![[spin9] รีวิว จอ Apple Studio Display — ดีทุกอย่าง ถ้าไม่ได้ใช้ในสตูดิโอ](https://img.howtoclicks.com/vi_webp/WCQIUUh-eZg/sddefault.webp)
[spin9] รีวิว จอ Apple Studio Display — ดีทุกอย่าง ถ้าไม่ได้ใช้ในสตูดิโอ
[spin9] รีวิว จอ Apple Studio Display — ดีทุกอย่าง ถ้าไม่ได้ใช้ในสตูดิโอ
รีวิวใหม่วันนี้ พบกับ Studio Display จาก Apple ครับ หน้าจอขนาด 27” ความละเอียด 5K ที่ออกมาใหม่ ที่รองรับการใช้งานกับ Mac อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยอินเทอร์เฟซ Thunderbolt หน้าจอมีความคมชัด สีสันแม่นยำ และใช้วัสดุคุณภาพยอดเยี่ยมตามมาตรฐานของ Apple โดย Studio Display ยังมาพร้อมกับไมโครโฟน , กล้องเว็บแคม และ ลำโพงด้วย
Studio Display วางขายแล้ววันนี้ เปิดราคาเริ่มต้น 54,900 บาท สั่งซื้อได้แล้วทาง Apple Store TH: https://apple.sjv.io/O652Z
#StudioDisplay
สมัครเป็นสมาชิกของช่อง spin9 เพื่อสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ของเราได้ที่นี่:
/ @spin9
Content
23.299 -> สวัสดีครับ อู๋ Spin9 ครับ
24.596 -> รีวิววันนี้แน่นอนนี่คือ Apple Studio Display
27.636 -> หน้าจอ External Monitor ยี่ห้อ Apple นะครับ
30.058 -> ที่ออกมาสร้างเสียงฮือฮาอีกครั้งหนึ่งนะครับ
32.85 -> เพราะว่าแฟนๆ Apple รับรู้เป็นอย่างดีนะครับ
35.308 -> ว่าหน้าจอของ Apple ไม่ว่าเราจะใช้อยู่กับอุปกรณ์ไหนก็ตาม
39.426 -> เป็นหน้าจอคุณภาพสูงให้สีที่แม่นยำมากๆ นะครับ
42.627 -> แต่ว่าเขาห่างหายจากการทำหน้าจอ External Monitor ที่ราคาจับต้องได้ไปนานพอสมควรเลยนะครับ
49.709 -> ก่อนหน้านี้มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นก็คือ Apple Pro Display XDR ความละเอียด 6K
55.308 -> หน้าจอใหญ่บึ้มโคตรโปรมากๆ นะครับ
57.774 -> แล้วซื้อมาไม่ได้มีขาตั้งมาด้วยนะครับ
59.956 -> ซื้อพร้อมขาตั้งก็ราคารวมก็ไปเกือบ 200,000 บาทนะครับ
63.427 -> ตัวนั้นเราอาจจะเอื้อมไม่ถึงนะครับ
65.298 -> แต่ว่าพอ Apple Studio Display ออกมาตัวนี้ก็แฟนๆ Apple หันมาจับตามองอีกครั้งหนึ่ง
70.481 -> เพราะว่าราคาก็เริ่มเข้าถึงได้นะครับ
72.871 -> แล้วก็สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ของ Apple ได้อย่างหลากหลายครับ
75.973 -> แม้ว่าตัวมันเองจะเปิดตัวพร้อมกับเครื่อง Mac Studio
79.483 -> แล้วก็ภาพที่ออกมามีแต่เอาหน้าจอ Studio Display ตัวนี้ไปเสียบต่อกับ Mac Studio เท่านั้นเลย
84.525 -> แต่ความเป็นจริงแล้วมันเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายมากๆ นะครับ
88.3 -> อย่างเช่นตอนนี้ต่อกับ Mac mini อยู่ ต่อกับ MacBook Pro MacBook Air นะครับ
92.291 -> หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ยี่ห้อ Apple เองก็ตามมันก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ครับ
97.425 -> วันนี้เรามาชมรีวิวของ Apple Studio Display ตัวนี้กันครับ
110.214 -> ก่อนที่ผมจะพาดู Apple Studio Display ตัวนี้อย่างละเอียดนะครับ
114.255 -> ขอเล่าย้อนให้ฟังนิดหนึ่งว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Apple ใช้ชื่อ Apple Studio Display ครับ
120.784 -> นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วนะครับ
122.342 -> หลายคนไม่น่าจะทัน Apple Studio Display ตัวแรกสุดนะครับ
126.382 -> ตอนนั้นคือปี 1998 ย้อนไปถึง 24 ปีเลยนะครับ
131.025 -> Apple เคยออกหน้าจอ External ที่ใช้ชื่อนี้มาแล้วเป๊ะๆ เลยแหละ
135.141 -> Apple Studio Display ขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 15 นิ้วเท่านั้นเองนะครับ
139.696 -> รุ่นนั้นอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากครับ
141.762 -> แต่ว่ารุ่นที่เปิดตัวหลังจากนั้น 1 ปีนะครับ
144.185 -> ปี 1999 รุ่นนั้นโด่งดังมากเลย
146.84 -> ก็คือ Apple Cinema Display
148.495 -> แล้วก็ใครที่มีโอกาสทันได้ใช้จะรับรู้เลยว่าคุณภาพของหน้าจอที่ Apple ผลิตสูงมากๆ เลยนะครับ
155.531 -> ผมมีโอกาสได้ใช้เช่นเดียวกันแล้วมันก็อยู่กับผมมานานกว่า 10 ปีนะครับ
159.366 -> กว่าที่หน้าจอด้านหน้าจะเริ่มลอกแล้วก็เริ่มจะใช้งานไม่ได้ครับ
162.701 -> หลังจาก Cinema Display มาก็ 2010 นะครับ
165.805 -> Apple ได้ออกสิ่งที่เรียกว่าพอร์ต Thunderbolt Display ครับ
168.556 -> ความละเอียดไม่ใช่ 4K ด้วยซ้ำไปนะครับ
171.103 -> ตอนนั้นเป็นแบบ WQHD ครับ
172.896 -> แล้วก็ทิ้งกันมายาวเลยจนมาออกหน้าจอรุ่นท็อปนะครับ
