คลิก https://www.spokedark.tv/supporter/14
ร่วมสนับสนุน SpokeDark วันละ 5 บาท ผ่านบิลรายเดือนมือถือ แบบง่ายๆ ไม่ต้องกรอกอะไรเลยครับ

คลิก    / spokedarktv  
สำหรับการสนับสนุนผ่าน YouTube Membership

หรือสนับสนุนเป็นรายครั้งผ่านบัญชีธนาคารได้ทาง กสิกรไทย 0698966939

ขอบพระคุณมากๆ ครับ

“คณะราษฎร” ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศสยามจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบที่ทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกันในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมมีในหนังสือเรียนน้อยจัง แต่ไม่เป็นไร จอห์น วิญญู จะมาเล่าประวัติศาสตร์และที่มาที่ไปของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อกว่า 90 ปีที่แล้วให้ฟัง

ร่วมเป็น supporter ของ SpokeDark ได้แล้ววันนี้ครับ 😎 https://www.facebook.com/becomesuppor

“คณะราษฎร” เค้าโครงการเศรษฐกิจของปรีดี และรัฐประหารสองครั้งแรกหลัง 2475 (ตอนที่2)
   • \


Content

0 -> ก่อนจะเข้าเนื้อหารายการ
1.4 -> อยากจะชวนให้คุณผู้ชมนะครับ
2.76 -> มาเป็นผู้สนับสนุนรายเดือนให้กับพวกเรา SpokeDark
5.92 -> ทาง Youtube Membership
7.16 -> ง่ายๆ ครับแค่กดที่ปุ่ม Join หรือปุ่มสมัคร ที่อยู่ใต้คลิปนี้ ข้างปุ่ม Subscribe
12.36 -> แล้วก็เลือกแพ็คเกจสำหรับการสนับสนุนรายเดือนได้เลยนะครับ
15.76 -> และคุณยังสามารถร่วมสนับสนุนเราได้
18.72 -> ผ่านทางบัญชีธนาคารที่ขึ้นอยู่ตรงนี้เลยนะครับ
23.64 -> วันที่ 24 มิถุนายน 2475
26.84 -> วันที่ใครหลายๆ คนอาจจะเรียกว่าวันชาติ
29.8 -> วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง
31.52 -> ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น
34.04 -> ของการมีประชาธิปไตยในประเทศไทย
36.36 -> เมื่อ 88 ปีที่แล้ว นะครับ
38.28 -> นานมากจริง ๆ นะครับ
39.56 -> แต่กลับมีเรื่องที่เราไม่รู้
41.12 -> ไม่เข้าใจเยอะเหลือเกิน
46.44 -> จุดเริ่มต้นในวันนั้นนะครับ
47.76 -> เริ่มได้ธรรมดากว่าที่คิด
49.48 -> เมื่อเวลาประมาณตีสี่ครับ
51.08 -> ณ บ้านหลังหนึ่งแถวย่านถนนประดิพัทธ์
53.64 -> คุณหญิงทรงสุรเดช ตื่นมาพบเรื่องแปลก
56.52 -> อยู่ ๆ สามีซึ่งก็คือพระยาทรงสุรเดช
59.6 -> อาจารย์ใหญ่เจ้ากรมยุทธการทหารบก
61.88 -> ตื่นเช้ากว่าทุกวัน
63.28 -> ไม่รออาหารเช้า
64.56 -> เลือกทานข้าวผัดที่เหลือจากมื้อเย็นของเมื่อวาน
67.6 -> ก่อนจะออกจากบ้านโดยบอกแค่เพียงว่า
70.12 -> ต้องตื่นเช้า
70.96 -> เพราะวันนี้มีสวนสนามที่หน้าพระลานครับ
75.28 -> แต่ในความเป็นจริงนะครับ
76.4 -> พระยาทรงสุรเดชเดินไปขึ้นรถ ตามนัดหมายกับนายทหารกลุ่มหนึ่ง
80.6 -> มีทั้งพระยาพหลพลพยุหเสนา
83.52 -> พระประศาสน์พิทยายุทธ หลวงพิบูลสงคราม
86.48 -> เพื่อทำภารกิจลับที่บอกใครไม่ได้ แม้กระทั่งภรรยาตัวเอง
90.52 -> มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศสยาม
93.52 -> เพื่อให้พระมหากษัตริย์
94.8 -> ทรงเป็นกษัตริย์ใต้กฎหมายเดียวกันกับประชาชน
97.72 -> จุดเริ่มต้นคณะราษฎร
105.08 -> คณะราษฎร หรือ ที่เราชอบย่อติดปากกันสั้นๆ ว่าคณะราษฯ นะครับ
109.64 -> กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง ด้วยหลายๆ เหตุผล
112.48 -> แต่เหตุผลหลักก็จะน่าเป็นคำถามที่คนรุ่นใหม่ค้างคาใจ
116.24 -> ว่าทำไมประเทศไทยที่พวกเราเกิดมาแบบเลือกไม่ได้นี้
120.52 -> ไหนบอกว่าเป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่เกือบ 90 ปีที่แล้ว
124.16 -> ทำไมทุกวันนี้
125.28 -> ประชาธิปไตยที่ว่าช่างคล้ายกับอาหารพลาสติกในตู้โชว์หน้าร้าน
129.76 -> ดูสวยแต่กินเข้าไปจริง ๆ ไม่ได้
135.28 -> คณะราษฎรที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง
139.16 -> พวกเขาทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า?
141.4 -> แล้วทำไมหนังสือเรียนของพวกเราถึงมีเรื่องของพวกเขาน้อยจัง?
145.52 -> เรื่องสำคัญแบบนี้แท้ๆ
149.68 -> ก่อนที่จะลงไปในเรื่องราวของคณะราษฎร
152.04 -> เราควรจะเข้าใจภาพกว้าง ๆ ของโลกและของสยามในตอนนั้นก่อนนะครับ
156.72 -> ในช่วงการก่อกำเนิดคณะราษฎร
158.84 -> สมาชิกรุ่นก่อตั้งนั้นเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลของสยาม
162.56 -> ที่ไปเรียนหนังสือกันที่ฝรั่งเศส ในช่วงทศวรรษที่ 1920
166.68 -> ทศวรรษที่ 1920
168.32 -> เป็นทศวรรษแห่งความรุ่งเรืองทั้งทางสังคม
171.16 -> วัฒนธรรม และ เศรษฐกิจในยุโรป
173.24 -> สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเพิ่งจบลง
175.48 -> ประเทศผู้ชนะสงครามในยุโรปทั้งหลาย
177.76 -> กำลังพยายามฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
180.16 -> ฝรั่งเศสได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหรัฐอเมริกาเยอะมาก
185.2 -> ปารีสนั้นเป็นเมืองที่งดงามและก้าวหน้าอยู่แล้ว
188.4 -> อุตสาหกรรมกลับมาบูม เศรษฐกิจกลับมาบูม
191.36 -> ตลาดหุ้นขยายตัวอย่างรวดเร็ว
193.44 -> ระบอบสาธารณรัฐค่อนข้างจะมั่นคงหยั่งรากลึกแล้ว
197.8 -> ปารีสเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรมของยุโรป
200.8 -> เป็นเมืองของนักคิด นักเขียน นักแสดง ศิลปิน
203.96 -> เป็นศูนย์กลางแฟชั่นของโลก มีห้องเสื้อชาแนลแล้ว
207.2 -> มีกฎหมายที่เริ่มสร้างรัฐสวัสดิการต่าง ๆ
209.76 -> มีรัฐสภาที่เต็มไปด้วยกลุ่มอำนาจทางการเมือง
212.88 -> ที่เห็นกันไปคนละทิศคนละทาง
214.88 -> ทั้งสังคมนิยม ทั้งนิยมเจ้า ทั้งฝ่ายคอนเซอร์เวทีฟ
218.52 -> ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด มีสิทธิ์ที่จะพูด
221.12 -> มีสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นและได้รับฟัง
223.8 -> จึงทำให้เป็นยุคทองของหนังสือพิมพ์ไปด้วยเช่นกัน
227.56 -> แม้แต่ในทศวรรษที่ 1910
229.88 -> ในฝรั่งเศสมีหนังสือพิมพ์ถูกพิมพ์ออกมาถึงวันละ 5 ล้านฉบับเลยทีเดียว
235.72 -> พูดถึงหนังสือพิมพ์ 5 ล้านฉบับ
237.56 -> ก็ต้องพูดถึงคนอ่านหนังสือพิมพ์กันหน่อยนะครับ
239.96 -> จะอ่านหนังสือพิมพ์ได้ก็ต้องรู้หนังสือประมาณหนึ่งล่ะ ใช่ไหมครับ
245.56 -> การศึกษาในฝรั่งเศส นี่เราพูดถึงเฉพาะฝรั่งเศสนะครับ
248.96 -> ที่เหล่าคณะราษฎรเค้าไปเรียนหนังสือกัน
251.32 -> ในปี 1910 หรือ พ.ศ. 2453
255.12 -> หรือปีที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคตพอดีเนี่ย
259.16 -> อัตราคนไม่รู้หนังสือในประเทศฝรั่งเศสคือ 4.2% นะครับ
264.16 -> รัฐธรรมนูญฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1791 หรือ พ.ศ. 2334
269.76 -> หรือสมัยรัชกาลที่ 1 ของเรา ระบุว่า
272.44 -> การศึกษาเป็นสิทธิ์ของประชาชน
275.08 -> สังคมมีหน้าที่จะต้องจัดการให้ประชาชนได้รับการศึกษา
279.16 -> และสาธารณรัฐเรียกร้องให้ประชาชน
281.52 -> มีความสามารถในการ อ่าน เขียน และ คิด
284.76 -> อันนี้คือสมัยรัชกาลที่ 1 นะครับ
291.48 -> อีก 100 ปีต่อมาหลังจากนั้น คือในช่วงปี 1882 - 1890
297.6 -> มีการขยายการศึกษาตามเจตนารมณ์ดั้งเดิมได้สำเร็จ
301.36 -> ในระยะเวลา 8 ปี
302.84 -> มีการสร้างโรงเรียนเฉลี่ยวันละ 3 โรงเรียน
306.48 -> และสามารถขยายจำนวนห้องเรียนทั่วประเทศฝรั่งเศสได้ถึง 70,000 ห้อง
311.8 -> และไม่เก็บค่าเล่าเรียน
313.08 -> ทั้งหมดนี้ ในบ้านเราคือสมัยรัชกาลที่ 5 นะครับ
318.64 -> ดังนั้นบ้านเมืองฝรั่งเศสที่ชาวคณะราษฎรเห็น
321.88 -> ก็คงจะเป็นบ้านเมืองที่แตกต่างกับที่ ๆ พวกเค้าจากมาเป็นอย่างมากนะครับ
326.28 -> มากอย่างไร ?
