
Toyota Alphard 2.5 Hybrid รถหรูระดับผู้บริหาร I โตโยต้านครพิงค์ Official
Toyota Alphard 2.5 Hybrid รถหรูระดับผู้บริหาร I โตโยต้านครพิงค์ Official
ยนตกรรมระดับผู้บริหาร ความสะดวกสบายระดับ First Class ต้องคันนี้ Toyota Alphard 2.5 Hybrid ราคา 4,019,000 บาท นครพิงค์ Review EP.47 พี่ตั้มขออาสาพาทุกท่านไปรีวิวเจาะลึกรอบคันเองครับผม
.
00:00 เริ่มรีวิว
00:27 เครื่องยนต์
00:57 ดีไซน์ภายนอกด้านหน้า
01:35 ดีไซน์ภายนอกด้านข้าง
02:22 ดีไซน์ภายนอกด้านท้าย
03:41 ห้องโดยสารตอนหน้า
07:26 ห้องโดยสารตอนหลัง
09:14 ความปลอดภัย
.
------------------------------
☎️—ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม—☎️
👉 สำนักงานใหญ่ โทร. 053 999 888
👉 สาขาสันทราย โทร. 053 999 666
👉 สาขาลำพูน โทร. 052 030 999
👉 Inbox Facebook : https://m.me/toyotanakornping.cm
👉 Line@ : @toyotanakornping
👉 หรือ http://line.me/ti/p/%40ufc4047
#toyota #โตโยต้านครพิงค์ #alphard #รีวิว
Content
0.9 -> ยนตกรรมระดับผู้บริหาร ความสะดวกสบายแบบ First class
4.904 -> ต้องคันนี้ Toyota Alphard 2.5 Hybrid
13.847 -> ด้านซ้ายมือของผม คือ Toyota Alphard
17.717 -> มีอยู่เพียงสีเดียว คือ สีขาวมุก ราคาอยู่ที่ 3,968,000 บาท
23.49 -> ถ้าติดตั้งอุปกรณ์เสริมเข้าไป ราคาจะอยู่ที่ 4,019,000 บาท
27.56 -> คันนี้เป็นเครื่องยนต์ขนาด 2,500 CC 150 แรงม้า
32.665 -> และที่สำคัญคันนี้ยังเป็นเครื่องยนต์แบบ Hybrid ด้วย
36.036 -> มีมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 3 ตัวด้วยกัน
38.304 -> ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ารวมกัน ให้กำลังสูงสุด 145 kW.
43.076 -> อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 15.9 กม./ลิตร
45.845 -> และเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ E-Four
48.214 -> ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ทำงานเป็นบางเวลา
52.118 -> มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT สำหรับเครื่องยนต์ Hybrid เช่นเดียวกัน
57.057 -> ดีไซน์ด้านหน้าจะไม่ใช้สัญลักษณ์โตโยต้า เพื่อเพิ่มความหรูหราให้มากขึ้น
61.928 -> และดีไซน์ด้านหน้าเป็นเหมือนหน้ากากขนาดใหญ่
64.998 -> ให้ความสวยงามและหรูหรามากขึ้น
67.233 -> คันนี้เราติดตั้งชุดแต่งเพิ่มให้ด้วย จะมีสเกิร์ตให้
71.805 -> ทำให้ตัวรถดูมีมิติและหรูหรามากขึ้น
76.509 -> ไฟหน้าเป็นแบบ Projector LED ทั้งไฟสูงและไฟต่ำ
80.513 -> รวมถึงไฟเลี้ยวเป็นแบบ Sequential คือ เป็นแบบไฟวิ่งให้ด้วย
85.251 -> ไฟตัดหมอกก็มีมาให้เป็นแบบ LED เช่นเดียวกัน
88.855 -> กระจกด้านหน้าจะมีสีเขียวเล็กน้อย เพราะเป็นกระจกตัดแสงให้เรียบร้อย
93.693 -> ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
97.73 -> และด้านหลังเป็นแบบ Double wishbone พูดง่ายๆ คือ เป็นอิสระทั้ง 4 ล้อ
102.535 -> มาพร้อมกับล้อแม็กขนาดใหญ่ขอบ 17 นิ้ว
105.605 -> พร้อมกับขนาดหน้ายาง 225/60 R17 และเป็นยาง BluEarth
109.876 -> ต้องบอกเลยว่าเป็นยางประหยัดน้ำมันด้วย
111.678 -> สำหรับด้านข้างเราจะมีกระจกบริเวณนี้ เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็น
116.683 -> และเป็นแบบกระจกตัดแสงด้วยเช่นเดียวกัน