176.864 -> Apple Pro Display XDR 6K ครับ
179.508 -> ตัวนี้ก็ยังคงมีขายอยู่ในไลน์อัพปัจจุบันนะครับ
182.496 -> แล้วก็ปีนี้ล่าสุดเลยนะครับ
184.387 -> ก็จะมีตัว Studio Display ที่มีการกลับมาใช้ชื่อนี้อีกครั้งหนึ่ง
188.171 -> 27 นิ้วความละเอียด 5K ให้เราเลือกใช้งานกันนะครับ
191.735 -> ตัวนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 54,900 บาท
194.999 -> จะได้สเปกตามนี้เลยนะครับ
196.809 -> ที่ผมบอกว่าราคาเริ่มต้นเพราะว่าเขามี Option ให้เลือกเพิ่มเติมด้วยที่เดี๋ยวเราพูดถึงกันต่อไปครับ
201.864 -> เอาล่ะครับ มาดูสเปกของเขานะครับ
204.06 -> ขนาดที่ผมบอก 27 นิ้วความละเอียด 5K ครับ
207.607 -> แล้วถ้าเกิดเอาเป็นตัวเลขพิกเซลจริงๆ ก็คือกว้างด้านนี้ 5120 พิกเซล x 2880 พิกเซล
215.801 -> ใช่แล้วครับ นี่คือความละเอียดเดียวกันขนาดเดียวกันทุกอย่างกับ iMac 27 นิ้ว
221.889 -> ที่ Apple ขายก่อนหน้านี้ครับ
224.091 -> iMac 27 นิ้ว Retina 5K นะครับ
226.649 -> นั่นคือชื่ออย่างเป็นทางการนะครับ
228.393 -> ตอนที่ใช้ชิป Intel อยู่
229.708 -> ปัจจุบัน Apple เลิกขาย iMac 27 นิ้วไปแล้วนะครับ
232.582 -> พร้อมๆ กับการเปิดตัว Studio Display 27 นิ้วตัวนี้ไปเลยนะครับ
236.468 -> แต่ว่าหน้าจอของเขายังคงมาอยู่ตรงนี้นะครับ
239.7 -> เป็น Panel เดียวกันแล้วก็สเปกแทบจะเดียวกันเลย
243.306 -> สิ่งเดียวที่ต่างกันนะครับ
244.535 -> ก็คือหน้าจอไซส์นี้ตอนที่อยู่กับ iMac 27 นิ้ว
247.538 -> ความสว่างสูงสุดก็ทำได้ 500 นิตนะครับ
249.732 -> ตอนที่ออก Studio Display ตัวนี้มาหน้าจอนี้ทำความสว่างสูงสุดได้ 600 นิตนะครับ
254.606 -> ก็คือสว่างกว่ากันนิดเดียวแต่ว่าความละเอียดต่างๆ เท่าเดิมทุกประการนะครับ
259.067 -> ทำไม Apple ถึงได้ยึดถือกับความละเอียดไซส์นี้นะครับ
262.509 -> ถึงแม้ว่า 5K จะดูไม่ได้เป็นสัดส่วนที่คนทั่วๆ ไปใช้งานสักเท่าไหร่
267.908 -> เราจะคุ้นเคยกับหน้าจอ 4K
269.584 -> ซึ่งถ้าเกิดเราไปค้นหาในตลาดดูเราจะเห็นว่ามีหน้าจอ External Monitor 4K เยอะแยะมากมายเต็มไปหมดเลย
275.89 -> แต่ 5K หาได้น้อยมากๆ นะครับ
278.277 -> Apple บอกว่าจริงๆ แล้ว 5K เป็นความละเอียดที่ดีมากๆ เลยนะ
281.567 -> เพราะว่ามันคือการ scale up ขึ้นมาจาก WQHD 4 เท่าตัวพอดิบพอดีนะครับ
288.681 -> ก็คือพิกเซลของ WQHD จะอยู่ที่ 2560 x 1440 ก็คือ 1 ใน 4 ของหน้าจอนี้นะครับ
296.039 -> ดังนั้นคอนเทนต์ที่เป็นสัดส่วน 16:9 ที่ฉายอยู่บนหน้าจอ WQHD ได้มาก่อน
301.949 -> มาอยู่บนนี้มัน scale-up ได้พอดีโดยที่ไม่มีแถบดำเหลืออะไรเพิ่มเติมเลยนะครับ
307.085 -> แล้วก็เป็นสัดส่วนเดียวกันกับที่ Apple ใช้กับหน้าจอบนเครื่อง Mac ของตัวเองมาอย่างยาวนานด้วยครับ
312.805 -> นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยึดถือกัความละเอียดนี้มากมายนักนะครับ
316.447 -> พื้นที่ด้านหน้าของหน้าจอเป็น Panel ที่แสดงผลทั้งหมดเลยนะครับ
320.883 -> ล้อมกรอบไว้เพียงขอบสีดำ
323.117 -> ซึ่งผมถือว่าค่อนข้างหนาเลยเหมือนกันนะกับหน้าจอที่ออกมาในปี 2022
327.786 -> Apple น่าจะทำขอบสีดำได้บางกว่านี้แล้ว
330.63 -> แต่ว่าก็ยังเลือกที่จะทําขอบหนาๆ นี้อยู่นะครับ
332.898 -> ตัวนี้มีกล้อง Webcam มาให้ด้วยอยู่ด้านบนความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
336.838 -> แล้วก็ Apple เลือกใช้เป็นมุมมอง Ultra Wide เลยนะครับ
339.769 -> ที่รองรับฟีเจอร์ Center Stage
341.938 -> เราจะเห็นว่าอุปกรณ์ใหม่ๆ ของ Apple เริ่มปรับกล้องที่ฉายเข้าหาตัวเราหรือว่าต้องหน้า
347.576 -> เป็นมุมมอง Ultra Wide แล้วก็รองรับ Center Stage กันใหญ่เลยนะครับ
350.923 -> ไม่ว่าจะอยู่ใน iPad หลากหลายรุ่นน่าจะครบทุกไลน์อัพแล้วตอนนี้นะครับ
354.747 -> แล้วก็ลามมาจนถึงหน้าจอ Studio Display ตัวนี้ด้วยนะครับ
357.899 -> แต่คุณภาพจะเป็นยังไงเดี๋ยวเรามาทดสอบให้ดูกันในคลิปนี้ครับ
361.092 -> ต้องบอกว่าคุณภาพของมันน่าสนใจมากนะครับ
363.329 -> แล้วก็มีทั้งไมโครโฟน Array มาให้
365.032 -> มีทั้งลำโพงมาให้
366.353 -> ซึ่งลำโพงก็เป็นลำโพงที่มีคุณภาพสูงมากครับ
368.707 -> เดี๋ยวเรารีวิวให้ชมกันต่อไปครับ
370.679 -> พลิกมาดูด้านข้างครับ
372.182 -> ถ้าเกิดเปรียบเทียบกันกับ iMac 24 นิ้ว
375.369 -> แล้วก็ตัวนี้มีเพียงหน้าจอเพียวๆ ไม่ได้มีเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มีเครื่อง Mac อยู่ในนี้นะครับ
380.177 -> ผมถือว่านี่เป็นความหนาที่ยังค่อนข้างเยอะอยู่เลยนะครับ