327.32 -> สยามในขณะนั้นเป็นสมัยรัชกาลที่ 6 ต่อ รัชกาลที่ 7
331.32 -> ระบบการศึกษายังคงเน้นการศึกษาเพื่อป้อนคนเข้าสู่ระบบราชการ
336.04 -> โรงเรียนยังคงอยู่ในวังและในวัด มีมหาวิทยาลัย 1 แห่ง
339.68 -> ก็คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
341.92 -> ซึ่งต้องจ่ายค่าเช่าให้พระคลังข้างที่นะครับ ไม่ได้มีที่ดินเป็นของตัวเอง
346.8 -> โรงเรียนมีเฉพาะในเมืองหลวงและหัวเมืองนิดหน่อย
350 -> ส่วนอื่น ๆ ของประเทศนั้นแทบไม่มีเลยครับ
352.76 -> นอกจากโรงเรียนของมิชชันนารีสอนศาสนา
355.68 -> อัตราการรู้หนังสือเป็นเท่าไหร่อันนี้ก็สุดจะเดา
358.84 -> เพราะหาข้อมูลที่ไหนก็ไม่เจอเลยครับ
363.04 -> ลองนึกภาพครั้งแรกที่คุณไปเที่ยวญี่ปุ่น
366.16 -> ถ้าคุณเคยไปญี่ปุ่นอะนะ
367.76 -> หรือครั้งแรกที่คุณไปอเมริกา หรือยุโรป หรือเกาหลีก็ได้
372.08 -> ความรู้สึกของคณะราษฎรก็คงเป็นประมาณนั้นมั้งครับ
375.32 -> แบบว่าเฮ้ย ทำไมมันดี
377.6 -> มันมีรถไฟความเร็วสูง มันมีรถไฟใต้ดินทั้งเมืองเลยนะนี่
381.88 -> ความรู้สึกครั้งแรกที่ไปสะพานกูลิโกะที่โอซาก้าก็ได้
385.76 -> แบบว่า เฮ้ย สว่างไสว
388.52 -> หรือว่าอาจจะสายเนิร์ดหน่อย
390 -> ไปเจอร้านหนังสือใหญ่โต เจอห้องสมุดโรงเรียน
393.28 -> ห้องสมุดมหาวิทยาลัย ห้องสมุดประจำเมือง
395.92 -> หรือคนที่ไปพิพิธภัณฑ์ Metropolitan Museum of Art ที่นิวยอร์ก
400.12 -> หรือ ลูฟวร์ ที่ปารีส หรือ บริติชมิวเซียม
402.92 -> หรือ ไปเจอนาซ่า หรือ สมิธโซเนียน
405.28 -> หรือ แม้กระทั่งตู้กดน้ำกดขนมที่โตเกียว
408.16 -> คือ มันแบบว้าว ทำไมเขามี อยากมีมั่ง ต้องทำอย่างไร
413.08 -> ประมาณนี้แหละครับ
418.04 -> จุดเริ่มต้นของคณะราษฎร เริ่มจากนักเรียนกฎหมายทุนรัฐบาลในฝรั่งเศส
423.32 -> ปรีดี พนมยงค์ ที่มีเพื่อนเป็นคนไทยด้วยกัน
425.8 -> ก็คือ ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี
428.28 -> ที่ลาออกจากราชการทหารมาเรียนต่อด้านรัฐศาสตร์
431.72 -> สองคนนี้เป็นตัวตั้งตัวตี ทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเริ่ม
435.96 -> ช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2469
439.92 -> หรือ ค.ศ. 1926
441.8 -> ที่หอพักซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนของคาเฟ่แห่งหนึ่งในปารีส
445.36 -> ก็มีการประชุมของกลุ่มนักเรียนนอก
447.8 -> ทั้งพลเรือนและผู้ที่มาเรียนวิชาทหารในยุโรป
450.76 -> ประกอบไปด้วย ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ
453.84 -> หรือต่อมาก็คือจอมพลป.พิบูลสงคราม นักเรียนทหารปืนใหญ่
458.44 -> ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี นักเรียนทหารม้า
462.32 -> นายตั้ว ลพานุกรม นักศึกษาวิทยาศาสตร์
465.8 -> หลวงศิริราชไมตรี หรือนายจรูญ สิงหเสนี
469.6 -> เป็นผู้ช่วยเลขานุการทูตสยามประจำกรุงปารีส
472.8 -> นายแนบ พหลโยธิน เนติบัณฑิตอังกฤษ
475.32 -> ที่มีอาเป็นพระยาพหลพลพยุหเสนา
477.92 -> ที่ตามมาเข้าร่วมและถูกยกให้เป็นหัวหน้ากลุ่มในภายหลัง
481.6 -> โดยเริ่มแรกทั้ง 7 คนนี้ มีเป้าหมายร่วมกัน
484.52 -> คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศสยาม
487.12 -> จากระบอบสมบูรณาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองที่กษัตริย์จะอยู่ใต้กฎหมายสูงสุด
492.6 -> หรือหมายถึงว่าประเทศสยามจะต้องมี Constitution
496.16 -> มีกฎหมายกำหนดอำนาจสูงสุดแบบเป็นลายลักษณ์อักษร
499.64 -> ซึ่งต่อมาจึงเลือกคำแปลเป็นภาษาไทยว่า รัฐธรรมนูญ
506.84 -> กลุ่มคณะราษฎรยุคบุกเบิก ยังคิดคอนเซ็ปต์ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ
510.92 -> หลัก 6 ประการของคณะราษฎร
513.52 -> เป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ
515.8 -> อันได้แก่ เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ การศึกษา
523.6 -> สำหรับเราฟังผ่าน ๆ มันก็คงเป็นสโลแกนที่ฟังดูไม่มีอะไรเท่าไร
527.76 -> เหมือนเป็นอะไรสักอย่างที่นักเรียนมีไว้ท่องหน้าเสาธงตอนเช้า
531.64 -> แต่หลัก 6 ประการนี้ ถ้าพิจารณาดี ๆ
534.64 -> เป็นความคิดที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยทีเดียวนะครับ
537.96 -> เพราะไม่เคยมีมาก่อนในประเทศสยาม
540.36 -> ที่รัฐหรือผู้นำมีการประกาศอย่างชัดเจนว่าหน้าที่ของตนเองคืออะไร
545.64 -> ตนจะให้อะไรกับประชาชนบ้าง
547.76 -> เป็นการแสดงความรับรู้ว่า ประเทศเป็นของราษฎร
551.04 -> รัฐมีหน้าที่รับประกันว่าคนต้องเท่ากัน
554.28 -> รับประกันว่าต้องสร้างเศรษฐกิจ
556.24 -> รับประกันว่าคนต้องได้รับการศึกษา
558.6 -> ต่างกับโลกในระบอบเก่าโดยสิ้นเชิงที่แผ่นดินนั้นมีเจ้าของอยู่แล้ว
563.2 -> และผู้อยู่อาศัย ต้องอยู่ไปเรื่อย ๆ แบบรู้บุญคุณ
566.56 -> ต้องสำนึกเสมอว่าในฐานะผู้อยู่อาศัยเราต้องทำอะไรให้เจ้าของประเทศบ้าง
574.84 -> เอาจริง ๆ การที่ผู้นำจะมาสัญญิงสัญญาอะไรกับประชาชนนี่
