1044.051 -> กรณีฉุกเฉินจริงๆไม่แน่ใจว่าฟีเจอร์พวกนี้ที่เราคิดว่าเราจะได้ใช้หรอ
1048.788 -> อาจจะเป็นฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยชีวิตเราก็ได้ครับ
1054.222 -> เสียงไซเรนที่อยู่ใน Apple Watch Ultra
1057.48 -> เราสามารถเรียกแล้วมันดังขนาดไหนแล้วมันให้เสียงออกมาเป็นยังไงนะครับ
1061.612 -> เรามาลองดูนะครับ
1063.372 -> สามารถกดเรียกว่าเราจะเปิดไซเรนอย่างนี้ครับ
1083.659 -> ถ้าจากในมุมของคนใส่อยู่เป็นแบบเสียงดังแบบเสียดหูเลยนะครับ
1088.715 -> แล้วก็จะมีแพทเทิร์นการปล่อยเสียงที่แตกต่างกันไปในทุกๆ ครั้งด้วยนะครับ
1093.171 -> ที่ปล่อยออกมา
1097.055 -> แต่มันจะดังพอที่ทำให้คนที่อยู่ห่างไกลออกไปได้ยินด้วยหรือเปล่าเรามาลองดูกันครับ
1102.48 -> เราจะมาทดลองฟีเจอร์ไซเรนที่อยู่บน Apple Watch Ultra
1106.584 -> ตอนนี้ซู่ชิงอยู่ตรงนี้แล้วก็อู๋อยู่ตรงนู้น
1110.319 -> ตรงนั้นด้านขวาเป็นแป้นบาสเกตบอลไม่ใช่อู๋นะคะ
1113.652 -> อู๋อยู่ด้านซ้ายที่กำลังโบกมืออยู่
1116.27 -> เราอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตรตอนนี้
1118.977 -> ปกติแล้วระยะห่างประมาณนี้ตะโกนคุยกันก็แทบจะไม่ได้ยินแล้วนะคะ
1124.008 -> เดี๋ยวจะลองทดสอบดูว่าถ้าอู๋เปิดไซเรนบน Apple Watch Ultra
1128.095 -> ซู่ชิงจะได้ยินหรือเปล่า
1129.521 -> โอเค เปิดเลย
1137.19 -> ได้ยิน
1138.125 -> ตอนนี้ก็ได้ยินเสียงเลยตั้งแต่เริ่มเปิดนะคะ
1141.952 -> ดังอยู่ๆ
1143.964 -> อู๋ขอความช่วยเหลืออยู่ตรงนั้นนะคะ
1145.681 -> เราอยู่ห่างกัน 50 เมตร
1147.096 -> ชัดเจน
1148.124 -> เมื่อกี้เราทดลองแบบ 50 เมตรไปแล้วนะคะ
1150.282 -> คราวนี้เรามาลองระยะทางที่ไกลขึ้นกว่าเดิมค่ะ
1152.85 -> เราจะลองแบบ 100 เมตรกันบ้างนะคะ
1154.843 -> อันที่จริงแล้ว Apple เขาเคลมว่า Apple Watch Ultra
1158.341 -> สามารถส่งเสียงไซเรนได้ยินไกลถึง 200 เมตรเลย
1161.582 -> ตอนนี้หนูอยู่ตรงนั้นนะคะ
1163.268 -> ไกลๆ ลิบๆ นู่นเลย 100 เมตร
1165.149 -> เดี๋ยวจะลองให้อู๋เปิดไซเรนดูว่าอยู่ตรงนี้ได้ยินเสียงไหมนะคะ
1168.965 -> เปิดเลยจ้า
1172.58 -> เปิดแล้ว
1177.95 -> ตอนนี้ปิดหรือยัง
1185.265 -> โอเค ได้ยินนะคะ
1187.936 -> 100 เมตรในที่ที่เสียงรบกวนไม่เยอะเกินไปนักนะคะ
1191.254 -> ก็ยังสามารถได้ยินเสียงไซเรนอยู่ค่ะ
1193.615 -> แต่ว่าก็ต้องค่อนข้างตั้งใจฟังนิดหนึ่ง
1195.66 -> ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ตั้งใจฟังอาจจะแบบเป็นเสียงที่ผ่านมาแล้วก็ไม่ทันสังเกต
1199.736 -> ก็อาจจะผ่านไปได้นะคะ
1201.063 -> แต่ถ้าอยู่ในที่ที่เสียงเงียบกว่านี้จริงๆ อาจจะอยู่ในป่าก็คิดว่าจะได้ยินชัดกว่านี้ค่ะ
1207.166 -> เพราะฉะนั้น 100 เมตรก็ถึงว่ายังโอเคอยู่ค่ะ
1209.387 -> คุณผู้ชมครับ และนี่ก็คือ Apple Watch Ultra นะครับ
1211.956 -> นาฬิกา Smart Watch ที่มีความเป็น Apple Watch อยู่อย่างครบถ้วน 100% นะครับ
1216.525 -> เสริมความสมบุกสมบันเข้าไปครับ
1218.767 -> เพิ่มฟีเจอร์ให้เราสามารถที่จะไปเดินป่า ปีนเขา
1222.151 -> หรือว่าดำน้ำได้อย่างอุ่นใจมากขึ้นกว่าเดิม
1225.249 -> ถามว่ามันเป็นนาฬิกาสายลุยที่เราสามารถไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดีที่สุดในตลาดไหม
1230.299 -> ก็อาจจะไม่ใช่นะครับ
1231.671 -> แต่ถามว่ามันทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ขี้เหร่ไหม
1234.333 -> ไม่แพ้คนอื่นไหมก็ไม่แพ้คนอื่นเหมือนกันครับ
1237.133 -> เหมือนกับถามผมว่าเอา X 7 คันนี้ไปลุยออฟโรดจริงๆ อ่ะมันแพ้คันอื่นไหน
1242.424 -> มันก็ไม่แพ้คันอื่นหรอกครับ
1243.746 -> แต่ดีที่สุดไหมก็อาจจะไม่ใช่
1245.89 -> อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับงานนั้นที่สุดนะครับ
1248.215 -> แต่ถ้าเกิดใครขับ X7 เข้าไปออฟโรดนะครับ
1251.33 -> เป็นคันออฟโรดที่หล่อที่สุดในบรรดารถออฟโรดทั้งหมดในนั้นอย่างแน่นอน
1256.058 -> Apple Watch ก็เหมือนกันนะครับ
1257.128 -> ถ้าเกิดใครใส่ Apple Watch Ultra ไปดำน้ำ
1259.558 -> หล่อที่สุดในบรรดาเพื่อนที่ดำน้ำด้วยกันในวันนั้นอย่างแน่นอนครับ
1263.482 -> Apple Watch Ultra มีขายแล้ววันนี้นะครับ
1265.632 -> ในราคาเดียวแต่ว่ามีสายให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกันตามแต่ไลฟ์สไตล์ของเรา
1269.602 -> เปิดราคาที่ 31,900 บาทครับ
1271.637 -> ผมอู๋ Spin9 ครับ
1272.559 -> พบกันใหม่คลิปหน้า
1273.453 -> สวัสดีครับ

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=TIF-qchYpzg