119.552 -> และกระจกมองข้างเป็นสีเดียวกับตัวรถ และมีไฟเลี้ยวที่กระจกมาให้
123.69 -> ด้านล่างจะมีกล้อง PVM หรือ กล้องมองรอบคัน 360 องศา มาให้
128.428 -> กระจกด้านข้างบริเวณนี้เป็นแบบ Privacy glass
131.03 -> จะเป็นสีชามาให้เรียบร้อยจากโรงงาน
133.9 -> เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสารนั่นเอง
136.369 -> ประตูทั้งด้านซ้ายและขวาเป็นแบบไฟฟ้า ส่วนประตูฝั่งคนขับเป็นแบบธรรมดา
141.708 -> สำหรับด้านท้ายของ Toyota Alphard คันนี้ มีฟังก์ชันมาให้ครบครัน
148.581 -> ไม่ว่าจะเป็นไฟท้ายที่เป็นแบบ LED รวมถึงไฟตัดหมอกด้านหลังก็เป็น LED
154.454 -> ไฟเลี้ยวทั้งด้านซ้ายและขวาเป็นแบบ Sequential คือ เป็นแบบไฟวิ่ง
158.725 -> และเรามีเซ็นเซอร์ด้านท้ายให้ถึง 4 ตำแหน่ง
163.229 -> รวมถึงไฟเบรกดวงที่ 3 ก็เป็นแบบ LED
166.099 -> และเรามีกล้องมองภาพด้านหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
168.868 -> ชิ้นนี้เป็นสปอยเลอร์ด้านหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
172.705 -> และมาพร้อมกับสัญลักษณ์ Hybrid Synergy Drive และ E-Four
176.009 -> อย่างที่บอกไปเป็นรถ Hybrid ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่อง 2,500 CC
180.346 -> ด้านหลังมีสเกิร์ตให้ทั้งด้านซ้ายและขวา
184.517 -> ทำให้ตัวรถดูมีมิติและสวยงามมากขึ้น
187.12 -> และอีกหนึ่งจุดเด่น เราติดตั้งเซ็นเซอร์สำหรับเตะเปิดฝาท้ายมาให้
198.464 -> เตะเปิดฝาท้ายได้ด้วยการใช้เท้า
201.167 -> ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เราติดตั้งมาให้เพิ่มเติม
204.704 -> เบาะทั้ง 2 ตำแหน่ง สามารถที่จะพับและยกแขวนได้ทั้งซ้ายและขวา
210.276 -> เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บของหรือสัมภาระได้
213.713 -> มียางอะไหล่มาให้เป็นแบบล้อแม็กด้วย
216.049 -> สามารถที่จะนำมาใช้งานเปลี่ยนได้ ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น
221.621 -> พวงมาลัยคันนี้เป็นแบบหนังนุ่มมาพร้อมกับลายไม้
224.691 -> พวงมาลัยเป็นแบบ EPS ขับที่ความเร็วต่ำพวงมาลัยจะมีน้ำหนักเบา
229.963 -> แต่ถ้าขับที่ความเร็วสูงขึ้น พวงมาลัยจะหนักและหน่วงขึ้น
232.632 -> ด้านขวามือของผมจะเป็นปุ่มควบคุมหน้าจอ MID
236.169 -> ด้านซ้ายมือเป็นปุ่มควบคุมเครื่องเสียง รับ-วาง สายโทรศัพท์จากพวงมาลัย
241.841 -> หน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบ Optitron คือ แบบเรืองแสงนั่นเอง
245.845 -> กระจกมองหลังเป็นแบบดิจิทัล ปรับแสง ความสว่างได้
250.783 -> หรือปรับมุมมองต่างๆ ได้ เช่น ขึ้น-ลง
253.92 -> กล้องบันทึกภาพด้านหน้าและหลัง เรามีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
257.957 -> เซ็นเซอร์นี้ คือ เซ็นเซอร์ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
261.427 -> และเซ็นเซอร์นี้ คือ เซ็นเซอร์เสาสัญญาณทีวีดิจิทัลนั่นเอง
267.5 -> ด้านบนตรงนี้เป็น Sun roof สามารถเปิดได้
271.504 -> จุดนี้เป็นลักษณะของการเปิดระบายความร้อน เป็นการเปิดเฉยๆ
275.341 -> สำหรับหน้าจอเครื่องเสียงมีขนาดที่ใหญ่และมองเห็นได้อย่างชัดเจน
280.013 -> โดยหน้าจอเครื่องเสียงมีขนาดถึง 10.5 นิ้ว
283.65 -> พร้อมติดตั้งระบบนำทางเข้ามาให้เป็นแบบ Build in