579.52 -> ถ้าไม่ใช่นักการเมืองก็ไม่เคยมี
581.76 -> มีแต่ประชาชนจะต้องท่องจำหน้าที่ของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่วัยเรียน
587 -> เช่น เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
590.08 -> หรือแม้แต่ค่านิยม 12 ประการล่าสุด
593.16 -> ก็มีแต่บอกว่าหน้าที่ของประชาชนที่ดีต้องทำอะไรบ้าง
596.92 -> ไม่ชินเลยอะ
600.8 -> เมื่อฟอร์มวงกันเสร็จแล้ว
602.6 -> ชาวคณะราษฎรก็เริ่มเดินทางกลับประเทศสยามตามความจำเป็นของชีวิต
607.24 -> และเปลี่ยนไปติดต่อกันแบบลับๆ แทน
609.6 -> เริ่มจาก ปรีดี กลับสยามไปเป็นข้าราชการ
612.88 -> ใช้ทุนอยู่ในกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470
616.64 -> บางคนยังอยู่ในยุโรปต่ออีกสองสามปี
619.12 -> และมีการหาสมาชิกเพิ่มผ่านความสัมพันธ์ส่วนตัว
622.44 -> จนเจอคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กันเอาไว้เพิ่มอีก
627.68 -> เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มคณะก็มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น
630.96 -> เช่น ร.อ.สินธุ์ กมลนาวิน (หลวงสินธุสงครามชัย)
635.08 -> นายควง อภัยวงศ์ นายทวี บุณยเกตุ
637.8 -> ดร.ประจวบ บุนนาค ม.ล.อุดม สนิทวงศ์
641.08 -> นายบรรจง ศรีจรูญ และพระยาทรงสุรเดช
644.04 -> กับพระยาพหลพลพยุหเสนา นายทหารปืนใหญ่
647.4 -> ซึ่งถูกเลือกให้เป็นหัวหน้ากลุ่มคณะราษฎร
649.92 -> และให้พระยาทรงสุรเดช ผู้มีประสบการณ์เป็นคนวางแผนการที่จะยึดอำนาจ
656.88 -> แต่ถึงอย่างนั้นแล้วนะครับ
658.16 -> การปฏิวัติเปลี่ยนระบอบเก่าไปเป็นระบอบใหม่ ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใช้กำลัง
663.36 -> แล้วคนที่มีกำลังอยู่แล้วก็คือทหาร
666 -> แต่สำหรับคณะราษฎรนี้ เรียกได้ว่าแทบจะมือเปล่าเลยก็ว่าได้นะครับ
670.44 -> ทหารชั้นผู้ใหญ่โดยเฉพาะทหารบก ที่มีอยู่เพียง 4 คนด้วยกันนะครับ
674.56 -> ก็คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา
676.84 -> พระยาทรงสุรเดช พระยาฤทธิอัคเนย์
679.56 -> และพระประศาสน์พิทยายุทธ
681.12 -> โดยจำนวนของสมาชิกคณะราษฎรในช่วงก่อนการปฏิวัติ
684.6 -> นับตามความเป็นไปได้ ทุกสายสมาชิกนะครับ
687.32 -> ทั้งสายพลเรือนข้าราชการ
689.12 -> พ่อค้า ปัญญาชน และทหารเรือ ทหารบก
691.96 -> มีทั้งสิ้น 115 คน มากกว่าครึ่งหนึ่งมีอายุน้อยกว่า 30 ปี
697.72 -> ผู้ก่อการในแกนระดับนำมี 61 คนด้วยกัน
701.36 -> เป็นทหารบก 23 นาย
703.16 -> ทหารเรือ14 นาย
704.72 -> และพลเรือน 24 คน เท่านั้นครับ
711.44 -> ก่อนวันที่ 24 มิถุนายนเพียงไม่กี่เดือน
714.12 -> มีการประชุมลับๆ ที่บ้านของพระยาทรงสุรเดช
717.28 -> กับบ้านของ ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี
720.28 -> เฉพาะสมาชิกระดับนำประมาณ 10 คน
722.8 -> ประชุมกันเพียง 7 ครั้ง ซึ่งบันทึกหลายชิ้นก็ชี้ว่า
726.16 -> ช่วงนั้นข่าวกรองของทางการ เริ่มไหวตัวว่า
729.36 -> มีขบวนการที่พยายามจะก่อกบฏ
731.8 -> แต่ด้วยความที่ผู้ต้องสงสัย ไม่มีใครที่มีกำลังมากพอ
735.6 -> ทั้งในของเรื่องเงินทอง
737.16 -> หรือแม้แต่ทหารก็ไม่มีใครอยู่ในระดับสูงมาก
740.68 -> ไม่มีใครมีบารมีมากพอให้กังวล
745.48 -> แผนก่อการที่พระยาทรงสุรเดชตัดสินใจใช้ก็คือ
749.28 -> ในระหว่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 7 เสด็จไปพักผ่อนอยู่ที่วังไกลกังวล หัวหิน
754 -> จะใช้วิธีลวงให้ทหารออกมาเข้าร่วมกับฝ่ายตน
757.72 -> หรือพูดง่าย ๆ ก็คือจิ๊กทหารออกมาร่วมปฏิวัติ
761.68 -> โดยเฉพาะรถถัง รถหุ้มเกราะ
763.88 -> ที่ต่อมาก็กลายเป็นธรรมเนียมในการยึดอำนาจ
766.4 -> ว่าต้องเอาออกมาขับบนถนนในกรุงเทพ
768.88 -> ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ สี่แยกเกียกกาย
773.24 -> เป็นจุดหลักสำหรับปฎิบัติการ
775.2 -> ถ้าเอาออกมาไม่ได้ก็คงถือว่าล้มเหลว
782.4 -> ในการประชุมครั้งสุดท้ายนะครับ
784.08 -> มีการเล่าว่าฝ่ายพลเรือนในคณะราษฎรหลายคน
787.2 -> พยายามคาดคั้นพระยาทรงสุรเดช
789.64 -> ว่าตกลงแล้วจะมีกำลังพลออกมากี่คนกันแน่
792.96 -> พระยาทรงสุรเดชก็ตอบไม่ได้
795.48 -> และเก็บรายละเอียดการลงมือเอาไว้เป็นความลับจนนาทีสุดท้ายเลยทีเดียว
801.6 -> ฟังเนื้อหากันมาสักพักแล้วนะครับ
803.68 -> ถ้าชอบเรื่องราวที่เรานำมาเสนอ
805.96 -> ก็อยากจะชวนให้คุณผู้ชม
807.08 -> มาเป็นผู้สนับสนุนรายเดือนให้กับพวกเรา SpokeDark
810.24 -> ทาง Youtube Membership
811.48 -> ง่ายๆ ครับแค่กดที่ปุ่ม Join หรือปุ่มสมัคร ที่อยู่ใต้คลิปนี้ ข้างปุ่ม Subscribe
816.68 -> แล้วก็เลือกแพ็คเกจสำหรับการสนับสนุนรายเดือนได้เลยนะครับ
820.08 -> และคุณยังสามารถร่วมสนับสนุนเราได้
823.04 -> ผ่านทางบัญชีธนาคารที่ขึ้นอยู่ตรงนี้เลยนะครับ
828.52 -> ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง?
829.92 -> ไม่เปลี่ยนไม่ได้เหรอ ?