383.494 -> เราน่าจะถูกสปอยโดยดีไซน์ของ Apple ไปแล้วว่า iMac 24 นิ้วทำได้บางมาก
388.721 -> ตัวนี้น่าจะบางกว่านี้ได้นะครับ
390.772 -> ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วไม่ได้หนาเทอะทะอะไรก็ตามนะครับ
393.072 -> แต่ว่าหลายคนก็จะขาดหวังว่ามันน่าจะบางกว่านี้ให้เราซะอีกนิดหนึ่งนะ
396.881 -> เพราะว่านี่ไม่มีเครื่อง Mac อยู่ข้างในด้วยซ้ำนะครับ
399.056 -> ก็เอาแหละครับ ด้านข้างมันประมาณนี้นะครับ
401.396 -> ในราคาเริ่มต้น 54,900 บาท
404.756 -> เราจะได้หน้าจอแบบนี้เลยติดมากับขาตั้งนี้นะครับ
408.222 -> ไม่ต้องซื้อขาตั้งแยกนะครับ
409.656 -> แต่ว่าไม่สามารถถอดเปลี่ยนขาตั้งได้เลยนะครับ
412.809 -> นั่นก็คือมันจะยึดติดมาแบบนี้แหละ
414.596 -> ดังนั้นสั่งซื้อแบบไหนได้จอแบบนั้นกับขาตั้งแบบนั้นเลยนะครับ
418.789 -> นี่คือขาตั้งในราคาเริ่มต้นนะครับ
420.983 -> ซึ่งเขาอนุญาตให้ Tilt ได้นะครับ
423.936 -> Tilt ก็คือเงย เงยขึ้นได้เยอะสุดประมาณนี้
428.479 -> เยอะเหมือนกันนะครับ
429.317 -> เวลาที่เราทำงานแล้วก็วางหน้าจออยู่ไม่ตรงกับองศาของสายตาเรา
433.547 -> สามารถที่จะเงยขึ้นได้ประมาณนี้นะครับ
435.214 -> หรือว่าก้มได้อยู่ที่ประมาณนี้
438.53 -> ก็มีความยืดหยุ่นพอสมควรนะครับ
440.643 -> ซึ่งขาตั้งแบบนี้ผมว่าเพียงพอกับการใช้งานของคนส่วนมากอยู่แล้วนะครับ
444.789 -> แต่ Apple ก็มีอีก 1 Option ให้เลือกนะครับ
447.249 -> กับขาตั้งอีก 1 แบบที่สามารถปรับความสูงของหน้าจอนี้ขึ้นลงได้ด้วยเพิ่มเติมนะครับ
453.47 -> ซึ่งเราจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 14,000 บาทครับ
456.443 -> เพื่อที่จะได้ขาตั้งที่สามารถปรับความสูงได้แล้วก็เงยก้มแบบนี้ได้นะครับ
461.876 -> ผมคิดว่าโดยส่วนมากไม่น่าจะจำเป็นครับ
463.953 -> พลิกมาดูด้านหลังนะครับ
465.162 -> ดีไซน์ของขาตั้งค่อนข้างใกล้เคียงกับที่อยู่ใน iMac 24 นิ้วที่ออกมาก่อนหน้านี้เลยนะครับ
470.31 -> ด้านหลังตรงนี้ออกแบบมาได้ค่อนข้างเรียบร้อยเลยครับ
472.938 -> เราจะเห็นโลโก้ Apple ขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลางแบบนี้
475.793 -> แล้วก็จะมีรูร้อยสายนะครับ
478.151 -> ซึ่งอันนี้เป็นสาย Power หรือว่าสายไฟของ Studio Display 27 นิ้วตัวนี้ครับ
483.5 -> ข่าวร้ายก็คือสายไฟตรงนี้สาย Power ไม่สามารถที่จะถอดได้
489.041 -> หน้าตามันจะคล้ายๆ กับที่อยู่ด้านหลังเครื่อง iMac รุ่นก่อนหน้า
493.303 -> iMac 21.5 นิ้วกับ iMac 27 นิ้วหน้าตาตรงนี้เหมือนกันมากเลย
497.506 -> ตัวนั้นน่ะดึงปุ๊บก็ถอดออกได้เลยนะครับ
500.049 -> มันถอดไม่ออกครับ
501.284 -> และนี่เป็นสายไฟที่ Apple ยึดติดมาเลยนะครับ
503.793 -> เราแกะออกจากกล่องมาเราก็จะเจอว่าตัวนี้ติดมาแบบนี้แล้ว
507.606 -> เราไม่ต้องมาเสียบเข้าด้วยตัวเองนะครับ
509.379 -> Apple บอกเราว่าถอดไม่ได้
511.213 -> สื่อต่างประเทศหลายรายมีการลองถอดให้ดูแล้ว
514.571 -> ซึ่งต้องใช้แรงมหาศาลมากๆ ในการที่จะดึงตัวนี้ออกมานะครับ
518.52 -> เราไม่แนะนำให้ทำตามเพราะว่าทางเทคนิคแล้วเขาไม่ได้ให้เราถอดเลยนะครับ
522.818 -> แต่ว่าเขาเองก็จะต้องมีวิธีในการถอดเพื่อที่จะ Service มันนะครับ
526.539 -> ดังนั้นสายนี้ติดมากับตัวเครื่องครับ
528.917 -> ซึ่งผมคิดว่าไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่นะครับ
530.895 -> แล้วก็คุณภาพของสายที่ติดมามันดูเป็นสายไฟธรรมดาครับ
534.124 -> Apple ควรจะให้สายตรงนี้เป็นสายถักเหมือนที่เขาเคยให้มากับ iMac 24 นิ้วนะครับ
540.134 -> ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจะสวยงามน่าใช้ขึ้นอีกเป็นกองเลยนะครับ
543.676 -> อีกข้อด้อยหนึ่งที่เวลาสายไฟมันติดอยู่กับตัวเครื่องนี้
547.915 -> นั่นก็คือหัวปลั๊กของเราหรือว่าสายไฟของเรามันมีโอกาสที่จะเสียหายได้จากการใช้งาน
553.529 -> บางทีเราไถเก้าอี้ที่เป็นล้อไปทับโดน ขาดบ้าง
557.744 -> หรือว่าใช้งานไปนานๆ มันเริ่มที่จะแบบคุณภาพไม่ดีแล้วนะครับ
561.79 -> เราควรที่จะมี Option ในการเปลี่ยนสายตัวนี้ได้อย่างเดียว
564.967 -> แต่กลายเป็นว่าต่อให้สายของเราเริ่มเสียหายนะครับ
567.866 -> เราต้องยกหน้าจอทั้งอันกลับไป Service ที่ศูนย์ Apple นะครับ
571.077 -> ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม Apple ถึงไม่ยอมให้ถอดสาย Power
574.035 -> นี่น่าจะเป็นอุปกรณ์ตัวแรกที่ผมเห็นเลยมั้งของ Apple ที่ไม่อนุญาตให้เราถอดสาย Power นะครับ