286.986 -> รองรับ Apple CarPlay, Miracast
290.356 -> มีกล้อง PVM หรือ กล้องมองรอบคัน 360 องศา
293.426 -> กล้องจะมองเห็นเป็นลักษณะของตัวรถ มองเห็นรอบคันเลยเช่นเดียวกัน
298.064 -> มีการเชื่อมต่อ HDMI ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่จะส่งผลให้จอดด้านหลัง
305.238 -> สามารถดูทีวี ที่เป็นทีวีดิจิทัลได้ด้วย
309.108 -> และในคอนโซลด้านหน้ามีช่องสำหรับใครที่ต้องการใส่แผ่น CD ภาพยนต์
315.948 -> สามารถที่จะใส่และรับชมภาพยนต์ได้เช่นเดียวกัน
318.685 -> แต่ที่สำคัญติดตั้งลำโพง JBL มาให้ถึง 17 ลูก เลยด้วยกัน
323.323 -> รับรองว่าเสียงกระหึ่มทั้งคันแน่นอน
325.758 -> เครื่องปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติและมี Nano e ให้ด้วย
329.062 -> และอุณหภูมิสามารถปรับแยกได้ถึง 3 โซน
333.199 -> ผู้โดยสารตอนหน้าและหลังต้องการอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
337.47 -> สามารถที่จะปรับอุณหภูมิแยกได้จากห้องโดยสารตอนหน้าเช่นเดียวกัน
341.174 -> เกียร์เป็นแบบ E-CVT และเป็นแบบ Sequential คือ บวก-ลบ
346.012 -> สามารถขับได้เหมือนเกียร์ธรรมดา
347.747 -> และคันนี้เป็นเบรกมือไฟฟ้าด้วย
351.384 -> สำหรับที่วางแขนตรงนี้มีความพิเศษ สามารถเปิดได้ทั้งซ้ายและขวา
355.688 -> ผู้โดยสารตอนหน้าต้องการเปิด ก็กดปุ่มตรงนี้ ฝาก็จะเปิดขึ้น
359.826 -> ผมอยากที่จะเปิดฝา ผมก็กดปุ่มในด้านนี้ก็จะสามารถเปิดยกฝาได้
363.496 -> ในกล่องนี้ก็จะมี wireless charger หรือที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
367.367 -> เมื่อยกออกก็จะเป็นช่องเก็บของต่างๆ
370.002 -> ภายในจะมีช่องสำหรับเชื่อมต่อ USB และช่องจ่ายไฟ 12V ให้สำหรับใช้งาน
375.675 -> เบาะภายในมีเพียงสีครีมสีเดียวและเบาะเป็นลักษณะหนังพิเศษนั่งนุ่มมาก
381.247 -> เบาะของผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้าแค่ 4 ทิศทาง
386.352 -> แต่ว่าจะมีที่รองน่อง สามารถที่จะปรับได้
390.456 -> มีมาพร้อมกับ Ventilation seat และ Heater
394.193 -> คือ เบาะสามารถที่จะเป็นเบาะเย็นหรือทำความร้อนขึ้นมาได้ด้วย
398.564 -> ส่วนเบาะของผู้ขับขี่เป็นแบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
402.568 -> คือ เลื่อนหน้า-หลัง, ปรับสูง-ต่ำ และยกบริเวณต้นขาขึ้น
405.872 -> รวมถึงเบาะของผู้ขับขี่จะมีระบบจดจำตำแหน่งของการขับขี่
411.477 -> ได้ถึง 3 ตำแหน่ง พร้อมตำแหน่งของกระจกมองข้างด้วย
414.313 -> และอีกหนึ่งอย่างคือมี Ventilation seat และ Heater
420.453 -> รวมถึงเวลาเราติดเครื่องยนต์ เบาะจะมีการเลื่อนเข้า-ออก
425.625 -> เพื่อการเข้าออกตัวรถที่สะดวกสบายมากขึ้น
427.627 -> อย่างเช่น ตอนนี้ผมไม่ได้ติดเครื่องยนต์
429.729 -> แต่ถ้าผมติดเครื่องยนต์ เบาะตำแหน่งที่ผมนั่งจะเลื่อนขึ้นทันที
436.102 -> เบาะจะปรับเคลื่อนที่ให้
438.07 -> ถ้าเวลาผมดับเครื่องยนต์ เวลาผมดับเครื่องยนต์เบาะจะเลื่อนออก
442.408 -> เพื่อให้ผมเปิดประตูขึ้น-ลง ตัวรถได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
446.145 -> ตอนนี้อยู่ในห้องโดยสารตอนหลัง
449.315 -> เบาะ 2 ตัวนี้มีที่รองน่อง ปุ่มควบคุมอยู่ทางด้านนี้
453.085 -> กดขึ้นมาที่รองน่อง เบาะที่ผมนั่งก็มีเช่นเดียวกัน
457.156 -> เบาะตัวนี้สามารถที่จะปรับเอนได้ ปรับเอนแบบไฟฟ้า