831.28 -> การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ จักรกลที่ผลักดันความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในตอนนั้น
836.36 -> เพราะอุตสาหกรรมทำให้เกิดผู้ผลิต เกิดเจ้าของปัจจัยการผลิต
839.8 -> และเกิดความต้องการแรงงานจำนวนมาก
842.08 -> หลายๆ ประเทศเริ่มตั้งคำถามกับระบอบเก่าที่ตัวเองอยู่มานาน
846.4 -> ซึ่งเทรนด์ก็คือ
847.48 -> ระบอบเก่าไม่สามารถปรับตัวเพื่อนำพาสังคมให้ไปรอดในโลกอนาคตได้
852.56 -> เมื่อทำไม่ได้หรือไม่ได้รับการไว้วางใจ
855.48 -> การผลักดันเพื่อการเปลี่ยนแปลงก็ตามมาครับ
858.28 -> และการเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่า
860.28 -> ต้องเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยเสมอไปด้วยนะครับ
862.8 -> เช่น ญี่ปุ่นทำการปฏิรูปเมจิช่วงปี พ.ศ. 2432 หรือ ค.ศ.1889
870.2 -> เปลี่ยนประเทศจากระบอบศักดินาของขุนนาง
873.2 -> หรือพวกไดเมียว
874.4 -> เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์โดยจักรพรรดิ
877.56 -> ขับเคลื่อนประเทศด้วยทุนนิยม
879.52 -> มุ่งหน้าเข้าสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจอุตสาหกรรม
882.68 -> จนเป็นชาติเอเชีย
884.16 -> แต่ชนะสงครามกับรัสเซียได้ ในปี พ.ศ. 2448 หรือ ค.ศ.1905
890.52 -> จากนั้นลัทธิบูชาทหารของญี่ปุ่นก็รุ่งเรืองขึ้นมาทันที
896.48 -> การปฏิวัติซินไฮ่ในประเทศจีนเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2454 หรือ ค.ศ. 1911
903.28 -> เป็นการปฏิวัติเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบกษัตริย์
906.4 -> ซึ่งมีมาหลายพันปี และเข้าสู่ยุคการแย่งชิงอำนาจอีกยาวนานกว่า 40 ปี
914.52 -> และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นะครับ
916.52 -> การเมืองในยุโรปก็ทวีความรุนแรง
919.04 -> เกิดการปฏิวัติรัสเซีย
920.8 -> พระเจ้าซาร์หมดอำนาจในปี พ.ศ. 2460 หรือ ค.ศ.1917
925.92 -> อีกหนึ่งปีต่อมา
927 -> ในออสเตรีย-ฮังการี ไกเซอร์ วิลเฮ็ล์ม ที่ 2
929.76 -> ก็ถูกขับไล่เช่นกัน
932.12 -> สองเหตุการณ์หลังเป็นสิ่งที่ส่งอิทธิพลกับการเมืองในสยามมาก ๆ
937.24 -> เห็นได้จากประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 มีช่วงหนึ่งระบุว่า
941.44 -> ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้
945.44 -> นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมัน
948.16 -> ซึ่งชนชาตินั้นได้โค่นบัลลังก์เสียแล้ว
952.8 -> สำหรับประเทศสยามนะครับ
954.28 -> ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาในปี พ.ศ. 2475 หรือปี ค.ศ. 1932
959.72 -> ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ระดับโลกแล้ว
961.8 -> ก็ถือว่าการเปลี่ยนแปลงมาช้าไปหลายสิบปีเลยทีเดียว
966.04 -> อีกแป๊บเดียวสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็จะปะทุขึ้นแล้ว
972.36 -> แล้วอย่าลืมว่าคณะราษฎรเกือบทุกคนไม่ว่าจะสายพลเรือนหรือสายทหาร
977.4 -> มีพื้นเพจากคนที่ถูกส่งไปเรียนต่อในโลกตะวันตกที่เจริญก้าวหน้า
981.76 -> และเสรีภาพเป็นเรื่องใหญ่
983.36 -> โดยเฉพาะยุโรป ทั้งฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ
986.76 -> ซึ่งในช่วงเวลาประมาณ ค.ศ. 1920
989.76 -> ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
992.4 -> ช่วงเวลานั้นความเจริญเริ่มกลับเข้ามาหาคนชนชั้นกลาง
996.12 -> ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
997.84 -> การผลิตที่เคยเน้นผลิตอาวุธสงครามก็เปลี่ยนมาผลิตรถยนต์จำนวนมาก
1002.12 -> เพื่อให้คนเข้าถึงได้
1003.72 -> พร้อมกับถนนที่เข้าถึงที่ห่างไกลมากขึ้น
1006.64 -> มีวิทยุ มีโทรศัพท์ตามบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ
1009.84 -> โดยเฉพาะวิทยุที่เริ่มแพร่หลาย
1012.32 -> เช่น ในอังกฤษ BBC Radio
1014.76 -> ที่เป็นสื่อสาธารณะก็เริ่มออกอากาศในช่วงนั้น
1017.44 -> โทรทัศน์ขาวดำก็เริ่มประดิษฐ์ในช่วงนั้นเช่นเดียวกันครับ
1032.2 -> พอเทคโนโลยีดี วัฒนธรรมก็เติบโตแพร่หลายในหมู่สามัญชน
1037.04 -> เช่น ดนตรีบลูส์ ดนตรีแจ๊ส ดนตรีของคนรากหญ้าดังกระหึ่มทั่วโลก
1042.56 -> ยุคนี้ยังเป็นยุคเริ่มเฟื่องฟูของภาพยนตร์
1045.96 -> ทำให้คนสามารถหาความบันเทิงได้ในราคาถูก มีให้ดูทุกวัน
1050.16 -> ตั๋วไม่แพงเหมือนละครเวที หรือ คอนเสิร์ตต่าง ๆ
1053.68 -> ภาพยนตร์เงียบดังสุด ๆ ในช่วงนี้เลยครับ
1056.32 -> ประเทศแบบเยอรมันกลายเป็นผู้นำเรื่องศิลปะภาพยนตร์เลยทีเดียว
1062.72 -> พอการเมืองดี
1063.8 -> รัฐก็เริ่มลงทุนในชนชั้นแรงงานที่เป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
1067.96 -> ช่วงปี ค.ศ. 1920
1070.28 -> กระแสสังคมนิยมกำลังมาแรง ในอังกฤษ
1072.6 -> พรรคแรงงาน ก้าวขึ้นมาสูสีกับพรรคอนุรักษ์นิยม
1075.96 -> มีการออกกฎหมายที่ขยายผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
1078.92 -> จาก 5 ล้านคน กลายเป็น 12 ล้านคน
1081.84 -> แต่ผู้หญิงก็ยังไม่ได้เลือกตั้งทุกคนอยู่ดี
1084.28 -> ทำให้มีความเท่าเทียมมากขึ้น
1086.48 -> มีกฎหมายสวัสดิการจ่ายเงินให้คนว่างงาน
1089.64 -> ประชากรมีกำลังซื้อบ้านเป็นของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
1093.04 -> เช่นเดียวกันกับประเทศสุดฮิตที่เจ้านายไทยสมัยนั้นนิยมส่งลูกหลานไปเรียน
1097.64 -> ก็คือเยอรมันที่ปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐ
1100.72 -> หรือที่เรียกว่า สาธารณรัฐไวมาร์
1103.16 -> แม้จะมีอายุสั้นไม่กี่สิบปีนะครับ
1105.32 -> แต่ก็มีความเป็นประชาธิปไตย
1107.24 -> มีการออกกฎหมายจำกัดชั่วโมงการทำงานที่ค่อนข้างเป็นสากล
1111.44 -> คือ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
1113.28 -> เริ่มมีสวัสดิการรัฐ
1114.6 -> ซึ่งนี่คือปี ค.ศ. 1919 หรือ พ.ศ. 2462
1120 -> ช่วงปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 6 เลยทีเดียว
1124.36 -> กลับมามองไปที่ระบอบการปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
1128.72 -> ตอนนั้นเราปกครองด้วยระบอบรัฐบรรณาการ
1131.6 -> หมายความว่าเราไม่ได้ปกครองหัวเมืองต่าง ๆ โดยตรง
1135.2 -> แต่เมืองต่างๆ ตกลงจะส่งบรรณาการให้เรา
1138.04 -> เพื่อเป็นการคุ้มครองนะครับ
1139.64 -> แต่พอในสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 5
1141.88 -> พระองค์ก็ปฏิรูปครั้งใหญ่
1143.64 -> ถือว่าเป็นการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เต็มตัว
1146.88 -> คืออำนาจอยู่กับพระองค์ทั้งหมด
1148.88 -> โดยบริหารงานราชการทั่วราชาอาณาจักรผ่านระบบราชการ
1153.32 -> ซึ่งนำความเจริญเข้ามาแบบก้าวกระโดดเลยนะครับ
1157.72 -> ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานก็เกิดขึ้น
1161.16 -> มีรถไฟ มีถนน
1168.36 -> แต่จนถึงปี พ.ศ. 2475