579.873 -> แม้กระทั่ง Mac รุ่นที่โปรกว่านี้คือ Mac Pro หรือว่า Mac Studio ต่างๆ ก็ยังถอดสาย Power ได้
585.36 -> Pro Display XDR ก็อนุญาตให้เราถอดสาย Power ได้
588.272 -> iMac ที่ดีไซน์ใกล้เคียงกันกับอันนี้ก็ถอดสาย Power ได้นะครับ
591.987 -> ตัวนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมติดอยู่ครับ
594.644 -> พอร์ตเชื่อมต่อด้านหลังนะครับ
596.061 -> เราจะเห็นมีอยู่ 4 ช่องเท่านั้นเองมีแค่นี้เลยนะครับ
599.577 -> ช่องหนึ่งจะมีโลโก้ Thunderbolt อยู่ด้านบนนะครับ
602.623 -> ตัวนี้จะเป็นช่องหลักสำหรับเสียบอุปกรณ์อินพุตให้กับหน้าจอนะครับ
606.855 -> อย่างเช่นผมเสียบเข้ากับเครื่อง Mac mini เครื่องนี้อยู่นะครับ
610.451 -> ก็จะเชื่อมต่อด้วย Thunderbolt แบบนี้เลยนะครับ
612.923 -> แล้วก็จะต้องเสียบเข้าช่องนี้ด้วยครับ
614.717 -> ส่วนอีก 3 ช่องที่เหลือนี้จะเป็น USB Type C นะครับ
618.823 -> ตัวนี้จะไม่ใช่ Thunderbolt ครับ
620.132 -> เอาไว้เสียบอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มเติม
621.812 -> อย่างเช่นผมอาจจะแปลงเอาสาย LAN มาเสียบเข้าตรงนี้
625.331 -> หรือว่าเสียบพวกแฟลชไดร์ฟพวก External Drive นะครับ
628.43 -> หรืออุปกรณ์เครื่องอื่นๆ ที่เป็น USB Type C ก็จะเอามาเสียบเพิ่มเติมตรงนี้ได้
633.142 -> โดยที่เราไม่ต้องมาเสียบเข้ากับอุปกรณ์ของ Mac เรานั่นเองนะครับ
636.767 -> ก็เพิ่มเติมมาให้อีก 3 พอร์ตด้วยกัน
638.41 -> พอร์ต Thunderbolt ตรงนี้เป็นพอร์ต Thunderbolt 3 นะครับ
641.133 -> ที่สามารถจ่ายไฟได้ด้วยที่เรตติ้ง 96 วัตต์นะครับ
644.683 -> ถ้าเกิดเราเชื่อมต่อกับ Mac mini ตัวนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก
647.4 -> เพราะว่า Mac mini เองมีสาย Power ของตัวมันเองนะครับ
650.179 -> หรือแม้กระทั่ง Mac Studio ก็ตามหรือว่า Mac Pro ก็ตามนะครับ
653.201 -> แต่ถ้าเกิดเราเอาหน้าจอตัวนี้เป็น External Monitor ให้กับเครื่อง MacBook บ้างนะครับ
658.075 -> อย่างเช่น MacBook Pro MacBook Air ต่างๆ นะครับ
660.343 -> ตัวมันเองจ่ายไฟหรือว่าชาร์จ MacBook เราได้เลยนะครับ
663.833 -> นั่นก็คือเสียบสายเดียวได้ 2 ประโยชน์นะครับ
666.227 -> เป็น External Monitor ก็ได้แล้วก็ชาร์จตัว MacBook ของเราด้วย
669.627 -> ในตัวเลยโดยที่เราไม่ต้องเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จต่างหากนะครับ
672.453 -> อันนี้ก็ถือว่าคิดมาครบถ้วนเลยนะครับ
674.257 -> แล้วก็เรตติ้งสูงมากพอที่จะชาร์จได้กับ MacBook Pro ทุกรุ่นเลยนะครับ
677.752 -> รุ่นล่าสุดที่เป็น 16 นิ้ว M1 Pro M1 Max ก็สามารถชาร์จได้ด้วยพอร์ตนี้เช่นเดียวกันครับ
683.37 -> ส่วนของดีไซน์เพิ่มเติมที่อยากให้ทุกคนได้เห็นนะครับ
686.449 -> ก็คือจริงๆ แล้วขอบด้านบนกับด้านล่างของหน้าจอนี้
690.501 -> มันจะมีรูระบายอากาศอยู่เต็มไปหมดเลยนะครับ
693.289 -> ด้วยดีไซน์เดียวกันนะครับ
694.679 -> ด้านบนตรงนี้ทั้งหมดที่เราเห็นเป็นรูระบายอากาศหรือว่าระบายความร้อนนะครับ
698.92 -> ด้านในมอนิเตอร์นี้มีพัดลมมากถึง 2 ตัวนะครับ
701.802 -> นั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมตัวเครื่องถึงมีความหนาค่อนข้างเยอะนั่นเองนะครับ
706.542 -> เพราะว่า Panel นี้ข้างในแล้วจริงๆ แล้วเป็นชิป Apple A13 Bionic แหละ
712.091 -> เป็นชิปตัวเดียวกันกับที่อยู่ใน iPhone 11 เลยนะครับ
715.18 -> เอามาให้พลังการประมวลผลกับตัวหน้าจอมอนิเตอร์ขนาด 27 นิ้วความละเอียด 5K ตัวนี้นะครับ
721.853 -> ซึ่งหลายคนก็เห็นจากการเปิดตัวไปแล้วนะครับ
724.636 -> แล้วก็รู้สึกว่ามันเกินความจำเป็นไปนิดหนึ่งหรือเปล่า
727.465 -> ทำไมต้องใช้ชิปแรงขนาด iPhone มาเพื่อ Power ให้กับตัวมอเตอร์ตัวนี้นะครับ
732.248 -> แต่ว่า Apple ให้มาแล้วแหละก็น่าจะเผื่อพลัง Processor ตัวนี้ไว้สำหรับอะไรบางอย่างในอนาคตด้วยนะครับ
737.83 -> เขาถึงเผื่อไว้พลังค่อนข้างแรงเลยทีเดียวครับ
740.399 -> ในขณะที่ขอบด้านล่างที่เป็นดีไซน์เดียวกันกับด้านบนตรงนี้
743.508 -> ไม่ได้เป็นรูระบายอากาศแต่อย่างใดนะครับ
745.604 -> แต่ว่าเป็นรูของลำโพงครับ
747.327 -> เขาดีไซน์ให้มันแนบเนียนกันไปเลยครับ
749.323 -> ตัว Studio Display ตัวนี้มีลำโพงมากถึง 6 ตัวนะครับ
752.739 -> แล้วก็ไมค์ Array 3 ตัวด้วยกันนะครับ
754.828 -> เพื่อคุณภาพเสียงนะครับ
756.104 -> ไม่ว่าจะเป็นการรับฟังความบันเทิงต่างๆ หรือแม้กระทั่งตอนที่เราใช้ประชุม Video Conference นะครับ
761.717 -> ตัวนี้สามารถเก็บเสียงต่างๆ ของเราที่ใช้ในการประชุมได้เป็นอย่างดีครับ