461.627 -> หัวหมอนสามารถที่จะปรับได้ เวลาที่เรานั่งก็จะรู้สึกสบายมากขึ้น
466.165 -> เรามี Heater มาให้ กดเข้าไปได้เลย จะมีไฟอยู่ 2 จุด คือ ร้อนมากหรือน้อย
472.138 -> ปุ่ม 2 ตัวนี้ คือปุ่มที่เรียกว่า Air Lumba
475.808 -> จะเป็นลมพ่องไปมานั่งแล้วรู้สึกสบายมากขึ้น
479.011 -> เวลาคุณนั่งระยะทางไกลๆ หรือนั่งไปนานๆ คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย
483.316 -> จุดนี้เรามีที่วางแขนให้ สำหรับวางแก้วน้ำ
486.152 -> บนหลังคาเรามีปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศที่เป็นแบบอัตโนมัติ
490.323 -> ในทุกตำแหน่งที่นั่งจะมีช่องสำหรับเครื่องปรับอากาศหรือลมออก
494.66 -> และในทุกตำแหน่งที่นั่งจะมีไฟสำหรับอ่านหนังสือมาให้ทุกที่นั่ง
501.2 -> สำหรับรถคันนี้เรามีไฟ Ambient light สามารถปรับสร้างบรรยากาศได้
506.239 -> รวมถึงถ้าใครอยากจะเปิด Sun roof ก็สามารถเปิดได้จากปุ่มนี้เช่นเดียวกัน
511.911 -> สามารถเปิด-ปิด ได้ด้วยตนเอง
513.212 -> หรืออยากจะเปิดเพียงแค่นี้ ไม่อยากให้ลมหรืออากาศร้อนมากเข้ามา
518.751 -> สามารถที่จะเปิดแค่ตัวฝ่าแบบนี้และเปิดเป็นกระจกแบบนี้ก็ได้
523.022 -> จุดนี้คือจอขนาด 13.3 นิ้ว จะมีรีโมทอยู่ 2 ตัว
528.127 -> ใช้ควบคุมในเรื่องของเครื่องเสียงตอนหน้า และควบคุมในเรื่องของทีวี
534.667 -> เรามีความบันเทิงให้ คือ มีทีวีดิจิทัลให้ด้วย
538.304 -> ซึ่งในระหว่างที่ฟังสามารถที่จะแยกเสียงได้ เช่น
542.275 -> ผู้ขับขี่ต้องการที่จะฟังเพลง สามารถให้เพลงดังเฉพาะโซนด้านหน้าได้
549.215 -> ส่วนด้านหลังอยากจะดูทีวี ให้เสียงออกเฉพาะในส่วนด้านหลังได้เช่นเดียวกัน
554.42 -> ในส่วนของความปลอดภัย คันนี้มีมาให้อย่างครบครัน
561.661 -> ไม่ว่าจะเป็นระบบ Toyota Safety Sense
563.296 -> รวมถึงมีถุงลมนิรภัยให้มากถึง 9 ลูก
566.999 -> และระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่มีมาให้อย่างจัดเต็ม
570.703 -> VSC, ABS, EBD ทุกอย่างมีให้ครบสำหรับคันนี้
574.874 -> ซื้อคันนี้ไปรับรองว่าปลอดภัยคุ้มค่าแน่นอน
578.21 -> ระบบ Hybrid ของเรารับประกันให้ 5 ปี
580.58 -> และแบตเตอรี่ Hybrid เรารับประกันให้ถึง 10 ปี
583.683 -> รถคันนี้รับประกันให้ 5 ปี หรือ 150,000 กม.
587.186 -> สามารถที่จะใช้กันได้ยาวๆ สบายหายห่วงเลย
591.023 -> และรองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน T-Connect ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
595.695 -> สามารถที่จะค้นหาตำแหน่งตัวรถ หรือขอความช่วยเหลือได้
598.898 -> ในกรณีที่รถของคุณเกิดปัญหาระหว่างการเดินทาง
601.734 -> คิดถึงรถแบบนี้คิดถึงที่ไหน ต้องคิดถึง โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่
604.971 -> สำนักงานใหญ่ แยกแม่เหียะ
606.906 -> สาขาสันทราย แยกลิขิตชีวัน ทางไป ม.แม่โจ้
609.675 -> และสาขาลำพูน แยกเทคโนโลยีหมู่บ้านครู
611.877 -> ถูกใจไหม ถ้าถูกใจฝากกดไลก์ กดแชร์ กดติดตามไว้ด้วย
615.748 -> จะได้ไม่พลาดการติดต่อ
616.949 -> วันนี้ขอตัวนั่งสบายๆ ดูทีวีไปในรถ และแอร์เย็นๆ
622.521 -> กับ Toyota Alphard 2.5 Hybrid คันนี้
626.959 -> บ๊ายบาย สวัสดีครับ
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=zzXkZZFWccg