1171.08 -> ประเทศสยามก็ยังเป็นประเทศเกษตรกรรม
1173.76 -> ไม่สามารถก้าวข้ามไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมได้
1176.48 -> ความเจริญที่เข้ามาก็มีแค่จุด ๆ เดียว นั่นก็คือพระนคร
1180.4 -> ที่ทางของสยามก็คือการขายสินค้าเกษตรป้อนตลาดให้กับโลกอุตสาหกรรม
1185.64 -> ชาวนาคือฐานรากที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต
1189.16 -> และเรากำลังจะเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
1192.48 -> ที่เกิดขึ้นในปี 1930 ทั้ง ๆ แบบนี้ด้วย
1196.44 -> พอเรายังเป็นสังคมกสิกรรม
1198.48 -> ในขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเติบโต
1201.4 -> ที่ทางของสยามก็คือเป็นประเทศการส่งออกสินค้าเกษตร
1205.24 -> เช่น ข้าว แต่ปัญหาก็คือที่ดิน
1207.96 -> ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่สุดนั่นแหละ
1210.56 -> แล้วเจ้าของที่ดินจะเป็นใครไปได้นอกจากขุนนางเก่า
1213.96 -> ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
1215.4 -> ซึ่งล้วนแต่ถูกแต่งตั้งโดยคนกลุ่มเดียวที่ใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์
1221.52 -> ช่วงเวลานั้น นายคาร์ล ซิมเมอร์แมน นักวิชาการชาวอเมริกัน
1225.2 -> ที่ทางการของสยามเคยจ้างให้เข้ามาสำรวจระบบเศรษฐกิจ
1228.8 -> ก็พบว่าในภาคกลาง 36% ของชาวชนบท
1232.76 -> ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกินเลย
1235.44 -> และปี พ.ศ. 2472 ประชากรสยามมีประมาณ 11 ล้านคน
1240.64 -> ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่ไม่ใช่เล็ก ๆ แล้ว
1245.2 -> แต่การใช้สิทธิ์ หรือการมีปากมีเสียงเพียงอย่างเดียวของราษฎร
1249.32 -> ก็คือการถวายฎีกาให้พระเจ้าอยู่หัว
1252.12 -> เช่น เราเป็นชาวนา เรามีความเดือดร้อนในเรื่องภาษีอากร
1256.8 -> หรือที่ดินทำกิน
1258.12 -> เราสามารถถวายฎีกากับพระมหากษัตริย์ได้โดยตรง
1261.52 -> และจะมีข้าราชการตรวจสอบเรียกว่ากรรมการศาลฎีกา
1265.56 -> คอยคัดแยกฎีกาต่าง ๆ ให้เข้ากับความเดือดร้อนตามหมวดหมู่
1269.72 -> ถ้าไม่เข้าหมวดหมู่ ฎีกาของเราก็อาจจะไปไม่ถึงไหน
1275.44 -> ส่วนคนเขียนก็ต้องเขียนให้ถูกต้องตามที่ราชการกำหนด
1278.96 -> ต้องรู้ตัวเอาเองว่าเรื่องของตนเป็นเรื่องที่เดือดร้อนจริง ๆ
1282.52 -> ถึงจะต้องแจ้ง
1283.48 -> ใครแจ้งแล้วราชการบอกว่าเป็นความเท็จ คนแจ้งก็จะมีโทษไปอีก
1287.96 -> แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ ก็ยังเขียนอ่านไม่ได้
1290.68 -> ต้องพึ่งคนที่เรียกว่าพวกหัวหมอ
1293.12 -> ซึ่งเป็นทนายแบบจารีต
1295.52 -> หมายถึง ในยุคที่ยังไม่มีมหาวิทยาลัย
1298.28 -> คนที่มีความรู้ เขียนหนังสือได้บางคนมารับจ้างทำงานคล้ายทนายนั่นเอง
1303.04 -> หรือต้องพึ่งพาพวกผู้ใหญ่และหัวหน้าชาวนา
1305.96 -> เพื่อเขียนฎีกาขึ้นมา
1307.6 -> ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าปัญหานั้นจะได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจ
1315.12 -> ประกอบกับในยุคนี้นะครับ
1316.76 -> ยังไม่มีหลักฐานว่าราชการหน่วยงานไหนทำนโยบายพัฒนาการเกษตร
1321.56 -> ยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่าธนาคารเพื่อการเกษตร
1324.36 -> ที่คอยให้เกษตรกรกู้เงินเพื่อการประกอบอาชีพแบบในปัจจุบัน
1328.04 -> แต่กลับมีภาษีอากรทางตรงจำนวนมาก และทับซ้อนกันเอง
1332.2 -> เช่น มีอากรค่านาข้าว อากรนาเกลือ
1336 -> มีอากรสมพัตสร เป็นภาษีต้นไม้ที่ให้ผลผลิต
1339.8 -> และถึงจะเป็นช่วงที่เลิกทาสมานานแล้ว มีการยกเลิกค่าส่วย
1343.6 -> แต่ในยุคสยามใหม่นี้
1345.12 -> มีการเก็บเงินค่าที่เรียกว่า เงินรัชชูปการ
1348.36 -> ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6
1350.44 -> เป็นเงินอากรแบบหนึ่งที่ต้องจ่ายเกือบทุกคน
1353.36 -> ยกเว้นอาชีพทางศาสนา
1356.24 -> ทหาร ตำรวจ
1357.48 -> กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคนที่
1359.88 -> “ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า” ให้ไม่ต้องเก็บ
1363.04 -> โดยเขียนกฎหมายกำหนดไว้ว่า
1364.8 -> ชายฉกรรจ์ อายุ 18-60 ปี
1367.4 -> ต้องจ่ายเงินถวายหลวง 6 บาทต่อปี คล้ายกับส่วยที่ต้องจ่าย
1371.56 -> ถ้าไม่มาเกณฑ์เป็นทหารหรือเป็นแรงงาน
1374 -> ซึ่งมันก็คือส่วยเหมือนสมัยก่อนนี่เอง
1376.56 -> และด้วยความเป็นกฎหมายสมัยก่อน ก็ไม่มีการเขียนขยายความว่า
1380.48 -> ชายฉกรรจ์ที่ว่า
1381.68 -> หมายถึงผู้ชายทุกคนหรือเปล่า
1383.56 -> ปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่ในฐานที่เข้าใจกันเอง
1388.92 -> และไม่ว่าในสมัยไหนชาวนาก็จะมี 3 แบบด้วยกัน
1392.2 -> คือ หนึ่งชาวนาที่มีนาเป็นของตัวเอง
1395.8 -> สองชาวนาที่เช่านาเขาทำ
1398.2 -> ซึ่งมีจำนวนมากกว่าแบบแรก
1400.44 -> และแบบที่สามคือ คนที่เช่านาไม่ไหว
1403.32 -> อาจจะเพราะนาล่มหรือขาดทุนมากเกินไป
1406.28 -> ก็คือชาวนาที่ไม่มีอะไรเลย
1408.28 -> พอไม่มีเงินจะเสียภาษี
1409.84 -> สิ่งที่รัฐสยามจัดการกับคนที่ไม่มีเงินจ่ายภาษีก็คือ
1413.16 -> ยึดที่ดินขายทอดตลาด
1414.96 -> ถ้าไม่มีจริง ๆ
1415.8 -> ก็จะจับไปทำงานโยธา และคิดค่าแรงแทนจำนวนเงินภาษีที่ไม่ได้จ่าย
1420.68 -> คุณผู้ชมลองนึก ๆ ดูนะครับ
1422.24 -> สมมติไม่ยอมเสียภาษีเงินได้
1424.24 -> แล้วสรรพากรมาจับเราไปสร้างถนน ไปลอกท่อ
1427.36 -> โอ้โห แค่คิดก็จะเป็นลมครับ
1433.04 -> เมื่อต้องพึ่งตนเองและไม่มีสวัสดิการใด ๆ
1435.8 -> ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ราคาพืชตกต่ำ หรือโดนภัยธรรมชาติเล่นงาน
1440.04 -> สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่ต้องพยายามอดออมมากขึ้น
1443.68 -> หางานอื่นทำไปด้วย
1445.16 -> ชาวนาที่เดือดร้อนส่วนใหญ่
1446.96 -> ต้องนำลูกหลานไปฝากเป็นแรงงานตามบ้านคนรวย
1450.04 -> เพื่อขอกู้ยืมเงินมาทำนา
1451.92 -> หรือไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นอาชญากรไปเลย
1456.44 -> นี่แหละ ชีวิตที่ต่อรองอะไรกับใครไม่ได้
1459.48 -> อยากเปลี่ยนแปลงต้องถวายฎีกาเท่านั้น
1462.16 -> ฎีกาส่วนใหญ่ที่ปรากฏก็จะเป็นเรื่องไม่มีที่ดินทำกิน
1466.28 -> และที่มากที่สุดก็คือการขอลดหย่อนอากรค่านา
1470.4 -> ประโยคสุดฮิตก็คือ การเรียกพวกเจ้าของที่ดินว่าเป็นผู้ทำนาบนหลังคน
1475.8 -> หลายฎีกาที่เขียนแสดงให้เห็นว่าสมัยนั้น
1478.88 -> ก็มีปัญญาชนท้องถิ่นได้เขียนเพื่อช่วยหาทางออก
1482.36 -> เช่น อยากให้มีกองทุนกู้ยืมไปทำนา
1485.16 -> ขอให้ปรับปรุงการชลประทาน
1487.32 -> ขอให้หาทางขายข้าวต่างประเทศเพิ่มอีกจะได้ราคาข้าวดี ๆ
1491.48 -> บางคนก็ไปไกลถึงขั้นชี้แจงว่ารัฐต้องซื้อข้าวชาวนาทั้งหมด
1496 -> เพื่อเป็นการรับประกันให้ชาวนามีเงินทุนหมุนเวียน
1499.72 -> อ่านแล้วก็คุ้น ๆ กับสมัยนี้นะครับ
1502.04 -> เราคงเรียกว่าประกันราคาข้าวหรือจำนำข้าวแน่ ๆ เลย!