766.178 -> ผมใช้เวลาในการเล่าถึงดีไซน์ของตัวเครื่อง Studio Display ตัวนี้ค่อนข้างเยอะเลยนะครับ
771.46 -> ทำไมผมถึงให้ความสำคัญกับมัน
773.134 -> เพราะผมเชื่อว่าแฟนๆ Apple ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ
776.292 -> ถ้าเกิดเราไปดูหน้าจอ External Monitor ในตลาดนะครับ
779.863 -> เสิร์ชดูเลยจะเอากี่รุ่น จะเอารุ่นแพงก็ได้ เอารุ่นแพงกว่านี้ก็ได้นะครับ
784.244 -> ส่วนมากแล้วอ่ะมันไม่สวยเท่านี้
786.665 -> แล้วก็ส่วนมากแล้วอ่ะมันทำมาจากพลาสติกเกือบทั้งหมดเลยนะครับ
790.431 -> นี่น่าจะเป็นหน้าจอมอนิเตอร์ที่ทำจากอะลูมิเนียมเพียงไม่กี่รุ่นในตลาดนะครับ
795.131 -> แล้วก็น่าจะครองใจแฟนๆ Apple ได้
797.604 -> เพราะว่ามันเอาไปอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วมันสวย
800.75 -> คือจริงๆ มันไม่ต้องลงรายละเอียดไปจนถึงว่ามันสามารถแสดงสีสันได้คมชัดสวยงาม
806.105 -> เปิดความสว่างสูงสุดได้เท่าไหร่เอาไปเปรียบเทียบกับอะไรเลยก็ตามมานะครับ
809.809 -> ผมว่าหลายๆ คนเห็นแค่ดีไซน์ด้านนอกแล้วก็แสดงผลได้ 27 นิ้ว
814.486 -> ความละเอียดสูงระดับ 5K
815.744 -> ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ Apple แล้วก็เอามาใช้กับอุปกรณ์ Apple ของตัวเองมาอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเอง
820.95 -> 5 หมื่นกว่าบาทก็พร้อมเสียเงินแล้วแหละ
823.239 -> ดังนั้นผมเลยให้ความสำคัญกับดีไซน์เรื่องนี้ก่อนนะครับ
826.161 -> เพราะว่าไม่ใช่มอนิเตอร์หลายตัวนักในตลาดที่ไม่ได้ทำมาจากพลาสติกครับ
830.038 -> แต่เล่ามาถึงขนาดนี้แล้วอย่างไรก็ตามนั้นครับ
832.562 -> ก็ต้องทดสอบคุณภาพของหน้าจอให้ดูกันด้วยนะครับ
835.867 -> อย่างที่ผมเล่าให้ฟังว่านี่คือหน้าจอ Panel แทบจะเป็น Panel เดิมเลยนะครับ
840.86 -> จาก iMac 27 นิ้ว Retina 5K นะครับ
843.701 -> ตัวนั้นจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ถูกติติ่งอะไรเลยนะครับ
847.17 -> ว่ามันเป็นหน้าจอคุณภาพแย่หรือว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ
850.417 -> พอมาอยู่ตรงนี้ก็เป็นคุณภาพที่ไว้ใจได้แล้วครับ
853.174 -> แต่ถามว่าหน้าจอความละเอียด 5K ที่เป็น External Monitor แบบนี้
857.441 -> ความละเอียดเท่านี้ ความสว่างเท่านี้
860.333 -> ขายราคานี้กับในตลาดแพงไหมก็ต้องบอกว่าสูงกว่าตลาดพอสมควรนะครับ
865.533 -> เราอาจจะไปเปรียบเทียบตรงๆ กับหน้าจอ External Monitor 5K
870.065 -> ความละเอียดเดียวกัน ความสว่างเท่ากันในตลาดไม่ได้
872.476 -> เพราะว่าไม่มี
873.772 -> ไม่มีจริงๆ นะครับ
875.03 -> ไม่มีหน้าจอ External Monitor 5K ที่ความละเอียดเท่านี้และความสว่างเท่านี้
880.114 -> ให้เราเปรียบเทียบนะครับ
881.402 -> ใกล้เคียงที่สุดก่อนหน้านี้ก็คือมี LG UltraFine 5K นะครับ
885.028 -> ที่ความสว่างน้อยกว่าพอสมควรแล้วก็วัสดุต่างๆ ที่ใช้ก็อาจจะสู้ Studio Display ตัวนี้ไม่ได้นะครับ
891.462 -> เอาไปวางแล้วมันไม่สวยเท่า โต๊ะทำงานเราไม่หรูหราเท่านะครับ
894.522 -> ถ้าเราว่ากันตามโจทย์ว่าเราซื้อตัว External Monitor มา
897.795 -> ต้องการภาพสีสันความละเอียดคมชัด
901.134 -> ผมว่าราคานี้ค่อนข้างสูงนะสำหรับ Panel คุณภาพนี้
904.72 -> แต่ถ้าเกิดเปรียบเทียบกับภาพรวมทั้งหมดว่าเขาออกแบบมาเป็นแบบนี้
908.464 -> รองรับการทำงานต่างๆ ได้ในยุคปัจจุบันไหม
911.633 -> โอเค
912.302 -> แต่ถ้าวัดกันเฉพาะคุณภาพ Panel อย่างเดียวอาจจะต้องคิดใหม่นิดหนึ่งว่า 5 หมื่นกว่าบาทไปดูในตลาด
918.284 -> แล้วมีมอนิเตอร์บางรุ่นที่น่าใช้กว่านี้ครับ
920.564 -> เพื่อตอบคำถามว่าทำไมคุณภาพของ Panel Studio Display 27 นิ้ว
925.074 -> ผมถึงยังไม่เลิฟมันมากนะครับ
927.094 -> แม้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ
929.499 -> คือเราก็เห็นว่าหน้าจอ iMac Retina 5K ก็สวยดีอยู่แล้วนะครับ
933.926 -> แต่ว่านี่คือปี 2022 ครับ
935.883 -> ณ วันนี้เทคโนโลยีหน้าจอค่อนข้างดีแล้วนะครับ
938.826 -> Apple เองได้ออก MacBook Pro ตัวนี้อันนี้คือตัว 14 นิ้วนะครับ
942.368 -> ก็จริงๆ ก็เปิดหน้าจอคุณภาพเดียวกันกับ 16 นิ้วด้วยนะครับ
945.652 -> ปรับมาใช้หน้าจอแบบ Mini LED เป็นที่เรียบร้อยนะครับ
949.37 -> ด้านข้างผมตัวนี้ที่มีขนาดใหญ่กว่าก็คือ Pro Display XDR นะครับ
953.541 -> 2 ตัวนี้มีคุณสมบัติหนึ่งที่เหมือนกันนะครับ
956.607 -> แม้ว่าจริงๆ แล้วเทคโนโลยีภายในจะไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียวนะครับ
959.616 -> แต่คุณสมบัตินั้นเรียกว่ามี Local dimming zones ครับ
962.866 -> Local dimming zones คืออะไรครับ
964.676 -> หน้าจอในรูปแบบนี้ที่เป็นหน้าจอ LCD นะครับ
967.995 -> ด้านหลังที่เราเห็น Panel นี้มันจะประกอบไปด้วยหลอดไฟ
972.884 -> หลอดไฟจำนวนมากเลยแหละ
974.83 -> ยิ่งถ้าเกิดเป็น Mini LED มีหลอดไฟนับหมื่นดวงอยู่ในนี้นะครับ
979.26 -> ทำให้มันสามารถทำ Local dimming zones ได้ครับ
982.245 -> Local dimming zones นั่นหมายความว่าส่วนที่มันต้องการจะสว่าง
986.716 -> หลอดไฟด้านหลัง Panel ก็จะสว่างขึ้นนะครับ
989.605 -> ส่วนที่มันเป็นสีดำส่วนที่มันจริงๆ มันต้องมืด
992.686 -> หลอดไฟหลัง Panel บริเวณนี้ก็จะดับลงนะครับ
995.697 -> ช่วยให้สีดำมันดำสนิทครับ
998.639 -> ผมพูดแค่นี้ทุกคนน่าจะเห็นจากภาพอย่างชัดเจนเลยนะครับ
1002.515 -> ว่าหน้าจอ Studio Display 27 นิ้วตัวนี้ที่ไม่มี Local dimming zones
1007.554 -> นั่นก็คือเป็น Single dimming zones
1009.692 -> นั่นหมายความว่าถ้าเกิดหน้าจอนี้มีอะไรแสดงผลอยู่สักอย่าง
1013.718 -> ด้านหลังมันไม่มีโซนให้เลือกเปิดหรือว่าเลือกปิดส่วนใดส่วนหนึ่ง
1020 -> ถ้าเกิดมันต้องมีคอนเทนต์แสดงอย่างนี้
1022.217 -> มันก็จะสว่างขึ้นมาทั้งหมดนะครับ
1024.534 -> ส่งผลให้พื้นที่ที่เป็นสีดำมันไม่ดำสนิทครับ
1028.632 -> ในขณะที่หน้าจอที่มี Local dimming zones
1031.657 -> ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Mini LED หรือว่าจะเป็น LCD
1035.52 -> ที่มันมี Local dimming zones ให้คำนวณเยอะแยะมากมายตัวนี้ 500 กว่าโซนนะครับ
1039.771 -> มันสามารถทำสีดำให้ดำสนิทได้นะครับ
1042.099 -> ซึ่งแน่นอนแหละว่าส่งผลต่อความหงุดหงิดของหลายคนแน่ๆ นะครับ
1046.204 -> ดังนั้นคุณภาพหน้าจอของวันนี้
1048.107 -> เราไม่ได้คุยกันที่ความละเอียดหรือว่าความใหญ่ของ Panel เพียงอย่างเดียวนะครับ
1052.287 -> เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับใครหลายคนครับ
1057.12 -> ก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้เราได้เห็นถึงความชัดเจนนะครับ
1060.008 -> ว่าหน้าจอที่มีคุณภาพสูงมากๆ ในปัจจุบันนี้
1063.263 -> เขาแต่งเติมเขาใส่อะไรเข้าไปบ้างนะครับ
1065.984 -> เพื่อภาพที่สมจริงที่สุดดำ ดำสนิทจริงๆ
1068.992 -> ในขณะที่สีสันต่างๆ ยังคงคมชัดอยู่แล้วก็แม่นยำอยู่นะครับ
1072.867 -> ทุกตัวตรงนี้ก็ DCI-P3 100% ทั้งนั้นแหละครับ
1076.727 -> ก็คือถ้าเกิดมันเป็นส่วนที่แสดงสีสัน
1079.088 -> มันก็สามารถที่จะแสดงได้แม่นยำ
1081.435 -> แล้วก็จะมีจุดที่แตกต่างกันเรื่องนี้
1083.639 -> กับอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของความสว่างสูงสุดที่เป็นหน้าจอใหม่ๆ
1087.442 -> อย่างเช่นใน MacBook Pro รุ่นล่าสุดหรือว่า Pro Display XDR
1090.909 -> สว่างสูงสุดดันไปถึง 1,600 นิตที่เป็นช่วงพีคได้เลยนะครับ
1095.191 -> ตัวนี้ยังอยู่ที่ 600 นิตอยู่เหมือนเดิมครับ
1097.798 -> อย่างไรก็ตามก็อย่างที่ผมบอกนะครับ
1099.939 -> ว่ามันไม่ได้เป็นหน้าจอที่มีปัญหาอะไรหรอกครับ
1102.389 -> ถ้าเกิดเราไม่ได้เอามาเปรียบเทียบกันนะครับ
1104.779 -> หรือถ้าเกิดเราไม่ได้ซีเรียสกับงานเรามากจริงๆ
1107.6 -> แต่ถามว่าผมเห็นด้วยไหมว่า Apple ใช้ชื่อ Studio Display กับหน้าจอนี้
1113.741 -> ผมคิดว่าผมไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่นะครับ
1116.122 -> เพราะว่างานสตูดิโอส่วนมากก็ซีเรียสกับเรื่องนี้ทั้งนั้นนะครับ
1119.539 -> ตัวนี้ควรจะชื่อ Apple Display เฉยๆ นะครับ
1122.679 -> ตัวนี้ก็ปล่อยเป็น Pro Display อะไรไปนะครับ
1125.157 -> หรืออาจจะออก Studio Display มาหลังจากนี้ก็คงไม่ได้ว่ากัน
1128.392 -> อาจจะไม่ได้เหมาะกับชื่อ Studio Display มากนะครับ
1131.609 -> Studio Display รอบนี้ของทาง Apple ก็มี Option อีก 1 Option ด้วยนะครับ
1136.764 -> ให้เราเสียเงินเพิ่มเติมขึ้นไป
1138.873 -> ก็คือรุ่นที่เป็นหน้าจอกระจก Nano-texture นั่นเองนะครับ
1142.524 -> ครั้งแรกเขาทำกับหน้าจอ Pro Display XDR นะครับ
1145.952 -> ก็มีให้เลือกเหมือนกันเพิ่มเงินได้นะครับ
1147.73 -> แล้วก็อีกครั้งหนึ่งก็คือ iMac 27 นิ้วก่อนหน้านี้ที่เลิกขายไปแล้วนะครับ
1151.882 -> รอบนี้ก็มีเช่นเดียวกันก็คือจะมีการเคลือบสารที่บริเวณหน้าจอตรงนี้เพื่อลดแสงสะท้อนนะครับ
1158.216 -> สำหรับคนที่ไม่ชอบพื้นผิวกระจกใสๆ หรือว่ากระจกที่เงาๆ สะท้อนได้เยอะแบบนี้นะครับ