1508.32 -> ถ้ารัฐไม่มีเงิน บางคนก็บอกให้ออกใบบอนด์แบบเปลี่ยนมือผู้ถือได้
1513.52 -> ที่ทุกวันนี้เรียกว่าหุ้นกู้
1516.04 -> คือต้องการให้รัฐกู้เงินจากราษฎรและจ่ายดอกเบี้ยให้
1520.12 -> ถือว่าก้าวหน้ามาก ๆ นะครับ
1521.6 -> แต่ก็ถือว่าเป็นการขอให้แทรกแซงตลาด
1524.36 -> ซึ่งผู้ปกครองสยามมองในมุมเศรษฐกิจแบบเสรีมากกว่า
1527.88 -> เมื่อความต้องการขัดกัน
1529.4 -> เสียงเรียกร้องเหล่านี้
1530.68 -> ก็ถูกเก็บเข้าลิ้นชักไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์เฉย ๆ
1537.12 -> ในหลวงรัชกาลที่ 7
1538.68 -> ทรงขึ้นครองราชย์ก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกเพียงไม่กี่ปี
1543.12 -> ทรงขึ้นครองราชย์ในปี 1925
1545.88 -> The Great Depression เริ่มต้นประมาณปี 1929
1550.36 -> พระองค์ตระหนักในวิกฤตเศรษฐกิจโลก
1552.88 -> และความเดือดร้อนของประชาชน
1554.8 -> ทรงลดภาษีอากรนาถึง 20% เป็นเวลาหนึ่งปี
1558.68 -> เปลี่ยนไปขึ้นภาษีที่เก็บจากชนชั้นกลางแทน
1561.56 -> เช่น ภาษีรายได้
1563.08 -> ภาษีจากเงินเดือนหรือค่าจ้าง
1565.32 -> เก็บภาษีบ้าน ภาษีที่ดิน
1567.32 -> แต่ผู้มีรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของธุรกิจการค้า
1571.12 -> กลับได้รับผลกระทบน้อยสุด
1573.16 -> คนชั้นสูง เจ้านาย ขุนนาง พ่อค้าชาวต่างชาติ กลับได้รับผลกระทบน้อย
1578.24 -> ผลกระทบที่เป็นโดมิโนกลับไปโดนชนชั้นกลาง
1581.24 -> อาชีพราชการที่เคยมั่นคงก็ไม่มั่นคง
1584 -> เพราะเริ่มมีการปรับลดข้าราชการชั้นกลางและล่างมากขึ้น
1587.84 -> การที่รัฐบาลในตอนนั้นพยายามปรับดุลการคลัง
1590.88 -> โดยลดรายได้ของข้าราชการลงนี้
1593.6 -> ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงขั้นที่ว่า
1595.84 -> พระองค์เจ้าบวรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
1598.92 -> ทรงลาออกจากตำแหน่งในช่วงกลางปี พ.ศ. 2474
1603.12 -> ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
1605.68 -> สาเหตุเป็นเพราะท่านรู้สึกเสียหน้า ที่ไม่สามารถเลื่อนขั้น
1609.44 -> และขึ้นเงินเดือนให้นายทหารจำนวน 90 นายได้
1612.84 -> ความขัดแย้งนี้ทำให้พระองค์เจ้าบวรเดช ถึงกับถูกเพ่งเล็งว่า
1617.12 -> จะตัดสินใจอะไรที่เป็นภัยกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เลยหรือไม่
1621.76 -> ซึ่งนักประวัติศาสตร์ก็เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คณะราษฎร
1626.24 -> รอดพ้นการเพ่งเล็งและทำการยึดอำนาจสำเร็จ
1630.28 -> อย่างไรก็ดี เรื่องของพระองค์เจ้าบวรเดชยังมีต่อไป
1634.24 -> แต่จะขอเก็บไว้เล่าคลิปหน้านะครับ
1640.24 -> อย่างไรก็ตามครับ
1641.36 -> อาจจะเป็นการเคลมใหญ่เกินไปว่าความเดือดร้อนของประชาชนชั้นล่าง
1645.44 -> เป็นสาเหตุหลักในการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร
1649.2 -> เพราะ 2475 ไม่ใช่การปฏิวัติของชาวนาที่ลุกฮือขึ้นมาเปลี่ยนแปลงระบอบ
1654.72 -> เพราะคณะราษฎรส่วนใหญ่เป็นข้าราชการทั้งนั้น
1657.6 -> ปัญหาหลักน่าจะเป็นการกระจุกตัวของตำแหน่งทางการเมือง
1661.6 -> และตำแหน่งราชการระดับสูง
1663.48 -> สำนวนฝรั่งเค้าเรียกว่ามันมี Glass Ceiling
1666.56 -> หรือ เพดานกระจก ที่หนามาก
1668.56 -> Glass Ceiling หมายความว่า
1670.6 -> เป็นอุปสรรคที่ขวางอยู่เหนือหัว
1672.8 -> แม้มองไม่เห็น เพราะมันใส ๆ แบบแก้ว
1675.2 -> แต่เราจะไม่สามารถปีนขึ้นไปเกินจากที่ ๆ เรายืนอยู่ได้เลย
1681.76 -> ทั้งนี้ เพดานกระจกที่ว่าก็คือ ความไม่มีเชื้อสาย
1685.76 -> ความไม่ได้มีนามสกุลที่ถูกต้อง
1687.72 -> ความไม่มีคอนเน็คชั่นในแง่ครอบครัวสายเลือดนั่นเอง
1690.84 -> คนธรรมดาที่อยากเจริญก้าวหน้า
1693.16 -> ถึงแม้จะหลุดพ้นจากการเป็นชนชั้นล่าง
1695.36 -> ก็ต้องเข้าไปเป็นข้าราชการในระบบที่ตัวเองไม่มีวันได้เป็นใหญ่เป็นโต
1699.88 -> ไม่เหมือนกับคนที่มีเชื้อสายแต่กำเนิด
1701.92 -> ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ยิ่งเป็นข้าราชการระดับกลางยากขึ้นเรื่อย ๆ
1708.92 -> สำหรับคณะราษฎรสมาชิกที่เป็นสายพลเรือน
1712.16 -> เช่น ปรีดี พนมยงค์ ก็มีพื้นเพในลักษณะนี้
1715.28 -> คือเกิดในครอบครัวชนบท ที่หล่อหลอมให้เขามองเห็นปัญหา
1719 -> และขับเคลื่อนความคิดว่าถ้าผลประโยชน์ไปไม่ถึงคนทุกชนชั้น
1722.8 -> ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง
1725.68 -> ถ้าเราลองอ่านประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1
1728.64 -> ที่ปรีดีเป็นคนเขียน ก็จะสะท้อนเรื่องนี้ตรง ๆ
1732.04 -> ในท่อนที่บอกว่า ถึงคราวเสียเงินราชการหรือภาษีใด
1736.24 -> ถ้าไม่มีเงิน รัฐบาลก็ยึดทรัพย์หรือใช้งานโยธา
1741.84 -> แต่สำหรับสายทหาร ในคณะราษฎร
1744.48 -> มุมมองความเห็นอกเห็นใจชนชั้นล่างแบบสายพลเรือน
1747.76 -> อาจจะแตกต่างกันออกไปนะครับ
1749.6 -> แต่พวกเขาก็รู้สึกแบบเดียวกันว่า
1752.12 -> ระบบรวบอำนาจทำให้ชาติอ่อนแอ
1754.88 -> ประเทศไม่เสียดินแดนแต่ก็เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต
1758.52 -> แม้การค้าจะเจริญรุ่งเรือง
1760.4 -> แต่ผลประโยชน์กลับไม่กระจายออกไปมากพอ
1763.24 -> ชาวต่างชาติหรือคนในอาณัติของเจ้าอาณานิคม
1766.28 -> ก็ไม่ต้องขึ้นศาลไทยอีกต่างหากครับ
1768.36 -> พระยาทรงสุรเดชมีความเห็นในมุมทหารต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองว่า
1773.2 -> พวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แทบทั้งหมด
1775.32 -> มุ่งแต่ทำตัวให้โปรดปรานไว้เนื้อเชื่อใจจากพระเจ้าแผ่นดิน
1779.16 -> หรือ พระยาพหลฯ ก็คิดว่าพวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
1782.88 -> ทำอะไรตามใจเกินไป ไม่สนใจระดับล่างเลย
1786.48 -> ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่จะมีความคิดอยากเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
1790.12 -> แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก
1791.8 -> เพราะทหารชั้นผู้ใหญ่ก็ไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรที่ทำให้ตัวเองเสียผลประโยชน์
1796.52 -> และทหารชั้นผู้ใหญ่ก็ล้วนแต่สมาทานกับระบบอำนาจนิยมอย่างเต็มที่
1803.24 -> ภายในคณะราษฎรที่มีทั้งทหารและพลเรือน
1806.4 -> มีความเห็นร่วมกันแบบกว้าง ๆ
1808.44 -> เพียงว่าต้องให้มีการปกครองแบบ ราชาธิปไตยภายใต้กฎหมายเท่านั้น
1813.48 -> ไม่ได้มีอุดมการณ์การเมืองร่วมกันชัดเจน
1815.96 -> ถึงขนาดที่ว่าสยามต้องมีระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
1819.84 -> คอมมิวนิสต์ ทุนนิยม หรือจะเลือกตั้งกันอย่างไร
1822.84 -> พระราชอำนาจจะมีมากน้อยแค่ไหน
1825.2 -> และการคุยลงลึกถึงขั้นกำหนดเค้าโครงเศรษฐกิจให้ประเทศก็ยังไม่มี
1830.16 -> ซึ่งเจ้าเค้าโครงเศรษฐกิจก็จะเป็นเรื่องใหญ่ที่จะตามมาภายหลัง
1837.56 -> เช้าวันที่ 24 มิถุนายน
1839.6 -> สิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนั้น เอาเข้าจริง ๆ ก็เกิดจากการวางแผนที่ใจกล้ามาก ๆ
1845.4 -> คือการลวงทหารจากหน่วยต่าง ๆ
1847.8 -> ไปกองไว้ที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นพัน ๆ นาย
1851.84 -> โดยใช้วิธีให้ทหารทั้งหมดออกมา
1854.4 -> เพราะเข้าใจว่ามีการกบฏเกิดขึ้น
1857.32 -> โดยอาศัยแค่บารมีเท่าที่จะมีอยู่
1859.88 -> พระยาทรงสุรเดช พระยาพหลฯ และพระประศาสน์ฯ
1863.44 -> บุกเข้าไปในกรมทหารม้าที่ 1 แบบไม่ให้ใครตั้งตัว
1866.8 -> รีบเรียกทหารขึ้นรถ รีบขนปืน
1869.6 -> และนำขบวนรถเกราะออกมาในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
1873.48 -> สมทบกับทหารเรือที่ใช้วิธีเดียวกัน
1875.92 -> นอกจากนี้ยังมีนักเรียนนายร้อยที่พระยาทรงสุรเดชใช้ความเป็นอาจารย์นัดหมายไว้
1881.52 -> และทหารฝึกใหม่ในกรมทหารช่าง
1883.72 -> โดยไปบอกว่าให้ตื่นเช้ามาเข้าฝึกหัดที่จุดนัดหมายด้วย
1888.16 -> พระยาพหลฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ
1890.56 -> ได้ขึ้นเวทีและอ่านประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครอง
1894.04 -> ขอให้พระมหากษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย
1896.52 -> และกล่าวถึงข้อเสียของระบอบเก่าว่า
1899.08 -> เป็นระบอบที่ใครจะออกเสียงคัดค้านย่อมมิได้
1902.32 -> การปกครองแบบนี้
1903.52 -> จะปล่อยให้ประชาชนเผชิญกับเศรษฐกิจ
1905.84 -> และการภาษีโดยลำพัง และไม่ได้ทำให้บ้านเมืองดีขึ้นเลย
1910.72 -> อีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จก็คือ
1913.64 -> การมีองค์ประกัน หรือ การจับตัวประกันนั่นแหละ
1917.2 -> เพราะถ้าไม่มีองค์ประกัน ก็คงไม่มีเครื่องมือต่อรอง
1920.76 -> องค์ประกันอันดับหนึ่งที่ไม่มีไม่ได้ก็คือ
1923.52 -> กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
1925.68 -> ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในพระนครรองจากพระเจ้าอยู่หัว
1929.64 -> เพราะกรมพระนครสวรรค์นั้นเป็นผู้คุมกำลังทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร
1934.44 -> เคยดำรงตำแหน่งเป็นทั้งเสนาธิการทหารบก
1937.08 -> เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
1941.08 -> และดำรงตำแหน่งสุดท้ายคือ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
1945.24 -> ท่านมีศักดิ์เป็นคุณปู่ของอดีตผู้ว่า กทม. นะครับ
1948.28 -> หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร
1951.56 -> สรุปว่าวันนั้นมีการจับกุมบุคคลสำคัญ
1954.52 -> และเชิญเจ้านายมาประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคมทั้งสิ้น 25 คน
1959.48 -> ส่วนบทบาทของฝ่ายพลเรือนนะครับ
1961.32 -> ทั้งนายประยูร ภมรมนตรี
1963.16 -> นายควง อภัยวงศ์
1964.6 -> นายประจวบ บุนนาค
1965.88 -> ก็คือเข้ายึดกรมไปรษณีย์ ตัดสายโทรเลข
1969.32 -> ยึดการสื่อสารไว้เพื่อความได้เปรียบ
1971.56 -> ซึ่งกว่าข่าวจะไปถึงวังไกลกังวล ความได้เปรียบก็อยู่กับฝ่ายคณะราษฎรแล้ว
1981.68 -> ช่วงบ่าย
1982.68 -> คณะปฏิวัติเริ่มแจกจ่ายแถลงการณ์ที่นายปรีดี พนมยงค์เป็นผู้เขียนขึ้น
1987.56 -> สิ่งนี้เรียกว่า ประกาศคณะราษฎรฉบับที่หนึ่ง
1994.16 -> มีเนื้อหาย้ำเตือนว่าต่อไปนี้ประเทศสยาม
1997.64 -> เป็นประเทศของราษฎร ไม่ใช่ของใครเพียงคนหนึ่งอีกต่อไป
2004.52 -> การเปลี่ยนแปลงก็เสร็จสมบูรณ์
2006.48 -> เมื่อคณะราษฎรทำหนังสือกราบบังคมทูลในหลวงรัชกาลที่ 7
2010.48 -> พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
2012.56 -> อัญเชิญมาเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้กฎหมาย
2015.32 -> เมื่อพระองค์เห็นด้วยกับแนวทางการปกครองนี้
2017.92 -> และทรงแจ้งให้ทราบว่า
2019.2 -> พระองค์มีความตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงการปกครองอยู่เหมือนกัน
2022.64 -> โดยจะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ตามพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน
2030.84 -> ซึ่งก็สอดคล้องกับความเป็นจริงในสมัยของพระองค์นะครับ
2033.84 -> ที่เคยมีการทดลองร่างธรรมนูญการปกครองไว้แล้วอย่างน้อย ๆ ถึง 2 ฉบับ
2038.6 -> จากฝีมือที่ปรึกษาซึ่งเป็นชาวอเมริกันที่มารับราชการ
2042.28 -> แต่เนื้อหาทั้งสองฉบับก็ห่างไกลจากสิ่งที่คณะราษฎรนำขึ้นถวายมาก
2047.68 -> อย่างเช่น ในฉบับแรกที่มีร่างไว้แค่ 12 มาตรา
2051.2 -> โดยในมาตราแรก ระบุว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของพระมหากษัตริย์
2055.64 -> และอีกฉบับ แม้พูดถึงการเลือกตั้งไว้ก็จริง
2058.76 -> แต่นายกรัฐมนตรีก็ต้องมาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์
2063.16 -> และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครึ่งหนึ่ง
2065.52 -> พระมหากษัตริย์ก็ทรงแต่งตั้งเช่นกัน