1164.745 -> ก็มีตัวเลือกของ Nano-texture เช่นเดียวกันนะครับ
1167.346 -> ซึ่งวิธีเดียวที่จะทำให้คุณผู้ชมรู้หรือเปล่านะครับ
1170.908 -> ว่าเราเหมาะกับรุ่นไหนเราก็ต้องทดสอบเทียบกันให้ดูครับ
1174.868 -> เราจะเห็นว่า Packaging วิธีการห่อจอมาก็ไม่เหมือนกันด้วยนะครับ
1179.476 -> เพราะว่าทาง Apple เขาจะไม่ใช้กาวติดอยู่ที่แผงหน้าจอด้านหน้าตรงนี้เลยนะครับ
1187.171 -> จะเป็นกาวที่มาติดรอบๆ เท่านั้นเอง
1189.305 -> ในขณะที่รุ่นปกติก็จะเป็นสติ๊กเกอร์กาวที่เราจะต้องลอกออกในครั้งแรก
1194.838 -> ในกล่องของรุ่น Nano Display Apple ยังมีผ้า Polishing Cloth นะครับ
1199.664 -> หรือว่าผ้าเช็ดรอยยี่ห้อ Apple ให้มาด้วย
1202.357 -> ด้วยปกติไม่ได้ให้มานะครับ
1203.888 -> ผมทดสอบให้ดูคร่าวๆ ว่าถ้าเกิดกระจกหน้าจอปกติเจอไฟสะท้อน
1208.864 -> มันจะเหมือนกับเป็นกระจกเลยเห็นไหมครับ
1210.969 -> เหมือนกับเป็นกระจกเงาธรรมดาทั่วๆ ไปเลย
1213.094 -> ในขณะที่ Nano-texture มันจะให้เอฟเฟกต์ประมาณนี้
1217.411 -> ก็ลองเลือกกันดูว่าหน้าจอแบบที่เราชอบพื้นผิวแบบที่เราชอบ
1223.428 -> น่าจะเป็นแบบไหนครับ
1224.741 -> โดยที่ราคาขายของหน้าจอ Studio Display ที่เป็น Nano-texture
1228.999 -> จะแพงกว่ารุ่นกระจกปกติอยู่อีก 10,500 บาทนะครับ
1233.509 -> ตัวนี้ 54,900 บาทนะครับ
1235.981 -> ตัวนี้ 65,400 บาทราคาเริ่มต้น
1238.555 -> หน้าจอ Studio Display มันเป็นของ Apple อยู่แล้วนะครับ
1241.508 -> จะต่อกับอุปกรณ์ Apple ก็ไม่ผิดแปลกอะไรมันต่อได้อยู่แล้วนะครับ
1245.67 -> ไม่ว่าจะเป็น Mac ต่างๆ iPad ก็ยังต่อได้นะครับ
1249.107 -> มีลิสต์ของอุปกรณ์ที่รองรับอย่างชัดเจนครับ
1252.028 -> แต่คำถามก็คือมันต่อกับ PC ได้หรือเปล่านะครับ
1255.273 -> อันนี้เราก็ต้องมาหาคำตอบร่วมกันนะครับ
1257.637 -> ผมก็มี PC อย่างน้อยๆ ต้องรองรับ Thunderbolt นะครับ
1261.004 -> เพราะว่ามันเป็นหน้าจอที่เป็น Interface Thunderbolt ครับ
1263.502 -> USB C ปกติไปไม่ได้นะครับ
1265.898 -> ลองดูครับ
1267.324 -> ไม่ถึง
1269.196 -> สาย Thunderbolt ที่ติดมากับ Studio Display มันยาวแค่เมตรเดียวนะครับ
1272.686 -> ผมว่าน้อยไปหน่อยจากการที่เราใช้งานมาทดสอบก็มีหลายๆ สถานการณ์ที่เสียบไม่ถึงสักเท่าไหร่นะครับ
1279.196 -> เสียบเข้ากับ Windows PC บ้างครับ
1282.842 -> เสียบได้นะครับ
1283.697 -> แล้วก็ได้ความละเอียดเต็มที่ 5K ด้วยนะครับ
1287.296 -> โชว์อยู่ใน Display Setting เลยว่าได้ความละเอียด 5120 x 2880 ครับ
1293.369 -> แต่สิ่งที่เราจะไม่ได้มานะครับ
1295.207 -> ก็คือ Setting ที่เราจะปรับกับหน้าจอนี้ในหลายๆ สถานการณ์นะครับ
1300.226 -> ปรับความสว่างไม่ได้นะครับ
1302.518 -> ฟีเจอร์ที่ให้มาอาจจะใช้ไม่ได้นะครับ
1305.807 -> Webcam ใช้ได้แต่ Center Stage แน่นอนมันเป็นฟีเจอร์ของฝั่ง Apple นะครับ
1310.818 -> เอามาใช้กับ PC ไม่ได้นะครับ
1312.99 -> ลำโพงสามารถเอาเสียงมาออกกับจอนี้ได้นะครับ
1316.062 -> อันนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาเราเชื่อมต่อกับ Windows PC ครับ
1319.149 -> ต่อกับ iPad จริงๆ ก็ไม่ค่อยมีสถานการณ์ไหนที่จะต้องต่อ iPad เข้ากับ External Monitor นะครับ
1324.998 -> แต่ว่าก็รองรับอยู่ดีนะครับ
1326.687 -> โดยที่ Studio Display ไม่จำเป็นที่จะต้องต่อกับอุปกรณ์ Apple ที่เป็น Thunderbolt เสมอไปนะครับ
1332.151 -> อย่างเช่น iPad Air Gen 5 ที่เพิ่งออกมา
1334.478 -> เป็น USB Type C ก็จริงแต่ว่ารองรับกับ Studio Display รุ่นใหม่นี้ด้วยนะครับ
1338.725 -> แล้วพอเป็นอุปกรณ์ของ Apple ก็ปรับแต่งได้เต็มที่เลยนะครับ
1342.254 -> เราจะเห็นว่าในเมนู Display ของเขา
1344.974 -> ก็จะเห็นเลยว่า Connect กับ Studio Display อยู่แล้วก็สามารถที่จะปรับความสว่างแยกหน้าจอกันได้ด้วย
1351.32 -> ถ้าเสียบใช้งานปกติก็เหมือนกับใช้พื้นที่ได้ไม่เต็มใช่ไหมครับ
1354.762 -> มันจะมีขอบดำอยู่ข้างๆ
1356.174 -> แต่ถ้าเกิดเราเชื่อมต่อที่มันเป็นคอนเทนต์แบบวิดีโอที่เล่นเต็มจอได้
1361.164 -> อย่างเช่นใน Netflix มันใช้พื้นที่ได้เต็มหน้าจอเลยนะครับ
1364.935 -> ทีนี้มาดูโจทย์ที่ยากขึ้นกว่าเดิมอีก
1367.329 -> ใช้กับ Android ได้ไหมนะครับ
1368.918 -> อันนี้คือ Samsung Galaxy S22 Ultra นั่นเองนะครับ
1374.609 -> ลองดูครับ
1375.673 -> ขึ้นว่า Connect to External Display
1377.409 -> ขึ้น Samsung DeX
1378.837 -> ใช้เป็นจอ Samsung DeX ได้ไม่ธรรมดานะครับ