2068.68 -> ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
2071.32 -> ที่อีกสองวันต่อในวันที่ 26 มิถุนายน
2074.28 -> พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับพระนคร
2077.4 -> มาประทับที่วังสุโขทัย
2079.2 -> คณะราษฎร 7 คนเข้าเฝ้าและถวายกฎหมายสองฉบับ
2083.04 -> คือกฎหมายนิรโทษกรรม และธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน
2088.4 -> พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยเพียงกฎหมายนิรโทษกรรมเท่านั้น
2092.92 -> สำหรับธรรมนูญการปกครองทรงลงนามในวันรุ่งขึ้น
2096.24 -> พร้อมตัวหนังสือต่อท้ายชื่อกฎหมายว่าเป็นฉบับชั่วคราว
2100.04 -> พร้อมพระราชบันทึกที่มีใจความว่า
2102.28 -> พระองค์อ่านและพบว่าคงไม่เห็นพ้องกับสิ่งที่หลวงประดิษฐมนูธรรมเขียนมา
2106.92 -> แต่เพราะเป็นกรณีฉุกเฉินจึงประกาศใช้เป็นการชั่วคราวไปก่อน
2110.72 -> โดยต้องหาโอกาสผ่อนผันและรับฟังเสียงประชาชนด้วย
2114.24 -> ในวันที่ 27 มิถุนายน 2475
2117.44 -> ก็มีการประกาศใช้ พ.ร.บ. ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว
2121.68 -> ซึ่งก็คือรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่เกิดขึ้นในสยาม
2125.32 -> ให้กำเนิดสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวจำนวน 70 คนที่มาจากการแต่งตั้งกันเอง
2130.76 -> สามารถแบ่งสัดส่วนกับกลุ่มอำนาจเก่าจนลงตัว
2133.76 -> เป็นส่วนคณะราษฎร 33 คน และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 32 คน
2138.64 -> กลุ่มนอกวงราชการ 5 คน
2141.28 -> สภาแห่งนี้ถูกกำหนดให้เลือกตั้งจำนวนครึ่งหนึ่งภายในหกเดือน
2146.16 -> และภายในสิบปีเมื่อประชาชนมีความรู้
2148.96 -> ถึงชั้นประถมมากกว่าครึ่ง จึงให้มีการเลือกตั้งทั้งหมด
2153.68 -> สภานี้มีประธานกรรมการราษฎร
2156.44 -> ซึ่งเทียบเท่านายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน
2159.16 -> ก็คือพระยามโนปกรณ์นิติธาดา
2161.64 -> ซึ่งจะนับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย
2164.72 -> หรือเรียกว่าเป็นนายกฯคนกลางก็คงไม่ผิด
2167.24 -> เพราะเป็นกลุ่มข้าราชการเก่าที่มีชั้นบรรดาศักดิ์ถึงพระยา
2170.92 -> และคณะราษฎรเองก็เชื่อมั่นว่าท่านเป็นคนหัวสมัยใหม่มากพอ
2175.24 -> เพราะได้รับการศึกษาจากต่างประเทศและมีความเป็นประชาธิปไตย
2179.08 -> ซึ่งพระยามโนปกรณ์นิติธาดา
2180.88 -> ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญด้วย
2185.08 -> โดยได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรขึ้นมาสำเร็จภายใน 6 เดือน
2189.36 -> และเป็นฉบับนี้เอง ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
2192.88 -> พระราชทานเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475
2200.56 -> โดยที่ความแตกต่างใหญ่ ๆ ระหว่างฉบับชั่วคราว และฉบับถาวร
2204.64 -> ก็จะเป็นในเรื่องพระราชอำนาจนั่นเอง
2207.24 -> ฉบับชั่วคราวในมาตรา 2 ผู้ใช้อำนาจแทนประชาชน
2211 -> คือ อำนาจ 4 ฝ่าย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสูงสุด
2214.64 -> อีกสามฝ่ายคือสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการราษฎร หรือ ฝ่ายบริหาร
2220.2 -> และศาล ต้องกระทำในนามของกษัตริย์
2222.88 -> แต่ถ้ากษัตริย์ไม่สามารถจะทำหน้าที่ได้ หรือไม่อยู่ในพระนคร
2226.72 -> ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการราษฎร ที่จะทำหน้าที่แทน
2230.28 -> และการกระทำใด ๆ ของกษัตริย์
2231.84 -> ต้องได้รับความยินยอมของคณะกรรมการราษฎรเสมอ
2236.04 -> ส่วนฉบับถาวรนั้น กำหนดไว้เพียงสั้น ๆ ในส่วนนี้ว่า
2239.76 -> อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
2242.04 -> โดยมีพระมหากษัตริย์ใช้อำนาจนั้น
2244.32 -> ส่วนที่กำหนดว่าห้ามผู้ใดฟ้องคดีอาญาต่อกษัตริย์
2247.8 -> คณะกรรมการราษฎรต้องเป็นผู้วินิจฉัย
2250.2 -> ก็เปลี่ยนเป็นว่าผู้ใดล่วงละเมิดมิได้แทน
2253.64 -> และต้องทรงเป็นจอมทัพสยาม
2255.84 -> ทรงมีอำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎร
2258.32 -> แต่ก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 90 วัน
2268.72 -> ไม่ว่าใครจะมองความสำเร็จของคณะราษฎรแบบไหน
2272.08 -> มองว่าทำไม่สำเร็จ ชิงสุกก่อนห่าม
2274.6 -> แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พระมหากษัตริย์ตกลงยินยอมให้จำกัดพระราชอำนาจ
2280 -> และไม่ว่าความขัดแย้งในสังคมไทยจะนำพาไปสู่การรัฐประหารโดยเผด็จการกี่ครั้ง
2285.36 -> เผด็จการก็ยังต้องใช้สภา ไม่ว่าสภานั้นจะมีความชอบธรรมหรือไม่
2289.8 -> แม้จะเป็นเหมือนอาหารปลอมในตู้โชว์ที่กินไม่ได้
2293.04 -> แต่ยังไงก็ต้องมีนั่นแหละ
2294.76 -> และไม่ว่าจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่กี่ครั้ง
2297.44 -> มาตราที่เขียนว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ก็ยังคงอยู่ครับ
2311.56 -> คลิปต่อไปเราจะมาคุยเรื่องคณะราษฎรกันต่อ
2314.96 -> ว่าความแตกต่างระหว่างปีกทหารและปีกพลเรือนคืออะไร
2318.68 -> และทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง
2320.52 -> และ 25 ปีของประเทศไทยภายใต้รัฐบาลของคณะราษฎรนั้นเป็นอย่างไร
2325.32 -> ติดตามมหากาพย์กันยาว ๆ ได้เลยนะครับ
2330.6 -> ถ้าคุณชอบคลิปความรู้นี้
2332.48 -> อยากจะชวนให้คุณผู้ชมนะครับ
2333.84 -> มาเป็นผู้สนับสนุนรายเดือนให้กับพวกเรา SpokeDark
2337 -> ทาง Youtube Membership
2338.24 -> ง่ายๆ ครับแค่กดที่ปุ่ม Join หรือปุ่มสมัคร ที่อยู่ใต้คลิปนี้ ข้างปุ่ม Subscribe
2343.44 -> แล้วก็เลือกแพ็คเกจสำหรับการสนับสนุนรายเดือนได้เลยนะครับ
2346.84 -> และคุณยังสามารถร่วมสนับสนุนเราได้
2349.8 -> ผ่านทางบัญชีธนาคารที่ขึ้นอยู่ตรงนี้เลยนะครับ

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=xxGpkfuld4M