1382.476 -> ไหนลองออกจากโหมด Samsung DeX ดู
1387.879 -> Mirror ได้ด้วย
1388.752 -> แต่ก็แน่นอนเราไม่สามารถที่จะปรับความสว่างของหน้าจอ
1392.762 -> ผ่านอุปกรณ์ที่ไม่ใช่อุปกรณ์ของ Apple ได้นะครับ
1395.703 -> ไม่มีปุ่มเพิ่มลดความสว่างอะไรทั้งนั้นนะครับ
1398.415 -> เพราะว่าตัวหน้าจอเองปุ่ม Power ยังไม่มีเลยนะครับ
1401.195 -> อย่าไปคาดหวังอะไรขนาดนั้นครับ
1402.545 -> และนี่ก็คือคุณภาพของกล้อง Webcam ที่ติดมากับจอ Studio Display ครับ
1407.873 -> ผมคิดว่าคุณภาพที่ได้ค่อนข้างน่าผิดหวังเลยนะครับ
1411.132 -> เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะว่า Apple ตัดสินใจที่จะใช้มุมมอง Ultra Wide นะครับ
1415.468 -> แล้วก็ครอปเอาเฉพาะส่วนกึ่งกลางมาใช้นะครับ
1418.788 -> ทำให้คุณภาพที่ได้มันไม่ดีเท่ากับกล้องระยะปกตินั่นเองครับ
1423.159 -> แต่ว่าเสียงไมโครโฟนเรื่องนี้ทำได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้วนะครับ
1426.494 -> ดังนั้นถ้าเกิดเราไปประชุมสายผมคิดว่าถ้าใช้กล้อง Webcam ตัวนี้
1430.55 -> มันไม่ได้คุณภาพที่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ครับ
1438.321 -> สวัสดีครับ
1439.366 -> อ้าว ทำไมเป็นแมว
1440.723 -> ทดสอบกล้องอยู่หรอ
1442.085 -> ใช่แล้ว
1443.999 -> ไหนอ่ะ กล้องมันดีป่ะ
1445.245 -> ก็กล้องมันดีป่ะหล่ะที่เห็นอยู่
1447.883 -> ก็เธอก็หล่อเหมือนเดิม เธอหล่อกว่าเดิมด้วยซ้ำ.
1451.013 -> อันนี้เป็นฟีเจอร์ Center Stage ที่สามารถขยับหนีออกจากกันได้
1458.929 -> หรือถ้าเกิดขยับเข้ามาหากันกล้องก็จะค่อยๆ ซูมเข้ามา
1468.05 -> และถ้าเกิดออกไปเลยก็จะเหลือคนเดียว
1473.92 -> แต่ที่โดดเด่นมากๆ ของจอ Studio Display ตัวนี้ก็คือลำโพงนะครับ
1477.897 -> ในนี้มีลำโพงมาให้มากถึง 6 ตัวแล้วก็เป็นลำโพงที่เนื้อเสียงแน่นมากๆ ด้วยนะครับ
1483.504 -> รองรับทั้ง Spatial Audio แล้วก็ Dolby Atmos นะครับ
1486.876 -> ซึ่งเราไว้ใจได้มากๆ จากทาง Apple อยู่แล้วครับ
1489.58 -> ผมทดลองเปิดดังสุดถือว่าดังกว่าลำโพงที่ติดมากับอุปกรณ์ Apple แทบจะทุกตัวเลยนะครับ
1495.553 -> ดังกว่า iPad Pro 12.9 ดังกว่า MacBook Pro 16 นิ้วแล้วก็ดังกว่า iMac 27 นิ้วตัวเดิมด้วยครับ
1514.964 -> และนี่ก็คือรีวิวของหน้าจอ Apple Studio Display นะครับ
1518.72 -> ถึงแม้ว่าในรีวิวผมบอกไปแล้วว่าผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับชื่อรุ่นนะครับ
1522.516 -> ที่เขาใส่คำว่า Studio เข้ามานะครับ
1525.248 -> เพราะว่าผมดูแล้วไม่น่าจะเป็นหน้าจอที่เหมาะกับงานสตูดิโอสักเท่าไหร่นะครับ
1529.742 -> ถ้าเกิดชื่อ Apple Display เฉยๆ จะดีกว่านี้มาก
1532.69 -> จะทำให้เรารีวิวแล้วเราให้ความรู้สึกที่ดีกว่านี้ครับ
1535.827 -> เพราะว่าผมคิดว่านี่เป็นหน้าจอที่เหมาะกับ Consumer User ท่วๆ ไปของ Apple ที่ใช้เครื่อง Mac นี่แหละนะครับ
1542.472 -> แล้วก็ต้องการไปเพิ่ม Productivity บนโต๊ะทำงานของตัวเองนะครับ
1546.023 -> มันจะเป็นอุปกรณ์เสริมที่ดีมากๆ สำหรับคนที่ใช้อุปกรณ์ของ Apple อยู่แล้วนะครับ
1550.255 -> แต่ทำไมมันถึงไปไม่ถึงระดับ Studio ก็หลายเหตุผลเลยนะครับ
1553.663 -> เพราะว่าจริงๆ แล้วหน้าจอมันควรจะมีคุณภาพที่ดีกว่านี้โดยเฉพาะ Panel ของเขานะครับ
1558.645 -> ที่มันควรจะต้องเป็นสีดำสนิทแหละ
1560.333 -> หรือว่าออกมาในปีนี้ก็ควรจะได้ Refresh Rate 120 เฮิรตช์แหละ
1564.392 -> หรืออย่างน้อยๆ Webcam มันต้องดีกว่านี้แหละ
1567.129 -> ให้ Webcam คุณภาพนี้มามันทำให้หลายๆ ส่วนมันเริ่มดูไม่ดีตามไปด้วยนะครับ
1573.201 -> แต่ถ้าถามว่าเราดูแล้วมันน่าซื้อเล็งดูแล้วถ้าเกิดตัวนี้มันมาอยู่บนโต๊ะทำงานของเรามันต้องเท่มาก สวยมาก
1580.945 -> แล้วก็ทำให้งานของเรามันดีขึ้นได้นะครับ
1584.076 -> เพราะว่าได้พื้นที่หน้าจอที่อาจจะใหญ่ขึ้นกว่า External Monitor ของใครหลายคนบนโต๊ะทำงานตอนนี้
1589.037 -> ผมคิดว่าถ้าเกิดใครมีเงินในกระเป๋า 54,900 บาท
1591.974 -> นี่เป็น Product ที่ผมแนะนำให้สามารถซื้อได้นะครับ
1595.222 -> แต่ถ้าเกิดใครคาดหวังดูจากชื่อรุ่นแล้วคิดว่าจะเอาไปอยู่ในสตูดิโอของเรา
1599.571 -> ทำงานที่มีความแม่นยำสูงหน่อย
1602.282 -> ผมคิดว่าตัวนี้อาจจะยังไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมในวันนี้ครับ
1605.823 -> ผม อู๋ Spin9 ครับ
1606.763 -> พบกันใหม่คลิปหน้า
1607.759 -> สวัสดีครับ
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=WCQIUUh-eZg